เวลาที่เหลือถึงจะสามารถไปที่ค่ายทหารได้แต่ใครจะรู้ว่า เด็กคนนี้กลับโดดเรียนวันเว้นวันโดดเรียนก็แล้วไปเถอะ แต่ทุกครั้งยังพาองค์ชายน้อยไปด้วยอีกเว่ยเฉิงปวดหัว สีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่ลงเว่ยเสียวฉู่แลบลิ้น “ท่านพ่อไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ เนื้อหาที่สอนในสำนักศึกษา ข้าเรียนรู้หมดแล้ว”“เจ้าเรียนรู้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นเรียนรู้?” เว่ยเฉิงแสดงท่าทีไม่เชื่อ ไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว“เรียนรู้แล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ หากยังเรียนไม่รู้เรื่อง จะกล้าออกมาได้อย่างไร”ขณะที่ในใจของเว่ยเสียวฉู่กำลังคิดว่าบิดาของตนนี่ช่างจู้จี้เสียจริง อีกด้านหนึ่งก็ก้มหน้าลงเอ่ยถามอย่างร้อนรน “องค์ชาย เจ้าจะไปหรือไม่? หากเจ้าไม่ไป ข้าจะไปก่อนแล้วนะ”“ข้าไปด้วย!”จ้านจ้านยื่นมือเล็ก ๆ สั้น ๆ ของเขาออกไปหาเว่ยเสียวฉู่เว่ยเสียวฉู่ฝึกยุทธ์ทุกวัน ร่างกายจึงเต็มไปด้วยมัดกล้ามตั้งแต่เนิ่น ๆ พละกำลังนั้นมีมากกว่าบุรุษทั่วไปเสียอีกนางยื่นมือไปคว้าเพียงครั้งเดียว ก็อุ้มจ้านจ้านออกมาจากทางหน้าต่าง แล้วพาเขาวิ่งหนีไป“เว่ยเสียวฉู่!” เว่ยเฉิงเดือดดาลเว่ยเสียวฉู่โบกมือ “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน”
“ดูเหมือนจะใช่ ข้าเกือบลืมไปแล้ว...”เว่ยเฉิงหันกลับไป พยายามที่จะค้นหาหนังสือจากชั้นวางหนังสือเพื่อรับมือกับคุณชายน้อยผู้นี้ใครจะไปคาดคิดว่า เด็กน้อยอายุเพียงสามขวบจะมีความทรงจำที่น่าทึ่งถึงเพียงนี้? ตำราที่สอนให้เขาท่องจำ เพียงแค่รอบเดียว เขาก็สามารถท่องออกมาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์โดยไม่ตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว“ท่านราชครู ท่านกำลังหาอะไรอยู่หรือขอรับ?”บนใบหน้าของจ้านจ้านเผยความสงสัยเหตุใดท่านราชครูถึงดูแปลกประหลาดเช่นนี้ บอกว่าหากท่องตำราพวกนี้จบแล้ว ท่านแม่กับท่านพ่อก็จะกลับมา เหตุใดเขาท่องจบหมดแล้ว แต่ยังไม่เห็นพวกท่านเลยเว่ยเฉิงกระแอมหนึ่งครั้งแล้วหันกลับมา“แค่ก ๆ ไม่ได้หาอะไรพ่ะย่ะค่ะองค์ชายน้อย โปรดฟังกระหม่อมก่อน เพียงแค่ท่องจำตำราเหล่านี้ได้ยังไม่เพียงพอ ยังต้องเข้าใจความหมายที่ตำราเหล่านี้ต้องการจะสื่อด้วยวันนี้กระหม่อมจะเริ่มสอนองค์ชาย บอกเล่าความหมายที่อยู่ในตำราเหล่านี้ให้องค์ชายเข้าใจดีหรือไม่ พวกเรามาเริ่มจากคัมภีร์สามอักษรกันก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”จ้านจ้านส่ายหน้า “ไม่เอา”“เหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ท่านราชครูหลอกลวงข้า”จ้านจ้านทำแก้มป่อง ท่าทางโกรธเคืองเ
หร่วนหรงรีบกล่าว“ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร หม่อมฉันจะพยายามฟันฝ่าให้ถึงที่สุด จะไม่ทำให้เยว่อ๋องผิดหวังเพคะ”“ดี หร่วนหรง คุกเข่ารับพระราชโองการเถอะ”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะยิ้ม นางเตรียมพระราชโองการไว้นานแล้วหร่วนหรงคุกเข่ารับพระราชโองการ กลายเป็นหนึ่งในผู้ช่วยบรรณาธิการของหอสมุดอย่างเป็นทางการ หลังจากกลับไป นางนำเรื่องนี้ไปบอกนายท่านหร่วนกับฮูหยินหร่วนทั้งสองล้วนเป็นคนที่มีความคิดเปิดกว้าง หลังจากรู้เรื่องนี้ก็ดีใจมากนายท่านหร่วนลูบเครา “เยว่อ๋องเชื่อใจเจ้า เจ้าก็ต้องทำให้เต็มที่ อย่าทำให้เยว่อ๋องผิดหวังเสียล่ะ”เขาภูมิใจมากสุขภาพของลูกสาวไม่แข็งแรง เป็นสิ่งที่เขากังวลมาโดยตลอดแต่ในบรรดาเพื่อนขุนนางทั้งหมด มีลูกสาวของบ้านไหนที่เก่งเหมือนลูกสาวของเขา? สุขภาพอ่อนแอแล้วอย่างไร ท้ายที่สุดก็มีหน้ามีตาได้เช่นกันฮูหยินหร่วนก็ดีใจมาก “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการเหนื่อยหรือไม่ เจ้าเหนื่อยไม่ได้ ต้องระวังนะ”หร่วนหรงกล่าว “ท่านพ่อท่านแม่โปรดวางใจ ข้าจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ เยว่อ๋องอนุญาตให้ค่าพาสาวใช้ไปหอสมุดด้วย เหนื่อยก็สามารถกลับมาพักผ่อนที่บ้าน”ทั้งสองรี
“หร่วนหรงเป็นสตีที่ดี”ฝีมือการเขียนของหร่วนหรงไม่แพ้ผู้ชาย วรรณกรรมที่ได้รับความนิยมในโรงน้ำชาล้วนมาจากมือนางคนเก่งเช่นนี้ เหตุใดต้องจำกัดอยู่แค่ในเรือนส่วนหลังต่อให้วันข้างหน้าไม่แต่งงานมีลูก นางก็สามารถยืนยันได้ด้วยตัวเองวันรุ่งขึ้น เดิมทีหร่วนหรงควรไปเที่ยวกับญาติผู้พี่ แต่กลับมีพระราชโองการเรียกนางเข้าวังที่เป็นครั้งที่สองที่ได้พบกับเยว่อ๋อง หร่วนหรงประหม่าเล็กน้อยนางออกมานานไม่ได้ แต่หวงแหนโอกาสในการได้พบกับกู้หว่านเยว่มาก ตอนที่รออยู่ในท้องพระโรง สายตาของนางมองไปยังโต๊ะตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความใฝ่ฝันและชื่นชม“หร่วนหรง”มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลัง หร่วนหรงรีบหันไปคำนับกู้หว่านเยว่ทันที“หม่อมฉันคำนับเยว่อ๋อง”น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเคารพ กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปพยุงนางขึ้น“รีบลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี วันนี้ที่เรียกเจ้าเข้าวัง เพราะมีเรื่องอยากคุยกับเจ้า”กู้หว่านเยว่กวาดมองหร่วนหรงแวบหนึ่ง ดูเหมือนเรื่องของหนานฉีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางเลย วันนี้สีหน้าของนางยังดูดีใช้ได้เลยเมื่อหร่วนหรงได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มีเรื่องอยากคุยกับนาง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง น
“ท่านทำเรื่องไร้ยางอาย ยังจะมาห้ามไม่ให้คนอื่นนินทาลับหลังท่านอีกหรือ?”หร่วนหรงหันหน้าหนี อยากมองเขาแม้แต่แวบเดียวหนานฉีสะอึก “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ เรื่องแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ไม่ใช่ความคิดของข้านะ และตอนนี้ข้าก็รู้สึกเสียใจมาก”หร่วนหรงหัวเราะอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อแววตาของหนานฉีหม่นหมอง “แต่งงานกับข้ามีอะไรไม่ดี? ข้าชอบเจ้าจริงๆ นะ ถ้าเจ้าแต่งงานกับข้า ต่อไปข้าจะรักและปกป้องเจ้าให้ดีที่สุด”เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เขาเป็นถึงองค์ชายแห่งแคว้นเซียนหลิงมีผู้หญิงมากมายที่ยอมถวายตัวให้เขา แม้แต่องค์หญิงเป่ยตี้ก็ไม่เว้น แต่เหตุใดหร่วนหรงไม่ยอมรับเขา?หร่วนหรงมองเขาเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นครู่หนึ่ง หนานฉีโดนอีกฝ่ายมองจนรู้สึกอึดอัด จึงรีบก้มหน้า เดินออกจากจวนหร่วนด้วยท่าทางที่ผิดหวังเล็กน้อยก่อนจากไป เขาเห็นขันทีจากในวังมาถึงหน้าประตูจวนหร่วนอย่างเร่งรีบพ่อบ้านออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร ขันทีบอกว่าเป็นเรื่องการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ และถูกเยว่อ๋องไล่กลับไปแล้วหนานฉีนึกถึงสายตาเมื่อครู่ของหร่วนหรง เขารู้สึกโล่งใจอยากบอกไม่ถูกโชคดีที่เรื่องการแต
“ได้ยินมาว่าหลังจากหนานฉีกลับถึงแคว้นเซียนหลิง เขาให้คนของเขามาขอแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์กับตงโจวใช่หรือไม่?”เสียงของสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ลังเลเล็กน้อย“ล้วนเป็นข่าวที่ออกมาจากในวัง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คุณหนูโปรดวางใจ นายท่านกับฮูหยินรักท่านมากเช่นนี้ ต่อให้เป็นเรื่องจริง พวกเขาก็ไม่มีทางมองดูท่านกระโดดเข้าไปในกองไฟต่อหน้าต่อตาหรอก”หร่วนหรงหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงของนางอ่อนโยน ต่อให้หัวเราะเสียงเย็น ฟังแล้วก็ให้ความรู้สึกที่ไพเราะมาก“อย่างไรก็เป็นถึงองค์ชาย กลับทำเรื่องที่ต่ำช้าเช่นนี้สู่ขอไม่สำเร็จ ก็ใช้อำนาจข่มคน”หนานฉีที่เพิ่งปีนขึ้นกำแพง โมโหจนเกือบตกลงมาผู้หญิงคนนี้พูดจาหยาบคายมาก เขาเลิกแขนเสื้อขึ้นกำลังจะเข้าไปคุยกับหร่วนหรงให้รู้เรื่อง แต่เพิ่งก้าวขาออกไปได้ข้างเดียวก็ถอยกลับทันทีหร่วนหรงพูดถึง เขาใช้อำนาจข่มคนจริงๆแม้มาสู่ขอถึงบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่โดนคนตระกูลหร่วนปฏิเสธกลับไปอย่างนิ่มๆ ทุกครั้ง จึงโมโหจนกลับแคว้นไปขอให้เสด็จพ่อมาขอแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์แต่เมื่อไรที่การแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์เกิดขึ้นจริง มีการส่งพระราชโองการมาจากในวัง ก็จ