บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 58/1 เริ่มต้นการต่อสู้ อึดใจต่อมา การต่อสู้ฟาดฟันของคู่ชิงชนะเลิศก็เริ่มต้น รวี่เยว่ดวงตาวาววับอย่างตื่นเต้น หวนรำลึกถึงวันที่นางอยู่บนสนามประลอง ในรอบชิงชนะเลิศเมื่อหกปีก่อนในเมืองลวี่เฟิง ฮั่วเฮ่อฉีคล้ายจะอ่านความคิดของหญิงสาวออก จึงลุกขึ้นเดินมากระซิบข้างหูเล็กเสียงแหบพร่าว่า “ในวันนั้น รวี่เยว่น้อยของข้าแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมจริงๆ กระบี่วาโยพวกนั้นร้ายกาจมาก เตะโด่งเจ้าเด็กนั่นกระเด็นตกเวทีไปเลย ข้ายังจำได้แม่น” ลมหายใจอุ่นที่สัมผัสข้างใบหูขาว ทำหญิงสาวหน้าร้อนวาบ รวี่เยว่ยกสองมือประกบแก้มอย่างเก้อเขิน แอบรำพึงในใจว่า ‘ไม่น่าเชื่อว่าองค์ไท่จื่อยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ด้วย’ “อะ แฮ่ม! นู่นๆ คู่ชิงชนะเลิศอยู่ตรงหน้านู้น ช่วยสนใจหน่อย เรื่องเกี้ยวพานรวี่เยว่ องค์ไท่จื่อรอให้เสร็จเรื่องวันนี้ก่อนก็ได้” เสียงทุ้มต่ำของพยัคฆ์อนธการดังขึ้น ขัดจังหวะเกี้ยวพานของฮั่วเฮ่อฉี พรืดดด!! ราชันย์หมาป่าพระจันทร์เงินหลุดขำ ทว่ารีบยกอุ้งเท้าปิดปากของตนแทบไม่ทัน ยามได้เห็นสายตาของฮั่วเฮ่อฉี ‘อย่ากัดหูข้าตอนนี้นะ! คนเยอะอายเขา ไว้ไปกัดตอนกลับคฤหาสน์ก็แล้วกัน‘ อี้หรงสื่อสารผ่านจิต จะใ
บทที่ 58/2 เริ่มต้นการต่อสู้ เมื่อเห็นว่าลูกธนูบนอากาศทั้งหมดหายไป รวมถึงกลุ่มคนที่เป็นคนยิงพวกมัน ถูกสุดหล่อของนางจัดการเกลี้ยงไม่เหลือซาก รวี่เยว่จึงหันมาพยักหน้าก่อนปลดเขตแดนออก อวี้เหวินเทียนหยาหิ้วหลังคอเสื้อของสือเซินแวบหายไปจากตรงนั้น ฮั่วเฮ่อฉีเหินขึ้นไปบนอากาศ ปล่อยพลังธาตุเหมันต์สร้างเกล็ดหิมะจำนวนมากมายมาแทนที่ลูกธนูทั้งหมด ทันทีที่รวี่เยว่ปลดเขตแดนแห่งมิติเวลา ทุกสิ่งรอบกายกลับมาเคลื่อนไหวเป็นปกติอีกครั้ง เสียงกรีดร้องและความโกลาหลทั้งหมดหยุดลง เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตกลงมาคือเกล็ดหิมะ “ที่แท้ก็เพียงเกล็ดหิมะนี่เอง ตกใจหมดนึกว่าถูกคนร้ายลอบโจมตีเสียอีก ฮ่าๆๆๆ” “นั่นสิ พวกเราเข้าใจผิดไปนี่เอง” “มีทั้งคนตำหนักเทวาอนธการและตำหนักเทพอนันต์อยู่ ใครมันจะกล้ามากำแหง ข้าลืมไปเสียสนิท ฮ่ะๆๆๆ” ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะอย่างรื่นเริงของประชาชนบนอัฒจันทร์ดังขึ้น ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นพลันพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทว่าคนจากสำนักกระบี่สวรรค์กลับหน้าถอดสี คาดไม่ถึงว่าที่จู่ๆลูกธนูทั้งหมดกลับกลายเป็นเกล็ดหิมะแทน “มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เอ๊ะ! แล้วท่านเจ้าสำนักหายไปไหน! มิใช่ว่ายืน
บทที่60/2 ยุติศึกในช่วงสั้นๆ กลับมาที่แดนมนุษย์ ต้าอ๋องยังคงยืนนิ่งตาค้างขนหัวลุก เมื่อได้เห็นการช่วงชิงจิตวิญญาณสดๆร้อนๆกับตา “อัคคีนิลกาฬช่างน่าสะพรึง สมคำร่ำลือจริงๆ” จากนั้นจึงกล่าวกับรวี่เยว่ว่า ในเมื่อกระทั่งแม่ทัพใหญ่ของหวงซา ยังสามารถแฝงตัวอยู่ในสำนักกระบี่สวรรค์ นั่นก็อาจเป็นไปได้ว่า อาจมีคนของอาณาจักรหวงซาแทรกซึมเข้ามาในอาณาจักรอู๋ซางโดยที่พวกเขาไม่รู้ “เรื่องนี้ไม่ห่วงเจ้าค่ะ กลับไปค่อยเอาวิญญาณของหนานอ๋อง ออกมาทรมานรีดเค้นข้อมูลทีหลัง” นางบอกกับต้าอ๋องด้วยท่าทางผ่อนคลาย สามเค่อต่อมา สำนักกระบี่สวรรค์ก็พ่ายแพ้ อาคารต่างๆของสำนักพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี เปลวไฟลุกโหมไปทั่วราวทะเลเพลิง ศิษย์หลายคนที่ยังรอดชีวิตยอมศิโรราบต่อกองกำลังของราชวงศ์ เวลานี้ร่างของฮั่วเฮ่อฉีย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน ดวงตาสีฟ้าพร่างพราวเปี่ยมด้วยไอสังหารน่าหวาดหวั่น ชายหนุ่มคร่าชีวิตของคนสำนักกระบี่สวรรค์ ด้วยมือตนเองไปมากกว่าหกร้อยคนในระยเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม! สร้างความตื่นตะลึงระคนหวาดผวา ให้กับคนจากสามสำนักใหญ่ไปตามๆกัน หลายคนตระหนักแล้วว่า ฉายาจอมอหังการขององค์ไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ไม่ได้เ
บทที่ 60/1 ยุติศึกในช่วงสั้นๆ คำกล่าวของต้าอ๋องไม่ได้มีเพียงรวี่เยว่ที่ได้ยิน อวี้เหวินเทียนเหิงที่อยู่ห่างออกไปก็ได้ยินเช่นกัน องค์ราชารีบเก็บจิตวิญญาณทั้งแปดใส่กระบี่ แล้วแวบมาปรากฏตรงหน้าเลี่ยวคังหนานด้วยเพลิงแค้นสุมอก แรงกดดันมหาศาลกระหน่ำใส่ชายตรงหน้าจนแทบแหลกเป็นผุยผง เสียงกระดูกซี่โครงหักดังลั่นได้ยินชัดเจน พร้อมเสียงโหยหวนจากความเจ็บปวดที่ได้รับ กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ อ๊ากกกกก!!! “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่ทำให้นางตาย!” ภายในดวงตาคู่คมของอวี้เหวินเทียนเหิงแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้นเหนือคณานับ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมิอาจครองคู่กับนาง แต่การได้รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ ก็เปรียบเสมือนแสงเทียนที่ส่องสว่าง มอบความอบอุ่นในจิตใจให้เขาในคืนอันเหน็บหนาวและมืดมิด ในตอนที่เยว่หนิงลี่ยังมีชีวิตอยู่ มีบางครั้งที่เขาแอบลงไปจากภูผา เดินทางไปยังแดนใต้เมื่อรู้ว่านางไปที่นั่น เพื่อแอบมองนางอยู่ห่างๆให้หายคิดถึง เขาเลี่ยงที่จะไปเมืองหลวง เพราะเกรงจะเห็นภาพบาดตาบาดใจ หากแต่หลายปีมานี้ไม่มีนางอีกแล้ว และชายตรงหน้าคือคนที่พรากนางไปจากเขาและธิดา ทว่าก่อนที่อวี้เหวินเทียนเหิงจะลงมือบดขยี้อีกฝ่าย เสียง
บทที่ 59/2 รวี่เยว่แล้วข้าเล่า!!! นอกเหนือจากคนตำหนักเทวาอนธการ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ไม่มีใครเคยเห็นองค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงมาก่อน ต่างจ้องมองเขาเป็นตาเดียว และมีเพียงความคิดเดียวผุดขึ้นในหัวของทุกคน “ช่างหล่อเหลาสง่างามเหลือเกิน” “ว่าที่พ่อตาของท่านรูปงามมากเลยนะฝ่าบาท ตบะอยู่ถึงระดับฮว่าเสินขั้นกลางเสียด้วย” อี้หรงเอ่ยกับฮั่วเฮ่อฉีเป็นเชิงชื่นชมอีกฝ่าย ฮั่วเฮ่อฉีพยักหน้าเห็นด้วย หากแต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความกังวล ‘เขาจะยอมยกรวี่เยว่ให้ข้ารึเปล่านะ แล้วถ้าหากไม่ยอมล่ะข้าจะทำอย่างไรดี…’ ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้คิดฟุ้งซ่านต่อ สุ้มเสียงทรงอำนาจของอวี้เหวินเทียนเหิงก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ “ว่าอย่างไร ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสำนักกระบี่สวรรค์ จะเริ่มสู้กันได้รึยัง ข้ารอจนเริ่มเบื่อแล้ว…โอ้ เงียบไม่ยอมตอบ เช่นนั้นข้าเริ่มก่อนล่ะนะ” อวี้เหวินเทียนเหิงยกมุมปาก ปล่อยแรงกดดันกระแทกใส่กลุ่มผู้อาวุโสของสำนักกระบี่สวรรค์ ทำแต่ละคนลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น ตบะระดับฮว่าเสินหาใช่สิ่งที่นักพรตระดับหยวนอิงจะรับมือได้ง่ายๆ กอปรกับสายเลือดมารสวรรค์ ยิ่งทำให้อวี้เหวินเทียนเหิงแข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษ
บทที่ 59 รวี่เยว่แล้วข้าเล่า!!! หนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักกระบี่สวรรค์ ยกมือสั่นระริกชี้มาที่บุรุษชุดดำที่ยืนเอามือไพล่หลัง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่เห็นแล้วทำให้ขนหัวลุก ชายชรารวบรวมสติ ละล่ำละลักเอ่ยถามในสิ่งที่ตนข้องใจ “จะ เจ้า เจ้าคืออวี้เหวินเทียนเหิงอย่างนั้นรึ” “บังอาจ!!กล้าเอ่ยนามองค์ราชาอย่างไม่เคารพ สมควรตาย!” แม่ทัพเฉียนกวางตวาดใส่ชายชราในชุดสีเทาเสียงกึกก้อง ถ้อยคำของแม่ทัพเฉียน ช่วยให้ความกระจ่างแจ้งแก่คนสำนักกระบี่สวรรค์ ในฉับพลันเสียงระฆังเตือนภัยจากหอสูง ของศิษย์ฝ่ายในได้ดังขึ้นตามมา พร้อมเสียงประกาศก้องทรงพลังของผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสำนัก “ศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ทุกคน เตรียมพร้อมขับไล่ศัตรูที่มารุกราน ปกป้องศักดิ์ศรีสำนักอย่ายอมให้ใครเหยียบย่ำได้เด็ดขาด!!! สิ้นเสียงประกาศ ศิษย์ทุกคนทั้งฝ่ายนอกฝ่ายใน ต่างรีบขี่กระบี่และมารวมตัวกันอยู่บนอากาศเหนือที่ตั้งสำนัก บางส่วนยืนคุมเชิงอยู่บนภาคพื้น เมื่อคาดคะเนดู จำนวนศิษย์ของสำนัก รวมถึงผู้ที่ไม่ใช่คนของสำนักน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสามพันคน บรรดาผู้อาวุโสอีกหลายคนที่กำลังกักตนอยู่ในหอบำเพ็ญ รีบออกมาจากกักตนทันที หลังได้ย
บทที่ 58/2 เริ่มต้นการต่อสู้ เมื่อเห็นว่าลูกธนูบนอากาศทั้งหมดหายไป รวมถึงกลุ่มคนที่เป็นคนยิงพวกมัน ถูกสุดหล่อของนางจัดการเกลี้ยงไม่เหลือซาก รวี่เยว่จึงหันมาพยักหน้าก่อนปลดเขตแดนออก อวี้เหวินเทียนหยาหิ้วหลังคอเสื้อของสือเซินแวบหายไปจากตรงนั้น ฮั่วเฮ่อฉีเหินขึ้นไปบนอากาศ ปล่อยพลังธาตุเหมันต์สร้างเกล็ดหิมะจำนวนมากมายมาแทนที่ลูกธนูทั้งหมด ทันทีที่รวี่เยว่ปลดเขตแดนแห่งมิติเวลา ทุกสิ่งรอบกายกลับมาเคลื่อนไหวเป็นปกติอีกครั้ง เสียงกรีดร้องและความโกลาหลทั้งหมดหยุดลง เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตกลงมาคือเกล็ดหิมะ “ที่แท้ก็เพียงเกล็ดหิมะนี่เอง ตกใจหมดนึกว่าถูกคนร้ายลอบโจมตีเสียอีก ฮ่าๆๆๆ” “นั่นสิ พวกเราเข้าใจผิดไปนี่เอง” “มีทั้งคนตำหนักเทวาอนธการและตำหนักเทพอนันต์อยู่ ใครมันจะกล้ามากำแหง ข้าลืมไปเสียสนิท ฮ่ะๆๆๆ” ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะอย่างรื่นเริงของประชาชนบนอัฒจันทร์ดังขึ้น ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นพลันพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทว่าคนจากสำนักกระบี่สวรรค์กลับหน้าถอดสี คาดไม่ถึงว่าที่จู่ๆลูกธนูทั้งหมดกลับกลายเป็นเกล็ดหิมะแทน “มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เอ๊ะ! แล้วท่านเจ้าสำนักหายไปไหน! มิใช่ว่ายืน
บทที่ 58/1 เริ่มต้นการต่อสู้ อึดใจต่อมา การต่อสู้ฟาดฟันของคู่ชิงชนะเลิศก็เริ่มต้น รวี่เยว่ดวงตาวาววับอย่างตื่นเต้น หวนรำลึกถึงวันที่นางอยู่บนสนามประลอง ในรอบชิงชนะเลิศเมื่อหกปีก่อนในเมืองลวี่เฟิง ฮั่วเฮ่อฉีคล้ายจะอ่านความคิดของหญิงสาวออก จึงลุกขึ้นเดินมากระซิบข้างหูเล็กเสียงแหบพร่าว่า “ในวันนั้น รวี่เยว่น้อยของข้าแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมจริงๆ กระบี่วาโยพวกนั้นร้ายกาจมาก เตะโด่งเจ้าเด็กนั่นกระเด็นตกเวทีไปเลย ข้ายังจำได้แม่น” ลมหายใจอุ่นที่สัมผัสข้างใบหูขาว ทำหญิงสาวหน้าร้อนวาบ รวี่เยว่ยกสองมือประกบแก้มอย่างเก้อเขิน แอบรำพึงในใจว่า ‘ไม่น่าเชื่อว่าองค์ไท่จื่อยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ด้วย’ “อะ แฮ่ม! นู่นๆ คู่ชิงชนะเลิศอยู่ตรงหน้านู้น ช่วยสนใจหน่อย เรื่องเกี้ยวพานรวี่เยว่ องค์ไท่จื่อรอให้เสร็จเรื่องวันนี้ก่อนก็ได้” เสียงทุ้มต่ำของพยัคฆ์อนธการดังขึ้น ขัดจังหวะเกี้ยวพานของฮั่วเฮ่อฉี พรืดดด!! ราชันย์หมาป่าพระจันทร์เงินหลุดขำ ทว่ารีบยกอุ้งเท้าปิดปากของตนแทบไม่ทัน ยามได้เห็นสายตาของฮั่วเฮ่อฉี ‘อย่ากัดหูข้าตอนนี้นะ! คนเยอะอายเขา ไว้ไปกัดตอนกลับคฤหาสน์ก็แล้วกัน‘ อี้หรงสื่อสารผ่านจิต จะใ
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย