เสี่ยวหง สาวน้อยผู้มีชะตาอาภัพ ถูกเก็บมาเลี้ยงดูเพื่อแก้เคล็ดการให้กำเนิดทายาทให้กับตระกูลเสี่ยว นางถูกกลั่นแกล้งจากคนในตระกูล ลมหายใจสุดท้ายของนาง ดึงดูดให้ดวงวิญญาณของ หลินเชียนเซียง หมอดูสาวที่หมดอายุไขทะลุมิติมาใช้ชีวิตอยู่ในร่างของนาง ท่ามกลางการค้นหาความจริงว่านางเป็นใครมาจากไหน ทำให้นางได้พบกับ อวิ๋นหลัวซี ซื่อจื่อจวนโหวตระกูลอวิ๋น ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ว่าเขานั่นเมามายสุรา จิตไม่ปกติ และเขานั้นยังหน้าตาคล้ายกับรุ่นพี่ที่นางแอบชอบในโลกปัจจุบันอีกด้วย การค้นหาความจริงนี้นำพานางให้ไปเกี่ยวพันกับ หยางเส้าเฉิน องค์รัชทายาทผู้ที่ตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อนาง ไม่สนถูกผิดขอเพียงได้นางมาครอบครองเขาก็ยอม
View Moreราชวงศ์ต้าโจว
จวนตระกูลเสี่ยว
หลินเชียนเซียงลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ หนาวเสียจนร่างกายของนางสั่นระริก สายตากวาดมองไปโดยรอบพบเพียงห้องแคบๆ สภาพทรุดโทรม นางค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นมานั่งพิงกายกับเสาไม้
ที่นี่คือที่ไหนกันนะ!!!
หลินเชียนเซียงมองไปโดยรอบด้วยความมึนงง นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้นางกำลังอยู่ที่สำนักดูดวงประจำตระกูลหลิน อาชีพประจำตระกูลที่สืบทอดมาจากสวรรค์ ช่วยเหลือทุกข์ภัยอันโหดร้ายให้แก่เพื่อนมนุษย์ แต่ระหว่างที่นางกำลังนั่งทำสมาธิดูดวงให้ลูกค้าท่านหนึ่ง นางรู้สึกเหมือนหัวของนางกำลังระเบิดมันปวดจนนางหมดสติไม่รู้ตัว
"นายหญิง นายหญิงท่านฟื้นแล้ว"
เสียงใสกระจ่างดังอยู่ข้างหูของหลินเชียนเซียง นางหันไปมอง มู่มู่ แมวเทพเก้าหางของนางที่กำลังมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย
มันเป็นแมวประจำตระกูลรุ่นบรรพบุรุษที่ตกทอดมาสู่รุ่นของนาง
"มู่มู่ ที่นี่ที่ไหน ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้"
"นายหญิง ท่านข้ามภพมาอยู่ในร่างของแม่นางเสี่ยวหง"
"เสี่ยวหง!!!? ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร"
"นางเป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีเสี่ยวเถียน"
หลินเชียนเซียงกะพริบตาปริบๆ มู่มู่มันกำลังจะบอกนางว่า นางตายจากโลกปัจจุบันมาอยู่ในร่างของหญิงโบราณเช่นนั้นหรือ
"นายหญิงร่างกายนี้อ่อนแอมาก ให้ข้าช่วยท่านก่อนเถิด"
มู่มู่ส่ายหางของมันสะบัดไปมา ก่อนจะเกิดพลังปราณอันอบอุ่นสายหนึ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของหลินเชียนเซียง อาการหนาวที่แทบจะปลิดชีวิตของนางพลันจางหายไป ความอบอุ่นเข้ามาแทรกแทนที่ หลินเชียนเซียงรู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว
หลินเชียนเซียงค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงไปที่กระจกผุๆ เก่าๆ ที่มุมด้านในห้องนั้น
พลันสายตาของนางก็พบเข้ากับหญิงสาวนางหนึ่งดูแล้วน่าจะอายุประมาณสิบสี่ปี ใบหน้าของนางงดงามอ่อนหวานชวนหลงใหล แต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนแอโศกเศร้าจนเกินจะบรรยาย
หลินเชียนเซียงหลับตาลงเพ่งสมาธิมองย้อนกลับไปอย่างช้าๆ
แม่นางเสี่ยวหงผู้นี้ชะตาอาภัพนัก นางเป็นบุตรสาวคนโตที่แทบจะไร้ตัวตนด้วยซ้ำ บิดาไม่ไยดีนาง มารดาก็ยังรักน้องสาวมากกว่านาง ที่โหดร้ายไปมากกว่านั้น นางหลงรักชินอ๋องหยางเทียนฉี เขาให้คำสัญญาว่าจะสู่ขอนางเป็นชายาเอกแต่สุดท้ายเขาก็ผิดคำสัญญาขอถอนหมั้นกับนาง และขอพระราชโองการสมรสจากฝ่าบาท สู่ขอ เสี่ยวชิง น้องสาวของนางไปเป็นชายาเอกแทน
หลินเชียนเซียงขมวดคิ้วแน่น เหตุใดเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ช่างไม่ปกติ แต่ไม่ปกติตรงไหนนางก็ไม่อาจทราบได้
บิดามารดาที่สมควรจะรักและทะนุถนอมบุตรของตน เหตุใดสายตาที่มองมากลับเย็นชาห่างเหินเช่นนี้
"นายหญิงไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอกขอรับ แม่นางน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วไม่ใช่บุตรสาวสายเลือดเดียวกับตระกูลเสี่ยว นางเป็นเพียงเด็กที่ท่านเสนาบดีขอมาเลี้ยงจากชาวบ้านผู้หนึ่ง"
"เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ล่ะ"
"ตอนนั้นสองผัวเมียคู่นี้ยังไม่มีทายาทเป็นเด็กหญิง มีเพียงบุตรชายคนโตนามว่า เสี่ยวไป๋ พวกเขาอยากได้บุตรสาวจึงไปหาหมอดูดวงชะตา หมอดูท่านนั้นแนะนำให้หาเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงเพื่อแก้เคล็ดขอรับ"
หลินเชียนเซียงเบะปากอย่างดูแคลน อยากจะเห็นหน้าหมอดูคนนั้นนัก จะรู้ตัวบ้างรึไม่ว่าทำให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องทรมานขนาดนี้
ทุกภาพที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของหลินเชียนเซียงมีเพียงความอ้างว้าง เจ็บปวด โหยหา ก่อนที่ทุกอย่างจะสลายหายไป
หลินเชียนเซียงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่ไหลลงมาเอ่อคลอสองแก้ม นางใช้มือเช็ดมันออกอย่างไม่ใส่ใจ
"ว่าแต่เสนาบดีผู้นี้ไปเจอเสี่ยวหงจากที่ไหน แล้วชาวบ้านคนนั้นเป็นใครเจ้ามองเห็นหรือไม่"
"ไม่ขอรับ ข้าพยายามแล้วแต่ก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย ดูท่าปัญหานี้นายหญิงคงต้องเป็นคนแก้เองแล้วขอรับ"
ให้ตายสิ!!! จะให้ย้อนเวลามาทั้งทีทำไมต้องมาอยู่ในร่างของคนอ่อนแอเช่นนี้ด้วยนะ ไม่เหมือนในนิยายที่นางชอบอ่านเลย!!! ซ้ำร้ายยังมาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่อีก ปวดใจชะมัด!!!
เมื่อมองไปที่มู่มู่ สายตาของหลินเชียนเซียงก็เป็นประกายวาววับ
"มู่มู่ เจ้ามีวิธีพาข้ากลับไปโลกอนาคตมั้ย"
มู่มู่ส่ายหน้าไปมาอย่างแมวหมดหวัง
"ลิขิตสวรรค์ไม่อาจฝืนได้ นายหญิงทำใจเสียเถิด ร่างเดิมของท่านหมดสิ้นอายุขัยแล้ว ท่านกับสาวน้อยนางนี้มีชะตาผูกกันไว้ ข้าไม่สามารถช่วยท่านได้"
"แล้วเหตุใดเจ้าจึงตามข้ามาที่นี่ได้เล่า"
"คำสั่งจากเบื้องบนให้ข้าคอยคุ้มครองท่านตลอดเวลา"
หลินเชียนเซียงพยักหน้าอย่างคนสิ้นหวัง เหตุใดสวรรค์ถึงแกล้งนางเช่นนี้นะ!!! นางเคยอยู่ในโลกแห่งความเจริญ นางชอบเที่ยวไปทั่วทุกที่ สังสรรค์กับมิตรสหาย โลกที่มีแต่ความเจริญจากทุกมุมโลก ให้นางมาอยู่ในที่เช่นนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เมื่อมองไปในกระจกสะท้อนเงาภาพหญิงสาวเยาว์วัยตรงหน้า นางทำได้เพียงถอนหายใจออกมา
"เอาเถิด ไหนๆ ฉันก็มาอยู่ในร่างของเธอแล้ว จะช่วยเธอสะสางปัญหาคาใจเอง"ต่อไปนี้นางคือเสี่ยวหง เจ้าของร่างนี้อย่างถาวร เสี่ยวหงคนใหม่ที่ใครก็ต้องยอมก้มหัวให้
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่!!!"
เสียงกระซิบไม่ดังและไม่เบานักจากด้านนอกปลุกให้สติของเสี่ยวหงกลับคืนมา นางหันไปมองมู่มู่ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงเสียงที่ลอยมากระทบหูของนางบางเบา
"นางคืออิ๋งเอ๋อร์ สาวใช้ข้างกายคนสนิทของท่าน"
เสี่ยวหงพยักหน้าว่านางเข้าใจแล้ว ก่อนจะเดินไปเปิดประตูออก แต่ทว่าเหมือนห้องจะถูกล็อกจากด้านนอก
"คุณหนูใหญ่ ฮึก ท่านอดทนอีกนิดนะเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าเดินทางกลับจากไปขอพรที่วัดแล้ว ฮือ สวรรค์คุ้มครองคุณหนูของข้าด้วย"
เสียงร่ำไห้ที่แหลมสูงแทบจะบาดแก้วหูของเสี่ยวหง นางยกมือขึ้นนวดที่ศีรษะก่อนจะส่งเสียงออกไป
"ข้าสบายดีอิ๋งเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องห่วง"
"ฮืออ คุณหนูใหญ่ บ่าวกำลังไขกุญแจให้ท่านนะเจ้าคะ"
ไม่นานประตูบานนั้นก็เปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มนางหนึ่งที่วิ่งโผมาหานางทั้งน้ำตา
"ฮืออ สวรรค์คุ้มครองแท้ๆ"
"เดี๋ยวๆ อิ๋งเอ๋อร์ ข้าหายใจไม่ออก"
อิ๋งเอ๋อร์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางกอดรัดเสี่ยวหงแน่นเกินไป นางรีบคลายมือออกก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
"ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นใครกัน?"
"เอ๋? คุณหนูจำท่านย่าไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ โธ่!!! คุณหนูของบ่าวถูกคุณหนูรองทุบตี ให้อดข้าวสามวันจนสติเลอะเลือนไปแล้ว"
ทุบตี? อดข้าวสามวัน!
เสี่ยวหงสบถออกมาในใจอย่างชิงชัง ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว ตอนที่นางยังเป็นหลินเชียนเซียงใครที่มันทำให้นางไม่ได้กินข้าวแม้แต่มื้อเดียวนางจะทุบตีให้มันหลาบจำ ร่างนี้ก็ช่างอดทนมาจนป่านนี้ได้ ดวงชะตาช่างแข็งแกร่งไม่น้อย
"เอาละ เจ้าหยุดร้องไห้แล้วพาข้าไปหาท่านย่าเร็วเข้า"
เสี่ยวหงมองอิ๋งเอ๋อร์ที่รีบนำทางนางพาไปหาฮูหยินผู้เฒ่า ถึงขนาดช่วยนางออกมาได้คงจะเป็นมิตรไม่น้อย
งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง
อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ
หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี
เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข
อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย
หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา
Comments