“เป็นข้าที่ผิดเอง เทพธิดาโปรดระงับโทสะด้วย”
ดวงตากลมกะพริบปริบๆ มองหยวนซีซวนที่อยู่ดีๆ ก็คำนับให้กับนาง ฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนร้อนใจ
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ให้สัญญากับเทพธิดาว่าจะพากลับต้าจวิน เพราะสวรรค์ส่งนางลงมาจากที่นั่น ต้าจวินจึงไม่ต่างจากบ้านของนาง เมื่อได้ยินว่าจะต้องเป็นกุ้ยเฟยอยู่ที่นี่จึงเกิดโทสะ โปรดถอนราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ขุนนางทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็เห็นด้วย รีบคุกเข่าก้มศีรษะจรดพื้นเพื่อขอให้ฮ่องเต้ถอนพระราชโองการ
“โปรดถอนพระราชโองการด้วย!!!”
ฮ่องเต้สองจิตสองใจ ใจหนึ่งยังอยากให้หนิงอวี้เฟยเป็นกุ้ยเฟยอยู่เคียงข้าง การมีเทพธิดาอยู่ด้วยย่อมทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองราวกับได้รับการอวยพรจากสวรรค์ ทว่าหากบังคับนางจนสวรรค์พิโรธเช่นนี้นอกจากไม่ได้รับการอวยพรแล้ว อาจจะถูกลงทัณฑ์ด้วยก็เป็นได้
บทที่ 30ความรู้สึกที่พรั่งพรูบุรุษไม่ได้ขอให้นางรับรัก เพียงขอให้เขารักนางต่อไป“ข้าไม่ขอให้เจ้ารับรัก ข้าไม่ขอให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าไปตลอด” หยวนซีซวนเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่ด้วยความใกล้ชิดในยามนี้ ทำให้หนิงอวี้เฟยได้ยินมันชัดเจนเหลือเกิน “หากถึงเวลา หากเจ้ามีทางกลับไป… ข้าจะไม่รั้งเจ้า”หูของนางที่แนบไปกับอกกว้างทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของบุรุษชัดเจนยิ่งขึ้น ราวกับพร่ำเอ่ยถ้อยคำหวานซึ้ง“แต่ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ อยู่ ณ ที่แห่งนี้...ให้ข้าได้รักเจ้าด้วยเถิด… เฟยเอ๋อร์”หัวใจของหนิงอวี้เฟยเต้นระรัว ราวกับจะหลุดออกจากอกอ้อมกอดอบอุ่นนี้…ความอ่อนโยนที่แผ่ซ่าน…ถ้อยคำหวานซึ้งที่ตราตรึงใจ…เช่นนี้นางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร!?“ขะ… ข้า... ข้าเองก็รักท่าน ฮือ…”นางร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้จ
บทที่ 29ข้าต้องกลับไปโม่โฉ่วเดินเข้ามา สายตาคมกริบของเขาตวัดมองชายชราอย่างไม่เป็นไม่มิตร“โม่โฉว?”แต่เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ เรียกเขา บุรุษก็เก็บสายตานั่น ก่อนจะสบตากับหนิงอวี้เฟยอย่างอ่อนโยน“คำนับพระชายา ซวนอ๋องจะออกไปข้างนอก จึงให้ข้ามาถามพระชายาว่าอยากไปด้วยกันหรือไม่ขอรับ”“ไปสิ! ไปตอนนี้เลย!”เมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกนางก็ตาลุกวาว ก่อนจะรีบลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกไปราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาโม่โฉวมองตามนางอย่างเอ็นดู นางอยู่แต่ในจวนคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แม้จวนอ๋องแห่งนี้จะกว้างขวางโอ่อ่ามากเพียงใด แต่ก็มีแต่สิ่งเดิมๆด้วยเหตุนั้นเมื่อหยวนซีซวนรับรู้ว่าหนิงอวี้เฟยแอบใช้ทางลับออกไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่ส่งคนไปอารักขานางอย่างรัดกุมเท่านั้น เพราะหากปล่อยปละละเลยจนเกินไปหากเกิดสิ่งใดขึ้นเขาต้องคลั่งตายแน่ๆนึกถึงเมื่อครั้งนางมาอยู่ที่นี่แรกๆ นางดูหวาดระแวงแล้วหวาดกลัวทุก
บทที่ 28ตามใจนางปากหนางับยอดอกของนางดูดเข้าปาก ส่วนนิ้วแกร่งก็ปรนเปรอช่วงล่างให้นาง จนร่างบอบบางอ่อนระทวย“ทะ ท่านพี่ อื้อ!”สตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบแน่น ร่างของนางสั่นระริกพร้อมทั้งหอบหายใจยังยากลำบาก ทั้งเด้งสะโพกรับนิ้วแกร่งและถอนออกเมื่อพบกับความเสียวซ่านยากเกินรับมือไหว เป็นเช่นนั้นอยู่ไม่นาน หยวนซีซวนก็ดังรั้งเอวของนางแล้วสอดใส่แก่นกายเข้าไปทันที“อื้อ!!”ใบหน้าคมคายโน้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของนางเสียงแผ่วเบา“ข้าเปลี่ยนโต๊ะทำงานแล้ว ให้ข้าได้ลองเสียหน่อยว่าโต๊ะตัวนี้แข็งแรงมากเพียงใด”ถ้อยคำแฝงความนัย ทำเอาดวงหน้าหวานแดงระเรื่อ นางเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเขินอาย กระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธไป จากนั้นบุรุษก็เริ่มขับเคลื่อนแก่นกายอย่างหนักหน่วง“อื้อ!” เสียงหวานครางกระเส่า นางเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงน่าอาย ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนลำคอแกร่งแล้วออกแรงกัดเบาๆร่างกายที่ถาโถมเข้ามาหานาง มัน
บทที่ 27น้ำมันหอมระเหย“ข้ารู้สึกถูกชะตากับท่าน… ท่านเป็นคนใจดี ข้าอยากรับใช้ท่าน ข้าไม่ต้องการอะไร เพียงข้าวครบสามมื้อ หรือแค่วันละมื้อก็ยังดี…”เขาเอ่ยรวดเดียวราวกับกำลังนำเสนอตนเอวว่ามีประโยชน์ต่อนางมากเพียงใด หนิงอวี้เฟยมองด้วยความลังเล อันที่จริงนางสามารถช่วยชายชราผู้นี้ได้ แต่ถ้านางพากลับไป หยวนซีซวนจะต้องรู้ว่านางแอบหนีมาเที่ยว อีกทั้งนางยังหนีมาเที่ยวไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย ไม่ต่างจากคนมีความผิดตั้งใจปิดบังเช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียว..."พรุ่งนี้ไปขอทำงานที่จวนอ๋อง ข้าจะช่วยเจ้าเอง!" เสียงของนางหนักแน่น ดวงตาฉายแววจริงใจเมื่อชายชราที่ได้ยินคำพูดนั้น กลับตกใจเสียยิ่งกว่าที่คาดคิด ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงสั่นๆ"ทะ ท่าน ท่านคือ… เทพธิดาหรือ!?"สตรีตัวน้อยชะงัก ก่อนยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากส่งสัญญาณให้เงียบเสียงทันที“ชู่ว!” หนิงอวี้เฟยกระซิบเสียงเบา ดวงตาวาววับด้วยความร
บทที่ 26ยอมจำนนกลับกันหากมีวิธีกลับไปยังโลกของนาง กลับไปหาอาม่าและอากงที่นางรักยิ่ง…ถึงตอนนั้นการตัดสินใจของนางคงลำบากแล้ว เพราะตัวนางเองก็รู้ตัวว่าหัวใจดวงน้อยไม่ใช่ของตนเองแล้วทั้งหมด“ข้า...”ใบหน้าคมคายโน้มลงมาแล้วประกบปากจูบกับนางอย่างดูดดื่ม ดูดกลืนถ้อยคำใดก็ตามที่นางจะเอื้อนเอ่ยออกมา ราวกับว่าหวาดกลัวถ้อยคำนั้นๆ ของนาง หวาดกลัวว่านาง... จะเอ่ยถ้อยคำที่กรีดลึกลงกลางใจสุดท้ายนางก็ยอมจำนนอยู่ภายใต้อ้อมแขนของเขาจูบนี้ดูดดื่มและหอมหวานเหลือเกิน ราวกับต้องการใช้จูบนี้เพื่อเปลี่ยนความตั้งใจแรกของนาง เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่าง พร้อมกับความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆหนิงอวี้เฟยถูกกอดจนแทบจมอยู่อ้อมอของเขา เรียวลิ้นสากกวาดวนทั่วโพรงปาก เมื่อถอนริมฝีปากออกเพื่อให้นางหายใจ เขาก็บดเคล้าริมฝีปากลงมาอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลีบปากอวบอิ่มแดงก่ำ“ท่านพี่ ข้าเจ็บปากแล้ว อ๊ะ!” นางเอ่ยเสียงเบา ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะกดเข้าที่ลำค
บทที่ 25อย่ากลับไปเลยแสงแดดยามเที่ยงวันส่องผ่านหน้าต่างเรือน ขับให้บรรยากาศภายในอบอุ่น หนิงอวี้เฟยจัดบุปผาที่เก็บมาใส่แจกันวางไว้ที่หน้าต่าง แต่บุปผาดอกหนึ่งก็ตกลงพื้นนางจึงก้มลงเก็บมันขึ้นมาแต่แล้ว… นางสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติพื้นไม่สม่ำเสมอเมื่อมองผ่านๆ ย่อมไม่สังเกตเห็น สตรีตัวน้อยตัดสินใจลากตู้ออกมาดูด้วยกลัวว่าพื้นตรงนี้อาจจะกำลังสึกกร่อน ทว่าเมื่อเลื่อนโต๊ะตัวนี้ออกกลับพบสิ่งที่ไม่คาดคิด นางค่อยๆ ใช้แรงตนเองงัดพื้นขึ้นมาแล้วก็พบว่ามันคือประตูลับที่ถูกซ่อนไว้บานประตูเปิดออกเผยให้เห็นทางเดินลับทอดยาวเข้าสู่เงามืดนางมองซ้ายมองขวา ก่อนตัดสินใจก้าวเข้าไปอย่างซุกซน เดินตามเส้นทางลับเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองมาไกลแค่ไหน กระทั่งบานประตูสุดทางปรากฏตรงหน้า เมื่อผลักออกไปนางกลับพบว่าตนเองมาโผล่ที่ตีนเขาเสียแล้ว นางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินออกมา ใต้เส้นทางลับมีต้นไม้ใหญ่ ลำต้นมากกว่าสิบคนโอบ เบื้องล่างคือหมู่บ้านที่มีผู้คนเดินกันอย่างคึกคัก นางเบิกตาก