เข้าสู่ระบบมีชีวิตใหม่เป็นเพียงนางรองไร้ประโยชน์ แม้จะได้รับสมรสพระราชทานแต่ไม่ขอขัดขวางเส้นทางรักระหว่างพระนาง นางรองคนใหม่ขอใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างสงบสุข รอวันที่พระเอกจะไปปลูกต้นรักกับแม่นางเอกเท่านั้นพอ
ดูเพิ่มเติมท่ามกลางหมู่มวลพฤกษานานาพรรณในป่าใหญ่ ต้นไม้รอบด้านกลายเป็นเงาครึ้มจากแสงจันทร์คืนมืดที่หม่นสลัว ลมราตรีหอบเอากลิ่นดอกกุ้ยฮวาลอยมาตามลม
ในป่าลึกกลางดึกเช่นนี้ควรจะมีเพียงความเงียบสงัด แต่ความสงบของยามค่ำคืนกลับถูกทำลายลงด้วยเสียงอาวุธ กลุ่มคนในชุดสีดำสนิทสองกลุ่มกำลังฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับต้องการปลิดชีพอีกฝ่ายให้สิ้นซาก!
ขณะที่เบื้องล่างกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด บนกิ่งไม้ใหญ่กลับปรากฏร่างบอบบางของใครบางคนหลบอยู่ มู่ฝานชะโงกหน้าลงมามองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ดวงหน้าของนางมีร่องรอยของความกังวลอย่างชัดเจน
"ฝ่าบาท" ดวงตาคู่งามจดจ้องไปยังร่างสูงในชุดดำของคนผู้หนึ่งที่กำลังใช้ดาบฟันฉั่บเข้าไปยังร่างของศัตรู ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นแรงด้วยความว้าวุ่นใจ หากแต่เขายังไม่ส่งสัญญาณให้ นางจึงทำได้เพียงแค่รอคอย
ทว่า...
"ไม่นะ!" หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชายผู้หนึ่งกำลังเล็งลูกเกาทันฑ์มายังร่างสูงของเขา ก่อนที่ชายผู้นั้นจะลั่นไก
"ฝ่าบาททรงระวังเพคะ!" มู่ฝานเรียกชายหนุ่มเสียงดัง ทว่าดูเหมือนว่าเขาจะยังคงไม่รู้ตัว หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงตัดสินใจพุ่งเข้าไปหาเขาด้วยความรวดเร็ว มือบางกระชากดาบออกมาฟันไปยังลูกเกาทันฑ์ที่ลอยละลิ่วมาตามสายลม ก่อนจะผลักคนตัวโตให้ล้มลงกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายบอบบางของตนปกป้องชายหนุ่มจากฝูงลูกเกาทันฑ์ห่าใหญ่ที่แล่นฉิวตรงมายังร่างหนา
ฉั่บ ฉั่บ ฉั่บ
"มู่ฝาน!" เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง นางจึงผินหน้ากลับไปมองแลเห็นเจ้านายหนุ่มยืนอยู่
"ท่านอ๋อง" หญิงสาวขานเรียกคนตัวโตเสียงแผ่ว ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงอยู่ในร่างกายทำให้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเหยเก
'เอ๊ะ... ท่านอ๋องยืนอยู่ตรงนั้นแล้วชายผู้นี้เป็นใครกัน!' มู่ฝานคิดก่อนจะหันไปมองคนตัวโตที่อยู่ในอ้อมแขนของตน มือบางสั่นระริกค่อยๆปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออก ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่าตนปกป้องชายผิดคน
'แย่ล่ะสิ เขาไม่ใช่ท่านอ๋องของข้า!' ได้หรือ...เป็นเช่นนี้ได้หรือ นางอุตส่าห์ยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องเขาเลยนะ!
"ทะ ท่านแม่ทัพเปา" เอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงตะกุกตะกัก ที่แท้แล้วคนผู้นี้ก็คือแม่ทัพใหญ่เปาอี้ส่วงนั่นเอง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาบ่งบอกถึงความตกใจไม่แพ้กัน ชั่วขณะหนึ่งที่ตาสบตา มู่ฝานเห็นแววตาคมวูบไหว นางชะงักไปเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
'แต่ท่านแม่ทัพเปาตาบอดมิใช่หรือ' หญิงสาวคิดด้วยความสับสน เมื่อครู่นี้นางเห็นชัดเจนเต็มสองตาว่าเขาสบตานาง ไม่นานความคิดต่างๆก็ต้องหยุดลงเมื่อมีใครบางคนดึงร่างของนางไปไว้ในอ้อมแขน
"มู่ฝานเป็นอย่างไรบ้าง" หวางจื่อชางมองร่างโชกเลือดของคนในอ้อมแขนด้วยความตกใจ แผ่นหลังของนางเต็มไปด้วยลูกเกาทันฑ์ที่ทิ่มแทงฝังปลายแหลมคมไว้ในร่าง
"ท่านอ๋อง ปะ ปลอดภัย ชะ ใช่หรือไม่ พะ เพคะ" มือนุ่มนิ่มแตะลงบนแก้มสากเบาๆ มองเขาด้วยสายตาแห่งความจงรักภักดี
"ข้าไม่เป็นไร เจ้าก็ต้องปลอดภัยเช่นกัน ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่" เขากล่าวเสียงสั่น พยายามจะอุ้มร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน มู่ฝานส่ายหน้า นางรู้ดีว่าอีกไม่นานชีวิตของนางจะจบสิ้นลงแล้ว
"ทะ ท่านอ๋อง ปะ ปลอดภัย มะ หม่อมฉันก็ ดะ ดีใจเพคะ" นางรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกล่าวกับเขา ก่อนที่เปลือกตาบางจะค่อยๆปิดลง ลมหายใจเฮือกสุดท้ายหลุดลอยไป หวางจื่อชางมองมือบางที่ตกลงข้างตัวอย่างอึ้งๆ
"มู่ฝาน ข้าบอกให้เจ้าตื่นขึ้นมา มู่ฝานได้ยินข้าหรือไม่ ข้าสั่งไม่ได้ยินหรือ เจ้าไม่เคยขัดคำสั่งข้าสักหน เหตุใดยามนี้ถึงได้เงียบไปเล่า!" ชายหนุ่มเขย่าร่างบางจนหัวสั่นหัวคลอน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร คนในอ้อมแขนก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา
"มู่ฝาน! ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าข้ารักเจ้า!" เขาตะโกนร้องก้องออกมาด้วยความเสียใจ กอดร่างไร้วิญญาณของมู่ฝานไว้แนบอก
"ท่านอ๋องรีบออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์หนุ่มเอ่ยเตือน มองเหตุการณ์รอบกายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านาย แววตาคมสั่นไหว เขาเองก็เสียใจไม่แพ้กันที่ต้องสูญเสียสหายไปจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
"ไม่ ข้าจะอยู่กับมู่ฝาน" หวางจื่อชางกล่าวอย่างดื้อรั้น ดวงตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ หยดน้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาจากดวงตาครั้งแล้วครั้งเล่า
"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ มู่ฝานเสียสละชีวิตของนางเพื่อปกป้องฝ่าบาท ทรงอย่าทำให้ความพยายามของนางสูญเปล่าเลยพ่ะย่ะค่ะ" ฉางชินเอ่ยปากเตือน หวางจื่อชางเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะค่อยๆหยัดกายขึ้นอุ้มร่างไร้วิญญาณของมู่ฝานไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะจากไปไม่ลืมที่จะหันมามองเปาอี้ส่วงที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่กับที่ด้วยความแค้นเคือง
หากไม่ใช่เพราะชายผู้นั้นทำให้แผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า มู่ฝานก็คงไม่ต้องตาย! ก้อนเนื้อในอกซ้ายของหวางจื่อชางเต็มไปด้วยความเคียดแค้นใจ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดหายขึ้นไปที่กิ่งไม้ใหญ่
คล้อยหลังจากที่หวางจื่อชางจากไปแล้ว เปาอี้ส่วงหันไปมองตามทิศทางที่เขาหายไป ภาพร่างบางของมู่ฝานที่อาบชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงฉานยังติดตาเขาไม่หาย มือหนากำแน่นเข้าหากัน กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่นจนเห็นสันนูนเด่นชัด
เขาทำให้นางต้องตาย มู่ฝานต้องตายเพราะเขา! ดวงตาคู่คมค่อยๆปิดลงด้วยความเสียใจ
"ฝานฝานข้าหิวแล้วรีบไปกินข้าวกันเถิด" เขากล่าวเสียงสั่นก่อนรีบสาวเท้าเดินออกมาจากห้อง สวีอี้ฝานทำหน้ามุ่ยอย่างไม่เข้าใจนัก เขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ ไยถึงทำท่าทางรังเกียจไม่อยากแตะต้องตัวนางเช่นนั้นเล่าทว่านางยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สวีอี้ฝานรีบก้าวยาวๆตามสามี จับมือหนาของเขาเอาไว้และเดินไปตรงระเบียงหน้าหอนอนที่มีโต๊ะกลมวางอยู่ บนโต๊ะถูกจุดด้วยเทียนเล่มเล็กให้ความสว่างไสวอย่างสลัวๆ ที่ตรงนี้บรรยากาศดีสามารถมองเห็นวิวของสวนอุทยานในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน"ท่านพี่นั่งก่อนเจ้าค่ะ" หญิงสาวผายมือให้เขาอย่างเชื้อเชิญ เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งลงแล้ว นางจึงเดินกรีดกรายไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขา"วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า" เปาอี้ส่วงถามด้วยความสงสัย มองบรรยากาศรอบกายด้วยความสับสน วันนี้หาใช่วันเกิด หรือวันครบรอบแต่งงานของเขาและนาง เหตุใดนางถึงทำเหมือนว่าวันนี้มันเป็นวันพิเศษ"ถ้าไม่ใช่วันพิเศษข้าจะกินข้าวกับท่านพี่ด้วยบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้หรือเจ้าคะ" มือบางเท้าคางจดจ้องไปยังคนตัวโตตาแป๋ว ท่าทางน่ารักน่าชังจนทำให้คนมองใจสั่นสะท้าน"แน่นอนว่าย่อมได้ ฝานฝานก็รู้ว่าข้าตามใจเจ้าเสมอ" ชายหนุ่มเ
หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมาก เจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้าง แม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้
"ว้าย! ฝานฝานขึ้นไปทำอะไรบนนั้นรีบลงมาเถิด เดี๋ยวจะตกลงมานะ อันตรายจริงๆ!""ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านย่า แต่ก่อนข้าเคยขึ้นไปสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ" หญิงสาวตอบอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทีตกใจของจางเข่อซินยามนี้ความสัมพันธ์ของคนสกุลสวีกับฮูหยินผู้เฒ่าดีขึ้นมาก นับว่าเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่ายามนี้สวีอี้ฝานกำลังตั้งครรภ์ นางรู้สึกดีใจจนร้องไห้ออกมา หากเจ้าก้อนแป้งเกิด นางก็จะกลายเป็นท่านทวด เมื่อนึกถึงเจ้าก้อนกลมที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของคนสกุลเปาส่วนหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ นางมักจะสรรหาของกินอร่อยๆหรือยาบำรุงชั้นเลิศมาให้สวีอี้ฝานอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะยินดียิ่งกว่าคนเป็นแม่อย่างนางเสียอีก"ตายแล้ว! หนิงเชา ข้าจะทำอย่างไรดี หากฝานฝานตกลงมาหลานข้าคงไม่รอดแน่ โอย" ร่างบางของจางเข่อซินถึงกับซวนเซทำท่าจะล้มลง ยิ่งได้เห็นตอนที่สวีอี้ฝานกระโดดขึ้นเกาะลำต้นไม้ใหญ่สลับต้นกันไปมา นางก็รู้สึกใจสั่นราวกับจะหลุดออกมานอกอก ห่วงทั้งเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในท้องและแม่ของเจ้าก้อนกลมที่ดูจะดื้อรั้นมากเหลือเกินทว่าเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวก็มีสายลมพัดวูบผ่าน
ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ "ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปาก ทว่ากินไปได้












ความคิดเห็น