กู้ชิงเหอหยุดคิดนิดหนึ่ง คราวแรกนางตั้งใจจะเพาะปลูกต้นกล้ามันไว้ล่วงหน้า พอฝนมาก็จะได้ย้ายต้นกล้าไปเพาะปลูกได้ทันที แต่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะใช้น้ำมากเกินไปไม่ได้แล้ว“เตรียมพร้อมสำหรับการรับน้ำที่กำลังจะมาถึง!” นางกล่าวเสียงดังหญิงสาวแอบกัดปากเบาๆ เมื่อเห็นเจียงเหิงกลอกตาขึ้นไปด้านบนก่อนจะรีบกลับมาทำหน้านิ่งดังเดิม“เจียงเกอเกอไม่ต้องมาช่วย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในเรือนพวกนี้ข้าจัดการเองได้ ท่านแวะไปทักทายท่านอาจารย์ที่สำนักศึกษาบ้างจะดีกว่า บางทีอาจจะได้คำแนะนำดีๆ เรื่องการสอบจวี่เหรินบ้างก็ได้เจ้าค่ะ”“ถูก!! พี่หญิงกู้กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ทางนี้มีข้าอยู่ทั้งคนพี่ใหญ่เหิงไม่ต้องห่วง ท่านจะเข้าเมืองทุกวันเลยก็ย่อมได้” เสี่ยวเหวินทุบอกดังปั่กกู้ชิงฉีกระทุ้งข้อศอกไปที่พุงของสหายรุ่นพี่แรงๆ ทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ “หากเจียงเกอเกอไม่อยู่เจ้าก็จะได้ไม่ต้องเรียนหนังสือใช่หรือไม่เล่า”เจียงเหิงก้มหน้าลงเล็กน้อยทว่าสายตากลับเหลือบขึ้นมองน้องชายอย่างแนบเนียน แววตาคมนิ่งแฝงรอยรู้ทัน เหมือนจะเอ่ยว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร"“ดีเหมือนกัน ข้ารับคำกับท่านอาจารย์เอาไว้ ว่าหากทำธุระเสร็จเมื่อใดก็จะไปรับเอาต
“หูซุนจ่าง” เสียงทักทายผู้มาเยือนของเจียงเหิงทำให้กู้ชิงเหอและคนอื่นๆ พากันหันมาก้มศีรษะทักทายหูซ่างซุนตามอย่างเขา“ข้ามาสำรวจเส้นทางน้ำน่ะ ได้ยินเสียงโวยวายหน้าเรือนพวกเจ้าพอดี” เขาส่ายหน้าช้าๆ อย่างเอือมระอากับหวางชุ่นฮวาที่เดินจากไปแล้ว“ชิงฉี ดีขึ้นแล้วรึ?” ชายสูงวัยหันกลับมาทักทายกู้ชิงฉีแทน“หายดีแล้วขอรับ ขอบคุณซุนจ่างที่เมตตาข้ากับพี่สาวขอรับ" หูซ่างซุนยิ้มอ่อนโยน พลางมองเลยไปที่กู้ชิงเหอ เด็กสองคนนี้มารยาทดีแตกต่างจากกู้ชิงเป่าญาติผู้พี่ของพวกเขายิ่งนัก “จริงสิ นอกจากจะมีดูน้ำในลำธารแล้ว ข้ายังตั้งใจมาขอโทษเจ้าด้วยนะชิงเหอ" “ขอโทษ? เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” กู้ชิงเหอทำตาโต เท่าที่นางจำได้หัวหน้าหมู่บ้านแซ่ซุนผู้นี้เป็นฝ่ายช่วยเหลือนางมิใช่หรือ เงินร้อยอีแปะที่ติดค้างเขาอยู่เจียงเหิงก็เพิ่งจะคืนให้เขาไปเมื่อวันก่อนนี่เอง“ยอดเฟินป่าที่เจ้าแนะนำให้ข้าลองกินวันนั้น..ตอนนี้คนในหมู่บ้านพากันไปเก็บยอดเฟินป่ากันหลายคนแล้ว บางทีตอนนี้มันอาจจะหายากกว่าเดิม พวกเจ้าคงลำบากไม่น้อยเลย”หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ทุกคนต่างก็เดือดร้อนหิวโหยเหมือนกัน ข้าไม่คิดมากอะไรหรอกเจ้าค่ะ
นางปรายตามองเจียงเหิงเล็กน้อย ความรู้สึกเกรงใจฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น เพราะรู้ดีว่านิสัยของเจียงเหิงไม่ชอบความวุ่นวาย แต่เป็นนางที่นำมาความวุ่นวายเข้ามาไม่หยุดหย่อนขณะเดียวกัน กู้ชิงฉีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ขยับตัวแทรกไปหลบอยู่ด้านหลังของเจียงเหิงโดยไม่รู้ตัว คล้ายต้องการพึ่งพาเงาหลังที่มั่นคงของเขาหวางชุ่นฮวาเลิกคิ้วทันทีที่เห็นพวกเด็ก ๆ แบกตะกร้าหนักอึ้งลงมาจากเขา “ต๊าย…นี่พวกเจ้ายกอะไรมาน่ะ? อาหารหรือ!?” สายตาของนางเปล่งประกายวาววับ ลุกพรวดขึ้นเดินปรี่เข้ามาใกล้ตะกร้าของกู้ชิงเหอ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้มลงดู กู้ชิงเหอก็เบี่ยงตัวบังไว้ด้วยท่าทีเย็นชา “ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!?”“ไม่เกี่ยว? ข้าหาข้าวหาน้ำเลี้ยงดูพวกเจ้าสองพี่น้องมากี่ปี? วันนี้มีของดีเก็บไว้กินกลับไม่คิดจะแบ่งปัน!” หวางชุ่นฮวาเชิดหน้ากู้ชิงเหอยิ้มบาง “คนที่เลี้ยงดูข้าจริงๆ เป็นท่านลุงของข้าต่างหาก อีกอย่าง..ถ้าช่วยเหลือแล้วจะมาเรียกคืนภายหลัง เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าช่วย”หวางชุ่นฮวาแค่นเสียง “เจ้ากำลังเนรคุณ!”แต่ก่อนจะได้โต้เถียงกันไปมากกว่านั้น เจียงเหยียนที่อารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้วก็ก้าวออกมาบ้าง“ท่านป้าหวาง หากท่านอยาก
“อย่าไปว่าพวกเขาเลยเหมยลี่” หลินซูหลานกล่าวเสียงหวานจัดจนกู้ชิงเหอต้องขมวดคิ้วสตรีผู้นี้พบนางคราวก่อนยังทำหน้าบึ้งตึงไม่เป็นมิตร แต่วันนี้กลับดูอ่อนหวานผิดปกตินางก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปยังเจียงเหิง แล้วพูดขึ้นเหมือนจะปลอบใจ “เจียงซิ่วไฉคงลำบากมากกระมัง ถึงต้องยอมให้ตนเองกับน้องสาวน้องชายมาทำอะไรแบบนี้”นางหันไปมองกู้ชิงเหอ ดวงตากะพริบเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเหลือบตามองไปทางเจียงเหิงด้วยแววตาอ่อนโยนอีกครั้ง“ท่านเป็นถึงซิ่วไฉ ต่อให้ยังไม่ร่ำรวย แต่ก็มิควรต้องเหนื่อยเช่นนี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ ข้าว่า..ถ้าไม่ต้องรับพี่น้องสกุลกู้คู่นี้มาเป็นภาระเพิ่มก็คงไม่ต้องลำบากมาขุดของแปลก ๆ อย่างนี้กินหรอก”“ภาระ” คำคำนั้นกระทบเข้าหูเจียงเหิงเข้าอย่างจัง เพราะแท้จริงแล้วกู้ชิงเหอไม่เคยทำตัวเป็นภาระให้เขาเลยแม้แต่น้อย!แต่หลินซูหลานยังไม่หยุด นางยกมือปัดเส้นผมเบา ๆ ก่อนพูดต่อด้วยเสียงละมุน“ดูเถิดเจ้าคะ น้องชายของนางก็ตัวเล็กนิดเดียวจะช่วยเหลืออันใดได้ ส่วนแม่นางกู้..กลับทำท่าทางคล้ายรู้มาก เห็นต้นอะไรไม่ได้ ก็ชี้ชวนกันมาขุด คิดว่าตัวเองฉลาดนักกระมัง”นางถอนหายใจเสียงดัง ยกมือแตะอกแผ่วเบา เห
เช้าวันถัดมา กู้ชิงเหอตื่นเช้ากว่าทุกคนเช่นเคย แต่ยังไม่ทันได้ยืดแขนหาว ครู่เดียวกู้ชิงฉีก็เดินงัวเงียออกจากอีกห้องมาสมทบ เส้นผมบนหัวของเขายุ่งเหยิง ดวงตาล่องลอยคล้ายคนยังไม่ตื่นดี แต่ก็เริ่มลงมือก่อไฟใต้เตาอย่างคล่องแคล่วสองพี่น้องชินกับการตื่นก่อนใคร โดยเฉพาะก่อนท่านลุงและป้าสะใภ้ที่เคยใช้แรงงานพวกเขาแต่เช้ามืดในเรือนสกุลกู้กู้ชิงเหอเห็นน้องจุดไฟแล้วจึงคิดจะไปรองน้ำใส่โอ่งไว้ใช้ ช่วงกลางคืนบ่อน้ำตื้นรองรับน้ำจากต้นทางไว้จนเต็ม นางชอบไปตักน้ำเวลาเช้าเช่นนี้มาเก็บไว้ เพราะน้ำจะใสสะอาดและยังใช้ถังตักขึ้นมาได้ง่ายอีกด้วยแต่พอเปิดประตูเรือนออกไป สายตาของนางก็ชะงักงันนางเห็นเจียงเหิงกำลังก้มตัวยกก้อนหินขึ้นวางบนแนวคันดินที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนเขาถลกแขนเสื้อขึ้นสูงจนมองเห็นกล้ามแขนที่ไม่ใหญ่โต แต่ตึงแน่นด้วยการออกแรงประจำวัน ผ้าคาดเอวสีหม่นถูกรัดไว้อย่างเรียบร้อย สะอาดเรียบ ราวกับเขาเป็นคนที่แม้ทำงานหนัก แต่ยังไม่ยอมให้ตนเองดูมอซอผิวพรรณใต้ร่มผ้าขาวซีดราวกระดาษ ตัดกับเส้นผมยาวสีดำสนิทที่รวบไว้ครึ่งศีรษะทำให้ภาพนั้นดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น นางเดินเข้าไปหาเขาอย่างเงียบเชียบ จนสายตา
เสี่ยวเหวินหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเจียงเหิงวางจอบแล้วก้มไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากหลุมดิน แต่เมื่อเห็นหัวมันที่มีรูปร่างคล้ายอุ้งเท้าสัตว์ สีหม่นอมดำ มีเส้นรากรุงรังติดอยู่รอบ ๆ เขาก็เบิกตากว้างแล้วร้องขึ้น“เดี๋ยวก่อน!! นี่มันคือมันผีดิบชัด ๆ!”กู้ชิงเหอหันมามองแล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรงั้นหรือ?”“ปัญหาใหญ่เลยน่ะสิ สิ่งนี้กินไม่ได้! แล้วพวกเจ้ายังจะ..” เสี่ยวเหวินชี้มือมั่วไปทั่ว “ขุดมันเอาเป็นเอาตายแบบนี้ทำไมเล่า!?”เจียงเหยียนยิ้มตาหยี“เพราะพวกเรากินมันไปแล้วไงล่ะ..และยังไม่ตายด้วย”“อร่อยด้วย!” กู้ชิงฉีตะโกนเสริมเจียงเหิงยังไม่พูดอะไร เขาเพียงก้มขุดต่อเหมือนไม่ได้ยินเจียงเสี่ยวเหวินอ้าปากค้าง ก่อนจะก้มมองจอบในมือ ทุกคนจะทำอะไรก็ช่างเถิด! เขามีหน้าที่ขุด! ขุดแล้วก็จะได้กินข้าวเพียงเท่านั้น!เมื่อเห็นว่าเย็นมากแล้วกู้ชิงเหอจึงให้ทุกคนหยุดขุดแล้วเตรียมตัวกลับไปที่เรือน“แม้จะขุดได้ไม่หมด แต่หัวมันที่ได้ในวันนั้นก็ไม่น้อยเลย พรุ่งนี้เรารีบขึ้นมาแต่เช้าหน่อย เวลาที่เหลือลองสำรวจดูว่ามีพวกมันอีกหรือไม่ เราจะขุดมันลงไปให้หมดเขา!” เสี่ยวเหวินอ้าปากค้างมองกู้ชิงเหอส