อีกทั้งเหล่านี้ ล้วนมีภาพของบุรุษที่ชื่อ “เหยียนจื่อ” อย่างไม่มีข้อยกเว้น เขาเป็นใคร? ทำไมถึงมาปรากฏอยู่ในความยึดติดนี้? กู้หว่านเยว่อยากเดินเข้าไปดูหน้าตาของบุรุษที่อยู่ในฉากเหล่านี้ชัด ๆ แต่เรื่องที่น่าเสียดายก็คือฉากเหล่านั้นเหมือนโมเสก ได้ยินเสียงชัดเจน แต่อยากเห็นหน้าชัด ๆ กลับทำไม่ได้ “นายท่าน ภาพเหล่านี้คือความทรงจำ ความจำย่อมเลือนรางเป็นธรรมดา” ระบบเอ่ยอย่างอ่อนโยน กู้หว่านเยว่กัดฟันกรอด แต่ในฉากเหล่านี้ นางพอจะมองออกบ้าง บุรุษที่ชื่อเหยียนจื่อคนนี้น่าจะชอบ “นาง” ฉากทั้งหมดล้วนเป็นความทรงจำของพวกเขาสองคน เขามักจะหาของสดใหม่มาให้นางอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นเขาจะทำอาหารของโลกมนุษย์ให้นาง ไม่ก็เล่าเรื่องราวของโลกภายนอกให้นางฟัง “ดูเหมือนนางจะถูกขังอยู่ในนี้ ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่น ครั้นได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่ นี่คือปฏิกิริยาแรกของเขา “ท่านพี่ ท่านพูดถูก ดูจากฉากก่อนหน้าเหล่านั้น เทพเจ้าเหยากวงน่าจะถูกขังอยู่ที่นี่” กู้หว่านเยว่เดินเข้าลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในคือห้องนั่งเล่น นางใช้ปลายนิ้วแตะลงบนโต๊ะ “น้องหญิง เจ้าดูนี่ ในนี้คือชิ้นส่วนชิ้นหนึ่ง” ซูจิ่งสิงตาแห
กู้หว่านเยว่ยังอยากดูฉากตรงหน้าอีก แต่เสียงที่ข้างหูกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้นางก็ได้กลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง “ท่านพี่ เป็นอย่างไรบ้าง?” ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “เมื่อครู่หลังจากที่เจ้าแตะโดนกระถางใบนี้ ก็หลับตาทันที นิ่งไม่ขยับ เรียกเท่าไหร่เจ้าก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง” กู้หว่านเยว่รีบดึงมือกลับ หากไม่ใช่เพราะซูจิ่งสิงพูดเอง นางก็คงไม่รู้ว่าเมื่อครู่นางหลับตา? ฉากเหล่านั้นเหมือนกับฉากในภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น จู่ ๆ มันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง นางไม่รู้ตัวว่าถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก “พอจะยื้อได้นานแค่ไหน?” “ครึ่งก้านธูป” หนึ่งก้านธูปคือสามสิบนาที ครึ่งก้านธูปก็น่าจะประมาณสิบห้านาที มิน่าล่ะซูจิ่งสิงจึงได้ร้อนใจเช่นนี้ “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นไร แต่เมื่อครู่ตอนที่ข้าแตะโดนกระถางต้นไม้ใบนี้ กลับเห็นฉากบางอย่าง” กู้หว่านเยว่พบว่าซูจิ่งสิงหยิบกระถางต้นไม้ขึ้นมา แต่แววตาของเขายังคงสดใส “ฉากอะไร?” “ท่านไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?” ซูจิ่งสิงส่ายหน้า กู้หว่านเยว่มั่นใจแล้วว่าฉากเหล่านี้มีเพียงนางที่มองเห็น ส่วนซูจิ่งสิงไม่เห็น ไม่นาน กู้หว่านเยว่ก็ตัดสินใจว่าจะพา
“ไป เราเข้าไปดูกันเถอะ”ซูจิ่งสิงจูงมือของกู้หว่านเยว่พาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ซึ่งในส่วนลึกของถ้ำมีร่องรอยของการใช้ชีวิตอยู่ไม่น้อยนางพอจะมองออกว่าสตรีผู้นั้นเคยอยู่ที่นี่มาก่อน นางเป็นคนที่หลงใหลในการใช้ชีวิตมากคนหนึ่ง ถึงขั้นปลูกต้นไม้เอาไว้หลายกระถาง“ท่านพี่ ช้าก่อน” สายตาที่เฉียบแหลมของกู้หว่านเยว่สังเกตเห็นบางอย่างที่มีสีเขียวนางรีบวิ่งเข้าไป กระถางต้นไม้ด้านในสุด พบว่ามีดอกบัวห้ากลีบที่อุดมสมบูรณ์มากดอกหนึ่ง“นี่คือดอกฮั่นเหลียน แถมยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย!”กู้หว่านเยว่เคยอ่านบันทึกของดอกฮั่นเหลียนในตำราโบราณ ดอกฮั่นเหลียนดอกนี้เติบโตในดินที่มีลักษณะคล้ายกับดอกบัว แต่มันกลับไม่ได้ต้องการน้ำเหมือนกับดอกบัว มันสามารถเติบโตในดินทั่วไปได้ ต่อให้จะไม่เคยรดน้ำเลยเป็นพันปีมันก็ยังมีชีวิตรอดเพราะใบของมันค่อนข้างพิเศษ สามารถดูดซับน้ำในอากาศได้ ขอแค่อากาศโดยรอบไม่ได้แห้งแล้ง มันก็จะไม่ขาดแคลนน้ำ“นี่คือสมุนไพรที่มีมูลค่าที่สุด คาดไม่ถึงว่าจะเจอมันที่นี่”กู้หว่านเยว่ไม่อยากได้ไข่มุกเงือกที่เจอเมื่อครู่ แต่เวลานี้นางจะพลาดดอกฮั่นเหลียนตรงหน้าของนางไม่ได้เด็ดขาด“ดูท่าทางเจ้าของถ้ำพ
ซูจิ่งสิงก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง พอจะเปิดได้หรือไม่?”“ได้ แต่ต้องรอหน่อย”ซูจิ่งสิงถอนหายใจเบา ๆ กลไกนี้ค่อนข้างซับซ้อนมาก แต่สำหรับเขาแล้วไม่ใช่อุปสรรค แค่ต้องใช้เวลามากหน่อยถึงจะเปิดได้เหลืออีกไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้นไม่นาน กู้หว่านเยว่ก็ได้ยินเสียง “แกร็ก”เสียงที่ดังออกมาจากด้านในกลไกดูคล้ายกับเสียงของกุญแจ จากนั้นประตูหินตรงหน้าก็เริ่มเคลื่อนไหว ทำให้ฝุ่นและเศษหินที่อยู่ด้านบนตกกระจายลงมาเป็นจำนวนมาก“ประตูหินเปิดแล้ว”กู้หว่านเยว่ตื่นตกใจอย่างมาก นางรู้ว่าการพาสามีของตัวเองมาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ไป เรารีบเข้าไปดูกันเถอะ”เวลาไม่เคยคอยท่า นางกลัวว่าประตูหินจะปิดอีกครั้ง กู้หว่านเยว่จึงรีบจูงมือของซูจิ่งสิงเข้าไป ทั้งสองคนเดินทะลุประตูหินเข้าไปหลังจากผ่านประตูหินมาแล้ว ภายในกลับไม่มีจิตรกรรมฝาผนังอะไรนั้นอีกแล้วจู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านว่าที่แห่งนี้ดูคุ้นตาหรือไม่เจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงเองก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้“ดูคุ้นตาจริง ๆ ด้วย จำถ้ำสมบัติที่เราพบโดยบังเอิญที่ก้นทะเลสาบเจดีย์หนิงกู่ได้หรือ
ในช่วงก่อนรุ่งสาง กู้หว่านเยว่ถูกระบบปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน“นายท่าน ตื่นได้แล้ว เจอถ้ำสมบัติแล้ว!”กู้หว่านเยว่สะดุ้งตื่นทันที “เอาแผนที่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้”ไม่นานนัก แผนที่ฉบับหนึ่งก็ถูกถ่ายทอดเข้ามาในหัวของกู้หว่านเยว่ ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดสนิท แต่กู้หว่านเยว่รอต่อไปไม่ไหวแล้ว นางอยากจะพุ่งตรงไปยังถ้ำสมบัตินั้นเสียตอนนี้“ท่านพี่ เจอถ้ำสมบัติแล้วเจ้าค่ะ เราออกเดินทางกันเลยดีหรือไม่?” กู้หว่านเยว่ถามความคิดเห็นของซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงค่อนข้างไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อคนข้างกายเริ่มขยับ เขาก็ตื่นทันที“ได้สิ”เขาพยักหน้าเห็นด้วย รู้ว่ากู้หว่านเยว่อยากค้นหาสมบัติแล้วทั้งสองคนรีบแต่งกายให้เรียบร้อย ช่วงเวลานี้ยังคงมืดสนิท อุณหภูมินอกกระโจมแทบจะติดลบยี่สิบองศา กู้หว่านเยว่หยิบถุงร้อนจำนวนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ ก่อนจะแปะติดตามตัวของตัวเองและซูจิ่งสิง แล้วทิ้งข้อความให้ลั่วหรงหนึ่งแผ่น จากนั้นก็พาซูจิ่งสิงพุ่งไปยังถ้ำนั้นทันที“ปากถ้ำสมบัติแห่งนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง มิน่าล่ะเราถึงหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเสียที”กู้หว่านเยว่เห็นหิมะกองโตขวางอยู่ไม่ไกลนัก เผยให้เห็นปากถ้ำอยู่เลือนราง ก่อน
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ทางนั้น กลิ่นหอมของเนื้อหมีย่างก็ยิ่งชัดเจน กู้หว่านเยว่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น มองเห็นคนนั่งล้อมวงอยู่ข้างกองไฟอย่างรวดเร็ว บนกองไฟมีเนื้อหมีย่างอยู่หลายชิ้นห่างออกไปไม่ไกล ยังมีทหารรับจ้างอีกสองคนกำลังจัดการหมีอยู่ข้างธารน้ำแข็ง“ทุกส่วนของร่างกายหมีตัวนี้ล้วนล้ำค่า หนังหมีถลกออกมาได้ อุ้งเท้าหมีสามารถทำยาได้ เนื้อหมีตากลมกลายเป็นเนื้อแดดเดียว เพียงพอให้พวกเรากินระหว่างเดินทางได้อีกนานมากนัก”ลั่วหรงยิ้มพลางเดินเข้ามา ส่งแผ่นรองกันน้ำให้พวกเขาคนละแผ่น เรียกพวกเขามานั่งหากไม่ใช่เพราะหมีตัวนี้ทำร้ายสหายของเขา เขาก็คร้านจะยุ่งด้วยกู้หว่านเยว่นั่งลงมองพวกเขาย่างเนื้อ หยิบเครื่องปรุงออกจากมิติอย่างใจกว้าง“เนื้อย่างนี้ไม่มีรสชาติ ข้าที่นี่มีเครื่องปรุง ลองโรยดูเถอะ”ลั่วหรงเห็นนางหยิบออกจากห่อสัมภาระก็ไม่คิดมากนัก เดินเข้าไปรับ เปิดออกดมดูก็ได้กลิ่นหอมอบอวล“ภายในนี้ใส่สิ่งใดเอาไว้ หอมเพียงนี้?”กลิ่นหอมนี้ตลบอบอวล ลั่วหรงสาบานว่าไม่เคยได้กลิ่นหอมชวนให้คนน้ำลายสอเพียงนี้มาก่อน“ยี่หร่า ผงพริก ผงพะโล้ เมล็ดงา...”กู้หว่านเยว่เอ่ยชื่อเครื่องเทศออกมา ลั่วหรงฟังเ