Home / รักโบราณ / บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน / ตอนที่ 1 คุณหนูใหญ่จวนไป๋

Share

ตอนที่ 1 คุณหนูใหญ่จวนไป๋

Author: LiHong
last update Last Updated: 2025-02-02 17:44:53

ย้อนกลับไปก่อนมีราชโองการสมรสพระราชทาน

ตั้งแต่มารดาสิ้นใจ ไป๋หมิงเยว่ที่เคยเป็นที่หนึ่งของจวนก็ถูกลดฐานะลงกะทันหัน นางที่กลายเป็นบุตรสาวของอดีตภรรยาเอกก็คล้ายตายทั้งเป็น เพราะบิดายกฮูหยินรองขึ้นเป็นใหญ่ในเรือนหลังทันที น้องสาวคนรองของนางจึงโดดเด่นขึ้นมาบดบังรัศมีของคุณหนูใหญ่อย่างนางจนมิด

อำนาจจัดการในจวนล้วนตกอยู่ในมือฮูหยินคนใหม่กับบุตรสาวคนรองจนสิ้น บุตรสาวคนโตจากอดีตฮูหยินเอกจึงไร้ตัวตนเข้าไปทุกที ทุกวันบ่าวไพร่ยังแทบไม่เคยเห็นหน้า

งานเลี้ยงการเข้าสังคมล้วนเป็นฮูหยินที่เคยเป็นรองและน้องสาวผู้น่ารักสดใส บิดายังใส่ใจแค่พวกนางทั้งสอง

เมื่อฮูหยินรองให้กำเนิดบุตรชายอีกหนึ่งคน บรรยากาศภายในจวนไป๋สำหรับไป๋หมิงเยว่ยิ่งย่ำแย่

คุณหนูใหญ่จึงคล้ายถูกขังให้อยู่ตำหนักเย็นก็ไม่ปาน

เหล่าบ่าวไพร่เห็นเจ้านายทำเยี่ยงนั้นก็ยิ่งเกียจคร้านไม่นำพาต่อคุณหนูใหญ่ของจวนผู้นี้ พวกเขาพร้อมประจบสอพลอเฉพาะนายหญิงที่มีอำนาจในกำมือ ผู้อื่นไร้อำนาจจะต้องสนใจไปไย

กระนั้นไป๋หมิงเยว่ก็หาได้ใส่ใจบิดาและแม่เลี้ยงไม่ ยิ่งไม่ชายตาแลเหล่าบ่าวไพร่ในจวนที่เปลี่ยนไปมิใคร่นับถือหรือกริ่งเกรงนางเหมือนเดิมทั้งหลายเหล่านั้น เพราะนางยังมีนายน้อยหลี่เฟยเทียนอยู่ทั้งคน

ครอบครัวหลี่สนิทสนมกับครอบครัวไป๋มาช้านาน หลี่ทำการค้าใหญ่ ไป๋เป็นขุนนางท้องถิ่น สองสกุลผูกมิตรกัน บุตรชายและบุตรสาวต่างรักใคร่กลมเกลียวมาโดยตลอดตั้งแต่พวกเขายังเป็นเพียงเด็กหญิงและเด็กชายอายุน้อย

ไป๋หมิงเยว่กับหลี่เฟยเทียนสนิทสนมกันถึงขั้นคบหาดูใจอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ มารดาของไป๋หมิงเยว่ก่อนตายก็รับรู้และสนับสนุนเป็นอย่างดี หวังฝากฝังบุตรีอย่างหมดห่วง

“คุณหนูใหญ่ คุณชายหลี่มาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

สาวใช้เข้ามารายงานต่อไป๋หมิงเยว่เหมือนเช่นเคย

“กำลังนั่งรออยู่ในศาลา คุณหนูใหญ่รีบไปเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวชักช้าอยู่เลย”

ไป๋หมิงเยว่เป็นสตรีเรียบร้อยที่อ่อนหวานนุ่มนวล กิริยาเนิบนาบเชื่องช้า แม้สาวใช้จะวิ่งตึงตังไร้มารยาทเข้ามา นางก็แค่ขมวดคิ้วเรียวงามน้อยๆ

“เหตุใดวันนี้เจ้าดูร้อนรนนัก”

“โธ่! คุณหนูใหญ่” จิ่นซินชักสีหน้ามึนตึงพลางกล่าว “บ่าวแค่รู้สึกว่าวันนี้สวนงามน่าชม ท่านควรออกไปเดินเล่นรับลมกับคุณชายหลี่ให้เร็วขึ้นหน่อยเจ้าค่ะ”

“อ้อ...เช่นนั้นเรารีบไปเถิด”

หญิงสาวกระชับชุดคลุมสีดำสวมทับสีขาวให้มิดชิดพลางลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นแม้ยังอ่อนแรงอยู่มาก

ช่วงนี้นางเจ็บป่วยบ่อยจนน่าแปลกใจเกินไปจริงๆ

ไป๋หมิงเยว่ยังคงไว้ทุกข์ให้มารดาผู้ลาลับเกือบสามปี ใบหน้าจึงซีดเซียวไร้เครื่องประทินโฉม เสื้อผ้าก็ไร้สีสัน

นางเดินนำหน้าสาวใช้คนสนิทออกมาทางศาลา สถานที่ซึ่งเป็นจุดนัดพบเสมอมาระหว่างบุรุษของนาง

ทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นไป๋ลี่ถิงนั่งอยู่ก่อนแล้ว

น้องสาวคนรองของนางนั่งอยู่กับบุรุษของนาง

พวกเขานั่งคุยกันโดยไม่มีนางนั่งร่วมบ่อยครั้งมากขึ้น เมื่อก่อนตอนยังเด็กอาจไม่รู้สึกอะไร ทว่ายามนี้กลับไม่ใช่

ไป๋หมิงเยว่หรี่ตามองเงียบงัน บัดนี้นางจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดสาวใช้จิ่นซินถึงได้มีท่าทีร้อนรนนัก

จังหวะนั้น ไป๋ลี่ถิงที่หันมาเห็นพี่สาวชะงักไปเล็กน้อย นางรีบเก็บซ่อนพิรุธลุกขึ้นยืนยิ้มๆ ด้วยท่าทางอ้อนแอ้นพลางทักทายเสียงใส ดวงตากลมโตคู่นั้นดูน่ารักเป็นพิเศษ

“พี่ใหญ่มาแล้ว”

หลี่เฟยเทียนจึงหันมามองด้วยสีหน้าปกติคงรอยยิ้มอบอุ่นเป็นนิตย์ “เยว่เอ๋อร์มาแล้ว”

ไป๋หมิงเยว่คลี่ยิ้มอ่อนหวานไม่กล่าวอะไร

เมื่อเดินมานั่งลงในศาลา ผู้เป็นน้องสาวก็กล่าวลาแล้วรีบจากไปทันที

คงเหลือเพียงหลี่เฟยเทียนที่ยังมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ประดับบนใบหน้าหล่อเหลา

“พี่เทียนรอข้านานแล้วกระมัง”

ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวมากุมเอาไว้อย่างนุ่มนวล “นานเท่าใด ข้าก็รอเจ้าได้”

พวงแก้มหญิงสาวแดงเรื่อ ไป๋หมิงเยว่อมยิ้มเขินอาย เลือกที่จะปัดความคิดไร้สาระซึ่งกำลังรบกวนจิตใจให้ตกไป

นางไว้ใจบุรุษของนาง...

ทั้งสองคุยกันด้วยถ้อยคำหวานหูเหมือนเคย

ยังนัดแนะกันเรื่องจัดการหมั้นหมายหลังพ้นช่วงไว้ทุกข์ให้มารดา ขอแค่ครบสามปีในอีกไม่กี่นาน เรื่องแต่งงานคงเกิดขึ้นทันที

ทว่าความไว้วางใจและหมายมั่นในความรักนั้น กลับกลายเป็นยาพิษกัดกินหัวใจไป๋หมิงเยว่ไม่เหลือดี

เมื่อค่ำคืนหนึ่งในเทศกาลลอยโคม ไป๋หมิงเยว่ได้บังเอิญเห็นหลี่เฟยเทียนยืนปล่อยโคมเคียงคู่กับไป๋ลี่ถิง

พวกเขาอยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสองในมุมลับตา

ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันใต้เงาแสงสะท้อนจากโคมไฟ ต่างจับจ้องสายตากันและกันในระยะชิดใกล้

จากนั้นภาพการจุมพิตลึกซึ้งของชายคนรักกับน้องสาวของไป๋หมิงเยว่ก็ปรากฏเต็มสองตา

หลี่เฟยเทียนกับไป๋ลี่ถิงจูบกันแนบแน่น

ฝ่ามือยังกอบกุมกันไม่ปล่อย

เมื่อค่อยๆ ผละจากใบหน้ากันและกันอย่างเสียดาย เสียงสั่นเทาของฝ่ายหญิงก็ตัดพ้อกระเง้ากระงอดว่า

“เมื่อไหร่พี่เฟยเทียนจะบอกความจริงเรื่องของเรากับพี่ใหญ่เสียทีเล่าเจ้าคะ”

ฝ่ายชายก้มหน้าตอบเสียงพร่า “น้องลี่ถิงใจเย็นเถิด ให้เวลาพี่สาวเจ้าได้ทำใจสักหน่อย หากบอกออกไปยามนี้  ดีไม่ดีนางอาจทำใจไม่ได้ มารดาของนางเสียไปไม่ถึงสามปี ส่วนเจ้าเองยังต้องรอปักปิ่นอีกหลายเดือนมิใช่หรือไร หืม...”

“อืม...ก็จริง” หญิงสาวเงยหน้ากะพริบตากลมโตแลดูไร้เดียงสา

“แต่พี่เฟยเทียนต้องสัญญากับข้าว่าจะบอกปัดเรื่องหมั้นหมายกับพี่ใหญ่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ ห้ามตบปากรับคำเด็ดขาด ต่อให้พี่ใหญ่ไม่ต้องไว้ทุกข์แล้วก็ตาม”

ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ปลอบเสียงทุ้มนุ่ม “ข้าก็บอกปัดมาตลอดอยู่แล้วอย่างไรเล่า เอาเป็นว่าเจ้าก็รีบโตเป็นหญิงงาม จะได้เป็นเจ้าสาวของข้าเสียที หลังปักปิ่นเลยเป็นไร?”

หยอกเย้ากันจบก็แนบชิดคลอเคลียใต้แสงจันทร์ ฝ่ายหญิงส่งเสียงออดอ้อน ฝ่ายชายคอยพะเน้าพะนอไม่ห่าง

ช่างเป็นภาพอันบริสุทธิ์งดงามหาใดเทียม

ไป๋หมิงเยว่ยืนมองภาพบัดซบนั้นด้วยสองตาแดงก่ำ สองหูอื้ออึง สมองขาวโพลน

น้ำตามากมายหลั่งรินอาบแก้มเมื่อใดไม่ทราบได้ หัวใจนางแหลกสลายไปแล้วโดยสมบูรณ์

หญิงสาวเก็บภาพบาดตาบาดใจนั้นเอาไว้เพียงลำพังแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องหับปิดสนิท แม้หน้าต่างก็ไม่แง้มเปิด

นางร้องไห้จนสลบ น้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด ขดตัวอยู่มุมห้องราวกระต่ายน้อยบาดเจ็บ

เนิ่นนานผ่านไปยังค่อยๆ คล้ายกับหนูป่วยใกล้ตายเข้าไปทุกที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 11 เกี้ยวพาให้คนเดิมของใจหวนมา 1

    ฐานะของกู้ซินในจวนเสนาบดีกู้คือญาติผู้น้องของกู้ซือหมิง บุรุษหนุ่มที่วันนี้มีสตรีหลายคนเริ่มให้ความสนใจเมื่อแรกเจอตอนเข้างาน สาวน้อยกับสหายของนางนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มของธิดาขุนนางที่งดงามดุจนางสวรรค์ ประหนึ่งบุปผาแข่งขันกันผลิกลีบแย้มบานยวนตาหมู่ภมร กู้ซินกับจื่อหรานจึงโดดเด่นอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ เสมือนจุดสีดำเล็กๆ บนกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ก็มิปาน สตรีหลายคนพากันลุกขึ้นเข้ามาทักทายผูกมิตรอย่างคึกคัก กู้ซินไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธจึงพูดคุยด้วยรอยยิ้มโม่เหลียนก็เช่นกัน นางแย้มยิ้มให้สหายใหม่รวมถึงกู้ซือหมิงที่เพิ่งได้พูดคุยเป็นวันแรกหลังจากได้ยินชื่อมานานในงานเลี้ยงวันนี้พิเศษตรงที่กู้เจิ้งจัดสวนดอกไม้เพื่อเอาใจหลินเพ่ย และแขกเหรื่อสามารถเดินชมความงามได้ตามอัธยาศัย อันเป็นการประกาศศักดาชนิดหนึ่งของคนเป็นภรรยาที่ได้รับความโปรดปรานจากสามีอย่างล้นเหลือ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าวอย่างใจกล้าว่าปรารถนาเดินชมทิวทัศน์ในจวนเสนาบดี ให้กู้ซินแจ้งแก่ญาติผู้พี่ได้หรือไม่ ให้เขาพาเดินชมได้หรือเปล่า ร่วมวงสนทนากันดีหรือไม่ เมื่อคนหนึ่งจบคำถาม อีกสองสามคนจึงพยักหน้าคล้อยตาม เห็นด้วยอย่างยิ่ง พวกนางปรารถนาใ

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 10 พบหน้าสบตา2

    งานเลี้ยงวันนี้ ผู้ตรวจการหานย่อมได้รับเทียบเชิญ เขาไม่มีฮูหยินจึงมากับธิดาหนึ่งเดียวของตนเมื่อเข้างานมาก็พาหานจื่อหรานกล่าวทักทายกู้เจิ้งและอวยพรหลินเพ่ย หลังจากนั้นก็แยกไปคนละฝั่งที่ถูกจัดแยกชายหญิง ก่อนหมุนตัวไปยังไม่ลืมหันมาทำตาดุ“ห้ามเจ้าซุกซน” หานเซิงกำชับบุตรสาวเสียงขรึม ตอนนี้นางเรียบร้อยสงบเสงี่ยมขึ้นมากก็จริง ทว่าเมื่อก่อนดื้อรั้นเอาแต่ใจอย่างยิ่ง เขาจึงยังไม่อาจไว้ใจได้เต็มส่วนโม่เหลียนย่อมเข้าใจความห่วงใยนี้ บิดาผู้นี้เป็นคนดียิ่งนัก นางรักเคารพไม่ต่างจากบิดาแท้ๆ จึงรีบออดอ้อนว่า “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าจะไปอยู่กับกู้ซินและเหยาฮูหยิน อยู่ใกล้ผู้อาวุโสเช่นนั้น ตัวข้าย่อมไม่สะดวกซุกซนแล้ว จะทำตัวดีๆ เพื่อท่านพ่อไม่ต้องเครียด ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”ได้ยินคำยืนยันหนักแน่นยาวเหยียด หานเซิงจึงวางใจพยักหน้าให้นางไปได้งานเลี้ยงนี้ ทางฝั่งบุรุษมีคณะดนตรีมีสาวงามร่ายรำ ทางฝั่งสตรี มีคณะละครเลื่องชื่อ แขกเหรื่อบ้างเดินออกไปชมดอกไม้ในสวน บ้างนั่งดูการแสดง บ้างหันไปชื่นชมทิวทัศน์ บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน กู้ซินนั่งอยู่กับเหยาจิน โม่เหลียนเดินตรงเข้าไปทำความเคารพทักทายแล้วนั่งลง

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 10 พบหน้าสบตา1

    วันที่เก้าเดือนสิบเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลินเพ่ยเสนาบดีกู้ผู้หลงใหลในตัวภรรยาสาวผู้อ่อนเยาว์จึงจัดงานเลี้ยงให้อย่างสมเกียรติไร้ที่ติ ส่งเทียบเชื้อเชิญครอบครัวของสหายขุนนางมามากหน้าหลายตาท่ามกลางบุปผาแพรพรรณประดับประดาตระการตา ผู้คนเดินเข้ามาร่วมงานครึกครื้น หลินเพ่ยสวมใส่ชุดสีแดงสมตำแหน่งฮูหยินใหญ่เสนาบดียืนยิ้มสูงส่งอยู่ข้างๆ กู้เจิ้ง โดยมีกู้ซือหมิงและเด็กชายกู้ซูเย่ยืนร่วมการแสดงความรักเอาใจใส่ในตัวภรรยาสาวถึงขั้นที่ผู้คนเคยบรรยายว่าลุ่มหลงสาวงามของกู้เจิ้งเรียกสายตาของแขกเหรื่อได้ไม่น้อยเช่นเดิม ทว่านั่นกลับไม่อาจมากกว่าร่างสูงโปร่งงามสง่าของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีคนหนึ่ง พวกเขาต่างจ้องมองกู้ซือหมิงไม่วางตา ไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ในจวนกู้เองหลังจากบุตรชายคนโตของเสนาบดีกู้หายป่วย เหล่าบ่าวไพร่พลันรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง บุรุษผู้นี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง ไม่ว่าการแต่งกาย ท่วงท่ากิริยา สีหน้าท่าทาง แม้แต่การเดินการนั่ง เมื่อก่อนกู้ซือหมิงมักมีลักษณะคนที่ขาดความมั่นใจ ตั้งแต่สูญเสียมารดาไปในวัยเยาว์ก็ใช้ชีวิตเรียบเรื่อยสืบมา ไม่กระตือรือร้น เพียงเชื่อ

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 9 สัญญา2

    “เจ้าหึงก็บอกว่าหึง หวงก็บอกว่าหวง ได้ไหม?”วงแขนอุ่นซ่านยิ่งกระชับแน่นขึ้น สุ้มเสียงหัวเราะของบุรุษยังทุ้มแผ่วเอาแต่ใจ ทำเอาโม่เหลียนขนลุกตั้งชัน สองแก้มสุกปลั่ง ใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง นึกอยากตามใจเขา ท้ายที่สุดก็แสร้งฉุนเฉียวไม่ไหว จำต้องยอมรับแต่โดยดี“อือ...ข้าชอบหึงหวงไม่รู้หรือไร ว่าที่สามีต้องทำตัวดีๆ เข้าใจหรือไม่? ห้ามพาหญิงอื่นกลับมาด้วย แล้วค่อยทำเรื่องของเราให้ถูกต้อง ตกลงไหม?”เยี่ยนเต๋อให้นึกเอ็นดูเหลือเกิน จมูกโด่งจึงกดลงตรงกระหม่อมนางเบาๆ อย่างรักใคร่ทะนุถนอม “โอกาสในชาตินี้ที่จะได้มีเจ้าเคียงข้างเป็นภรรยา ข้าไม่มีทางปล่อยไปให้เสียชาติเกิดอย่างโง่เขลาแน่นอน”“สัญญานะ”“อืม...” สุ้มเสียงตอบรับแม้แผ่วเบาแสนสั้น ทว่ากลับให้ความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงอย่างที่สุด โม่เหลียนผลิยิ้มหลับตา ซุกใบหน้าฝังอกเขาเงียบงัน สองแขนกอดเอวสอบแน่นขึ้น ไม่ให้เขาเห็นน้ำตาเด็ดขาดกิริยาของนางในอ้อมแขนทำเยี่ยนเต๋อเกินห้ามใจ ใบหน้าหล่อเหลาจึงก้มลงต่ำมอบจุมพิตหวานละมุนเนิ่นนานแม้ตรงนี้จะเป็นมุมห่างไกลจากผู้คนหน้าประตูเมือง ไม่มีใครเดินผ่านเท่าใด หากแต่กู้ซินก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี นางกางพัดยกร่ม

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 9 สัญญา 1

    หลังจากฝึกฝนจนคนผู้หนึ่งฟื้นฟูฝีมือได้มากพอ จำต้องตัดสินใจลาจากเพื่อไปต่อที่ค่ายทหารอย่างที่ตั้งใจวันที่สี่เดือนสิบโม่เหลียนมายืนรอเพื่อส่งเยี่ยนเต๋อเดินทางไกลที่หน้าประตูเมืองตั้งแต่ฟ้าสาง เมื่อสว่างเต็มที่จึงได้เห็นรถม้าจวนกู้เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเยี่ยนเต๋อในชุดสีดำรัดกุมควบม้าย่างเยาะอยู่ข้างๆ รถม้าของครอบครัวที่เดินทางมาส่งอย่างอบอุ่นไม่นานชายหนุ่มก็มาหยุดเบื้องหน้าของโม่เหลียนหญิงสาวแหงนหน้ามอง จับจ้องนิ่ง กู้ฉีรุ่ยยามนี้ที่อายุเพียงสิบแปดปีก็จริงทว่าท่วงท่าองอาจผึ่งผายสมชายชาตรีของเขาเหมือนเยี่ยนเต๋อที่อายุยี่สิบกว่าปีในชาติก่อนไม่ผิดเพี้ยน แตกต่างตรงใบหน้าซึ่งควรคมเข้มเคร่งขรึม ชาตินี้กลับงดงามละมุนละไมยิ่งกว่าและมีดวงตาดอกท้อคู่นั้นเพิ่มขึ้นมา ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ดวงตาดอกท้อที่มองดูแล้วเหมือนคนเจ้าชู้หลายใจ โม่เหลียนกลับสัมผัสได้ดีถึงความหยิ่งทะนงและเย็นชาของคนตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้นที่มียิ่งสวมชุดนี้ก็ยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขาม เมื่อมองแล้วทำให้ไม่สามารถละสายตาไปทางอื่นได้เลย“จ้องข้าเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าตกหลุมรักข้ามากขึ้น”ชายหนุ่มส่งเสียงทุ้มต่ำหยอกเอินเบาๆ พลางลงจา

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 8 เพลงดาบจันทราเย็น3

    “ท่านแกล้งข้า...”ดวงตาคมวาวทอดนิ่งที่พวงแก้มแดง “ผู้ใดแกล้ง ข้าอยากทำจริงๆ ต่างหาก อยากแต่งงานกับเจ้าใจจะขาด ผิวขาวๆ นี่ข้าปรารถนาขบเม้มยิ่งนัก”ความหมายชัดเจนว่าอยากเข้าหอ อยากทำขั้นตอนผลิตทายาทแบบเต็มพิธีการกับนางอันเป็นที่รักทั้งวันทั้งคืนโม่เหลียนพลันหน้าแดงเถือกกับความเถรตรงนี้“เยี่ยนเต๋อ!”ฝ่ามือจึงตีเต็มแรงที่บ่ากว้าง“อ่า...”ทำผู้อื่นเขินอายก็ต้องถูกตีเช่นนี้แล...หยอกล้อจนชุ่มชื่นหัวใจ ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวไปนั่งลงที่เก้าอี้กลมริมหน้าต่าง นำห่อผ้าหนึ่งวางลงบนโต๊ะ เมื่อแกะห่อผ้าออกจึงเห็นเป็นดาบสองเล่มคู่กัน เล่มหนึ่งเป็นดาบธรรมดามีหนึ่งคมหนึ่งสัน รูปทรงโค้งเอียง มีโกร่งดาบกลมแบนใช้ฟันเป็นหลัก อีกเล่มคือดาบวงเดือน โม่เหลียนเบิกตามองดาบเล่มที่สองตาค้างเยี่ยนเต๋อจึงเอื้อมมือลูบศีรษะนางอย่างเอ็นดู“ดาบวงเดือนข้ามอบให้เจ้า”ว่าพลางหยิบดาบอีกเล่มขึ้นมา “ส่วนเล่มนี้ของข้า เป็นอาวุธสำคัญของทหารราบ ใช้เวลาฝึกฝนเพียงแค่ไม่นานก็ใช้การได้คล่องมือพร้อมฆ่าฟันข้าศึกแล้ว”โม่เหลียนกะพริบตา “ท่านหมายความว่าอย่างไร”เยี่ยนเต๋อหย่อนกายสูงใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ดึงนางขึ้นนั่งบนตักแกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status