แชร์

บทที่ 5

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-01 18:49:55

เยว่อวิ๋นฟังแล้วอดนึกขันไม่ได้ คงต้องบอกว่าคนจำพวกเดียวกันมักจะมองกันออกจริงๆ สินะ ขนาดอีกฝ่ายไม่อยู่ในขบวนรับตัวเจ้าสาวแท้ๆ กลับบรรยายการกระทำของแม่เฒ่าเยว่ได้ชัดเจนชนิดตาเห็นเลยทีเดียว ดูท่าแล้วหญิงชราผู้นี้คงเป็นแม่สามีราคาถูกของนางกระมั้ง

“ท่านแม่ พวกข้าไม่ได้เสียเปรียบให้นางเลยขอรับ” เซี่ยจินกล่าวตอบมารดา ก่อนจะกระซิบเล่าเรื่องการพุ่งชนเสาของเจ้าสาวน้องชายให้นางฟังอย่างละเอียด

อันที่จริงขบวนรับตัวเจ้าสาวของเขาไปถึงหมู่บ้านไป๋นานแล้ว เพียงแต่มีคนบอกเซี่ยจินว่าเจ้าสาวไม่ยินยอมแต่งงานจึงพุ่งศีรษะชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย พอได้ยินดังนั้นเขาจึงหยุดรั้งขบวนรอที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะส่งคนไปดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

ที่เซี่ยจินทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะมีใจเป็นห่วงหน้าตาคนสกุลเซี่ย เพียงแต่เขาเกรงว่าหากตนไปถึงไว แล้วเยว่อวิ๋นผู้นี้จะถูกยายของนางส่งตัวออกมาในสภาพปางตาย ถึงตอนนั้นพวกเขาคงได้รับเอาตัวภาระเข้ามาเพิ่มอีกเป็นแน่

ไปถึงช้าสักหน่อย หากว่าที่เจ้าสาวเกิดตายไปก่อน ก็มีข้ออ้างเปลี่ยนตัวคนแล้ว ระหว่างหลานสาวที่เกลียดชังกับลูกสาวแสนรัก สินเดิมที่ติดตัวมาย่อมแตกต่างกันมากโข คิดถึงตรงนี้แล้วเซี่ยจินก็ภาวนาให้เยว่อวิ๋นรีบๆ ตายไปเสียที

ทว่าน่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง หลังจากถ่วงเวลารอคอยอยู่เนิ่นนานเยว่อวิ๋นกลับไม่ตาย แถมตอนไปรับตัวคน ยายเฒ่าเยว่ยังจ้องจะตามติดเขาเหมือนผีหิวโหย

มองสัมภาระเจ้าสาวที่มีเพียงถุงผ้าเก่าสีมอซอติดตัวมาถุงเดียว เซี่ยจินก็ได้แต่ถ่มน้ำลายด่าในใจว่าช่างสมกับเป็นตัวอัปมงคลเสียจริงๆ

แม่เฒ่าเซี่ยไม่ชื่นชอบเยว่อวิ๋นอยู่เป็นทุนเดิม พอมารู้ว่านางถึงกับยอมฆ่าตัวตายแต่ไม่ยินยอมแต่งเป็นภรรยาลูกชายตน ในใจหญิงชราก็ยิ่งทวีความไม่พอใจ

“นางมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจเจ้ารอง หากไม่เพราะเจ้ารองเป็นแบบนี้ บ้านเซี่ยเรามีหรือจะยอมรับตัวโชคร้ายนาง!”

หลังจากหลิวซื่อตั้งครรภ์เยว่อวิ๋นได้ไม่นาน ผู้เฒ่าเยว่ก็เสียชีวิต จากนั้นก็เป็นเยว่หลินบิดาอีกฝ่าย บ้านเยว่ยามนี้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ต่อให้เป็นตัวของเยว่เจินเจินเอง แม่เฒ่าเซี่ยก็ยังมองว่านางไม่คู่ควรกับบุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นว่าที่ซิ่วไฉของตน

น่าเสียดายที่ตอนผู้เฒ่าเซี่ยมีชีวิตอยู่ เป็นตายก็ไม่ยินยอมให้นางบิดพลิ้วสัญญา ไม่อย่างนั้นยามที่เมียเจ้ารองจากไป นางคงนำการหมั้นหมายนี้มาสู่ขอเยว่เจินเจินให้เขาแล้ว

ดีเลยตอนนี้เลยหมดสิทธิ์จะต่อรองอะไร เนื่องจากบุตรชายคนรองบาดเจ็บร้ายแรง แม้นางจะเจรจาจนสามารถเปลี่ยนคนแต่งได้ แต่อีกฝ่ายก็เขี้ยวลากดินพอตัวไม่น้อย เอ่ยปากเรียกร้องต้องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเช่นกัน

แม่เฒ่าเซี่ยจำต้องทำใจยอมรับเงื่อนไขของบ้านเยว่ รับเอาเยว่อวิ๋นที่ด้อยกว่าเยว่เจินเจินทุกอย่างมาแทน คราแรกนางยังพอโน้มน้าวใจตัวเองไว้ได้บ้าง ทว่าพอฟังคำพูดบุตรชายและเห็นสินเดิมที่แสนอัตคัดของอีกฝ่าย นางก็ยิ่งดูแคลนลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้นไปอีก

เยว่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สายตาเย็นชาของคนบ้านเซี่ยแม้ไม่มองนางก็รู้สึกได้ หญิงสาวอดทนยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่งได้ยินเสียงแค่นฮึในลำคอจากคนเป็นแม่สามี ก่อนเจ้าตัวจะกล่าวเรียกคนให้พยุงนางตามไป

แม่เฒ่าเซี่ยพาเยว่อวิ๋นเดินเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงขานร้องให้คำนับฟ้าดิน ก่อนจะถูกมือของใครบางคนกดศีรษะลงเต็มแรง

เสร็จสิ้นพิธีการ เยว่อวิ๋นก็ถูกพาตัวเข้าไปในห้องด้านในสุดของบ้าน ร่างผอมบางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของนางถูกประคองลงบนเตียง ยังไม่ทันกล่าววาจาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป จากนั้นก็มีเสียงประตูปิดเบาๆ

“…”

ไปแล้ว…

เช่นนี้น่ะหรือ…

เยว่อวิ๋นขยับตัวลุกขึ้นนั่ง นางถอดผ้าคลุมศีรษะออกมองไปทางประตูอย่างมึนงง ช่างเป็นการแต่งงานที่ลวกๆ ขอไปทีเสียเหลือเกิน ไม่มีแม่สื่อทาบทาม ไม่มีสามหนังสือและหกพิธีการ [1] ไม่มีแม้กระทั่งเกี้ยวแปดคนหาม…

ทว่าพอคิดตรองดูแล้ว นางก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมาทันที ลืมไปได้อย่างไรกัน นางในยามนี้มิใช่เยว่อวิ๋นที่เป็นคนของราชวงศ์อีกแล้วนี่นา

ที่นี่ไม่มีท่านหญิงผู้สูงศักดิ์หรือแม่ทัพผู้เป็นวีรสตรีอะไรนั่นทั้งนั้น จะมีก็แต่เพียงหญิงสาวชนบทนามเยว่อวิ๋น ที่ถูกครอบครัวเดิมส่งออกมาเพื่อสินสอดเท่านั้น

เยว่อวิ๋นถอนสายตาจากบานประตูที่ปิดสนิท มองรอบด้านผ่านความมืดสลัวแล้วถอนใจอีกรอบ ในห้องแห่งนี้นอกจากโต๊ะไม้ที่วางชิดข้างผนังริมหน้าต่าง ก็มีแค่เตียงนอนที่นางกำลังนั่งอยู่เท่านั้น

บนโต๊ะไม้เพียงหนึ่งเดียวในห้องว่างเปล่า เยว่อวิ๋นคิดถึงตอนตนไปร่วมงานแต่งของลูกน้องในกองทัพแล้วนึกหดหู่ ดีชั่วเจ้าพวกนั้นก็ยังมีอาหารรับรองให้แขกอิ่มท้องบ้าง ทว่างานแต่งของตัวเองเจ้าสาวอย่างนางกลับต้องมานั่งฟังเสียงท้องร้อง

ความหิวโหยทำให้ทรมาน เยว่อวิ๋นอยากออกไปสำรวจหาของกิน ทว่าจนใจที่ไร้เรี่ยวแรงจะลุกเดิน อีกทั้งแผลที่ศีรษะก็เริ่มปวดร้าวขึ้นมากเรื่อยๆ นางถอนหายใจเบาๆ แล้วเลือกที่จะหงายหลังทิ้งตัวลงนอนเสียเลย

ทั้งหิวทั้งเหนื่อย ในเมื่อลุกไม่ไหวก็พักผ่อนเอาแรงดีกว่า คิดอย่างนี้สายตาก็สะดุดกับแผ่นกระเบื้องที่แตกร้าวเป็นรูโหว่ ไม่รู้ว่ายามใดแล้ว แต่มองเห็นพระจันทร์ขึ้นสูงเช่นนี้คงเลยยามซวี [2] แล้วเป็นแน่

พอได้ทิ้งตัวลงนอนสักพักอาการวิงเวียนศีรษะก็ดูเหมือนจะดีขึ้น เยว่อวิ๋นรู้สึกถึงลมหายใจอ่อนจางสายหนึ่งจากด้านข้าง หญิงสาวมองฝ่าความมืดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

ที่จริงตอนเข้ามาในห้องเยว่อวิ๋นก็สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของคนผู้นี้แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นนางกำลังสู้รบกับอาการปวดศีรษะ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับอีกฝ่าย ดูท่าแล้วบุรุษตัวสูงกว่าแปดฉื่อ [3] ผู้นี้คงเป็นสามีที่นางเพิ่งแต่งงานด้วยกระมัง

ดวงตากลมหรี่มองด้านข้างของร่างที่แทบจับลมหายใจไม่ได้อย่างพินิจ ครั้นเห็นอีกฝ่ายนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก อีกทั้งลมหายใจก็ยังสม่ำเสมอ จึงค่อยบรรเทาความหวาดระแวงภายในใจลง

“คนในบ้านเจ้าก็ช่างไร้มนุษย์ธรรมเสียจริง ไม่ให้อาหารกับข้ายังไม่เท่าไร ทว่าแม้แต่ยาของเจ้าก็ไม่มีให้ด้วยงั้นหรือ” ลูกคนรองของบ้านมักมีชะตากรรมถูกละเลยหรือไรนะ บิดาของร่างเดิมก็ใช่ คนตรงหน้านางก็ใช่

“ดีชั่ว ข้าก็แต่งให้บุตรชายนาง เป็นสะใภ้วันแรกโจ๊กสักชามก็ไม่มีให้ดื่ม โหดเหี้ยมเสียจริง” เยว่อวิ๋นอดบ่นงึมงำไม่ได้ ดูๆ ไปแล้วการแต่งงานครั้งนี้สำหรับร่างเดิม เป็นแค่การย้ายจากหลุมหนึ่งมาตกอีกหลุมหนึ่งเท่านั้นเอง

“เฮ้อ เอาเถอะวันนี้เหนื่อยมามากพอแล้ว นอนพักสักหน่อยจะดีกว่า” นอนหลับเสียร่างกายจะได้ไม่ต้องรู้สึกหิวรู้สึกเจ็บปวด

“เซี่ยฉงอวิ๋นเอ๋ยเซี่ยฉงอวิ๋น คอยดูเถอะ อนาคตหากเจ้ากล้าคิดไม่ซื่อกับข้าเยว่อวิ๋นผู้นี้ละก็…” นางจะทำให้เขาทรมานชนิดอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ดีเลยทีเดียว

หากไม่ใช่เพราะนามของอีกฝ่าย นางมีหรือยินยอมแต่งให้คนป่วยพิการที่ใกล้ตายผู้หนึ่ง

เซี่ยฉงอวิ๋นกับเยว่อวิ๋น แม้เพียงแค่ตัวอักษรในนามของชื่อ นางก็อยากให้มันเป็นความจริง...

เยว่อวิ๋นพึมพำอยู่พักหนึ่งก็ผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย นางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าสามีที่ตนเอ่ยถึงอยู่นั้น แท้จริงแล้วหาได้กำลังนอนหลับอย่างที่คิดไม่

พอได้ยินเสียงลมหายใจทอดยาวเป็นจังหวะจากคนที่เมื่อครู่ยังบ่นงึมงัม ดวงตาเรียวก็ค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ในแววตาขุ่นมัวไร้ประกาย ทว่าทั่วร่างกลับแผ่กลิ่นอายความเฉียบคมที่ไม่ควรมีในตัวชาวบ้านธรรมดาออกมา หากเยว่อวิ๋นยังไม่หลับได้เห็นจะต้องนึกประหลาดใจเป็นแน่

เซี่ยฉงอวิ๋นที่อยู่บนเตียงไม่สามารถขยับร่างกายส่วนล่างได้ ทำได้เพียงนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก พลางคิดถึงประโยคพึมพำของภรรยาหมาดๆ เมื่อครู่

นี่คือสตรีที่มารดาของร่างนี้หามารับเคราะห์แทนตัวเอง?

นางบอกว่าตัวเองชื่อเยว่อวิ๋นสินะ มือยาวเรียวเห็นข้อชัดเลื่อนออกจากใต้หมอนช้าๆ

ช่างเถอะ ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการล้ำเส้น ดังนั้นเพื่อเห็นแก่นามนี้ของนาง เขาจะปล่อยให้นางมีชีวิตรอดต่อไปก่อนก็แล้วกัน

เซี่ยฉงอวิ๋นกับเยว่อวิ๋นงั้นหรือ

ไม่เลว แม้จะเป็นเพียงแค่ในนามก็ตาม

เสมือนบุปผางดงามในคันฉ่อง ประดุจจันทราส่องสว่างบนวารี [4]

อย่างน้อยก็พอให้หลอกตัวเองต่อไปได้บ้าง…

[1] สามหนังสือหกพิธีการ โดยสามหนังสือที่กล่าวถึงนั้น ได้แก่ หนังสือหมั้นหมาย หนังสือแสดงสินสอด และหนังสือรับตัวเจ้าสาว ส่วน หกพิธีการเป็นขั้นตอนการปฏิบัติที่เริ่มตั้งแต่การหมั้นกระทั่งถึงพิธีแต่งงาน ได้แก่ 1. สู่ขอ – ผู้ใหญ่ฝ่ายชายและแม่สื่อเดินทางไปสู่ขอกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง พร้อมมอบของขวัญที่มีความหมายมงคลให้แก่บ้านผู้หญิง ส่วนครอบครัวฝ่ายหญิงเองจะถือโอกาสนี้สอบถามแม่สื่อเกี่ยวกับครอบครัวฝ่ายชาย 2. ขอวันเดือนปีเกิด – หลังจากสู่ขอสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะมอบวันเดือนปีเกิดของลูกสาวให้แก่บ้านฝ่ายชายเพื่อนำไปเสี่ยงทาย 3. เสี่ยงทาย – หลังจากรับแผ่นกระดาษบันทึกวันเดือนปีเกิดฝ่ายหญิงมาแล้ว พ่อแม่ฝ่ายชายจะนำแผ่นวันเดือนปีเกิดไปวางไว้หน้ารูปปั้นเทพเจ้าหรือบนโต๊ะบูชาบรรพบุรุษ เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือบรรพบุรุษชี้แนะว่าการแต่งงานครั้งนี้จะนำโชคดีหรือร้ายมาสู่ครอบครัว ว่าที่คู่บ่าวสาวดวงชงกันหรือไม่ หากไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความไม่เป็นมงคลเกิดขึ้น การเตรียมงานแต่งก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ 4. มอบสินสอด– ฝ่ายชายส่งหนังสือหมายหมั้น และหนังสือแสดงสินสอดมายังบ้านฝ่ายหญิง โดยก่อนวันสมรส 1 เดือน-2 สัปดาห์ ครอบครัวฝ่ายชายจะเชิญญาติที่เป็นหญิง 2 หรือ 4 คน (ต้องเป็นหญิงที่มีความสุขพร้อม) พร้อมทั้งแม่สื่อ นำสินสอดทองหมั้นไปให้ฝ่ายหญิง และครอบครัวฝ่ายหญิงก็จะมอบของขวัญตอบ 5. ขอฤกษ์ – ครอบครัวฝ่ายชายรับหน้าที่หาฤกษ์งามยามดีจัดงาน และนำวันที่ได้ไปขอความเห็นจากฝ่ายหญิง 6. รับเจ้าสาว – ในวันมงคลสมรส เจ้าบ่าวในชุดพิธีการ พร้อมด้วยแม่สื่อ ญาติสนิท มิตรสหาย เดินทางไปรับเจ้าสาวที่บ้าน เมื่อถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว เจ้าบ่าวต้องไปเคารพศาลบรรพชนของฝ่ายหญิง หลังจากนั้นก็รับเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวมาทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินที่บ้านฝ่ายชาย (ขณะออกเดินทางครอบครัวฝ่ายหญิงบางครอบครัวจะนำน้ำสะอาดสาดตามหลังเกี้ยว หมายถึง ลูกสาวแต่งงานไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นสมาชิกของครอบครัวฝ่ายชาย เหมือนน้ำที่สาดออกไป) เมื่อเสร็จพิธีไหว้ฟ้าดินแล้วก็ถือว่าบ่าวสาวทั้งสองเป็นสามีภรรยากันโดยถูกต้อง จากนั้นก็ส่งตัวทั้งคู่เข้าสู่ห้องหอ

[2] ยามซวี คือช่วงเวลา 19.00-21.00

[3] ฉื่อ หน่วยวัดของจีน สิบฉื่อเท่ากับหนึ่งจั้ง ความยาวจะแตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย เช่น ในสมัยราชวงศ์ฮั่น 1 ฉื่อเท่ากับราว 23.1 เซนติเมตร ในสมัยราชวงศ์เว่ยและจิ้น 1 ฉื่อเท่ากับราว 24.2 เซนติเมตร ในสมัยราชวงศ์ถัง 1 ฉื่อเท่ากับราว 30.6 เซนติเมตร ในสมัยราชวงศ์ซ่ง 1 ฉื่อเท่ากับราว 31.4

[4] อุปมาถึงภาพมายา ไม่เป็นความจริง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 287

    ทำอย่างไรน่ะหรือ ด้วยนิสัยของครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าใครก็คงโกรธแค้นแม่เฒ่าเซี่ยโดยไม่ฟังเหตุผลแน่“เจ้าอาจคิดว่าทำทุกอย่างก็เพื่ออนาคตของครอบครัว ถ้าบุตรคนนั้นของเจ้ากระทำการสำเร็จตามที่หวัง ถึงยามนั้นเจ้าก็จะไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา ขอร้องให้เขาเห็นแก่สายสัมพันธ์ ช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องคนอื่นๆ แต่...มันจะ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 286

    “จะ…เจ้ากล้าหรือ เซี่ยฉงอวิ๋น ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเจ้า แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็เป็นผู้เลี้ยงดูเจ้ามาจนโตนะ ไม่ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าคิดร้ายอตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวจะถูกเวรกรรมตามสนองเอาหรืิอไง”นางพ่นวาจายาวเหยียดในใจแค้นเคืองจนทรวงอกหอบสะท้าน เซี่ยฉงอวิ๋

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 285

    “ไม่มีทาง! ฝันไปเถอะ!”แม่เฒ่าเซี่ยได้ฟังแล้วใจสั่นสะท้าน ตวาดกร้าวน้ำเสียงดุดันแข็งขืน ทว่าใบหน้าชรากลับซีดขาวไร้สีเลือดสิ่งที่คนผู้นี้ต้องการจากนางก็คือความจริงเรื่องชาติกำเนิดของเขาแต่….ไม่ได้! จะบอกความจริงออกไปไม่ได้เด็ดขาด!หากพูดไปแล้วละก็…คำพูดไม่น่าฟังของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ย

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 284

    “ข้าไม่กล้ารับความห่วงใยจากเจ้าหรอก” แม่เฒ่าเซี่ยตอบอย่างเย็นชา คำพูดประโยคนี้ หากได้ยินก่อนหน้าที่นางจะรู้ว่าเซี่ยฉงอวิ๋นรู้ความจริงแล้ว นางคงดีใจและเชื่อจริงๆ ว่าอีกฝ่ายมาเพราะห่วงตัวเอง “และครอบครัวของข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาแสดงความห่วงใยเช่นกัน”คำสนทนาที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดระหว่างแม่เฒ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 283

    ซึ่งหากจะกล่าวออกไปแล้ว ก็บอกได้ว่าสาเหตุการตายของเซี่ยฉงอวิ๋นคนเดิม เซี่ยหว่านหรูเองก็มีส่วนไม่น้อยเช่นกันพอย้อนคิดถึงการกระทำอันเห็นแก่ตัวของเซี่ยหว่านหรูที่มีต่อเจ้าของร่างเดิม เซี่ยฉงอวิ๋นพลันรู้สึกว่าการที่ตนไม่ได้เล่นงานนางถึงตายก็ถือว่าใจดีมากแล้วดังนั้นเซี่ยฉงอวิ๋นจึงไม่มีความรู้สึกเห็นอกเ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 282

    ถูกน้องสาวที่เคยก้มศีรษะให้มาตลอดตวาดตอบโต้แข็งกร้าวใส่ เซี่ยหยวนชางที่ช่วงนี้ชีวิตมีแต่เรื่องไม่ได้ดั่งใจก็บังเกิดโทสะขึ้นมาบ้างเช่นกัน“เช่นนั้นเจ้าต้องการอนาคตแบบใดเล่า น้องสาวที่ผ่านมาตัวเจ้าสิบนิ้วไม่เคยจับต้องงานบ้าน งานในไร่ในนายิ่งไม่มีทางเคยสัมผัส มองไปทั่วทั้งหมู่บ้านบุตรสาวบ้านใดบ้างสามาร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status