Share

บทที่ 4

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 01:02:21

หยางเอ้อหลางที่กำลังชำระร่างกายในอ่างไม้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอันมาก เดิมทีเขาอยู่ชายแดนในค่ายทหารต้องอาศัยความเงียบเพื่ออำพรางศัตรูเขาจึงเกลียดเสียงดังเอะอะโวยวายเป็นที่สุด บัดนี้กลับมาถึงจวนได้ไม่นานผู้คนต่างหลงลืมกฎที่เขาตั้งไว้ส่งเสียงเอะอะหนวกหูยิ่ง 

คล้ายมีเสียงอยู่อีกด้านของห้องอาบน้ำ หยางเอ้อหลางกระโดดตัวลอยว่องไวไม่ทันได้คว้าเสื้อคลุมนอกจากกระบี่ประจำกายกระโจนไปตามเสียง         เขาวาดกระบี่ออกไปยังไม่ทันได้ลงมือก็พบว่าบนพื้นห้องบัดนี้มีกระต่ายสีขาว    ตัวค่อนข้างใหญ่กำลังหมอบตัวสั่นงันงกอยู่

"ท่านแม่ทัพ ด้านนอกไม่รู้สิ่งใดทำลายแปลงผักจนพังพินาศขอรับ" องครักษ์ฝานเข้ามาในห้องพร้อมมองผ่านแผ่นหลังของแม่ทัพหนุ่มซึ่งไร้อาภรณ์ยืนวาดกระบี่อยู่ด้านหน้าสัตว์ตัวอ้วนขนปุกปุยสีขาว 

"ข้าจับโจรได้แล้ว ไม่ต้องหา" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นพลางนั่งลงรวบหัวกระต่ายยาวของนางแล้วยกร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยขึ้นมาพิจารณา

องค์หญิงสิบสามในร่างของกระต่ายยังคงตกตะลึงนางรู้จักเขาแน่นอน      นี่นางบุกเข้ามาในจวนของแม่ทัพผู้เหี้ยมโหดเชียวหรือ บุรุษผู้นี้ไร้ยางอายมายืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้านางเช่นนี้ ทำให้นางตื่นตระหนกจนไม่อาจขยับได้ เจ้าสิ่งนั้นที่ห้อยอยู่ตรงกลางร่างกายของเขาช่างดูดุดันน่ากลัวเสียเหลือเกิน

เจ้าบ้านี่ท่าทางจะไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่ แย่แล้วจะทำอย่างไรดี

องครักษ์ฝานหยิบเสื้อคลุมมาคลุมร่างให้ผู้เป็นนาย เขาและแม่ทัพเติบโตมาในค่ายทหารเปลือยกายอาบน้ำด้วยกันมานับสิบปี เขาจึงชาชินกับเรือนกายของท่านแม่ทัพไปแล้ว

"กระต่ายตัวเดียวเหตุใดจึงทำลายแปลงผักมากมายภายในพริบตาได้"

"กระต่ายตะกละอย่างไรเล่า ดูสิจะตายอยู่แล้วยังคาบหัวไชเท้าไม่ยอมปล่อย" หยางเอ้อหลางเอ่ยขึ้นพลางดึงหัวไชเท้าออกจากปากของกระต่ายตัวอ้วน

"ตัวอวบอ้วนเสียด้วย" องครักษ์ฝางเอ่ยต่อ

"คิดถึงตอนที่ไปรบหรือไม่ ตอนนั้นเราจับกระต่ายป่าตัวอวบได้แบบนี้ย่างโรยเกลืออร่อยนัก"

หยางเอ้อหลางหัวเราะ กระต่ายตัวนิดเดียวเหตุใดถึงฤทธิ์เดชมากมายเช่นนี้ ดูสิเริ่มดิ้นรนแล้ว หากเขาไม่ใช่นักรบออกทัพจับศึกมามากคงโดนเจ้ากระต่ายตัวนี้ถีบหน้าหงายไปแล้ว แรงเยอะไม่ใช่น้อย

องค์หญิงสิบสามได้แต่ด่าทอตนเองในใจ จะหนีไปที่ใดก็ย่อมได้เหตุใดต้องกระโดดเข้ามาในนี้ด้วย คราวซวยจริงๆ ต้องตายแน่ๆ แล้วครานี้ คนพวกนี้แม้หน้าตาจะหล่อเหลาแต่จิตใจเหี้ยมโหดนัก นางเคยเห็นภาพวาดเทพสงคราม    หยางเอ้อหลางกับองครักษ์ฝานมานับครั้งไม่ถ้วน นับว่าเป็นภาพวาดที่ขายดี        ในเมืองหลวงอีกทั้งเรื่องเล่าของพวกเขาที่ติดนิสัยชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่เว้นแม้แต่สังหารคนก็เลื่องลือ นางคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว

"ท่านแม่ทัพเราจะย่างหรือจะตุ๋นดี" 

เจ้าบ้าองครักษ์นี่ยังคิดจะตุ๋นนางอีก แย่แล้ว คิดหาวิธีหนีเดี๋ยวนี้ สิบสามคิดสิคิด

"แล้วแต่เจ้าข้ายกให้"

แม่ทัพหยางยื่นกระต่ายขาวไปพร้อมกับคลายมือออก กระต่ายปีศาจอย่างองค์หญิงสิบสามหรือจะปล่อยโอกาสนี้ไป นางรีบดีดกายอย่างว่องไวแล้วกระโดดหนีไม่คิดชีวิต

"ไม่ต้องตาม ปล่อยไปเถอะมันคงไม่อยากตาย" 

เสียงของท่านแม่ทัพยับยั้งองครักษ์ฝานเอาไว้ได้ เขาจึงได้แต่มองตาละห้อย 

"เสียดายจริงถ้าเอามาตุ๋นคงจะอร่อยน่าดู" 

"ออกไปได้แล้วข้าจะพักผ่อน ดึกดื่นเช่นนี้หากหิวก็ไปห้องครัวน่าจะมีอะไรให้กิน" 

"แล้วเรื่องกระต่ายล่ะขอรับ"

"เรื่องเล็กน้อยปล่อยให้พ่อบ้านจัดการ มีสวนผักในบ้านพวกสัตว์ย่อมเข้ามาเป็นธรรมดาเจ้าอย่าใส่ใจนักเลย"

"ขอรับ"

องครักษ์ฝานออกไปแล้ว หยางเอ้อหลางมองในมือของตนเอง มีกระพรวนเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากลำคอของกระต่ายตัวนั้น หรือจะเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ใดที่ปล่อยให้หลุดออกมา แม่ทัพเพียงแต่เก็บกระพรวนอันนั้นไว้ในสาบเสื้อ เผื่อว่าหากมีโอกาสเจอเจ้าของเขาจะได้คืนสิ่งนี้ให้กับคนผู้นั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ท่านแม่ทัพ ข้าคือศรีภรรยา   บทที่ 280 ตอนจบ

    ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ

  • ท่านแม่ทัพ ข้าคือศรีภรรยา   บทที่ 279

    องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ

  • ท่านแม่ทัพ ข้าคือศรีภรรยา   บทที่ 278

    ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั

  • ท่านแม่ทัพ ข้าคือศรีภรรยา   บทที่ 277

    หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล

  • ท่านแม่ทัพ ข้าคือศรีภรรยา   บทที่ 276

    เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง

  • ท่านแม่ทัพ ข้าคือศรีภรรยา   บทที่ 275

    คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status