เสียงหวีดร้องดังขึ้นตามคำสั่งนั้น บางคนถูกลากออกไปจากหน้าประตูท้องพระโรงบางคนทรุดกายลงกลางบันไดวังหลวง เลือดเปื้อนพื้นหินหยกจนไม่อาจลบเลือนได้แต่ไม่มีใครในท้องพระโรงกล้าเอ่ยวาจาคัดค้านไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบ เพราะที่นี่...ไม่ใช่แคว้นเป่ยเอียนของโตวโฮฉินอีกต่อไปบัลลังก์มังกรที่ได้มา…จากคมดาบและเลือด“ฝ่าบาท… เว่ยจิน บุตรแห่งโตวโฮฉิน บัดนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะปกป้องโตวโฮฉินจากการหลบหนีของเรา”เป่ยซวีเลิกคิ้วเพียงน้อย เสี้ยวหนึ่งของรอยยิ้มบิดเบี้ยวโผล่บนริมฝีปาก“หึ… ลูกหมาตัวนั้นยังไม่ตายหรือ”เขายกถ้วยสุราขึ้นจิบช้าๆ ดวงตาฉายแววเย็นยะเยือก“หากเว่ยจินยังไม่ตาย ก็จงตายเสีย… คืนนี้ ส่งคนของเราไปที่เป่ยเหลียง แฝงตัวเข้าไปใน จวนอ๋องไร้พ่าย ฆ่าเจ้าลูกหมานั่นเสีย”เสียงของเป่ยซวีเย็นเฉียบ ราวน้ำแข็งที่กรีดผ่านกระดูกทหารผู้นั้นก้มต่ำลงกว่าเดิม รับคำสั่งโดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตาทันใดนั้น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำก็ดังขึ้นในตำหนักเงียบสงัด“ฮ่าๆๆ … ใครจะกล้ามาต่อกรกับข้าต่อจากนี้ข้าได้ยินมาว่า ‘เฉิงอู๋อ๋อง’ ถึงกับปลด ป้ายอ๋องไร้พ่าย ลงเสียแล้ว…เจ้าสุนัขจงรักภักดีนั่น คงเสียใจนักที่มองไม่ออกว่าใครค
แสงแดดยามเช้าสาดทาบลงบนลานกว้างหน้าจวนอ๋องไร้พ่ายเงาของ ป้ายอ๋องไร้พ่าย ที่เคยตระหง่านเหนือบานประตู ถูกลดลงมาวางไว้กับพื้นอย่างเงียบงันในขณะเดียวกันบรรยากาศรอบข้างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกปวดร้าวปะปนกับความอาลัยที่ยังอบอวลอยู่ตงเกา ยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างจากป้ายนั้นนัก ริมฝีปากเม้มแน่น น้ำตาหยดเงียบๆเขาคือขุนพลคนสนิทที่ตามรับใช้เฉิงอู๋อ๋องมานาน ยิ่งมองเห็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติภูมิของทัพไร้พ่ายถูกปลดลงมา ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกทึ้งอ้ายฉิง เห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาใกล้ แล้วจึงเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน“ตงเกา... ท่านอ๋องของพวกเราทำดีที่สุดแล้วนะ ท่านก็เห็นนี่”เฉิงอู๋อ๋อง ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก หันหน้ามาทางกลุ่มผู้คนแววตาเขาเรียบสงบ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่สั่นคลอนทันใดนั้น จิวฮัวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทั้งที่น้ำตาเอ่อขอบตา“ท่านอา... ข้าไม่เคยโทษท่านเลย มีแต่จะรู้สึกดีใจเสียอีก ที่ท่านอายอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยข้าและเว่ยจินหากไม่มีท่านอา วันนี้ข้าคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว และเว่ยจิน…ก็คง…จะ”เสียงของนางสั่นเครือจนน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดแทรกออกมากระทั่ง ปาหวางฮ่องเต้ ที
เขาไม่อาจอยู่ท่ามกลางเสียงสะอื้นนั้นได้อีก เพราะหัวใจของเขาก็ปวดร้าวไม่แพ้กันเสียงกีบม้าดังสะท้อนสะบัดเข้ามาในลานหน้าจวนอ๋องไร้พ่าย ทหารองครักษ์ต่างถอยเปิดทาง เมื่อขบวนเสด็จของ ฮ่องเต้ปาหวาง และ องค์หญิงจิวอัน เคลื่อนเข้าสู่ประตูหน้าจวนด้วยความเร่งรีบเฉิงอู๋อ๋อง ที่ยืนรออยู่ล่วงหน้า ก้าวเท้าเข้ามารับเสด็จ ทว่าสีหน้าเคร่งเครียดของเขาไม่อาจปกปิดความเศร้าโศกได้เลยแม้แต่น้อย“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ท่านอาเฉิงอู๋อ๋อง” ฮองเฮาจิวอันเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตานั้นกลับสั่นไหวเฉิงอู๋อ๋องก้มศีรษะต่ำ ก่อนกล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงแตกพร่า“ฝ่าบาทโตวโฮฉิน…ทรงสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”เสียงของเขาแม้ไม่ดังกึกก้อง หากแต่กรีดลึกลงในใจของผู้ฟังฮองเฮาจิวอัน ยืนนิ่งราวรูปสลัก ม่านตาสั่นไหวในคราเดียวกับที่ร่างของ จิวฮัว ที่เดินโซซัดโซเซออกมาเห็นหน้าทั้งสองพลันทรุดลงกับพื้นตรงหน้า เสียงสะอื้นหลุดจากลำคอเบาๆ แต่เจ็บร้าว“พี่…พี่สาว…ฝ่าบาทเขาจากข้าไปแล้ว”จิวอันย่อตัวลงคุกเข่า โอบกอดร่างของจิวฮัวไว้แน่น ราวกับจะโอบความเจ็บปวดของหญิงผู้เป็นน้องสาวไว้ด้วยสองแขนฮ่องเต้ปาหวาง มิได้กล่าววาจาใด หากแต่ใบหน้าแกร่งของพระองค์ก
ร่างสูงของไท่จือหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนตั่งไม้สัก กลิ่นสมุนไพรที่บดตำสดใหม่ลอยคลุ้งไปทั่วห้อง เงาร่างบอบบางของไป๋ฮวานั่งอยู่ข้างเตียง ไม่ได้แม้แต่จะขยับตัวออกไปไหนตั้งแต่ช่วงบ่ายไป๋ฮวา ก้มหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากของเว่ยจินเบาๆ แววตาของนางคล้ายมีบางอย่างที่ลึกเกินคำพูด“เจ้า…คนชอบปากแข็งนัก แต่กลับยอมเอาตัวบังคนอื่นไว้แบบนั้น” เสียงกระซิบเบาแทบเป็นลมลอยจากริมฝีปากของนาง “เฮ้อหากเป็นอะไรไป…ข้าจะทำอย่างไร คงเสียใจน่าดูที่ไม่มีเว่ยจินอยู่ที่นี่แล้ว”ประตูห้องเปิดออกอย่างเบา ๆ ซางหลางก้าวเข้ามาพร้อมกับห่อยาบำรุงชั้นเลิศจากวังหลวงที่ถืออยู่ในมือ พลางยิ้มจาง ๆ“เขายังไม่ฟื้นหรือ” เขาถามเสียงต่ำไป๋ฮวาหันมายิ้มให้บางๆ แล้วพยักหน้า “ยังเลย…หมอบอกว่าอย่างน้อยคืนนี้ต้องดูอาการให้แน่ชัด ข้าไม่กล้าห่างเขากลัวว่าหากฟื้นขึ้นมาอย่างน้อยก็ยังมีคนตามหมอ”ซางหลางวางห่อยาไว้ข้างเตียง แล้วมองเว่ยจินสักครู่ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ“เจ้าดูแลเขาดีจริงๆ ….”ไป๋ฮวาชะงัก ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ตอบ ไป๋อวี้ ที่ยืนอยู่ตรงประตูเอ่ยขึ้น“ไท่จือซางหลางดูหน้าท่านสิ ทำราวกับว่าโลกจะแตกเสียให้ได้ พี่สาวข้า…คงแค่สงสารเ
ไป๋อวี้พยักหน้า แล้วควบม้าประคองเกี้ยวฮองเฮาจิวฮัวภายใต้แสงจันทร์ซีดจางในคืนไร้ดวงดาวเพิงไม้รกร้างกลางหุบเขาห่างไกลจากเส้นทางการค้าถูกเปลี่ยนเป็นเรือนคุมขังอย่างชั่วคราวภายใน… โตวโฮฉิน ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเอียนถูกมัดด้วยเชือกเส้นหนา ผูกติดกับเสาหลักกลางเพิง แต่… แววตาของโตโฮฉินยังมั่นคงและสูงศักดิ์ไม่ยินยอมตกอยู่ใต้อำนาจของใครเป่ยซวี่ผู้บัดนี้ก่อกบฏโดยการซุ่มโจมตีราวกับโจรป่าก้าวเท้าเข้ามาช้าๆ ใบหน้าประดับรอยยิ้มเหยียดหยันในมือของเขา…มีเพียงดาบยาวเล่มหนึ่ง ปลายคมสะท้อนแสงจันทร์วับวาว“ท่านพี่โตวโฮฉิน…” เป่ยซวี่กล่าวเรียกด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า“ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ ตราบใดที่ท่านยังหายใจ บัลลังก์ก็ไม่มีวันเป็นของข้า…ขุนนางเก่า ราษฎรที่ซื่อสัตย์…ยังสรรเสริญท่านทุกเช้าเย็นต่อให้ข้ายึดเมืองได้ ข้าก็ไม่มีวันครองใจคนได้อย่างแท้จริง หากยังมีท่าน”โตวโฮฉินเงยหน้าขึ้นดวงเนตรอันเฉียบคมเปล่งแสงเย็นยะเยือกไร้ความหวาดหวั่น“ข้าเกิดมาบนบัลลังก์ มิใช่เพื่อหวงแหนอำนาจ หากแต่เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเจ้าฆ่าข้าได้แต่เจ้าจะไม่มีวันได้ใจคน และไม่มีวันหลุดพ้นจากคำว่า กบฏ…”“ข้าสมควรได้นั่งบัลลังก์
เสียงเกือกม้าดังสนั่นไปทั่วผืนป่า เมื่อกองทัพของเฉิงอู๋อ๋องบุกฝ่าแนวป้องกันของกองทัพเป่ยซวี่ลงด้วยกลยุทธ์เฉียบขาดและอาวุธหนักเต็มกำลัง ธงสีดำของอ๋องไร้พ่ายโบกสะบัดกลางพายุทราย เสียงคำรามของแม่ทัพดังกึกก้องราวพญาสัตว์ป่าประจัญบาน“กุนไฉ่ นำปีกซ้ายล้อมป่าทางทิศเหนือให้หมด หยวนฮุ่ย ลากคนของมันออกมาให้ข้าดูหน้า”"รับคำสั่ง!!"ในขณะที่ธนูปลิวว่อนดั่งฝน พื้นดินก็เปียกชุ่มด้วยโลหิต ทัพเป่ยซวี่ที่ถูกซุ่มโจมตีกลับ ถูกเฉิงอู๋อ๋องตีโอบได้ทั้งสามด้านอย่างเด็ดขาด เสียงฆ้องศึกของจวนอ๋องไร้พ่ายสะท้อนสะเทือนภูผา บดขยี้ขวัญศัตรูเฉิงอู๋อ๋องควบม้านำทัพตะลุยเข้าไปกลางสมรภูมิด้วยท่วงท่าองอาจ มือขวากวัดแกว่งกระบี่ชี้นำ เหล่าทหารของเขากระหน่ำโจมตี เพียงไม่นานวงล้อมของกองกบฏก็ถูกตัดขาด เว่ยจินบนหลังม้าใบหน้าเปื้อนเลือดเคียงข้างเฉิงอู่อ๋อง“จับอ๋องกบฏเป่ยซวี่เยี่ยนให้ได้!” เสียงสั่งการของเฉิงอู๋อ๋องแผดดังเป่ยซวี่ที่แม้จะมีฝีมือ แต่เมื่อเจอการวางกลศึกของอ๋องไร้พ่ายก็ไม่อาจต้านทานได้ ถูกบีบจนล่าถอย กระทั่งกระบี่ในมือหลุดร่วงลงกับพื้นถูกกดเข่าลงกลางลานเปื้อนเลือดต่อหน้าฮ่องเต้โตวโฮฉินและฮองเฮาจิวฮัว ทหารกระชับ