เขาเชื่อแล้วว่า น้องเล็กก็คือเทวดาของเมืองตงโจวทหารของสามเหล่าทัพดีใจมาก กินดื่มอย่างหนำใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มและความผ่อนคลายที่หายไปนานสุดท้ายแต่ละคนนอนหงายอยู่บนพื้นกู้หว่านเยว่ยืนอยู่ด้านข้าง คอยสังเกตทุกอย่างเงียบๆ และยกมุมปากยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวนางหยิบเหล้ามาหนึ่งไห เดินไปที่หอสูงในเมืองข่าหลอ มองดูดวงจันทร์เงียบเหงากลางท้องฟ้ายามราตรี ในดวงตาคือความคนึงหาที่เข้มข้น“ท่านพี่ จ้านจ้าน พวกท่านในยามนี้กำลังมองดูพระจันทร์อยู่หรือไม่?”ภายในวังหลวงต้าฉีที่ห่างออกไปหมื่นลี้ ฮ่องเต้หนุ่มตรวจฎีกามาแล้วตลอดทั้งวัน ขณะนี้ราวกับรับรู้ความรู้สึกจึงอุ้มเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่ด้านข้าง เดินออกจากตำหนักใหญ่เขาเงยหน้า มองดูพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าในส่วนลึกของดวงตาซ่อนงำความคิดถึงที่มากมาย คล้ายมองเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของกู้หว่านเยว่ในดวงจันทร์นั้น“หว่านเยว่เมียข้า รอเจ้ากลับมา”วันรุ่งขึ้น จงหลี่เตรียมโกดังเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่มาถึงโกดัง นำระเบิดที่ซื้อมาจากแพลตฟอร์มซื้อขายออกมาไว้จนเต็มโกดัง“พี่ใหญ่ ท่านเรียกทหารทั้งหมดให้มารวมตัวกัน ข้าจะสอนพวกเขาว่าใช้ระเบิดอย่างไร”อานุภาพ
“ระเบิด? !”ใบหน้าของทหารตงโจวหลายคน ต่างเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา“ในมือของท่านมีระเบิดหรือ?”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ถูกต้อง”เหล่าทหารยิ่งตะลึง เอ่ยด้วยความดีใจ “ที่ราบแห่งความโกลาหลหนาวเย็นเกินไป ดินประสิวในระเบิดหายากยิ่ง แม้แต่อาณาจักรเป่ยตี้และแคว้นเซียนหลิงก็ไม่มีระเบิด มีเพียงแคว้นโยวหลานที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะมีระเบิดจำนวนน้อย แต่ในมือท่านมีระเบิด ช่างดีเหลือเกิน!”เมื่อครู่พวกเขายังกังวล แม้พวกเขาจะชนะในการทำศึกครั้งแรก แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นอาณาจักรเป่ยตี้มีกำลังที่แข็งแกร่ง ข่าหลอมีโอรสมากมาย รอให้พวกเขารู้ว่าข่าหลอตายแล้ว ย่อมต้องตีกลับด้วยความรุนแรงยิ่งกว่าถึงตอนนั้นต่อให้พวกเขารักษาเมืองข่าหลอจนตัวตาย เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานทหารเป่ยตี้ที่มีมากมายตงโจวที่แผ่นดินแตกพ่าย คงต้องเกิดขึ้นอีกครั้งสุดท้าย ตอนนี้องค์หญิงน้อยกลับบอกพวกเขา ว่านางมีระเบิดในมือ!“องค์หญิงน้อย เทวดาคงส่งท่านมาสินะ?”ทุกคนมองกู้หว่านเยว่ด้วยความนับถือกู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเขินอาย “พวกเจ้าก็ถือว่าเทวดาส่งข้ามาแล้วกัน วางใจเถอะ ครั้งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าปกป้องรักษาบ้านเมืองของพวกเราใ
“พวกเราชนะแล้วหรือ?” ใบหน้าชิงสือเผยรอยยิ้มเหลือเชื่อ“พวกเราชนะแล้วจริงๆ”ไม่เพียงชนะแล้ว หนำซ้ำพวกเขายังสามารถยึดเมืองข่าหลอได้ด้วยใบหน้าของจงหลี่มีรอยยิ้มแห่งความดีใจเช่นกัน ดวงตาเป็นประกายจ้องมองกู้หว่านเยว่ที่กำลังเดินเข้ามาขณะนี้ เขามั่นใจ น้องเล็กคือผู้ที่สวรรค์ส่งมาช่วยเมืองตงโจว“พี่ใหญ่ ท่านให้คนไปจัดการราษฎรในเมืองกับทหารที่เหลือเถอะ จำไว้ อย่าทำร้ายผู้ใดเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่กล่าวเสียงต่ำ จู่ๆ เมื่อครู่ในหัวนางมีความคิดหนึ่งผุดขึ้น นางจะรวมที่ราบแห่งความโกลาหลให้เป็นปึกแผ่น“ได้” จงหลี่เป็นคนจิตใจดี เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์หลังสงคราม เหล่าทหารที่รักษาตัวก็รักษาตัวไป ที่จะระเบียบก็จัดระเบียบไปกู้หว่านเยว่อาศัยโอกาสนี้ กลับไปที่โรงเตี๊ยมอีกครั้งสรุป เห็นกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงกับกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยกำลังทะเลาะกัน“องค์หญิงน้อย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” ชิงเยี่ยนเห็นกู้หว่านเยว่ ดวงตาลุกวาว แล้วรีบวิ่งเข้าไปหา“เกิดอะไรขึ้น?”“กลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงเห็นกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยแอบวางยาพวกเขา ตอนนี้จึงขวางพวกเขาเอาไว้ อยากทวงความยุติธรรมชิ
“พี่ใหญ่ ข้าเตรียมนี่ไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ” กู้หว่านเยว่มอบเกราะออกรบชุดหนึ่งไปตรงหน้าจงหลี่ชุดเกราะสีเงิน ส่องประกายแวววาว ตอนได้เห็นชุดเกราะชุดนี้ สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในหัวของกู้หว่านเยว่คือใบหน้าของพี่ใหญ่นางรู้สึกว่าพี่ใหญ่ต้องเหมาะสมกับชุดเกราะชุดนี้อย่างมาก“ขอบคุณน้องเล็ก”สายตาจงหลี่มองไปที่ชุดเกราะสีเงิน หยิบมาสวมใส่โดยไม่ลังเล ชุดเกราะสีเงินภายใต้แสงสลัวในเมืองข่าหลอ เปล่งแสงเจิดจ้าเยือกเย็น ทำให้ราวกับเขาเป็นดั่งเทพมาจุติ“พอดีตัวมาก” มุมปากจงหลี่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอบอุ่น “ขอบคุณเจ้ามาก น้องเล็ก”“ไม่ต้องเกรงใจ ชุดเกราะชุดนี้เหมาะสมกับพี่ใหญ่มาก!”กู้หว่านเยว่ยังตั้งใจเย็บเกราะอ่อนไหมทองไว้ด้านในโดยเฉพาะ ต่อให้ถูกอาวุธทำร้าย ก็ไม่ถึงแก่ชีวิตจงหลี่ชูทวนเงินขึ้นสูง พร้อมตะโกนเสียงดัง “เหล่าทหารแห่งตงโจว บ้านเมืองของเราได้รับความทุกข์ทรมานอย่างยาวนานในมืออาณาจักรเป่ยตี้ ครอบครัวและสหายของพวกเราถูกผู้รุกรานจับไปเป็นทาสและต้องหลั่งน้ำตา จงยกอาวุธในมือขึ้น ให้เลือดโปรยปรายอยู่บนสนามรบ แย่งชิงสิ่งที่เป็นของบ้านเมืองเรากลับมา ขับไล่ผู้รุกรานออกไป!”“ชิงบ้านเมืองกลับมา!”“ชิงบ้า
ต่อมาคือเสียงที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่ง“น้องชายสุดที่รักของข้า เจ้าไร้เดียงสาเกินไปกระมัง เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้นึกว่าเสด็จพ่อโปรดปรานเจ้ามาหลายปี กลับละเลยต่อข้า แล้วในใจข้าจะไม่มีความแค้นเคืองแม้แต่น้อย?”ดูท่าน่าจะเป็นองค์ชายใหญ่“ทั้งที่ข้าอายุมากกว่าเจ้า ข้าถึงจะเป็นโอรสคนแรกของเสด็จพ่อ ความสามารถของข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า จำนวนครั้งที่ออกรบมากกว่าเจ้าแต่เพราะเจ้ามีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ในสายตาเสด็จพ่อจึงมีแต่เจ้า”“ข้าอดกลั้นมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็ได้เวลาแล้ว ขอเพียงสังหารเจ้า อาณาจักรเป่ยตี้จะตกเป็นของข้า”“หากเจ้ากล้าสังหารข้า เสด็จพ่อไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด พระองค์จะต้องสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!”ข่าหมี่ด่าทอเสียงดัง“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” องค์ชายใหญ่หัวเราะอย่างใจเย็นกู้หว่านเยว่ที่ฟังอยู่ด้านนอกขมวดคิ้ว สมองของสองคนนี้น่าเป็นห่วงโดยแท้ วังหลวงตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว พวกเขาไม่ช่วยกันต่อกรยังมาเจรจาเรื่องบัลลังก์อีก“ข้าว่าพวกเจ้าอย่าแย่งกันดีกว่า จะได้ไม่ทำลายมิตรภาพระหว่างพี่น้อง”จู่ๆ กู้หว่านเยว่กระโดดเข้าไปทางหน้าต่าง แล้วชักปืนตรงเอวออกมา“ให้ข้าส่งพวกเจ้าไปลงนรกพร้อ
ภายในตำหนักหลิวหลีที่ใกล้จะพังทลายลงทั้งหมด กษัตริย์ข่าหลอเสื้อผ้าหลุดลุ่ย พาเหล่าสนมหลบหนี สีหน้าของเขาลนลาน สายตาน่าเวทนา ดูจากสภาพเพิ่งจะทำเรื่องอย่างว่ากับสนม แต่ตกใจเพราะเสียงระเบิด“เกิดอะไรขึ้น?”ข่าหลอสีหน้าโกรธขึ้ง“ข้าสั่งให้พวกเจ้าตรวจสอบให้ดี เพิ่มกำลังป้องกันประตูวัง ห้ามปล่อยคนของตงโจวเข้ามาเด็ดขาดไม่ใช่หรือ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น?”หน่วยลาดตระเวนบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่งหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนก็ถูกระเบิดจนบาดเจ็บ เมื่อได้ยินเสียงตำหนิของข่าหลอ เขารีบคุกเข่า“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมได้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดแล้ว แต่นึกไม่ถึง องค์ชายแห่งแคว้นตงโจวเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยม เขาถึงกับขุดอุโมงค์พ่ะย่ะค่ะ”“ไร้ประโยชน์!”ข่าหลอเดินเข้าไปยกขาถีบ ทำให้หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนล้มลงพื้น“รีบสั่งให้คนกระจายตัว พาสมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดไปไว้ที่ปลอดภัย”เขากวาดมองรอบด้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ“ส่วนจงหลี่ เขาต้องยังอยู่ในวังหลวงแน่นอน สั่งให้คนไล่ล่าเขา ต้องจับตัวเขามาให้ได้ สับเป็นหมื่นชิ้น...อ๊าก!”ข่าหลอยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นกลางอากาศมีกระสุนพุ่งเข้ามา ตรงเข้าระหว่างคิ้วของเขาความเจ็บป
“เจ้าดูสินี่คือสิ่งใด”จงหลี่นำบางสิ่งออกมาจากหน้าอก กู้หว่านเยว่จ้องมอง นี่ไม่ใช่พลุสัญญาณที่นางเอาไว้ให้องครักษ์จันทราสื่อสารกันหรือ?“พลุสีน้ำเงินนี้”“นี่เป็นสิ่งที่จิ่งสิงมอบให้ข้า ก่อนจะออกจากต้าฉี”“ท่านพี่?”กู้หว่านเยว่อึ้งเล็กน้อย ต่อมาในใจรู้สึกอ่อนยวบ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยต้องเป็นเพราะท่านพี่สังเกตเห็นแต่แรกว่าพี่ใหญ่ตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นจึงมอบตำรับพลุสีน้ำเงินให้พี่ใหญ่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะละเอียดอ่อนเช่นนี้“ดูสิ กลจะเริ่มขึ้นตอนนี้แล้วนะ”จงหลี่จุดพลุสีน้ำเงินขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากพลุสีน้ำเงินถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั่วทั้งวังหลวงราวกับมีกลไกบางอย่างถูกเปิดออก ทั่วทุกทิศรอบด้านมีพลุหลากหลายสีสันถูกจุดขึ้นพลุเหล่านี้ไม่ใช่พลุทั่วไป ล้วนถูกจุดจากใต้พื้นดินแล้วระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกครั้งที่ระเบิดกลางอากาศ เมื่อร่วงสู่พื้นดินได้ทำให้เกิดอานุภาพที่รุนแรงไม่สิ้นสุดปัง ปัง ปัง!เสียงดังอึกทึก“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีบางอย่างระเบิดแล้ว”“รีบหนีเร็ว ใต้ดินมีบางอย่างระเบิดแล้ว”“สวรรค์ นี่คือสิ่งใดกัน?”ทั่วทั้งวังหลวงมีเสียงร้องโหยหวนดังระงม ภาพที่ชุลมุนวุ่นวายยิ่ง
แคว้นฮวาเยี่ยน แม้จะไม่เคยได้ยิน แต่อย่างไรก็เป็นแคว้นแห่งหนึ่ง บางทีภายหน้าอาจมีประโยชน์กู้หว่านเยว่ปล่อยมือ“ได้ ข้าจะปล่อยเจ้า”“แค่กแค่ก ขอบคุณมาก”เผยหยวนกุมคอหอยตัวเอง กระแอมสองทีขณะนี้ นอกภูเขาเทียมเกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองจึงปิดปากพร้อมกัน เพียงแต่ครั้งนี้เสียงฝีเท้าไม่ได้ผ่านด้านนอกภูเขาเทียมไป กลับพุ่งเข้ามาภายในภูเขาเทียม“ถอยหลัง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งเสียงเย็น ตรงปลายนิ้วปรากฏเข็มเงินห้าเล่มเมื่อเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า กู้หว่านเยว่เตรียมยิงเข็มเงินในมือออกไป ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นชัดเจน กลับชะงักอยู่ที่เดิม ต่อมาขอบตาเปียกชื้น“น้องเล็ก”จงหลี่ที่อยู่ในชุดยาวสีขาวนวลยืนอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าอ่อนโยนรูปร่างสูงโปร่ง เป็นรอยยิ้มที่เอ็นดูเจือความห่วงใยน้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขนาดนั้น ทำให้กู้หว่านเยว่ราวกับตกอยู่ในความฝัน“พี่ใหญ่?”“ข้าเอง”จงหลี่ยิ้มพร้อมกางแขนออก แล้วกอดกู้หว่านเยว่ที่กำลังวิ่งเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน“น้องเล็ก ลำบากเจ้ามาตลอดทางแล้ว”กู้หว่านเยว่ดีใจมาก ตัวนางดีใจยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีกโดยเฉพา
“ดูท่า ตอนอยู่บนรถม้าใช่ว่าเจ้าจะไม่ฟังสิ่งใดเลย อย่างน้อยเจ้าก็จำชื่อของข้าเอาไว้แล้ว”กู้หว่านเยว่มองสำรวจเขาหนึ่งครั้ง “เพลิงไหม้ในตำหนักเจ้าเป็นคนจุดหรือ?”“ถูกต้อง” เผยหยวนพยักหน้า“เพราะเหตุใด?”คนผู้นี้ไม่ใช่บอกว่าอยากมาเปิดหูเปิดตาไม่ใช่หรือ นี่ไม่ใช่วิธีการที่อยากมาเปิดหูเปิดตาเผยหยวนยิ้มเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “เหตุใดข้าจึงทำเช่นนี้ เจ้าน่าจะเข้าใจถึงจะถูกนะ องค์หญิงน้อยแห่งตงโจว”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว แม้แววตาจะแปลกใจ แต่กลับไม่ลนลาน“เจ้ารู้สถานะของข้าตั้งแต่แรก เจ้าคือใคร?”เผยหยวนยิ้มขมขื่น จู่ๆ ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้น ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที“คนของหน่วยลาดตระเวนตามมาถึงนี่แล้ว อีกเดี๋ยวค่อยอธิบายกับเจ้า”“เข้าไปหลบในภูเขาเทียมก่อน”กู้หว่านเยว่พาเขาหายเข้าไปในภูเขาเทียม มือยังไม่ลืมบีบคอเผยหยวนเอาไว้“บอกสถานะของเจ้ามา”ในดวงตานางมีจิตสังหาร ถูกผู้อื่นรู้สถานะ แต่นางกลับไม่รู้สถานะของอีกฝ่าย ความรู้สึกนี้ไม่ดีนัก“ต่อให้ข้าบอกองค์หญิงน้อยไปแล้ว เจ้าก็ไม่รู้หรอก” เผยหยวนยิ้มเจื่อนกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว “ไม่ต้องพูดมาก ตอบคำถาม