บทที่ 30เวลาผ่านไปอีกหลายเดือนจนท้องของเว่ยเว่ยใหญ่ขึ้นจนเหมือนจะแตกออก อี้หยางเฉิงกำลังนอนหนุนแขนมองดูภรรยาของตนที่เอนกายพิงหมอนสูงอยู่ ท่าทางเช่นนี้เผยให้เห็นท้องที่โตขึ้นของหญิงสาว เขายกมือขึ้นลูบท้องของนางเบา ๆ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากเว่ยเว่ย"เจ้าว่าลูกเราจะเป็นหญิงหรือชาย" อี้หยางเฉิงเอ่ยถามเสียงเบา ดวงตาคมที่เคยดูน่าเกรงขามในสนามรบยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ พลางมองสามีที่ดูจะสนใจเรื่องนี้ไม่ต่างจากบิดาของนาง "ข้าคิดว่าคงเป็นหญิง ดูจากนิสัยของข้าตอนนี้อยากกินแต่ของเปรี้ยว ๆ และขี้โมโหเอาแต่ใจเหมือนหญิงชาวบ้านตอนตั้งครรภ์น่ะ"อี้หยางเฉิงหัวเราะออกมา "หากลูกคนนี้เป็นหญิงจริง เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีบุตรชายเพิ่มอีกคนแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อของเจ้าต้องไม่พอใจแน่ ๆ "เจียงซีเว่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาที่มักมีแววออดอ้อนของนางส่องประกายสดใส "แล้วท่านทำไม่ได้หรือ" อี้หยางเฉิงมองคนที่พูดคำนั้นใส่เขาด้วยท่าทางท้าทาย“หากเจ้าไม่ได้กำลังท้องอยู่นะเว่ยเอ๋อร์” ชายหนุ่มกัดปากอย่างมันเขี้ยวก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของหญิงสาว "อีกไม่กี่เดือนเจ้า
บทที่ 29ผ่านไปไม่กี่เดือนอาการแพ้ท้องของเจียงซีเว่ยก็ค่อย ๆ ทุเลาลง แม้ในช่วงแรกหญิงสาวจะยังไม่กล้ามองหน้าอี้หยางเฉิงอย่างเต็มตา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนางก็เริ่มสังเกตว่าการได้อยู่ใกล้เขาไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอีกแล้วขณะที่อี้หยางเฉิงกำลังฝึกฝนเพลงดาบของตนในลานกว้างของจวน เจียงซีเว่ยก็เดินออกมาจากเรือนอย่างเงียบ ๆ หญิงสาวสวมเพียงเสื้อคลุมกันลมบาง ๆ สีชมพูอ่อน ใบหน้าก็กลับมามีเลือดฝาดและดูสดใสเหมือนเดิม มีเพียงแค่ท้องที่เริ่มโตขึ้นทุกวันเมื่ออี้หยางเฉิงหันมาเห็นก็ตั้งใจจะนำผ้ามาปิดหน้า แต่หญิงสาวก็ห้ามเอาไว้ “ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วท่านพี่ ท่านไม่ต้องปิดหรอก” เว่ยเว่ยบอกกับสามี แต่อี้หยางเฉิงก็ยังไม่มั่นใจ“ข้ากลัวเจ้าจะได้ไข้ไปอีก” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับมีผ้าบาง ๆ ปิดบนใบหน้า “ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร” เว่ยเว่ยดึงผ้านั่นออกและประทับริมฝีปากไปที่ใบหน้าคมที่ยังคงมีเหงื่อน้อย ๆ “อย่า เดี๋ยวเจ้าจะเปื้อน”“ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วข้าก็ไม่แพ้ท้องยามเมื่อเห็นหน้าท่านพี่แล้วด้วย” อี้หยางเฉิงยิ้มอย่างยินดี “แสดงว่าลูกของเราเลิกแกล้งข้าแล้วใช่หรือไม่” เว่ยเว่ยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น “ข้าก็ไม่รู้ ห
บทที่ 28หลังจากได้รับตำแหน่งโหว อี้หยางเฉิงก็กลายเป็นที่กล่าวถึง ทุกคนต่างยกย่องเขาเป็นแม่ทัพที่ทรงเกียรติและมีความรักที่ยิ่งใหญ่ให้กับเจียงซีเว่ยบุตรสาวของเจ้ากรมคลังที่ซื่อสัตย์แม้ชีวิตของทั้งคู่จะเป็นเหมือนเรื่องธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับหญิงสาวในเมือง เรื่องราวการเจอกันจนกลายเป็นความรักของทั้งสองกลายเป็นตำนานและแม้ว่าจะมีหญิงสาวมากมายที่อยากได้ชายหนุ่มเช่นนี้มาเป็นสามี แต่กลับมีเพียงแค่เจียงซีเว่ยเท่านั้นที่ได้เป็นที่รักของอี้หยางเฉิง แต่ชีวิตในความเป็นจริงกลับไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เจียงซีเว่ยจะเคยยิ้มแย้มและมีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกันกับอี้หยางเฉิงในช่วงปีแรก ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็นึกรู้สึกไม่พอใจชายหนุ่มเสียอย่างนั้น“หากข้าทำอะไรผิดเจ้าก็บอกข้ามาสิข้าจะปรับตัว” อี้หยางเฉิงพยายามห้ามภรรยาของตนไม่ให้กลับไปยังจวนเจียง“ข้าก็บอกท่านพี่แล้วว่าข้าเบื่อหน้าท่าน” คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกจุก แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่แทบจะลงไปดึงขาของภรรยาตน เขารั้งตัวเจียงซีเว่ยเอาไว้แน่น“เจ้าไม่รักข้าแล้วหรืออย่างไรเว่ยเอ๋อร์” เว่ยเว่ยหันไปมองสามีอย่างหงุดหงิดก่อนจะผลักอีกฝ่ายไปให้พ้นต
บทที่ 27พวกเขาทั้งคู่มีความสุขอยู่ได้ไม่นาน เรื่องร้ายแรงก็เกิดขึ้นในเมืองหลวง เมื่อกลุ่มขุนนางที่ไม่พอใจต่อราชสำนักรวมตัวกันก่อกบฏในยามค่ำคืนหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีใครคาดคิดและเตรียมรับมือ แม้แต่เว่ยเว่ยที่เคยรับรู้เรื่องราวมาจากนิยายแล้วก็ลืมเพราะนางมัวแต่เลี้ยงบุตรชายอี้หยางเฉิงถูกตามตัวออกไปอย่างกะทันหันในคืนนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาแทบไม่ได้พัก เพราะหลงเฟยบุตรชายคนแรกของพวกเขาค่อนข้างเลี้ยงยากในเวลากลางคืน สองสามีภรรยาอี้จึงต้องผลัดกันดูแลบุตรชายทั้งคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน“ท่านพี่ต้องระวังคนใกล้ตัวนะเจ้าคะ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ “ เว่ยเว่ยเอ่ยบอกกับสามีระหว่างช่วยอีกฝ่ายใส่เสื้อเกราะ นางอยากจะระบุชื่อหนึ่งในรองแม่ทัพของอี้หยางเฉิงที่แปรพักตร์ด้วยซ้ำ แต่หากทำอย่างนั้นตัวนางเองก็จะถูกสงสัยแม้จะเพิ่งฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าหลังการดูแลบุตรชายและภรรยาแต่อี้หยางเฉิงก็ยังรีบรุดไปยังวังหลวงได้ในทันทีเมื่อได้รับข่าวจากคนของตน แม้เขาจะไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า แต่ด้วยไหวพริบและความเด็ดขาด เขารวบรวมเหล่าทหารที่ภักดีต่อเขาเข้าปราบกบฏได้ภายในคืนเดียวโดยแทบจะไม่เสียเลือดเนื้อ
บทที่ 26หลังพิธีสมรสที่ยิ่งใหญ่ผ่านพ้นไปได้สองสามเดือน เจียงซีเว่ยที่ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินของอี้หยางเฉิงอย่างสมบูรณ์ ใช้ชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความรัก ทว่าความสุขนั้นกลับเพิ่มขึ้นทวีคูณ เมื่อในเดือนที่สองของชีวิตสมรส นางกลับพบว่าตนเองตั้งครรภ์เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของใต้เท้าเจียงและฮูหยินเจียงทั้งคู่ก็แทบจะติดปีกรีบนั่งรถม้ามาที่จวนอี้ในทันที“ตั้งครรภ์หรือ” ใต้เท้าเจียงอุทานเสียงดังในวันที่เขาได้ข่าว “ไม่ได้การแล้ว ข้าจะต้องไปดูนางเสียหน่อย” หลังจากเดินวนไปมาด้วยความกังวลอยู่สักพักคำนั้นก็หลุดออกมาจากปาก“ท่านพี่จะไปทำไมล่ะเจ้าคะ” ฮูหยินเอ่ยถามผู้เป็นสามี“บุตรสาวข้าเพิ่งแต่งออกไปไม่ถึงปี ไยถึงตั้งครรภ์ไวถึงเพียงนี้ ร่างกายนางจะทนไหวหรือไม่ก็ไม่รู้”“ท่านพี่กังวลเกินไปแล้วกระมัง” ฮูหยินเจียงพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “ข่าวนี้ควรเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือเจ้าคะ”“แต่ว่า...” ใต้เท้าเจียงหันไปมองภรรยาด้วยแววตาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ “ข้าคิดว่าพวกเราควรจะพาเว่ยเอ๋อร์กลับมาพักที่จวนของพวกเราสักระยะ พวกเราจะได้ดูแลนางได้อย่างใกล้ชิด เจ้าว่าดีหรือไม่”“ไม่คิดว่านี่จะเป็นการก้าวกายลูกแ
บทที่ 25หลังจากพิธีมากมาย เว่ยเว่ยยอมรับเลยว่าตนคิดว่าพิธีแต่งงานของคนโบราณมีเพียงแค่ขึ้นเกี้ยวแล้วเดินเข้าจวนอีกฝ่ายไปเพื่อไหว้ฟ้าดิน เสร็จแล้วก็เข้าไปรอในห้องหอ แต่แท้จริงแล้วรายละเอียดเยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นิยายหลายเรื่องไม่ได้เขียน พวกข้าวของที่ต้องเตรียมก็มีความหมายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม แก้วแหวนเงินทอง หรือแม้กระทั่งของกินที่ต้องมีรวมในขบวนหรือพิธี มาถึงเรือนก็ต้องก้าวข้ามกระถางไฟอีก แต่โชคยังดีที่แม้เว่ยเว่ยจะไม่รู้เรื่องอะไรดีนัก นางก็ไม่ต้องกังวลเพราะทุกขั้นตอนจะมีแม่สื่อคอยอยู่ด้วย หน้าที่ของแม่สื่อจะบอกทุกอย่าง ทำให้นางที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ตลอดไม่ต้องกลัวว่าจะทำอะไรผิดสุดท้ายเมื่อพิธีจบหญิงสาวก็ถูกพาเข้ามารอเจ้าบ่าวอยู่ในเรือนหอ เว่ยเว่ยนั่งอยู่บนเตียงแม้จะอยากเปิดผ้าออกดูแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะทำให้พิธีเสียหาย อย่างไรนางก็อยากให้การแต่งงานครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาใด ๆ หญิงสาวกุมมือของตนเองแน่น อย่างน้อยการทำแบบนี้ก็บรรเทาความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านในใจได้บ้างยิ่งเวลาผ่านไปความคิดก็เริ่มทำให้เว่ยเว่ยจะสติแตกเสียให้ได้ และถึง
บทที่ 24ขณะที่จวนเจียง เจียงซีเว่ยกำลังคิดถึงว่าที่สามี ทางด้านจวนอี้ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของจางกุนเหยาก็ไม่ได้ต่างกันเท่าใดนัก“จะบอกว่าที่เจ้านั่งทำหน้าเครียดอยู่เช่นนี้เป็นเพราะว่าต้องแยกกันก่อนที่จะเข้าพิธีอย่างนั้นหรือ” อี้หยางเฉิงที่ควรจะต้องเตรียมนั่นนี่สำหรับงานมงคลแต่กลับไม่ใช่ เขากำลังนั่งจับและถือถุงหอมเล็ก ๆ นั่นเอาไว้ในมือเหมือนยามที่ออกศึกด้วยเพราะคิดถึงเจ้าของถุงหอมนั่น“เจ้าชักจะคิดถึงนางมากเกินไปแล้วกระมัง มิใช่ว่าก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเจอกัน”“เจอแค่ไม่กี่วันพอเริ่มจัดการเรื่องงานแต่งก็เจอไม่ได้อีก” คำตอบของเพื่อนหน้านิ่งทำให้เกิดเสียงหัวเราะจากจางกุนเหยาดังขึ้นอีกครั้ง“เจ้าก็เอาแต่ล้อข้า เจ้าไม่เคยคิดถึงคนรักบ้างหรืออย่างไร” “ข้ากับนางแต่งกันแล้ว มิได้วุ่นวายเรื่องมากเท่าพวกเจ้า ข้าจะคิดถึงทำไมกัน” อี้หยางเฉิงมองเพื่อนของเขาด้วยสายตาไม่พอใจ จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า พอเจ้าตัวกลับมาถึงก็เร่งไปสู่ขอแม่นางหยางและแต่งกันอย่างรวดเร็วแต่เขาก็พอเข้าใจได้ เพราะเพื่อนของเขาก็เคยเอ่ยว่านางเป็นบุตรอนุและมักถูกกลั่นแกล้งอยู่ในจวนเสมอ ๆ รีบแต่งออกมา เรื่องราวก็ยิ่งไม่วุ่นวาย“ม
บทที่ 23“เช่นนี้แล้วแม่ทัพอี้ก็อยู่กินข้าวกับพวกเราที่นี่ กลับไปที่จวนยามนี้ก็คงจะเงียบเหงา” เป็นฮูหยินตระกูลเจียงที่เอ่ยขึ้น ใต้เท้าเจียงยามนี้ก็มิได้ขัดอะไร ไม่ใช่เพราะพระราชโองการเพียงเท่านั้น แต่เขาเองก็เริ่มยอมรับว่าที่ลูกเขยคนนี้แล้ว“หลังจากนี้ก็คงมีเรื่องต้องพูดคุยกันอีกมาก” ใต้เท้าเจียงเอ่ยเป็นนัยถึงเรื่องการหมั้นหมายและพิธีมงคลที่จะเกิดขึ้น “ข้าจะไม่ทำให้ใต้เท้าผิดหวังเลยแม้แต่น้อย”“ลองทำดู ต่อให้เป็นแม่ทัพ แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างข้าก็จะไม่ละเว้นเลยแม้เพียงนิด” มารดาของเจียงซีเว่ยที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเพราะรู้ว่าคำของสามีนั้นหมายความเช่นไร“ข้าเชื่อว่าท่านแม่ทัพจะดูแลเว่ยเอ๋อร์ของพวกเราได้”ใต้เท้าเจียงแอบพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเห็นด้วยกับคำของภรรยาเขารู้ดีว่านี่เป็นความจริง อีกอย่างตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นคงไม่มีใครเหมาะกับบุตรสาวของเขาไปมากกว่าอี้หยางเฉิงอีกแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้เพียงแค่มีอำนาจบารมี แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความรักและความจริงใจที่มีต่อบุตรสาวของเขา เรื่องหลังนี่ดูจะสำคัญกว่าเรื่องแรกเสียอีกเว่ยเว่ยที่ยืนอยู่ท่ามกลางทุกคนที่เอาแต่พูดถึงเรื่องของนา
บทที่ 22หลังจากนั้นไม่นานทัพของแม่ทัพอี้หยางเฉิงก็เดินทางกลับมาเมืองหลวงอย่างสมเกียรติ ชาวเมืองจำนวนมากต่างออกมาต้อนรับเขาจนแน่นขนัดไปทั้งสองฝั่งถนน เสียงตะโกนยินดีปนคำเชิดชูดังก้องไปทั่วบริเวณ เว่ยเว่ยเองก็ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นครั้งนี้หญิงสาวไม่ได้วางแผนเพื่อพบกับชายหนุ่ม นางเพียงแค่แต่งตัวในชุดที่คิดว่างดงามมากที่สุดเพื่อมารอต้อนรับเขากลับมาก็เท่านั้น ยิ่งได้ยินเสียงคนที่ตะโกนเชิดชูอีกฝ่าย เว่ยเว่ยก็อดไม่ได้ต้องยกมือขึ้นมาลูบที่อกของตนเพื่อให้หัวใจของนางที่เต้นแรงสงบลงบ้างทันทีที่ม้าศึกของอี้หยางเฉิงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพร้อมแววตาอ่อนโยนที่คุ้นเคย ใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เว่ยเว่ยรู้สึกเหมือนเวลารอบตัวหยุดลง ทุกสายตาของชาวเมืองจับจ้องไปยังแม่ทัพหนุ่ม แต่สำหรับอี้หยางเฉิงในสายตาของเขามีเพียงหญิงสาวคนรักเพียงเท่านั้นใบหน้าของอี้หยางเฉิงที่แม้จะดูกร้านแดดกร้านลมไปบ้าง แต่ก็ยังหล่อเหลาทำให้หัวใจของเว่ยเว่ยเต้นไม่เป็นส่ำอี้หยางเฉิงขี่ม้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเว่ยเว่ย ก่อนหน้านี้เขากวาดสายตาไปทั่วเพื่อหาคนเพียงคนเดียว และตอนนี้เขาก็เจอนางแล้ว ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมมาต