นึกถึงตรงนี้ ลั่วหรงกล่าวโดยตรง “ผู้ว่าการคัง บอกตรงๆ นะ ข้ามีงานอยู่แล้ว”“ภายในเวลาครึ่งเดือน ข้าจำเป็นต้องส่งงานนี้ให้ถึงจุดหมาย”“ท่านก็รู้ว่าพวกเราคือกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรง ตั้งแต่รับงานมา ยังไม่เคยพลาดมาก่อนเลย”ผู้ว่าการคังทำหน้าเสียดาย เขาย่อมรู้จักชื่อเสียงของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรง ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ตื่นเต้นตอนที่เจอพวกเขา“ไม่มีพื้นที่สำหรับเจรจาเลยหรือ? เรื่องนี้เร่งด่วนมาก ถ้าหากพวกท่านไม่พอใจในค่าตอบแทน ข้าสามารถเพิ่มให้อีก”ผู้ว่าการคังกล่าวอย่างประหม่า เขาไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆลั่วหรงคิดครุ่นหนึ่ง เขารู้สึกหวั่นไหวกับค่าตอบแทนก้อนโตนี้มากเขาหันกลับไปปรึกษาสมาชิกในกลุ่มที่อยู่ข้างหลังครู่หนึ่ง สุดท้ายทุกคนตกลงเห็นพ้องต้องกัน“พวกเราสามารถรับงานนี้ชั่วคราว แต่ว่ามีเวลาแค่สามวัน ในระหว่างสามวันนี้ พวกท่านสามารถมอบงานให้ผู้อื่นได้ตามต้องการ ภายในสามวัน ถ้าหากพวกเราสามารถหาลูกสาวของท่านกลับมาได้ ก็ถือว่าสำเร็จภารกิจแต่ถ้าหากผ่านไปสามวัน พวกเรายังไม่สามารถหาลูกสาวของท่านกลับมา เช่นนั้นพวกเราก็จะออกจากเมืองหลิงโจว และงานนี้ก็ต้องรบกวนท่านไปไหว้วานผู้อื่นแทน
“ท่านผู้ว่าการ นี่ก็คือหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรง บังเอิญมากเลย ข้าเจอพวกเขาที่ประตูเมือง”ผู้ว่าการคังมองหน้าลั่วหรง จากนั้นก็มองไปที่ป้ายเครื่องหมายบนแขนของเขา“เป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงจริงด้วย”คนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงจะติดป้ายเครื่องหมายไว้บนแขนทุกคน ป้ายเครื่องหมายนั่นเป็นสีดำ และมีเปลวไฟสีแดงเล็กๆ อยู่ตรงกลางหนึ่งจุดสามารถแยกแยะได้ง่ายมาก“ท่านก็คือหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงกระมัง? เชิญเข้าไปนั่งข้างในก่อน”ผู้ว่าการคังดูร้อนใจเป็นพิเศษ เขารีบเชิญคนทั้งกลุ่มเข้าไปข้างในกู้หว่านเยว่กับชิงเยี่ยนเดินตามหลังอย่างถ่อมตนเวลานี้ นางรู้จักอิทธิพลของกลุ่มทหารรับจ้างมากขึ้นอีกหนึ่งระดับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้ว่าการก็เกรงใจลั่วหรงเช่นนี้ชิงเยี่ยนอธิบายเบาๆ “ท่านพี่ แม้บนพื้นที่ราบแห่งความโกลาหลมีกลุ่มทหารรับจ้างเยอะมาก แต่กลุ่มทหารรับจ้างที่พึ่งพาได้กลับมีน้อยมาก”ผู้ว่าการคนนี้น่าจะพบเจอเรื่องเร่งด่วนอะไร จึงต้องการกลุ่มทหารรับจ้างที่พึ่งพาได้มาช่วยเขาจัดการดังนั้นจึงเกรงใจกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงเช่นนี้“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”กู้หว่านเ
ทันทีที่เขาพูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ได้ยินเสียงคำสั่งที่หยาบกระด้าง“เปิดรถม้า ทุกคนที่อยู่บนรถม้าลงมารับการตรวจสอบให้หมด”จากนั้นก็มีกลุ่มคนเดินมาทางพวกเขา พูดซ้ำคำพูดเมื่อครู่“คนที่อยู่บนรถม้า ลงมารับการตรวจสอบเดี๋ยวนี้”ลั่วหรงเดินมาที่ข้างหน้าต่างรถแล้วกล่าวเสียงเบา “ดูจากลักษณะของคนพวกนี้ น่าจะเป็นคนของหน่วยลาดตระเวน คาดว่าน่าจะเป็นแค่การตรวจสอบตามปกติ เพื่อไปจากที่นี่ได้เร็วยิ่งขึ้น พวกเราปล่อยให้พวกเขาดูเถอะ”กู้หว่านเยว่ก็สังเกตเห็นเช่นกัน คนพวกนี้แต่งกายด้วยชุดลาดตระเวนจริงๆ“ก็ดี”อย่างไรบนรถม้าของนางก็ไม่มีของอะไรที่ให้ผู้คนพบเห็นไม่ได้ จึงเลิกม่านรถขึ้น แล้วกระโดดลงจากรถม้าทหารสองคนปีนขึ้นรถม้า เข้าไปตรวจค้นทันที แม้แต่ใต้ท้องรถม้าก็ไม่ปล่อยผ่าน“มีหรือไม่?” หนึ่งในนั้นถามอีกคนส่ายศีรษะ“หาไม่เจอ จบเห่แล้ว” สีหน้าของพวกเขาหดหู่ รีบถอยออกมาจากรถม้าทันที“ตรวจค้นเสร็จแล้ว พวกเจ้าสามารถไปได้”ลั่วหรงเดินเข้าไปถาม “พวกเจ้ากำลังตามหาอะไร?”ทหารคนนั้นมองลั่วหรงอย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่ง เดิมทีจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้า แต่เมื่อหางตาเหลือบเห็นเครื่องหมายบนแขนของเขา มีแววประหล
“พวกเราจะไปแคว้นเป่ยตี้” กู้หว่านเยว่กล่าว สามารถพิจารณาเดินทางไปด้วยกันพลันดวงตาลั่วหรงลุกวาว และอดไม่ได้ที่จะกล่าว “บังเอิญจัง พวกเราก็จะไปแคว้นเป่ยตี้”ของที่พวกเขาคุ้มกันส่งครั้งนี้ จัดส่งไปที่พระราชวังแคว้นเป่ยตี้พอดีกู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อไปทางเดียวกัน เช่นนั้นก็ยิ่งง่ายแล้ว“พวกเราไม่อยากเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้าง แต่ในเมื่อจุดหมายของพวกเราคือที่เดียวกัน เช่นนั้นก็สามารถพิจารณาเดินทางไปด้วยกันเพื่อเป็นการตอบแทน หากพวกท่านเจอปัญหาที่จัดการไม่ได้ระหว่างทาง ข้ากับน้องชายจะยื่นมือช่วยเหลือ”สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงมองหน้ากันอย่างงงงวยแน่ใจนะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ปัญหาที่กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขาจัดการไม่ได้ นางสามารถจัดการได้?“แค่กๆ เกรงว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว พวกเราแค่เห็นว่าวรยุทธ์ของพวกเจ้าสองคนสูง ตั้งใจจะชักชวนเข้ากลุ่มทหารรับจ้างของพวกเรา…”แม้แต่ลั่วหรงก็ไม่ได้เก็บเอาคำพูดของกู้หว่านเยว่ไปใส่ใจกู่หว่านเยว่เลิกคิ้ว “ไม่เป็นไร พวกท่านลองพิจารณาก่อน ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย”กู้หว่านเยว่ก็ใช่ว่าอยากเดินทางร่วมกับพวกเขามากนักนางแค่คำนึงถึงว
เดิมทีตั้งใจจะเชิญชวนกู้หว่านเยว่เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้าง แต่นางคงไม่ยอม แต่เมื่อครู่เมื่อมีสหายร่วมรบเกินกว่าครึ่งต่างก็ให้การสนับสนุน หลันเตี๋ยก็ได้แต่จนปัญญา แต่บัดนี้ครั้นเห็นกู้หว่านเยว่กล้าปฏิเสธการคำเชิญชวนของพวกเขาเช่นนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกโกรธเคืองแบบทวีคูณ สตรีผู้นี้มีสิทธิ์อะไร? “ทหารรับจ้างฉื่อหรงอย่างพวกเราพอมีชื่อเสียงบนที่ราบแห่งความโกลาหล นอกจากทหารรับจ้างเก่าแก่อย่างเสินสุ่ยแล้ว ใครเล่าจะกล้าเทียบเคียงกับทหารรับจ้างฉื่อหรงอย่างพวกเรา” หลันเตี๋ยค่อนข้างอวดดี “พวกเจ้าเป็นแค่ผู้ลี้ภัย ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรง ก็ควรจะต้องซาบซึ้งใจสิ ไม่คิดว่าจะช่างเลือกเช่นนี้?” น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าพลาดตรงไหม?” สตรีผู้นี้ช่างไม่รู้จักให้เกียรติผู้อื่นยิ่งนัก! “หลันเตี๋ย!” ลั่วหรงขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก” สายตาของเขาดูไม่พอใจมาก หลันเตี๋ยล่วงเกินนางสามครั้งแล้ว สิ้นสุดเสียง กู้หว่านเยว่ที่อยู่ตรงข้ามก็ขยับตัวเล็กน้อย แต่จู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าของหลันเตี๋ยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยกมือตบหน้าของนางสองฉาดใหญ่ “ช่วยพูดจาส
“ขอรับ” ชิงเยี่ยน “ออกไปเถอะ”เขาพยักหน้าอย่างว่าง่ายกู้หว่านเยว่เปิดม่านหน้าต่าง จากนั้นก็ตะโกนไปด้านหลัง “เหล่าสหายข้างหลัง พวกเจ้าตั้งใจจะตามพวกเราไปถึงเมื่อไหร่ ไม่สู้ออกมาเจอกันซึ่ง ๆ หน้าดีกว่าไหม?”ลั่วหรงไอกระแอมด้วยความลำบากใจ ก่อนจะเดินเกาศีรษะออกไปด้านหลังคือสหายร่วมรบที่มีท่าทีลำบากใจเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างจ้องเขม็งไปยัง “พี่น้อง” คู่หนึ่งบนรถม้าด้วยความระแวดระวัง“ขอประทานอภัย พวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดี”ลั่วหรงกล่าวอย่างจริงใจ ในช่วงแรกเขากังวลว่าจะถูกโจรซุ่มทำร้าย แต่ต่อมาก็ต้องตกตะลึงกับทักษะการต่อสู้ของชิงเยี่ยน“พวกเราเคยเจอกันในโรงเตี๊ยม เจ้ายังจำได้หรือไม่?”ลั่วหรงอธิบายกับกู้หว่านเยว่ ความชอบพอทางสายตายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเขาเป็นคนฉลาด ดูจากท่าทีที่ชิงเยี่ยนมีต่อกู้หว่านเยว่ ก็เดาสถานะของนางได้แล้ว“ข้าจำได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างเหมาะสมและสุภาพเรียบร้อย ถูกจับได้ก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด“ดังนั้นเหตุใดพวกเจ้าถึงต้องสะกดรอยตามข้า?”แววตาของนางดูสุขุมเยือกเย็น ระหว่างที่สบตากัน ลั่วหรงได้เอ่ยถึงเป้าหมายอย่างรู้สึกผิด“หัวหน้า ท่านรีบพูดสิ” สหา
แววตาของชิงเยี่ยนเปล่งประกาย“เมื่อครู่เหตุใดข้าถึงคิดไม่ได้กันน่ะ? ท่านฉลาดยิ่งนัก”“อื้อ จับพวกเขามัดแล้วโยนไปข้างทาง แล้วเราก็เดินทางกันต่อเถอะ”กู้หว่านเยว่เก็บตำลึงเงินอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก“ขอรับ”ชิงเยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าของโจรกลุ่มนั้น ใช้มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อของพวกเขาขึ้นมาแล้วโยนพวกเขาไปข้างทางแม้ว่าตัวเขาจะดูเล็ก แต่กลับมีพละกำลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดจับโยนทีละคนราวกับโยนแตงกวา“ไปกันเถอะ”หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชิงเยี่ยนก็กระโดดบนรถม้าต่อ คว้าสายบังเหียนมาถือในมือแล้วเดินทางต่อ“เอ๊ะ มีคนตามมาด้านหลังนี่?”กู้หว่านเยว่ที่นั่งอยู่บนรถม้าหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดี จึงไม่ได้สนใจเท่าไหร่เส้นทางหลังจากนี้เหมือนกับที่นางคาดเดาไว้ พวกเขาเจอกับโจรอีกสามกลุ่มอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ซึ่งเหมือนกับโจรกลุ่มก่อนหน้านั้นไม่ต้องให้กู้หว่านเยว่ลงมือ ลำพังแค่ชิงเยี่ยนคนเดียวก็จัดการพวกเขาได้หมดแล้วหลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ก็เก็บรวบรวมตำลึงเงินบนตัวของพวกเขา จากนั้นก็โยนพวก
ท่ามกลางป่าทึบตรงหน้า รถม้าคันหนึ่งถูกโจรป่ากลุ่มหนึ่งล้อมจับเอาไว้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้ารถม้าถือกระบี่ในมือแน่นแม้ว่าจะมองไม่เห็นสีหน้าท่าทาง แต่ก็รู้ว่าเด็กหนุ่มรูปร่างผ่ายผอมผู้นี้กำลังตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโจรกลุ่มใหญ่เช่นนี้ส่วนเด็กสาวบนรถม้าน่าจะตกใจทำอะไรไม่ถูกอย่างแน่นอนคงจะกำลังรอใครสักคนตกลงมาจากฟากฟ้า มาช่วยนางให้พ่นจากหายนะเป็นแน่ลั่วหรงกำหมัดแน่นเขาเองก็อยากพุ่งไปช่วยกู้หว่านเยว่อย่างไม่ลังเล แต่ด้านหลังของเขาคือสหายร่วมรบของเขาเขาจะทิ้งสหายร่วมรบไปเพราะสตรีเพียงผู้เดียวไม่ได้แต่เวลานี้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่ช่วย ในใจของเขาคล้ายกับกำลังทุกข์ทรมานและดิ้นรนเอาตัวรอดจากน้ำมันที่ร้อนระอุอย่างไรอย่างนั้นในขณะที่ลั่วหรงกำลังตัดสินใจ คิดจะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือเพียงลำพังนั้นจู่ ๆ ชิงเยี่ยนบนรถม้าก็ลอยตัวลงมา กระทั่งไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไร เวลานี้ได้ล้มโจรไปแล้วเจ็ดถึงแปดคน“ไอหยา เจ็บนัก”โจรหนึ่งในนั้นถูกชิงเยี่ยนกระทืบเท้า เจ็บปวดจนต้องยกมือปิดหน้าเลยทีเดียวคนที่เหลือพากันร้องขอชีวิต“นั
เส้นทางนี้ล้วนเต็มไปด้วยป่าทึบที่มีพืชพันธุ์สีเขียวชอุ่ม ทั้งสองคนปรึกษาแล้วว่าจะไม่แวะพัก จะเดินทางต่อในคืนนั้นเลย“องค์หญิงน้อย ระวังตัวด้วย ทางนี้โจรเยอะ”นอกจากกองกำลังหลากหลายเมืองบนที่ราบแห่งความโกลาหลแล้ว เหล่าทหารรับจ้างและโจรก็ยังแบ่งออกเป็นสองพรรคสองพวกอีกด้วยแม้ว่าระหว่างโจรเหล่านี้จะไม่มีการติดต่อกัน แต่กลับมีให้เห็นทั่วทุกหนแห่ง สามถึงห้าคนก็สามารถตั้งกลุ่มได้แล้วโดยเฉพาะป่าทึบที่มีต้นไม้นับไม่ถ้วนแห่งนี้ อาจจะมีพวกโจรบุกเข้ามาตอนไหนก็ได้“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ ลงมาจากรถม้าซะ!”ในขณะที่กำลังคุยกัน จู่ ๆ ก็มีชายปริศนาจำนวนสามสี่คนปิดหน้าพุ่งออกมาจากในป่าชิงเยี่ยน ....เขาเป็นคนปากอัปมงคลจริง ๆครั้นกู้หว่านเยว่เห็นม้าหยุดกะทันหัน น้ำเสียงที่เคลือบแคลงสงสัยก็ดังออกไปจากรถม้า “เกิดอะไรขึ้น”ชิงเยี่ยนเกาศีรษะอย่างรู้สึกผิด“พูดถึงโจร โจรก็ออกมาทันที....”ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน โจรกลุ่มนั้นก็หมดความอดทนเสียงตะคอกของผู้นำดังขึ้น “ข้าสั่งให้พวกเจ้าลงมาไม่ได้ยินหรือไร? มัวชักช้าอะไรกันอยู่!”คนที่เหลือมองดูรถม้าคันนี้ด้วยสายตาละโมบโลภมากสำหรับบนที่ราบแห่