เสี่ยวลู่จ้องมองอย่างไม่ละสายตา มือของเย่จิ่งหานที่ถือถ้วยน้ำชาอยู่สั่นไหวเบาๆ เขาเคยเห็นยาวิเศษมาไม่น้อย ทว่ากลับไม่เคยเห็นยาวิเศษจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้เป็นชาวเขาตานหุย แต่ก็ยากที่จะหามาได้มากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ได้กลิ่นพลังปราณที่เข้มข้นเหล่านั้น พวกเขาก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว ราวกับจะทำลายขีดจำกัดได้อย่างราบรื่น ยาชนิดใดกันใด ถึงได้สามารถแผ่ซ่านพลังปราณเข้มข้นขนาดนี้ออกมาได้ เสี่ยวลู่หยิบขึ้นมาหนึ่งขวด เปิดจุกขวดออก ก่อนจะมุ่นคิ้วเล็กน้อย "ยาชำระไขกระดูก ? แม้จะเป็นเพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่ดีที่มีปริมาณมาก ก็นับว่าไม่เลว" กู้ชูหน่วนท้าวคาง หางตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม "ขายได้หรือไม่" กู้ชูหน่วนเขินที่จะพูด ยาชำระไขกระดูกเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นยาที่นางใช้เศษยาเหลือทิ้งกลั่นออกมาเล่นๆ เดิมทีนางตั้งใจจะทิ้งทั้งหมด แต่มาคิดๆ ดู ถือเสียว่าได้ลองซ้อมมือ และถือเป็นการไม่ใช้วัสดุอย่างสิ้นเปลืองด้วย "ย่อมได้แน่นอน แต่ลานประมูลของพวกเราจะเก็บค่านายหน้าสองส่วน เรื่องนี้แม่นางกู้คงรู้อยู่กระมัง" "ก่อนหน้ายังไม่รู้ ตอนนี้รู้แล้ว พี่เสี่ยวลู่ ข้าเห็
เย่จิ่งหานยื่นมือออกไปขวางร่างอรชรอ้อนแอ้นของเสี่ยวลู่ ให้นางรักษาระยะห่างกับกู้ชูหน่วน เสี่ยวลู่ทำเป็นแง่งอน "แม่นางกู้ ดูสามีท่านสิ ช่างดีกับท่านเหลือเกิน เสี่ยวลู่อิจฉายิ่งนัก เมื่อไหร่ท่านจะแนะนำบุรุษเช่นนี้ให้เสี่ยวลู่สักโหล" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว แนะนำบุรุษให้สักโหล ? นี่มันคำพูดของยุคปัจจุบันไม่ใช่หรือ ทำไมเสี่ยวลู่ก็พูดแบบนี้ด้วย บังเอิญ หรือว่า...? กู้ชูหน่วนอ้อมเย่จิ่งหานไป กระพริบตาให้เสี่ยวลู่ปริบๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "พี่เสี่ยวลู่ ไม่เช่นนั้น ข้ายกสามีข้าให้ท่านดีหรือไม่" "อย่าเลยๆๆ เสี่ยวลู่ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนานๆ รูปงามเช่นนี้ ข้าไม่มีวาสนานั้นหรอก" คนที่อยู่รอบข้างต่างก็ตกตะลึง สองคนที่สวมหน้ากากอยู่นั้นคือผู้ใดกันแน่ ถึงได้ทำให้เสี่ยวลู่ที่เป็นคนของลานประมูลเฟิงเซียงปฏิบัติด้วยต่างออกไปเช่นนี้ ทั้งยังมีท่าทีสนิทสนม เจ๋ออ๋องก็มาแล้ว เขาอยู่ในห้องพิเศษ เห็นภาพเหตุกาณ์ด้านล่างทั้งหมดแล้ว เพียงแค่แวบแรก เขาก็จำกู้ชูหน่วนได้ทันที รูปร่างที่สมบูรณ์แบบเกินผู้ใดเช่นนั้น นอกจากกู้ชูหน่วน ก็ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว เพียงแต่ชายสวมหน้ากากที่อยู่ข้างกายน
บนท้องถนนที่คนพลุกพล่าน ชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงกัน พวกเขาสวมหน้ากาก ทำให้ไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง แต่รัศมีที่เปล่งประกายออกมาโดดเด่นเกินผู้คน รูปร่างสูงโปร่ง ทั่วทั้งร่างแผ่นซ่านความสูงส่งไม่อาจล่วงเกิน เหล่าชาวบ้านที่ผ่านไปมาต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองพวกเขาจนลับตา ทันใดนั้น บนท้องถนนที่คึกคักพลันมีเสียงกระซิบกระซาบด้วยความตกตะลึงดังขึ้น เข้าหูชายหญิงคู่นั้นอย่างชัดเจน "ได้ข่าวมาหรือยัง วันนี้ลานประมูลเฟิงเซียงจะมีงานประมูลขนาดใหญ่ จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วยามนี้เอง" "จริงหรือ ก่อนหน้านี้ลานประมูลเฟิงเซียงบอกว่าจะจัดงานประมูล ปรากฏว่าเลื่อนเวลาออกไปสิบวันเต็มๆ เลื่อนออกไปสิบวันยังพอว่า ต่อมายังยกเลิกงานประมูลแบบไม่มีสาเหตุ บอกว่ารอการยืนยัน ผู้คนมากมายได้ข่าวว่าจะมีงานประมูลเฟิงเซียง ก็รีบเดินทางมาจากหลายที่ แต่กลับไม่มีงานใดให้เข้าร่วมเลย ครั้งนี้ ลานประมูลเฟิงเซียงจะเลื่อนอีกหรือไม่" "ข้าคิดว่าคงไม่แล้วกระมัง หน้าประตูใหญ่ของลานประมูลเฟิงเซียงมีผู้คนล้นหลาม รวมตัวกันแน่นขนัด ทั้งยังมีสาวรับใช้ของลานประมูลมาคอยต้อนรับอยู่ด้วย" "พูดไปก็แปลก ก่อนหน้านี้เมื่อประกาศเวลาของงานป
กู้ชูหน่วนจ้องมองม้วนหนังแกะโบราณ พลางแสดงการเปลี่ยนแปลงของตาราเก้าช่อง เชื่อมโยงและปรับเปลี่ยนอยู่สองวัน สุดท้ายก็ไขความหมายที่บันทึกอยู่ในม้วนหนังแกะได้อย่างคร่าวๆ ในม้วนหนังแกะโบราณมีข้อมูลของแก้วมังกรอยู่จริง แต่การจะได้แก้วมังกรมา ต้องไปที่เขาตานหุย ยอดเขากุยอวิ๋น และศูนย์บัญชาการของเผ่าหมอเสียก่อน กู้ชูหน่วนอยากจะไขความหมายต่อ แต่ม้วนหนังแกะโบราณบันทึกไว้เพียงแค่ที่ตั้งของสถานที่สามแห่ง และชื่อคนหนึ่งคน สาเหตุที่บันทึกชื่อบุคคลนี้ไว้ ก็เพราะเขาเป็นคนทิ้งม้วนบันทึกหนังแกะโบราณเอาไว้ กู้ชูหน่วนมึนงง นี่มันข้อมูลอะไรกัน อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แค่ศูนย์บัญชาการเผ่าหมอที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น นางจะเข้าไปที่นั่นทำไม แล้วข้อมูลที่เกี่ยวกับแก้วมังกรคืออะไรกันแน่ กู้ชูหน่วนคิดแล้วคิดอีกแต่ก็ยังไม่เข้าใจ แต่เพื่อเผ่าอวี้ นางทำได้เพียงแค่ต้องกลับไปดูที่เผ่าหมออีกสักรอบ "ก๊อก ก๊อก..." เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก "เข้ามา" กู้ชูหน่วนรีบลบตารางเก้าช่อง มองไปทางเย่จิ่งหานที่เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าอมยิ้มเล็กน้อย "ท่านมาได้อย่างไร" "เจ้าอยู่ในห้องมาหล
กู้ชูหน่วนชะงักงัน "มอบให้ข้า ?" นางได้ยินไม่ผิดใช่ไหม "ใช่ มอบให้เจ้า" มุมปากของเย่จิ่งหานอมยิ้มจางๆ กู้ชูหน่วนตื่นเต้นดีใจ รีบรับม้วนหนังแกะโบราณมาแล้วเริ่มเปิดดูทันที ในม้วนหนังแกะโบราณ นอกจากสัญลักษณ์บอกพิกัดที่ถี่ยิบแล้ว ยังมีตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ไม่อาจหาความเชื่อมโยงกันได้อีกหลายตัว เหตุใดเมื่อมองไป ไม่รู้เลยว่าม้วนหนังแกะโบราณต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ นางกำลังคิดเริ่มศึกษาค้นคว้า แต่กลับเห็นสายตาค้นหาคู่หนึ่งเอาแต่จ้องมาที่นางตลอด ราวกับจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่ง กู้ชูหน่วนข่มความตื่นเต้นและสงสัยใคร่รู้ภายในใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะถามด้วยท่าทางตกตะลึง "ท่านอ๋อง สัญลักษณ์เหล่านี้คือสิ่งใดกัน เหตุใดข้าดูไม่ออกเลย" "ข้าเองก็ไม่เข้าใจ" เย่จิ่งหานเก็บทุกรายละเอียดท่าทางของนาง พลางตอบนิ่งๆ เขาทำการศึกษาค้นคว้าม้วนหนังแกะโบราณอยู่หลายวัน คิดหาหนทางนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังดูไม่ออก ว่าด้านในมีความลับอะไร สัญลักษณ์เหล่านี้ก็ไม่มีผู้ใดเข้าใจ เพราะเช่นนี้ เขาถึงได้นำมาให้กู้ชูหน่วน อยากจะเห็นว่ากู้ชูหน่วนรู้หรือไม่ว่าสัญลักษณ์เหล่านั้นหมายความถึงสิ่งใด
"ให้หมอหลวงตรวจหน่อย ข้าจะได้สบายใจ" "เห็นตาแก่พวกนั้นแล้วข้าก็หงุดหงิด ไม่อยากจะเห็น" กู้ชูหน่วนหันหน้าไปอีกทาง "ได้ เช่นนั้นก็ไม่ตรวจแล้ว หากเจ้าไม่สบายที่ใดก็บอก" "ได้ ตอนนี้ข้าหิวแล้ว" "ข้าจะป้อนโจ๊กให้เจ้า" "ได้" บ่าวรับใช้ที่รออยู่ด้านข้างพากันงงเป็นไก่ตาแตก ไม่กี่วันก่อน ท่านอ๋องกับพระชายายังทะเลาะกันเสียงดังลั่น เขาถูกพระชายาเล่นงานเสียจนเดือดร้อนขนาดนั้น นี่เพิ่งจะผ่านไปกี่วันเอง ท่านอ๋องกลับมาดีกับพระชายาเช่นนี้อีกแล้วหรือ พวกเขาคิดว่า พระชายาระเบิดจวนอ๋องไปตั้งหลายจุด แม้แต่เรือนหน่วนก็โดนระเบิดไปแล้ว ท่านอ๋องจะต้องมาสะสางกับพระชายาเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่า... หากไม่ได้เห็นกับตา พวกเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ว่าท่านอ๋องเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ จะโปรดปรานเอ็นดูภรรยาอย่างไร้ขอบเขตเช่นนี้ ชิวเอ๋อร์เห็นเย่จิ่งหานป้อนกู้ชูหน่วนอย่างอ่อนโยนทีละคำๆ ก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งไม่ได้ ยังดีที่ท่านอ๋องไม่โกรธ คุณหนูกับท่านอ๋องคงจะคืนดีกันแล้วกระมัง "ท่านอ๋อง เมื่อหลายวันก่อนข้าทำกับท่านเช่นนั้น ท่านไม่โกรธแล้วหรือ" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นไป ตากลมโตใสบริสุทธิ์มองเ