“ต้องซาวน้ำล้างเศษดินทิ้งก่อนหุงเจ้าค่ะ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ในกระแสเสียงปะปนด้วยอารมณ์หวาดหวั่นของผู้เป็นเจ้าของ
เยว่อวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย ในใจบางอ้อขึ้นมาทันที ที่แท้เพราะนางยังไม่ได้ล้างข้าวก่อนนี่เอง สีของน้ำจึงมิต่างจากน้ำโคลนเช่นนี้ หญิงสาวหันไปยิ้มให้เจ้าตัวน้อยที่แอบอยู่ด้านหลังพี่ชาย พลางยกหม้อออกไปล้างเมล็ดข้าวตามคำบอก โดยไม่มีท่าทีเหนียมอายต่อการกระทำผิดพลาดของตนเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวอวี้หลบอยู่ด้านหลังพี่ชายฝาแฝด คำพูดที่หลุดออกไปเมื่อครู่ทำให้นางเกิดอาการตื่นตระหนก คิดถึงยามอาหญิงเล็กที่ชอบหยิกตีตนยามไม่พอใจ เด็กหญิงก็ยิ่งหวาดกลัวว่ามารดาคนใหม่อาจไม่ชอบคำพูดที่ตนเองกล่าวออกมา
ทว่ารอยยิ้มบางของเยว่อวิ๋นเมื่อครู่ ทำให้เด็กหญิงงงงันไปพักหนึ่ง ดวงตาคู่เล็กเบิกกว้างในแววตาผุดประกายวาดหวังบางอย่าง “พี่ชาย ท่านแม่คนใหม่… นางดูใจดีมากเลยเจ้าค่ะ”
ผู้เป็นพี่ฟังน้องสาวพูดพร้อมกับดึงชายเสื้อตนแล้วพูดไม่ออก น้องโง่เอ๋ย ผู้อื่นแค่ส่งยิ้มให้เล็กน้อย นางก็มอบป้ายคนดีให้อีกฝ่ายเสียแล้ว ช่าง…
ต้าเป่าแม้จะมีอายุแค่ห้าขวบ ทว่าฉลาดเฉลียวมีความคิดเกินเด็กวัยเดียวกัน ก่อนที่พ่อเฒ่าเซี่ยจะจากไป เขาเคยได้ร่ำเรียนเขียนอ่านกับท่านปู่มาก่อน จึงพอรู้จักคำพูดประโยคในตำรามาอยู่บ้าง เด็กชายรู้สึกว่าเวลานี้เขาสามารถนิยามลักษณะนิสัยน้องสาวฝาแฝดของตนเองได้เพียงประโยคนี้เท่านั้น
นั่นก็คือ คนโง่ใสซื่อไร้เดียงสาที่ถูกขายแล้วยังช่วยคนลงมือนับเงินอีกด้วย!
เสี่ยวอวี้ไม่ทันรู้เลยว่าถูกพี่ชายแปะป้ายคนโง่ใสซื่อให้แล้ว ดวงตาคู่เล็กมองตามด้านหลังของสตรีแปลกหน้าอย่างสนใจใคร่รู้ ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งปรื๋อออกไปด้านหลังตามอีกฝ่าย
ต้าเป่าสบถเบาๆ ก้าวเท้าตามไปติดๆ ดูสิ เพียงแค่หันหลังน้องสาวโง่ก็ลืมคำเตือนของเขาเสียแล้ว
เสี่ยวอวี้ที่ถูกพี่ชายค่อนขอดไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อย เด็กหญิงวิ่งมาหยุดด้านหลังมารดาเลี้ยงของตน จากนั้นจึงชะโงกมองภายในหม้อ เห็นว่าสีน้ำใสไร้ตะกอนดินศีรษะเล็กๆ ก็ผงกขึ้นลงอย่างพอใจ
แม้ไม่มีวาจา ทว่าเยว่อวิ๋นกลับเข้าใจความหมายของท่าทางเหล่านั้นได้ นึกไม่ถึงว่าจากแม่ทัพผู้บัญชาการรบ ยามนี้ตนจะตกต่ำจนเด็กน้อยก็ยังดูแคลนไม่เชื่อใจ คิดแล้วนางพลันรู้สึกทั้งฉิวทั้งขันบอกไม่ถูก
“หิวแล้วใช่หรือไม่ รอก่อนนะข้าวต้มยังต้องต้มอีกสักพักถึงจะสุก” มองเห็นดวงตากลมพราวระยับที่จับจ้องไปยังหม้อในมือนาง เยว่อวิ๋นเอ่ยบอกอย่างอดไม่ได้
เสี่ยวอวี้ฟังแล้วดวงตาเบิกกว้าง เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าคำพูดเมื่อครู่นั้นกล่าวกับตัวเองจริงๆ
เมื่อครู่ที่บอกให้รอ แสดงว่าอีกฝ่ายคิดจะแบ่งอาหารให้นางด้วยใช่หรือไม่ คิดแล้วดวงหน้าเล็กก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมาเต็มสีหน้า
“อื้ม เจ้าค่ะ”
เสียงเล็กๆ รับคำ ท่าทางเชื่อฟังรู้ความในขณะที่เจ้าตัวยังจ้องเขม็งไปยังหม้อ ท่าทางน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก เยว่อวิ๋นใจอ่อนยวบจนอดเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กไม่ได้
เส้นผมของเด็กน้อยทั้งเหนียวทั้งแข็งกระด้างไม่สบายมือเลยสักนิด เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วบางๆ ทว่าไม่เอ่ยปากอะไร นางหันหลังก้าวเข้าครัว หลังจากวางหม้อลงบนเตา ก็เดินไปค้นของบนโต๊ะอีกครั้ง
ในบ้านไม่มีผักสด มีเพียงผักแห้งกับโหลผักดองที่ด้านในมีอยู่ไม่ถึงครึ่ง มือเรียวอุ้มโหลขึ้นมาถือ ก่อนจะฉวยเอาตะกร้าใส่ไข่ที่มีอยู่สิบกว่าใบติดมาด้วย
ผักสดไม่มีไม่เป็นไร ข้าวต้มกับผักดองก็พอเข้ากันอยู่ เพียงแต่ในบ้านมีเด็กน้อยวัยกำลังโตกับคนป่วยอยู่ คนผู้นั้นร่างกายย่ำแย่ทรุดโทรมนัก หากไม่บำรุงด้วยเนื้อหรือไข่ก็คงไม่เพียงพอให้ฟื้นตัวเป็นแน่
เห็นมารดาคนใหม่ยืนนิ่งไม่ขยับ เสี่ยวอวี้เริ่มวุ่นวายใจ แม้จะไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ทว่ารอยยิ้มกับฝ่ามือที่ลูบศีรษะก็อบอุ่นเหลือประมาณ อีกทั้งอีกฝ่ายยังเอ่ยปากแล้วว่าจะแบ่งอาหารให้พวกตนด้วย
“ผะ…ผักสดต้องไปเก็บที่แปลงในลานด้านหลังบ้านใหญ่เจ้าค่ะ ทะ…ที่นี่แต่ก่อนเป็นกระท่อมสำหรับเก็บของเท่านั้น”
ใช่แล้ว เดิมทีพวกนางอาศัยอยู่ในบ้านสกุลเซี่ย แต่เป็นเพราะท่านพ่อแต่งมารดาใหม่เข้ามา ท่านย่าจึงจัดเตรียมกระท่อมแห่งนี้ให้พวกนางสามคนพ่อลูกย้ายมาอยู่ที่นี่แทน
เยว่อวิ๋นฟังแล้วพลันเข้าใจในทันที มิน่าเล่าเมื่อวานนางถึงรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เหตุใดบ้านสกุลเซี่ยที่ใครต่างก็บอกว่าฐานะไม่เลว ถึงได้ดูยากไร้ถึงเพียงนี้ นั่นก็เพราะกระท่อมแห่งนี้ก็เป็นแค่ที่ทิ้งขว้างภาระของพวกเขาเท่านั้น
“ไม่เป็นไร มีผักดองกับไข่ไก่อยู่ พวกเรากินไปก่อนก็แล้วกัน” เยว่อวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มือก็ล้างไข่ไก่ไปด้วย
ยามนี้ฟ้าเริ่มสางแล้ว อีกสักพักคนบ้านเซี่ยก็คงมา หากไม่รีบกินให้อิ่มไว้ก่อนจะเอาแรงที่ไหนไปรับมือ เยว่อวิ๋นคิดพลางขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะนำไข่ไก่ในมือลงใส่ในหม้อข้าวต้มทันที
ห้า… หก… เจ็ด… แปด…
เสี่ยวอวี้เบิกตากว้าง นับจำนวนไข่ที่จมหายไปในหม้ออย่างตกใจ ไข่ไก่ถือเป็นของล้ำค่ามาก อยู่กับท่านย่านางและพี่ชายยังไม่เคยได้กิน ทว่ามารดาคนใหม่กลับใส่ลงไปถึงแปดฟอง ช่างมือเติบยิ่งนัก
ต้าเป่าที่เพิ่งขยับเข้ามาดูอ้าปากค้างไม่ต่างกัน ไข่ไก่ในบ้านเซี่ยมีไว้สำหรับอาสามกับอาหญิงเล็กเท่านั้น แม้แต่เซี่ยเสี่ยวเกอบุตรชายคนโตของท่านลุงใหญ่บางวันก็ยังไม่มีให้กินด้วยซ้ำ ทว่าสตรีตรงหน้ากลับนำมาต้มในคราวเดียวถึงแปดฟอง
ฟุ่มเฟือย! นี่มันฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!
เยว่อวิ๋นไหนเลยจะเข้าใจถึงเรื่องราวเหล่านี้ ชีวิตก่อนนางคือท่านหญิงแห่งวังอ๋อง ต่อให้มีชีวิตเป็นเพียงเม็ดหมากในมือบิดา ทว่าด้านอาหารการกินที่เพียงต้องใช้เงินมีหรือจะขาดตกบกพร่อง กระทั่งเข้าสู่กองทัพในยามที่เดินทางไร้เสบียง บนโต๊ะอาหารของนางก็มิเคยขาดแคลนจานเนื้อสักมื้อ
ไม่สิ อย่าว่าแต่จะไม่มีให้กินเลย แต่ละมื้อของนางยังไม่เคยจำเจด้วยซ้ำ หากไม่มีเนื้อหมูป่าก็มักเป็นกวาง ไม่มีไก่ป่าก็เป็นนกหรือปลา และเบื้องหลังความเพียบพร้อมพวกนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นความชอบของคนผู้นั้นทั้งสิ้น
เนื่องจากความคิดถูกดึงล่องลอยไปกับอดีต เยว่อวิ๋นจึงไม่ทันสังเกตสีหน้าสองพี่น้อง ทำให้นางพลาดสีหน้าหนักอกหนักใจของเจ้าตัวน้อยทั้งสองไป