หลังเรื่องโต้เถียงกันสงบลง เหล่าองค์หญิงก็ต้องเบิกตาค้างเมื่อองค์หญิงใหญ่สั่งให้นางกำนัลนำเครื่องประดับมาให้พวกนางเลือกเพิ่มไปคนละชิ้น เพราะนางเป็นคนใจกว้างเช่นนี้องค์หญิงทั้งหลายจึงยกย่องนางอีกทั้งไม่กล้าที่จะหาเรื่องอันใดให้องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคือง อารมณ์ขององค์หญิงใหญ่มีผลต่อพวกนางเสมอหากนางดีก็ดีจนน้ำตาไหลแต่หากผู้ใดกล้าขัดใจนางก็เตรียมทำใจรับความอัปยศได้เลย
"สิบสามพี่หญิงเลือกให้เจ้าได้แล้ว ผ้าผืนนี้อีกทั้งปิ่นปักผมสีแดงงดงามนักคงมีเพียงเจ้าที่ใส่แล้วจะเหมาะสมผู้อื่นเห็นจะไม่คู่ควร"
"ขอบพระทัยเพคะพี่หญิง"
องค์หญิงสิบสามรับมาอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่องค์หญิงองค์หญิงทุกคนมองมายังองค์หญิงสิบสาม หลายคนอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความสะใจไม่ได้เมื่อวาดภาพคนงามเช่นน้องสิบสามอยู่ในอาภรณ์ตัวนั้น
องค์หญิงห้าตาโตด้วยตกใจที่เห็นอาภรณ์ไหมสีแดงฉ่ำผืนนั้น นางค่อนข้างสนิทสนมกับองค์หญิงสิบสามเห็นชัดเจนว่าแดงสีแรงเช่นนี้องค์หญิงทุกคนล้วนไม่กล้าใส่ด้วยกลัวว่าไทเฮาผู้โปรดการแต่งกายด้วยสีอ่อนหวานจะทรงขัดเคืองพระทัย การแต่งกายที่ดึงดูดมากเกินไปถือเป็นเรื่องไม่งามในราชสำนักเหตุใด พี่หญิงใหญ่จึงยังมอบผ้าไหมแดงชิ้นนี้ให้องค์หญิงสิบสามกันเล่า
ที่น่าประหลาดใจคือองค์หญิงสิบสามกลับรับมาด้วยใบหน้าใสซื่อราวกับไม่รู้ว่าตนเองนั้นต้องตกที่นั่งลำบากเป็นแน่
"เจ้ารีบเอาไปตัดเย็บเสียอีกไม่กี่วันจะถึงวันงานเลี้ยงต้อนรับทหารกล้าแล้ว เราในฐานะฝ่ายในต้องเข้าร่วมด้วยทุกคน พวกเจ้ารู้ความหมายของงานนี้ใช่หรือไม่"
องค์หญิงแต่ละคนล้วนพระพักตร์แดงซ่าน ความหมายในงานนี้ทุกคนย่อมประจักษ์แก่ใจ งานเลี้ยงนี้นอกจากจะต้อนรับท่านแม่ทัพและเหล่าทหารแล้ว ไทเฮายังอนุญาติให้ฝ่ายในเข้าร่วมด้วยนั่นย่อมเท่ากับว่าถือเป็นงานเลี้ยงดูตัวของเหล่าองค์หญิง หากคู่ใดที่เหมาะสมฝ่าบาทจะประทานสมรสให้ในงานเป็นแน่ ดังนั้นองค์หญิงทุกคนที่เฝ้าฝันอยากพบบุรุษรูปงาม และตั้งตารอที่จะออกจากวังหลังแห่งนี้มาเนิ่นนานจึงเฝ้ารอคอยนัก
อากาศหนาวเหน็บดูภายในตำหนักขององค์หญิงสิบสามจะมีความโกลาหลที่คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้ได้ อ๋องฉางอันก้าวเข้ามาภายในอย่างเงียบเชียบใบหน้าร้อนรน
"อาชิงข้าสั่งเจ้าแล้วว่าให้เฝ้านางให้ดีครานี้กลายร่างเป็นอะไรเจ้ายังไม่รู้เช่นนี้จะหานางเจอได้อย่างไร"
"ทูลท่านอ๋อง องค์หญิงกลายร่างตอนข้าน้อยออกไปตักน้ำเพคะจึงไม่ทันระวังครานี้น่าจะเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ว่องไวและกระโดดได้เพราะองค์หญิงกระโดดออกทางหน้าต่างเพคะ"
"ข้าจะส่งข่าวไปยังตำหนักธิดาเทพให้ช่วยกันออกค้นหาอย่างลับๆ เจ้าอยู่นี่คอยรับหน้าคนไว้ข้าจะหานางให้พบในคืนนี้ คงไปได้ไม่ไกลน่าจะทิ้งเบาะแสไว้แถวนี้"
"เพคะ"
กระต่ายขาวตัวหนึ่งมุดรั้วตำหนักกระโดดออกมาอย่างว่องไว มันมองซ้ายขวาอย่างไม่รู้ทิศทางก่อนจะเริ่มสูดดมบางอย่าง แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นกระต่ายปีศาจการเคลื่อนไหวจึงรวดเร็วกว่ากระต่ายทั่วไปหลายเท่า ในไม่ช้าก็กระโดดห่างจากตำหนักองค์หญิงสิบสามมาหลายลี้ ออกนอกเขต วังหลวงได้โดยไม่มีผู้ใดสงสัย
องค์หญิงสิบสามในร่างกระต่ายขาวขนปุกปุย แม้จะรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรแต่ไม่อาจยับยั้งจิตใจได้ ยังคงวิ่งหน้าตั้งออกมาตามกลิ่นที่จมูกของตนเองนำมาหยุดอยู่หน้าจวนใหญ่ที่น่าเกรงขามที่หนึ่ง กระต่ายน้อยแอบอยู่ข้างกำแพงสูงดมกลิ่นฟุดฟิดแล้วยิ้มออกมาเมื่อพบว่าจุดหมายของตนเองอยู่ภายหลังกำแพงสูงของจวนแห่งนี้
ดูเหมือนว่าจะมีรถม้าจอดอยู่ด้านหน้าจวนคล้ายกำลังขนบางสิ่ง กระต่ายน้อยสบโอกาสกระโดดผลุบเข้าไปในรถม้าอย่างว่องไว เมื่อเข้ามาถึงภายใน กลิ่นหอมของอร่อยช่างรุนแรงยั่วยวนกระต่ายน้อยทนไม่ไหว หลบหลีกร่างกายจวบจนพุ่งเข้าไปสู่สวนผักหลังจวนด้วยความโหยหิว หลังจากนั้นองค์หญิง สิบสามในร่างปีศาจกระต่ายก็ลงมือแทะกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า ราวพายุโหมกระหน่ำ นางพังสวนผักของจวนใหญ่พินาศในพริบตา
เมื่อสวนผักแห่งนี้ว่างเปล่า หนังท้องของนางเริ่มตึงกระต่ายน้อยจึงกระโดดออกมาอย่างว่องไว ตามด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายด้านหลังที่ดังขึ้น
"เอะอะอะไรกัน"
"เรียนท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะไปดูเดี๋ยวนี้ขอรับ"
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล