จากนี้… สตรีร้ายกาจผู้นี้จะไม่รักท่านอีก… นางหลงรักเขาวางแผนจนได้กลายเป็นชายาของเขา… แต่เขากลับเลือกช่วยสตรีอื่น ปล่อยให้นางสิ้นใจอย่างไม่ใยดี
View Moreปฐมบท ตอนที่ 1 งานเลี้ยง
จวนเสนาบดีซ่ง สายลมอ่อนแผ่วพัดลอดผ่านหน้าต่าง ม่านบางพลิ้วไหวตามแรงลม ภายในห้องของคุณหนูตระกูลซ่ง ซ่งเหยียนเอ๋อร์นั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง ทอดสายตามองเงาสะท้อนใบหน้างดงามของตนเองอย่างพึงพอใจ ชิงอีสาวใช้คนสนิท ค่อย ๆ ปักปิ่นหยกลงบนเรือนผมดำขลับอย่างระมัดระวัง ก่อนจะผละออกไปหยิบเสื้อคลุมผ้าไหมบางเบาสีชมพูอ่อน แล้วกลับมาหยุดยืนเคียงข้างพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “ไปกันเถอะเจ้าค่ะคุณหนู” “อืม” ซ่งเหยียนเอ๋อร์รับคำ พลางลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ชิงอีก้าวเข้ามาสวมเสื้อคลุมให้อย่างอ่อนโยน มือเรียวปรับจีบผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวออกจากห้อง เดินตรงไปยังลานกว้างในจวน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของสองนายบ่าวกึกก้องอยู่ในความเงียบสงบในยามเช้า รถม้าคันหรูจอดรออยู่ที่เบื้องหน้า “พี่หญิง” เสียงใสดังขึ้นเบื้องหน้า ซ่งหว่านอวี้ในชุดสีฟ้าครามอ่อน ก้าวมาพร้อมกับถิงหลัน สาวใช้คนสนิทของนาง ทั้งสองหยุดยืน แล้วย่อลงคารวะอย่างนอบน้อม ซ่งเหยียนเอ๋อร์เหลือบตามองเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเบือนหน้าไปเสียเฉย ๆ แล้วก้าวผ่านไปโดยไม่ได้ใส่นัก ซ่งหว่านอวี้ยังยืนอยู่ที่เดิม สายตาอ่อนโยนทอดมองตามแผ่นหลังของพี่สาว แม้ริมฝีปากจะมีรอยยิ้มบาง แต่ในดวงตากลับแฝงเร้นไปด้วยความขมขื่น มือบางกำแน่นใต้แขนเสื้อ …. วังหลวง ตำหนักเฟิ่งฮวา ภายในตำหนักที่จัดพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาไทเฮา เสียงพิณแผ่วเบาดังคลอไปกับการร่ายรำของบรรดานางรำจากหอหลวง บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ เชื้อพระวงศ์ และเหล่าคุณหนูและคุณชายในตระกูลสูงศักดิ์ต่างจับจองที่นั่งตามฐานันดร บรรยากาศในงานคึกคัก ซ่งเหยียนเอ๋อร์ บุตรีของเสนาบดีซ่ง นั่งอยู่กลางกลุ่มเหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ ขณะสายตาทอดมองนางรำกลางลานด้วยใบหน้าอารมณ์ดี มือขาวยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างาม “คุณหนูซ่ง” เสียงหวานเสียดหูของคุณหนูสกุลจางดังขึ้นทำลายความเงียบอย่างจงใจ “ข้าได้ยินมาว่าท่านเสนาบดีซ่ง เพิ่งรับบุตรสาวนอกสมรสกลับเข้าจวนเมื่อไม่นานมานี้จริงหรือไม่เจ้าค่ะ” ปลายนิ้วของซ่งเหยียนเอ๋อร์ที่กำลังจะแตะขนมถั่วกวนหยุดชะงักชั่วขณะ เสียงซุบซิบของเหล่าคุณหนูรอบข้างดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “ได้ยินว่า งดงามอ่อนหวานยิ่งนัก… มิทราบว่าสตรีอ่อนแอเช่นนั้น… จะถูกพี่สาวข่มเหงหรือไม่” “ช่างน่าสงสารยิ่งนัก” บางคนหัวเราะเบา ๆ พลางปิดปาก บ้างแสร้งถอนใจด้วยสีหน้าเสียดสี ซ่งเหยียนเอ๋อร์ทอดถอนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปที่วงสนทนานั้น ดวงตาคมกริบของนางนิ่งสนิท นางกวาดสายตามองเหล่าคุณหนูส่งศักดิ์ทีละคน บรรยากาศพลันเงียบงัน เหล่าคุณหนูทั้งหลายต่างก้มหน้าก้มตาจิบชากันเงียบ ๆ อย่างมิกล้าสบตา ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันกลับมาหยิบขนมถั่วกวนเข้าปากอย่างสงบ แล้วยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นแล้ว ก้าวออกจากงานไป พร้อมกับชิงอีสาวใช้คนสนิท ณ สวนหลวง สายลมแผ่วพัดกลีบดอกท้อละอองปลิวคลุ้งไปทั่วทางเดินหินที่ทอดยาวผ่านเรือนพฤกษา ซ่งเหยียนเอ๋อร์ในอาภรณ์บางเบาสีชมพูอ่อน ก้าวเดินเงียบ ๆ สายตาทอดมองชื่นชมดอกท้อที่กำลังผลิบาน นางก้าวชมความงดงามของสวนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้าวขึ้นสะพานหินที่ทอดข้ามสระบัวกลางสวน ขณะนั้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นมาจากอีกฟากของสะพาน “ระวัง!!” ชิงอีเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็สายเกินไป นางกำนัลสองนางวิ่งถือถาดในมือ โดยไม่ทันระวัง พุ่งชนเข้ากับร่างของซ่งเหยียนเอ๋อร์อย่างจัง แรงกระแทกทำให้นางเซถลาไปทางขอบสะพาน กึก! ร่างบางกระแทกขอบสะพานเสียงดัง ก่อนจะเสียหลักล่วงลงจากสะพาน “อ๊ะ!!” เสียงหวีดร้องดังขึ้นท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อนในอากาศ แต่ก่อนที่ร่างงามจะสัมผัสผิวน้ำเย็นเฉียบ เสี้ยวนาทีต่อมา มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขนมั่นคง ฟึ่บ! ชายผ้าแพรตวัดพลิ้วกลางอากาศ เงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งกระโจนขึ้นจากผิวน้ำด้วยความคล่องแคล่ว พร้อมร่างบางในอ้อมแขน เจิ้งอันอ๋องโอบร่างของซ่งเหยียนเอ๋อร์แน่นแนบอก กลิ่นกายหอมของนางลอยอบอวลอยู่ปลายจมูกเขา ซ่งเหยียนเอ๋อร์หลับตาแน่นด้วยความตกใจ แต่เมื่อสัมผัสถึงไออุ่นและแรงโอบรัดร่างตนอย่างมั่งคง นางจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ และเมื่อสบใบหน้าคมคายตรงหน้า หัวใจก็พลันเต้นสะท้าน คิ้วดกเข้ม แววตาคมลึก ริมฝีปากหยักเม้มแน่นด้วยความตึงเครียดกลับยิ่งน่าหลงใหล “…บุรุษผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก…” ความคิดนั้นผุดขึ้นในใจนางอย่างไม่ทันยั้ง เจิ้งอันอ๋องวางร่างบางลงบนพื้นริมสระอย่างเบามือ ท่ามกลางสายลมเย็น “ท่านอ๋อง!” เสียงขององค์รักษ์ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงในชุดสีเข้มก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจิ้งอันอ๋องยังคงยืนนิ่ง มองใบหน้านางที่ยังมึนงง “เจ้าจะมองอีกนานหรือไม่?” คำพูดนั้นทำให้ซ่งเหยียนเอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา นางรีบปล่อยมือจากเขา แล้วถอยออกก้าวหนึ่ง ย่อกายคารวะอย่างลนลาน “ขะ… ขอบพระทัยเพคะ…” เจิ้งอันอ๋องเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อย แววตายังนิ่งเรียบ ก่อนจะหมุนกายอย่างไม่เอ่ยคำใดอีก “คุณหนู! ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ!?” เสียงของชิงอีดังขึ้นมาพร้อมกับร่างบางที่วิ่งตรงเข้ามาอย่างตื่นตระหนก ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันไปมองสาวใช้ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ “ข้าไม่เป็นไร” จากนั้นนางจึงหันกลับไปอีกครั้ง แต่เจิ้งอันอ๋องได้เดินจากไปแล้ว แผ่นหลังสูงสง่าในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มค่อย ๆ ลับหายไปในม่านเงาไม้ ดวงตาคู่งามยังคงจ้องมองตามอย่างไม่อาจละ “คุณหนูท่าน…” ชิงอีเอ่ยเบา ๆ ขณะมองสีหน้าเหม่อลอยของคุณหนูตน ซ่งเหยียนเอ๋อร์ยิ้มบาง ๆ แก้มขึ้นสีระเรื่อ ก่อนจะหมุนกายกลับ “เราไปกลับกันเถอะ” ชิงอีก้าวตามไปอย่างเร่งรีบ … ฝากติดตามนิยายของ คุณยายจิ้งจอกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ🥰ตอนที่ 24 ซ่งหว่านอี้แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดลอดหน้าต่างไม้เก่าจนเกิดแสงสีทองตกกระทบลงบนใบหน้าของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตนเองกับหานอี้ถูกมัดแน่นไว้กับเสาไม้ ร่างกายอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงหานอี้ที่เพิ่งได้สติก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สูดลมหายใจแผ่วเบา ก่อนเปล่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… ”ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมองเด็กชายข้างกายแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน หากน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว“ไม่ต้องกลัว… ท่านอ๋องต้องมาช่วยเราแน่”หานอี้พยักหน้าเบา ๆ ในขณะนั้น ซ่งหว่านอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างดูแคลนไม่ใยดีซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมาทางนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง“ซ่งหว่านอี้… เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”ซ่งหว่านอี้มิได้ตอบในทันที หากยกมีดเล่มเล็กขึ้น ปลายนิ้วเรียวลูบคมมีดช้า ๆ ใบหน้าราบเรียบ แววตาแฝงไปด้วยความอำมหิต นางก้าวอ้อมมายืนตรงหน้าของทั้งสองหานอี้จ้องมองนาง เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วพี่ชายข้าล่ะ… หานมู่ เขาอยู่ที่ใด!”ซ่งหว่านอี้คลี่ยิ้มจาง สีหน้าเย็นชาจนน่าสะพรึง“หานมู่หรือ”นางพึมพำชื่อออกมา ก่อนจะหัวเราะราวคนเสียสติ ก่อนจ
ตอนที่23 กลับเมืองหลวง จวนเจิ้งอันอ๋องณ สวนหลังจวน ดอกโบตั๋นผลิบานละลานตา สีชมพูแดงอร่ามราวเนรมิตขึ้นจากภาพวาด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม โดยมีชิงอีสาวใช้คนสนิทติดตามไม่ห่าง นางเดินตรงไปยังศาลาไม้กลางสวน ภายในศาลานั้นมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาก้มหน้าก้มตา วาดภาพอยู่บนแผ่นกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างตัวเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเบื้องหน้า มองภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเป็นเค้าโครงใบหน้าใครบางคน นางจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ“เจ้ากำลังวาดรูปผู้ใดอยู่หรือ”ชิงอีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก้าวเข้ามายกกาน้ำชาขึ้นรินน้ำชาลงใส่ถ้วยชาใบเล็ก แล้ววางถ้วยชานั้นอย่างนุ่มนวลลงเบื้องหน้าซ่งเหยียนเอ๋อร์หานอี้เงยหน้า ตอบอย่างตั้งใจ“ข้ากำลังวาดรูปพี่ชายข้า… ข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แต่ยังหาเขาไม่พบ ข้าคิดว่าถ้าวาดรูปเขาออกมาชัด ๆ เวลาออกตามหาอาจง่ายขึ้นกว่าเดิม”ซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“อืม”หานอี้วางพู่กันลง ก่อนจะหยิบภาพขึ้นยื่นให้ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว“พี่เหยียนเอ๋อร์ ท่านลองดูหน่อย… คุ้นหรือไม่”ซ่งเหยียนเอ
ตอนที่ 22 ทำลายโรคระบาดเจิ้งอันอ๋องก้าวเข้าสู่โรงหมอ โดยมีเจ้าเมืองต้าเฉิง หมอหลวงหยางซุน และทหารองค์รักษ์อีกสามนายติดตามมาด้วยเมื่อก้าวล่วงถึงประตูด้านใน กลิ่นอสมุนไพรขมปร่าก็ลอยมาแตะจมูก ผู้ป่วยต่างต่อแถวยาวเพื่อรอลงอ่างน้ำยาสมุนไพรต้ม ชาวบ้านต่างช่วยกันยกถังยาสมุนไพรและตัดแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้นซ่งเหยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ที่โต๊ะไม้ เงยหน้ามาเห็นพระสวามีของตนก็ยกมือเล็กขึ้นโบกเบา ๆ ดวงหน้ายิ้มระเรื่อ“ท่านอ๋อง”เจิ้งอันอ๋องได้ยินเสียงนั้นจึงหันไป ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้างามที่กำลังยิ้มแย้มของชายาตน แล้วก้าวตรงไปหานาง เพียงไม่นานร่างสูงของเขาก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้านางซ่งเหยียนเอ๋อร์ส่งยิ้มบางให้พลางยื่นใบสั่งยาที่เขียนมาใหม่ให้แก่เขา“ท่านดูสิ… ตำรับยาใหม่นี้ ใช้ได้ผลดีทีเดียว”กล่าวจบ นางหันไปมองเด็กชายด้านข้างที่กำลังแยกสมุนไพร เจิ้งอันอ๋องเหลือบสายตามองตามสายตาของนางก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ“เขาเป็นใคร?”“หานอี้”นางตอบพร้อมยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ“ท่านนั่งลงก่อนเถิด”เจิ้งอันอ๋องจึงนั่งลงเบื้องหน้านาง ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันไปสบสาย
ตอนที่ 21 ยาแก้รถม้าค่อย ๆ ชะลอล้อ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงหน้าป้ายไม้เก่า ที่เขียนตัวอักษรด้วยหมึกสีดำ โรงหมอเมืองต้าเฉิงซ่งเหยียนเอ๋อร์แหวกผ้าม่านก้าวลงจากรถม้า ชิงอีรีบก้าวมารับประคองร่างบางของคุณหนูของตนหานอี้ก้าวตามมาชิดด้านหลัง ดวงตากลมโตของเด็กชายกวาดมองรอบ ๆ อย่างสนใจทันทีที่ก้าวล่วงเข้าประตูไม้เก่า กลิ่นสมุนไพรต้มปนกลิ่นเหงื่อชื้นก็โถมเข้าโสตประสาท เหล่าชาวบ้านนอนเรียงรายบนฟูกฟาง บ้างตัวร้อนจัดจนใบหน้าแดงก่ำ บ้างไอหอบจนหน้าเขียวคล้ำหมอหลวงในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นและหมอชาวบ้านในเสื้อผ้าซีดสีเก่า ต่างถือถ้วยยาสมุนไพรเดินส่งให้ผู้ป่วยทีละคน เสียงกระซิบปลอบโยนและเสียงช้อนกระทบถ้วยดังแทรกอยู่ในความวุ่นวายหานอี้กวาดตามองภาพเบื้องหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดก้าว มือเล็กดึงชายแขนเสื้อซ่งเหยียนเอ๋อร์เอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… นี่คือโรคไข้พิษจากแมลง”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ชะงักฝีเท้าลง หันมามองด้วยแววตาสงสัยเด็กชายพยักหน้าช้า ๆ เพื่อย้ำความแน่ใจ“เจ้ารู้จักหรือ”นางเอ่ยถาม“อืม รู้จักสิ ข้าเคยเห็นในตำราของท่านแม่”“แม่!”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ย้ำด้วยใบหน้าแปลกใจ ก่อนจะเ
ตอนที่ 20 โรคระบาดยามซวีจวนเจ้าเมืองต้าเฉิงบานประตูไม้ถูกผลักออกอย่างแผ่วเบา เจิ้งอันอ๋องก้าวเข้ามาในห้องของชายาตน กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามสายลมเย็น ภาพเบื้องหน้าคือ ร่างบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ข้างตัวมีตระกร้าไม้เล็กบรรจุผ้าผืนเล็กจำนวนหนึ่งไว้อย่างเป็นระเบียบเขาขยับปิดประตู ก่อนจะก้าวตรงไปหาร่างของนาง เขาหยุดยืนเคียงข้าง ยื่นมือใหญ่หยิบผืนผ้าที่ค้างอยู่ในมือเล็กของนางออกอย่างแผ่วเบา ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ทำให้ร่างบางค่อย ๆ ขยับ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงงซ่งเหยียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเงาร่างสูงใหญ่ข้างกายตน แสงตะเกียงสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมชัดของเขา นางเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอุ่นใจ“ท่านอ๋อง… ”นางค่อย ๆ นั่งตัวตรง เก็บผ้าผืนเล็กที่ยังวางอยู่บนโต๊ะใส่ในตระกร้าอย่างเรียบร้อยเจิ้งอันอ๋องยกผ้าในมือขึ้น ทอดมองก่อนจะเอ่ยถาม“นี่คืออะไร”ซ่งเหยียนเอ๋อร์มองเขา แววตาครุ่นคิดว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะในชาติก่อน ที่นางติดโรคระบาดและได้หมอเทวดาหานซิ่วอิงช่วยไว้ หมอเทวดาผู้นั้นส่วมผ้าปิดครึ่งหน้านี้ไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคนางหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาผูกที่ใบหน้าตนเอง แล้
ตอนที่19 เมืองต้าเฉิง สายลมอ่อนพัดแผ่ว กระทบผิวกายบอบบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ ผู้ยังหลับอยู่บนรถม้า เสียงล้อบดกับพื้นและแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาแลรอบด้วยความฉงนทันใดนั้น ม่านประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”น้ำเสียงใสของชิงอีสาวใช้คนสนิทดังขึ้นซ่งเหยียนเอ๋อร์เพียงมองนาง ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นปัดม่านหน้าต่างรถม้าออก แล้วทอดสายตาออกไปสำรวจทิวทัศน์ด้านนอก เห็นเรือนชาวบ้านเรียงรายเงียบสงบ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังเดินผ่านไปมา ร้านค้าต่างก็ปิดประตูแน่นนางหันกลับมาถามสาวใช้ของตน“ท่านอ๋องเล่า?”ชิงอีขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง แล้วยื่นห่อผ้าในมือซึ่งอุ่นด้วยกลิ่นซาลาเปาให้คุณหนูของตน ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเพียงแต่ให้บ่าวพาท่านกลับมาพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอีก“ที่นี่… คือเมืองต้าเฉิงหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ… เมืองนี้มีผู้ติดโรคระบาดเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”ชิงอีตอบเสียงแผ่วซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ แล้วหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำหนึ่ง ก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นแล้วยื่นให้ชิ
Comments