เขาวางกระบี่ในมือลง สายตาที่มองเจี่ยนอันอันแฝงด้วยความหมองเศร้า เจี่ยนอันอันไม่นำพาต่อความรู้สึกในแววตากู้มั่วหลี นางสาวเท้าไปหาเสิ่นจือเจิ้งกับพวก “พี่ใหญ่ เหตุใดจวินสิงไม่ได้ติดตามมาด้วย เขาเกิดเรื่องใช่หรือไม่?” ฉู่จวินหลุนพยักหน้าหนักแน่น “จวินสิงถูกวิชาไสยศาสตร์ของเหวยป๋อจื่อทำร้ายเข้า จนป่านนี้ยังไม่ฟื้นมา” เจิ่นจือเจิ้งกล่าวตาม “ก่อนหน้านี้ข้ากับฉู่จวินสิงเคยมาหาเจ้าที่นี่ แต่เขาไปแตะถูกกลไกเข้า จึงถูกวิชาไสยศาสตร์แทรกซึมเข้าร่างกาย” หัวใจของเจี่ยนอันอันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มนานแล้ว หากนางไม่รีบกลับไปอีก เห็นทีฉู่จวินสิงคงจะไม่รอดเป็นแน่ “เรารีบไปจากที่นี่เถอะ ถึงบ้านแล้วข้าจะขจัดวิชาไสยศาสตร์ให้เขาเอง” เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง คิดจะออกจากจวนเสวียนเยว่ไป กู้มั่วหลีเห็นดังนี้ จึงรีบพุ่งตัวมาขวางอยู่เบื้องหน้า ยับยั้งทางไปของนาง “กู้มั่วหลี เจ้ารั้งข้าไว้ไม่อยู่หรอก ขอเตือนให้เลิกล้มความคิดนี้โดยเร็ว” “มิฉะนั้นข้าถอนพิษให้เจ้าได้ ก็สามารถวางยาที่ร้ายแรงกว่าเดิมได้อีก” คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้กู้มั่วหลีเกิดความเครียดในใจ สายตาที่จ้องมองนางเปี่ยมด้วยความชอกช้ำ หลั
เขายังไม่ทันได้ถามต่อ ร่างกายพลันเกิดเสียง ‘ปัง’ ขึ้น เขาทำการระเบิดตัวเอง เศษเนื้อเยื่อและโลหิตกระจายไปทั่ว เจี่ยนอันอันรีบถอยหลังไปหลายก้าว จึงไม่ถูกเลือดเนื้อของเหวยป๋อจื่อกระเด็นใส่ ในขณะที่เสิ่นจือเจิ้งกับพวก ก็รีบกระโดดถอยหลังไปไกลเช่นกัน จึงไม่ถูกซากร่างของเหวยป๋อจื่อกระแทกเข้า หลังจากเหวยป๋อจื่อเสียชีวิต กู้มั่วหลีซึ่งหมดสติอยู่บนพื้นก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา เขาสัมผัสถูกคราบเหนียวเหนอะบนใบหน้า เมื่อเอามาดูเบื้องหน้าชัดๆ กลับกลายเป็นเลือดเนื้อเต็มไปหมด เดิมทีเขาเป็นคนรักสะอาดอยู่แล้ว จึงอดรู้สึกขยะแขยงไม่ได้ จนต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้หมด พร้อมใช้กำลังภายใน ทำให้ผ้าเช็ดหน้ากลายเป็นเถ้าธุลีไปเสีย กู้มั่วหลีลุกขึ้นยืน จึงเห็นร่างของเหวยป๋อจื่อซึ่งถูกระเบิดจนกลายเป็นชิ้นๆ เจี่ยนอันอันปัดเสื้อผ้าของตน พร้อมเดินมาหากู้มั่วหลี เดิมทีนางยังคิดหลอกใช้เจี่ยนหลิงเยว่ เพื่อเล่นงานเหวยป๋อจื่อ แต่ตอนนี้ดูแล้วคงไม่ต้องใช้นางอีก เพียงแค่เนื้อหาในคัมภีร์แผดเผาวิญญาณ ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตเหวยป๋อจื่อได้แล้ว เจี่ยนอันอันเดินมายังเบื้องหน้ากู้มั่ว
แต่ไฉนจึงมีพวกเขาแค่สามคน เหตุใดฉู่จวินสิงจึงไม่มา?คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ?เพียงคิดว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะเกิดเรื่องกับฉู่จวินสิงระหว่างตามหาตนเอง หัวใจของเจี่ยนอันอันก็กระดอนขึ้นมาจุกที่คอหอยนางเห็นกู้มั่วหลียืนอยู่บริเวณห่างออกไปไม่ไกล เขากอดอกชมดูความครึกครื้นโดยไม่สะทกสะท้านวรยุทธ์ของพวกเสิ่นจือเจิ้งและฉู่จวินหลุนทั้งสามคนล้วนไม่อ่อนด้อย ขณะที่เหวยป๋อจื่อใช้คุณไสยมาต่อกรกับพวกเขาขณะเหวยป๋อจื่อกำลังจะเพลี่ยงพล้ำก็เห็นว่าเขาพลันหมุนตัว มุ่งหน้าตรงเข้ามาหาเจี่ยนอันอันเมื่อครู่เขาเห็นแล้วว่าเจี่ยนอันอันออกมาจากเรือนตะวันออกจึงคิดว่าคนที่อ่อนแอที่สุดในที่นี้ก็คือเจี่ยนอันอันแล้วขอแค่จับเจี่ยนอันอันมาข่มขู่ คนพวกนั้นจะต้องไม่กล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอนขณะที่เหวยป๋อจื่อกำลังจะมาถึงเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันนั่นเอง กู้มั่วหลีลงมือได้อย่างทันกาลเขาฟาดฝ่ามือไปทางเหวยป๋อจื่อ เหวยป๋อจื่อรีบร้อนพลิกตัวหลบเขาใช้คุณไสยต่อกรกับกู้มั่วหลี ไอดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งตรงมายังกลางฝ่ามือกู้มั่วหลีกู้มั่วหลีรีบเก็บมือกลับไปแล้วถอยหลังไปหลายก้าว ทั้งยังสะบัดแขนเสื้อพัดไอดำนั้นแตกกระจายไปทั
ฉู่ชางเหยียนเดือดดาลอย่างหนักเพราะเรื่องนี้จึงเปลี่ยนจากที่ส่งคนนำยาถอนพิษมาให้เขาทุกเดือนในกาลก่อน มาเป็นส่งคนนำยาถอนพิษมาให้เขาทุกครึ่งปีทุกครั้งที่พิษกำเริบ กู้มั่วหลีต้องทนรับความเจ็บปวดแสนสาหัสทั่วสรรพางค์เขาก็อยากใช้วิธีของตัวเองมาควบคุมยาพิษเหมือนกันเขาเคยลอบกลับไปที่เมืองจิงโจวแล้วไปเจอซางหมิงที่หน้าตาคล้ายเขาอย่างยิ่งเขาจึงคิดจะใช้ร่างกายของซางหมิงมาปรุงยาถอนพิษแต่คิดไม่ถึงว่ายังคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการต่อมา ซางหมิงหนีไป เขาจึงทำได้เพียงกลับมายังเมืองอินเป่ยอีกครั้งเพื่อตามหาขุมทรัพย์ต่อไปเขาถูกพิษในร่างกายเคี่ยวกรำมานานหลายปี วันนี้ในที่สุดก็ได้รับยาถอนพิษเสียทีกู้มั่วหลีพลันอารมณ์พลุ่งพล่านจึงพูดทุกสิ่งที่ตนเองรู้ออกมาจนหมดเจี่ยนอันอันฟังแล้วก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริด คิดไม่ถึงว่าเหวยป๋อจื่อผู้นั้นจะแอบสมคบคิดกับฉู่ชางเหยียนเขายังถ่ายทอดวิชาคุณไสยให้กับฉู่ชางเหยียนอีกด้วยไม่แปลกเลยที่ฉู่ชางเหยียนสามารถขึ้นครองบัลลังก์ฮ่องเต้ได้อย่างง่ายดายที่แท้ทุกอย่างนี้ยังมี ‘ความชอบ’ ของเหวยป๋อจื่อด้วยส่วนหนึ่งทว่าหลายปีมานี้ ฉู่ชางเหยียนยังคงไม่ลืมขุมทรัพย์ในเมือง
เจี่ยนอันอันให้กู้มั่วหลีพาเจี่ยนหลิงเยว่กลับไป ส่วนนางหยิบสมุนไพรแก้พิษหลายชนิดออกมาจากในมิติรอจนกู้มั่วหลีกลับมา นางจึงกล่าวกับกู้มั่วหลีว่า “เจ้าก็กรีดมือหยดเลือดลงในชามนี้ด้วยเหมือนกัน”กู้มั่วหลีหยิบมีดขึ้นมากรีดมือตัวเองโดยไม่ลังเลเขาหยดเลือดของตัวเองลงในชาม ผสมกับเลือดของเจี่ยนหลิงเยว่เห็นว่าเลือดเต็มชามแล้ว เจี่ยนอันอันจึงกล่าวว่า “เอาละ เลือดพอแล้ว”กู้มั่วหลีรีบใช้ผ้าแพรเช็ดหน้าพันฝ่ามือตัวเองเอาไว้เจี่ยนอันอันไม่สนใจกู้มั่วหลี นางนั่งยองลงบนพื้น เทเลือดชามนั้นลงไปในหม้อหลอมยานางให้กู้มั่วหลีนำฟืนมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ก่อกองไฟขึ้นภายในห้องนางยกหม้อหลอมยาไปวางเหนือกองไฟแล้วโยนสมุนไพรที่หยิบออกมาใส่ลงไปในหม้อหลอมยาเจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นมองกู้มั่วหลี “แมลงที่เจ้าเลี้ยงไว้เล่า นำมาใช้ด้วย”กู้มั่วหลีล้วงขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กใบหนึ่งจากในอกเสื้อออกมาอย่างเชื่อฟังเขาเปิดขวดกระเบื้องเคลือบแล้วเทแมลงข้างในออกมาเจี่ยนอันอันเห็นแมลงตัวนั้นมีสีดำปลอด มีขนาดเท่ากับแมลงเต่าทองตัวหนึ่งนางโยนแมลงลงไปในหม้อหลอมยา นำไปทำยาถอนพิษร่วมกับสมุนไพรพวกนั้นและเลือดกู้มั่วหลี
เวลานั้น กู้มั่วหลีปิดประตูห้องลงแล้ว ทั้งยังขวางอยู่หน้าประตูเจี่ยนหลิงเยว่หันขวับมา ในที่สุดนางก็ตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องราว“เจี่ยนอันอัน เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”เจี่ยนอันอันกวาดสายตามองเจี่ยนหลิงเยว่ขึ้นลงพร้อมรอยยิ้มเย็นชา “โอ๊ะ ดูออกเลยว่าหลายวันนี้ที่เจ้าอยู่ในจวนเสวียนเยว่ ชีวิตสุขสบายไม่เลวเลยนี่”“เห็นที เหวยป๋อจื่อผู้นั้นดูแลเอาใจใส่เจ้าดีทีเดียว เจ้าคงไม่ได้หลงคิดไปว่าตัวเองเป็นนายหญิงของจวนหลังนี้จริงๆ หรอกนะ”คำพูดเยาะหยันของเจี่ยนอันอันทำให้เจี่ยนหลิงเยว่โมโห“เจี่ยนอันอัน เจ้าอย่าคิดว่ามีคุณชายกู้อยู่ด้วยแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ”เจี่ยนหลิงเยว่พูดพลางก้าวเร็วๆ มาข้างหน้า ยื่นมือเข้ามาหมายข่วนใบหน้าเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยังคงยิ้มไม่ขยับเขยื้อน ขณะที่มือของเจี่ยนหลิงเยว่กำลังจะข่วนถูกใบหน้าของนางนั่นเองเจี่ยนหลิงเยว่รู้สึกว่าบริเวณทรวงอกของตัวเองพลันเจ็บจี๊ดนางรีบชะงักมือ ก้มหน้าลงมองก็เห็นว่าเข็มเงินเล่มหนึ่งปักอยู่บนบริเวณทรวงอกของตัวเองในไม่ช้าร่างกายก็ชาวาบ ต่อจากนั้นความเจ็บปวดแสนสาหัสก็ถาโถมเข้ามาหาเจี
กู้มั่วหลีเห็นว่าหากตนเองยังไม่พูดอะไรอีกเกรงว่าเจี่ยนอันอันคงไม่ปรุงยาถอนพิษให้เขาแล้วอย่างไรเสียตอนนี้เจี่ยนอันอันก็ยังไม่อาจไปจากจวนเสวียนเยว่ เขาจึงกล่าวว่า“คืนนั้นมีคนยิงธนูเข้าไปในบ้านเจ้า บนหัวลูกศรยังมีกระดาษข้อความแผ่นหนึ่ง บนนั้นเขียนข้อความไว้ว่ามีคนจะมาเมืองอินเป่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมองกู้มั่วหลีด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “เจ้าเป็นคนยิงลูกศรนั่น?”กู้มั่วหลีพยักหน้ายิ้มๆ “สิบวันก่อน แมลงที่ข้าปล่อยออกไปกลับมา ข้าจึงรู้ว่ารัชทายาทจะถูกเนรเทศมาที่นี่”“เหตุใดเจ้าจึงบอกข่าวนี้ต่อพวกข้าในคืนวันนั้น เจ้ามีจุดมุ่งหมายอันใดกันแน่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดว่ากู้มั่วหลีจะบอกเรื่องนี้ต่อนางและฉู่จวินสิงด้วยความหวังดีเกรงว่าคงมีเจตนาแอบแฝงอย่างอื่นมากกว่ากู้มั่วหลีหัวเราะเบาๆ สองมือกำหมัดแน่น ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ“ฉู่ชางเหยียนไม่ส่งคนนำยาถอนพิษมาให้ข้าเสียที ข้าย่อมไม่อยากถูกเขาบงการอีกต่อไป”“ข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้าทำลายขุมอำนาจราชสำนักของฉู่ชางเหยียน”นี่กลับเป็นสิ่งที่เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงจริงๆ กู้มั่วหลีอยากร่วมมือกับพวกนางหรือนี่เห็นทีว่ากู้มั่วหลีคงถูกยาพิษข
เจี่ยนอันอันรู้สึกตัวขึ้นมาในเวลาเพียงไม่นาน ดีที่ก่อนนางจะหมดสติ ในใจได้ท่องรหัสบางอย่าง จึงทำให้สามารถฟื้นคืนสติได้เร็วนางเห็นกู้มั่วหลีมองหน้าตนด้วยความห่วงใย ในใจพลันเกิดความคิดอีกอย่างหนึ่งยามนี้หากไม่คิดหลอกใช้กู้มั่วหลี เห็นทีนางคงไม่อาจไปจากที่นี่ได้แน่เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันฟื้นมา ความรู้สึกตึงเครียดของกู้มั่วหลีก็ค่อยผ่อนคลายลงบ้าง“เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”กู้มั่วหลีกล่าวพลาง พร้อมพยุงให้นางลุกขึ้นนั่งเจี่ยนอันอันส่ายหน้าเบาๆ “ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้มั่วหลีไม่นึกว่าเจี่ยนอันอันก็ห่วงเขาเป็น สีหน้าจึงรีบผุดรอยยิ้มออกมา“ข้าแค่ถูกฝ่ามือของเหวยป๋อจื่อซัดเข้าหลายครั้ง แต่ไม่ได้เป็นไรมาก เจ้าไม่ต้องห่วง”เจี่ยนอันอันตอบรับว่า “อืม” แต่แอบคิดในใจ ข้าจะห่วงเจ้าไปทำไม ยังคิดอยากจะฆ่าเจ้าเสียด้วยซ้ำเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา นางต้องการรู้วิธีไปจากที่นี่เสียก่อน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะไปจากที่นี่ได้อย่างไร?”เจี่ยนอันอันเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่ากู้มั่วหลีเห็นเจี่ยนอันอันมีความคิดจะไปจากที่นี่ พลันรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหาย“เจ้าอยา
นางรีบปรุงยาคลายจุดด้วยความรวดเร็ว และกินเข้าไปทำให้ในยามนี้ ร่างกายนางสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติแล้วเพียงแต่นางไม่อยากให้ชายทั้งสองสังเกตเห็น จึงคิดบอกให้เหวยป๋อจื่อวางตัวนางลงก่อนนางจะได้ฉวยโอกาสตบหน้าเหวยป๋อจือสักหนึ่งฉาด เพื่อให้ภารกิจลับลุล่วง จนได้คัมภีร์แผดเผาวิญญาณเล่มนั้นมาเหวยป๋อจื่อเห็นเจี่ยนอันอันเกิดอาการคลื่นเหียน จนทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เห็นว่านางอาจถูกกู้มั่วหลีจี้สกัดจุดไว้แล้วบัดนี้จึงดูไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกาย จึงวางใจปล่อยตัวนางลงที่ด้านข้างให้นางยืนพิงไว้กับเสากู้มั่วหลีไม่ต้องการให้เหวยป๋อจื่อพาตัวเจี่ยนอันอันไป จึงฝืนทนความเจ็บที่หน้าอกไว้ พร้อมออกหมัดต่อสู้อีกครั้งเจี่ยนอันอันมองดูการปะทะของคนทั้งคู่ แม้ว่าวรยุทธ์และพลังภายในของกู้มั่วหลีนับว่าสูงส่งยิ่งแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหวยป๋อจื่ออยู่ดีนางพอดูออกว่า เหวยป๋อจื่อไม่รู้วรยุทธ์มากนัก เพียงใช้วิชาไสยศาสตร์ในการรับมือมากกว่านางเห็นกู้มั่วหลีจวนเจียนจะพ่ายแพ้รอมร่อ อีกทั้งในร่างกายก็ได้สั่งสมวิชาไสยศาสตร์เข้าไปมากเจี่ยนอันอันฉวยโอกาสที่เหวยป๋อจื่อไม่ทันสังเกตนาง รีบเดินขึ้นหน้าไป พร้