Share

บทที่ 6

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-02 07:01:36

ยามฟ้าสางรุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองเริ่มจับขอบฟ้า หมู่สกุณาเริงร่าร้องขับขาน เยว่อวิ๋นถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงพูดคุยเล็กๆ

“ท่านพี่ ข้าหิวแล้ว” เสียงที่พอฟังออกว่าเป็นเด็กหญิงดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงตอบกลับจากเด็กชาย “ชู่ เบาๆ นางตื่นแล้ว”

เยว่อวิ๋นลืมตาเหม่อมองหลังคาอยู่พักหนึ่ง นางนอนฟังเจ้าของเสียงคุยกัน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นขึ้นนั่งช้าๆ

ดวงตากลมหรี่มองไปทางที่มาของเสียง เห็นเพียงบานประตูที่ถูกแง้มเปิดไว้เท่านั้น หญิงสาวพลันเลิกคิ้วเล็กน้อยทว่าไม่เอ่ยวาจา

เห็นว่าเจ้าของเสียงไม่กล้าปรากฏกาย เยว่อวิ๋นจึงรั้งสายตากลับมายังร่างบุรุษข้างกายพลางย่นจมูกเล็กน้อย กลิ่นเนื้อเน่าที่ลอยปะปนมากับกลิ่นอับชื้น บอกให้รู้ว่าสภาพบาดแผลของคนผู้นี้ย่ำแย่มากแค่ไหน

ฉับพลันเสียงโครกครากก็ดังจากส่วนกลางลำตัว เยว่อวิ๋นละความสนใจจากสามีหมาดๆ ของตน นางข่มอาการวิงเวียนที่ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเพราะแผลที่ศีรษะหรือความหิวลงท้อง พลางลุกก้าวเดินออกจากห้อง

อย่างไรเสียก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน หาอะไรกินลงท้องก่อน แล้วค่อยมาดูหน้าสามีที่เพิ่งแต่งกันก็ยังไม่สาย ที่สำคัญนางต้องการดูท่าทีของอีกฝ่ายด้วย

อนาคตนางจะช่วยเหลือคนผู้นี้หรือไม่ยังต้องไตร่ตรองดูให้ละเอียดสักหน่อย

เยว่อวิ๋นเดินสำรวจตัวบ้านมาจนถึงห้องครัวด้านหลัง หญิงสาวมองข้าวของที่วางกองไว้อย่างไร้ระเบียบด้วยใบหน้าว่างเปล่า ข้าวสาร ไข่ และผักตากแห้งพวกนี้คงเป็นสิ่งที่แม่สามีของนางทิ้งเอาไว้ให้ แม้มีไม่มากมายนักทว่าก็ยังพอให้ประทังชีวิตไปได้สักสองสามวัน

เพียงแต่ว่าเมื่อยามสายตามองเห็นสิ่งเหล่านี้ เยว่อวิ๋นก็พลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้

อืม…ดูเหมือนว่านางจะทำอาหารไม่เป็นสินะ…

มุมปากแห้งกร้านบิดเบี้ยวเล็กน้อย เยว่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง อดยกมือขึ้นกุมขมับไม่ได้ นางที่อดีตเคยถูกยกย่องว่าเป็นแม่ทัพผู้เชี่ยวชาญการรบเก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ มายามนี้กลับต้องสิ้นท่าอยู่หน้าข้าวสารเสียนี่

ต่อให้ไม่เคยกินหมูแต่ก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่งมาบ้าง [1] ถึงนางจะไม่เคยทำอาหาร แต่ตอนมีชีวิตอยู่ชาติก่อนก็ยังเคยเห็นพ่อครัวในกองทัพต้มข้าวเลี้ยงทหารยามไปตั้งค่ายออกรบมาก่อน ดูแล้วก็น่าจะไม่ยากจนเกินทำ

ขนาดยาลูกกลอนนางยังปรุงออกมาได้เลย นับประสาอะไรกับอีแค่การต้มข้าวกัน เรื่องแค่นี้นับว่าเล็กน้อยมาก

คิดจบ กำลังใจก็เพิ่มพูน หญิงสาวมองหาหม้อจนเจอในที่สุด นางเทข้าวสารลงไปเกือบครึ่งที่มี ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเศษผงและดินที่ผสมปนเปอยู่ในนั้น

เอาเถอะ ถึงอย่างไรมีกินก็ยังดีกว่าไม่มี แม้ข้าวสารจะเก่าและสกปรกไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยให้อิ่มท้องได้เหมือนกัน อีกทั้งในบ้านยังมีคนป่วยกับเด็กรอกินอาหารอยู่ด้วย

โชคดีที่ตอนเดินทัพนางเคยก่อกองไฟ ทำให้ไม่นานไฟในเตาก็เริ่มปะทุ เยว่อวิ๋นเป่าลมด้วยความโล่งอก นางมองเงาร่างเล็กๆ สองเงาที่แอบอยู่นอกประตูพลางยกหม้อขึ้นตั้งไฟ

“ท่านพี่ นางกำลังทำอาหารใช่หรือไม่ นางจะแบ่งให้พวกเรากินด้วยไหม” เด็กหญิงถามพี่ชายเสียงเบา ในแววตามีความคาดหวังฉายอยู่เจือจาง

รู้ว่าน้องสาวถามเพราะความหิว ต้าเป่าไม่อยากทำลายความหวัง ทว่าในใจเด็กชายกลับรู้ดีว่าเป็นไปได้ยากนัก ใบหน้าเล็กๆ ที่ซูบเหลืองจึงเผยให้เห็นความอึดอัดคับข้องใจที่เด็กวัยนี้ไม่ควรมี

นับตั้งแต่ท่านพ่อของเขาป่วย คนในครอบครัวที่เคยทำดีด้วยก็เปลี่ยนไป พวกเขาสองพี่น้องถูกใช้ให้ทำงานทุกอย่างที่ทำได้ ทว่าท้องกลับไม่เคยได้สัมผัสความอิ่มหนำเลยสักครั้ง

ต้าเป่าเป็นเด็กฉลาด คำพูดกับการกระทำของญาติๆ เหล่านั้น ทำให้เขารู้ว่าพวกตนกับบิดาถูกมองว่าเป็นภาระที่แม้แต่ย่าของตัวเองก็ยังไม่ต้องการ

ทว่าถึงรู้แล้วอย่างไร เขากับน้องสาวเพิ่งจะอายุห้าขวบ บิดาก็ป่วยหนักไม่อาจดูแลตัวเอง หากถูกไล่ออกจากบ้านสกุลเซี่ยไป ไม่ต้องรอให้ถึงฤดูหนาวมาเยือน ก็คงได้อดตายกันหมดเป็นแน่

เพราะรู้ซึ้งถึงข้อนี้ เด็กชายจึงพยายามอดทนต่อความยากลำบาก ยอมทำงานที่ได้รับมอบหมายในทุกวันอย่างสุดชีวิต หวังเพียงให้บิดากับน้องสาวยังได้มีที่พึ่งพิง แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดไร้เดียงสาของเขาเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

เห็นผู้เป็นย่ารีบร้อนแต่งภรรยาใหม่ให้บิดา แม้ในใจลึกๆ ต้าเป่าจะรู้สึกอึดอัด ทว่าก็ยังมีความยินดีปรีดาท่วมท้น เพราะเด็กน้อยเชื่อว่าการที่ท่านย่าตนทำเช่นนี้เพราะเอาใจใส่ท่านพ่อของเขานั่นเอง หารู้ไม่ว่า…

“พี่เองก็ไม่รู้” ขนาดคนที่เป็นญาติแท้ๆ ยังไม่ต้องการสิ้นเปลืองกับพวกเขาพี่น้อง แล้วคนอื่นอย่างผู้หญิงคนนั้นจะยินยอมหรือ “น้องสาว เจ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ นางเป็นคนนอก พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่”

ต้าเป่าจำได้ว่าในหมู่บ้านเคยมีครอบครัวหนึ่ง บิดาเป็นพ่อม่ายลูกติดได้แต่งภรรยาใหม่ สตรีผู้นั้นไม่เพียงใช้งานลูกติดสามีอย่างหนัก ทั้งยังทารุณทุบตี ซ้ำพอหลังจากตั้งท้องอีกฝ่ายก็กล่อมให้เขาขายลูกภรรยาเก่าไปอีกด้วย

เมื่อมีแม่เลี้ยงก็จะมีพ่อเลี้ยงไปด้วย สองสามวันมานี้เด็กชายได้ยินประโยคนี้จากปากของหลายคน แน่นอนว่าจุดประสงค์ของคนพวกนั้นไม่ได้ดีแน่ ต้าเป่าที่ระยะหลังมักได้เผชิญกับคลื่นลมภายในใจคนก็พอมองออกอยู่บ้าง

สองพี่น้องพูดคุยโต้ตอบกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พวกเขาคิดว่าตัวเองแอบซ่อนดีแล้ว ทว่าไม่รู้เลยว่าทุกถ้อยคำถูกคนที่ตนกล่าวถึงได้ยินเสียแล้ว

เยว่อวิ๋นไม่กังขาในคำพูดโตเกินวัยของเด็กชายเลยสักนิด นางเกิดและเติบโตมาในราชวงศ์ที่ไม่มีผู้ใสซื่อไร้เดียงสา ญาติๆ ของนาง อายุสามขวบก็รู้จักการวางอุบายใส่ผู้อื่นแล้ว

อีกอย่างเด็กนั่นก็แค่เตือนน้องสาวให้ระวังตัวจากนางเท่านั้น ดั่งคำที่กล่าวเอาไว้ แม้ไม่มีจิตที่คิดร้ายทว่าใจป้องกันนั้นยังต้องมีอยู่ [2] มองจากจุดนี้ในใจเยว่อวิ๋นก็นึกชมชอบเจ้าซาลาเปาน้อยนี่ขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

เพียงแต่ต้าเป่าไม่ล่วงรู้ความคิดของเยว่อวิ๋นเลยสักนิด เพราะตอนนี้ความสนใจของเด็กชายถูกการกระทำของนางดึงไปหมดสิ้น จนถึงกับต้องขยี้ตาซ้ำๆ

เขาเห็นนางจุดไฟ นำหม้อออกมาวาง แล้วจัดการเทข้าวสารในถุงลงไปเกินครึ่ง จากนั้นก็ตักน้ำใส่ ก่อนจะยกขึ้นตั้งบนเตาไฟโดยไม่มีการล้างใดๆ

คิดถึงสภาพข้าวผสมเศษดินเศษกรวดที่เห็นยามแอบเปิดดูเมื่อวาน ต้าเป่าพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย การกินดินโดยตรงทำให้ปวดท้องทรมานแทบตาย เขาที่มีประสบการณ์นั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร แต่เหตุใดสตรีตรงหน้าถึงต้มข้าวโดยไม่ล้างดินออกก่อนกัน

หรือว่าดินกับกรวดพอมาต้มผสมข้าวแล้วจะทำให้คนกินไม่ปวดท้องกัน

เยว่อวิ๋นจะรู้ได้อย่างไรว่าก่อนต้มต้องซาวน้ำล้างข้าว ชีวิตในชาติก่อนของนางล้วนห่างไกลจากห้องครัว

ตอนเด็กไม่มีเหตุผลให้ท่านหญิงน้อยของวังอ๋องไปยุ่งเกี่ยวกับการทำอาหาร ตอนโตยิ่งไม่มีความจำเป็นให้แม่ทัพผู้บัญชาการรบไปทำเรื่องพวกนี้

วัยเด็กนางขอเพียงขยับมือกับปากเสื้อผ้าอาหารก็เตรียมพร้อมรอไว้แล้ว ตอนโตมาแม้แต่ในยามเดินทัพก็มีคนสนิทคอยดูแลการกินอยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภายหลังจากได้พบกับเซี่ยฉงอวิ๋น นางแทบจะถูกคนผู้นั้นขุนเลี้ยงดูเสียจนอ้วนพี

เยว่อวิ๋นอาศัยความทรงจำที่เคยเห็นทหารในกองทัพต้มโจ๊กมาก่อนลงมือทำ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง พอเห็นสีของน้ำข้าวเริ่มดูไม่ต่างจากน้ำโคลน นางก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

“ปกติข้าวต้มควรเป็นสีขาวมิใช่หรือ สีน้ำแบบนี้พอข้าวสุกจะขาวได้อย่างไร”

เสียงบ่นงึมงำของสตรีในห้องครัวดังขึ้น ต้าเป่าฟังแล้วครุ่นคิด ก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตกใจ

นี่คงมิใช่ว่า มารดาคนใหม่ของเขา ทำอาหารไม่เป็นใช่หรือไม่!

เด็กชายคิดแล้วก็ส่ายหน้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ขนาดน้องสาวเขาอายุแค่นี้ ยังต้องช่วยทำงานในครัวเลย แล้วอีกฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหรือจะทำไม่เป็นกระทั่งการต้มข้าวต้มง่ายๆ

คำพูดต่อมาของคนในครัวทำให้ต้าเป่าต้องยอมรับความจริง ว่าคนตรงหน้าพวกเขาไม่รู้กระทั่งวิธีต้มข้าวด้วยซ้ำ

“สุกหรือยังนะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นลอยๆ มือเล็กหยิบเอากระบวยมาตักข้าวสารขึ้นดู ก่อนจะฉวยหยิบเอาเมล็ดสีกระดำกระด่างใส่ปากชิม “ยังแข็งกรุบอยู่เลยนี่นา แล้วมันต้องต้มนานแค่ไหนกัน”

เห็นท่าทางของเยว่อวิ๋น หน้าผากเด็กชายเกิดรอยย่นสามเส้นขึ้นมาทันที

เพิ่งยกหม้อตั้งไฟยังไม่ทันเดือดดีก็ถามแบบนี้แล้ว คนทำอาหารเป็นที่ไหนเขาทำกัน!

[1] เป็นสำนวน หมายถึง เราอาจจะไม่เคยประสบสิ่งนั้นมาด้วยตนเอง แต่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน อย่างไรก็ต้องรู้มาบ้าง

[2] หมายถึง แม้ไม่มีใจคิดร้ายต่อผู้อื่น แต่ก็ต้องมีความคิดปกป้องตัวเอง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ง่าวแต๊ๆ แม่นางเอ๋ย หุงข้าวก็บ่เป็น (คหสต. ไม่รับเห็นต่าง)
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 377

    “ส่งรายงานฉบับนี้ไปให้นาง”เสียงใสที่มิได้แหลมเล็กเหมือนขันทีทั่วไปเอ่ย ใบหน้างดงามของกงกงคนสนิทเรียบเฉยทว่าในแววตากลับปรากฏร่องรอยอำมหิตวูบหนึ่ง ก็แค่แม่ทัพแก่ๆ ที่ทะเยอทะยานคนหนึ่ง คิดว่าตัวเองเป็นใครกันหากไม่เพราะยังต้องการใช้งานสายเบ็ดเช่นอีกฝ่าย เขารับรองเลยว่าจะทำให้เจ้าแก่นี่อยู่ไม่สู้ตาย!น

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 376

    หากทว่าน่าเสียดาย ราชโองการที่เจียหมิงฮ่องเต้ส่งคนมาประกาศนั้น กลับกลายเป็นน้ำเย็นเฉียบที่สาดลดดับไฟความหวังพวกสวีจ้าวเหว่ยจนหมดสิ้น พวกเขายังไม่ทันคิดตรึกตรองว่าการที่ฮ่องเต้ทรงทำแบบนี้หมายความว่าอะไร บรรดาจวนของผู้ที่เคยแสดงท่าทีตกปากรับคำก่อนหน้านี้ ก็พากันส่งคนนำของขวัญที่สองพ่อลูกเอาไปมอบให้กลั

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 375

    หลายปีหลังจากนั้น พวกเขาปะทะกับพวกฉู่กุ้ยเฟยมาโดยตลอด เด็กน้อยสามคนผ่านวันคืนมาอย่างยากลำบาก พวกเขาโอบกอดกันและกันก้าวข้ามผ่านอุปสรรควันเวลาหมุนผ่านไป จีฟ่านสูญเสียครอบครัวกลายเป็นขันที องค์หญิงใหญ่กับฮ่องเต้ก็เสียพระมารดาผู้ให้กำเนิด ในที่สุดก็สามารถเอาคว้าเอาชัยชนะมาไว้ในกำมือ กล้ายเป็นผู้ชนะที่ก

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 374

    ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำชิดติดใบหู ไอร้อนที่มาพร้อมเสียงทุ้มต่ำทำให้เยว่อวิ๋นอดหน้าแดงไม่ได้ ทว่าเมื่อฟังเรื่องราวจากสามีจบ ความสนใจของเยว่อวิ๋นก็ถูกดึงไปที่เรื่องอื่น หลงลืมความรู้สึกกำกวมเมื่อครู่จนหมดสิ้น“ในเมื่อเงินจำนวนนี้ก็คือสิ่งที่น้าของท่านคิดมอบออกมาเพื่อชดเชยให้แก่ท่านแม่ เช่นนั้นข้าคิดว่าม

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 373

    ยามนี้กองทัพตะวันตกต้องการยาเป็นอย่างมาก ทว่าพระองค์ก็ไม่อยากบีบบังคับพี่สาวจีฟ่านฟังแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกแม่ทัพหยางถูกลอบโจมตี มีไพร่พลกำลังคนบาดเจ็บมากมาย ทว่ายารักษาที่ควรจะเตรียมพร้อมไว้กลับขาดแคลน ครั้นพอพบความผิดปกติเขาจึงได้สั่งให้คนตรวจสอบพอสืบทราบถึงได้รู้ว่าทางหอยาหงจือหลินถูกแม่ทัพให

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 372

    ก่อนที่จะเดินทางมาเข้าเฝ้า สวีหยินก็รู้อยู่แล้วว่าราชโองเรียกตัวของฮ่องเต้ในคราวนี้ มากน้อยย่อมมีความเกี่ยวพันถึงข้อพิพาทระหว่างเขากับองค์หญิงใหญ่และหอยาหงจือหลินเหตุการณ์ที่ผ่านมาใช่ว่าสวีหยินไม่เสียใจ เขาในยามนี้นึกเสียใจจนลำไส้เป็นเขียวแล้วด้วยซ้ำ ทว่าต่อให้ภายในใจจะรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน สวีหยินก็ท

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status