เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
View More“เพล้ง...โครม” เสียงข้าวของที่ตกลงกระทบพื้นดังสนั่นไปทั่วห้องโถงใหญ่ของจวนราชครูเผิงอันหนิง เสียงกรีดร้องโวยวายของเผิงฟู่หลินยังคงดังออกมาไม่หยุด นางกรีดร้องโวยวายอาละวาดอย่างคนกำลังเสียสติ หากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางนางแม้แต่คนเดียว
สาวใช้ทั้งหลายต่างหันมองหน้ากันด้วยความแตกตื่น ข้าวของราคาแพงและหายากมากมายถูกทำลายเพียงเสี้ยวนาทีเดียว จนตอนนี้พื้นห้องโถงเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องที่แตกละเอียดและกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณห้อง
ราชครูเผิงรีบโบกมือไล่พวกนางให้ออกจากห้องไปเสียก่อน ตอนนี้เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ฮูหยินเซียงก็ได้แต่พยักพเยิดให้เหล่าสาวใช้รีบออกไปโดยเร็ว
“หลินเอ๋อร์ เจ้าหยุดร้องไห้ก่อนเถิด ท่านพ่อของเจ้าต้องหาวิธีจัดการให้เจ้าเป็นแน่” ฮูหยินเซียงตรงเข้าปลอบใจบุตรสาวที่กำลังอาละวาดไม่หยุด นางหันมองหน้าสามีอย่างขอความเห็นใจ
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ยอม ท่านพ่อ ข้าไม่ยอมรับ เหตุใดราชโองการสมรสจึงเป็นเสี่ยวว่าน ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ข้าจะไปพบท่านพี่ซูเว่ยเดี๋ยวนี้” เผิงฟู่หลินร้องไห้คร่ำครวญ นางสะบัดตัวก่อนจะยืนตรงหน้าบิดาของตนอย่างไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าวของบุตรสาวทำเอาราชครูเผิงถึงกับกุมขมับด้วยความปวดหัวยิ่งนัก
“ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้า ท่านต้องช่วยข้านะ” เผิงฟู่หลินรีบหันไปหามารดาของตนทันที นางร้องไห้ปิ่มขาดใจ
สภาพของบุตรสาวในเวลานี้ยิ่งทำให้ฮูหยินเซียงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมาบุตรสาวของนางถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาโดยตลอด หากอยากได้ดาวต้องได้ หากอยากได้ลมย่อมต้องได้เช่นกัน แต่บัดนี้ราชโองการที่ส่งมายังจวนกลับเหมือนสายฟ้าผ่า แล้วบุตรสาวของนางจะทนรับเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านพอจะมีทางช่วยเหลือหลินเอ๋อร์สักหน่อยได้หรือไม่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าหลินเอ๋อร์เศร้าเสียใจปานใด” ฮูหยินเซียงรีบกล่าวอ้อนวอนกับสามี นางมิอาจทนดูบุตรสาวในสภาพเช่นนี้ได้อีกต่อไป
“หลินเอ๋อร์ เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ในเมื่อฮ่องเต้มีราชโองการมาเช่นนี้ เจ้าก็จงตัดใจเสียก็แล้วกัน ไว้วันหน้าข้ารับปากเจ้า ข้าจะต้องหาคนดี ๆ ที่เหมาะสมให้กับเจ้าเป็นแน่” ราชครูเผิงพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวคนเล็กอย่างรู้สึกยากลำบากใจ เขาคงตามใจบุตรสาวคนนี้มากจนเกินไปกระมัง ถึงทำให้นางอาละวาดเอาแต่ใจมากมายเยี่ยงนี้
“ข้าไม่ต้องการคนดีที่ไหน ข้าต้องการแต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ยคนเดียวเท่านั้น” เผิงฟูหลินยังคงไม่ยอมรับ นางรักปักใจอยู่กับหนี่ซูเว่ยมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แล้วจะให้นางตัดใจแต่งงานกับคนอื่นได้อย่างไรกัน เผิงฟู่หลินตะโกนออกมาพร้อมจ้องมองบิดาของตนตาเขม็ง
“หลินเอ๋อร์...เจ้า...เฮ้อ...” ราชครูเผิงถึงกับถอนหายใจออกมากับท่าทางหัวแข็งของนาง เขารู้สึกจนปัญญาที่จะจัดการกับบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนี้เสียเหลือเกิน
“ท่านพ่อ ท่านต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้ข้านะ ข้าเชื่อว่าต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ ผู้คนในเมืองหลวงนี้ต่างก็รู้ดีว่า คนที่สมควรได้แต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ยควรจะเป็นข้า...เป็นข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” เผิงฟู่หลินรีบวิ่งมาเกาะแขนบิดาของนาง หญิงสาวอ้อนวอนบิดาของตนพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มนวล
เมื่อเผิงฟู่หลินเห็นบิดายังคงนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น นางจึงเชิดหน้าขึ้นพร้อมปาดน้ำตาทั้งสองข้าง “ถ้าท่านพ่อไม่จัดการให้ข้า เช่นนั้นข้ายอมแต่งเป็นอนุของท่านพี่ซูเว่ยก็ย่อมได้” น้ำเสียงจริงจัง แววตาหมายมาด มองบิดาของตนอย่างท้าทาย ทำเอาราชครูเผิงถึงกับตะลึงกับความดื้อรั้นของบุตรสาวตรงหน้า เลือดในกายสูบฉีดจนตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโมโห
“เหลวไหล ข้าคงตามใจเจ้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ” ราชครูเผิงหันมาตำหนิบุตรสาวของตนด้วยนึกหงุดหงิดใจ ใช่ว่าตัวเขาเองจะไม่แปลกใจกับราชโองการที่ได้รับมาเมื่อสักครู่ แต่เขาย่อมรู้ดีว่ากษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ แม้เขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตและเป็นที่เกรงใจฮ่องเต้อยู่หลายส่วน แต่การจะไปขัดราชโองการนั้นย่อมเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ความคิดของเผิงฟู่หลินนั้นยิ่งทำให้เขาถึงกับกุมขมับ เขาจะยอมให้พี่น้องแต่งร่วมชายคนเดียวกันได้อย่างไร ซ้ำยังจะให้บุตรสาวที่ตนรักนักหนาแต่งเข้าเป็นอนุอีกต่างหาก นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางยอมรับไปได้เป็นแน่
เผิงฟู่หลินมองหน้าบิดาของตนด้วยความผิดหวัง นางร้องตะโกนอย่างคนสิ้นสติ “ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร เสี่ยวว่านนางมีสิทธิ์อันใดมาแย่งคนรักของข้า นางมีสิทธิ์อันใดกัน ต้องเป็นนางแน่ ๆ ที่ใช้มารยาหลอกล่อท่านพี่ซูเว่ยให้หลงกล ข้าจะไปจัดการนางเดี๋ยวนี้”
ราชครูเผิงหมดความอดกลั้น เขาเผลอเงื้อมือขึ้นตบลงใบหน้าของเผิงฟู่หลินเข้า ทำเอาใบหน้าขาวนวลสะบัดไปอย่างแรงพร้อมรอยแดงปื้นที่ขึ้นเป็นริ้วตามความหนักของมือตน
ฮูหยินเซียงถึงกับร้องเสียงหลงออกมาเสียงดังลั่น “ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร หลินเอ๋อร์กำลังเศร้าโศกท่านยังมาทำร้ายลูกสาวของเราเช่นนี้อีก” นางพูดพร้อมรีบเข้าไปประคองร่างบุตรสาวด้วยความโกรธเคือง “หลินเอ๋อร์ เจ้าเจ็บหรือไม่ เจ้าอย่าโกรธพ่อเจ้าเลยนะ” นางพูดปลอบโยนบุตรสายพร้อมมองสามีด้วยสายตาตำหนิอย่างแรง
ราชครูเผิงที่ยังคงตะลึงกับการกระทำอันชั่ววูบของตนเองไปครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะได้สติ ชายชราได้สะบัดหน้าหนีสองแม่ลูกทันที เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยจนคำพูดใด ๆ
ราชโองการที่เพิ่งรับมาเป็นราชโองการประทานสมรสให้กับหนี่ซูเว่ย รัชทายาทกับเผิงเสี่ยวว่าน บุตรสาวคนโตของตน นั่นจึงทำให้เขารู้สึกลำบากใจยิ่ง อันที่จริงเขาหมายมั่นว่าผู้ที่ควรแต่งงานกับรัชทายาทคือ เผิงฟู่หลิน บุตรสาวคนเล็กของตนต่างหาก แต่เมื่อเหตุการณ์แปรผันเช่นนี้ เขาจึงได้แต่น้ำท่วมปาก มิรู้จะทำเช่นใดดี
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง
บทที่ 58 การเดินทางไกลในช่วงสายของวัน เผิงฟู่หลินและเจ้าจูก็ได้เดินทางออกจากจวนโดยมิได้ร่ำลาผู้ใด พวกนางออกจากประตูเมืองและตามไปสมทบกับเสี่ยวเหวินโหลที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองเสี่ยวเหวินโหลเห็นเผิงฟู่หลินก็รู้สึกยินดียิ่ง เขายิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว“คำนับคุณหนูเผิง” เสี่ยวเหวินโหลทักทายอย่างเกรงใจ“ท่านอย่าเกรงใจเช่นนี้อีกเลย ต่อไปพวกเราทั้งสามถือเสียว่าเป็นสหายร่วมเดินทางกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าฟู่หลิน ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่เหวินโหลแล้วกัน” เผิงฟู่หลินเสนอออกไปเสี่ยวเหวินโหลถึงกับก้มหน้าข่มความเคอะเขินที่มี “ฟู่หลิน...”รถม้าถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้การเดินทางของเผิงฟู่หลิน เจ้าจู และเสี่ยวเหวินโหลค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่นลมหนาวยามเช้าพัดผ่านป่าเขาอันเงียบสงบ เสียงใบไม้ปลิวไสวกระทบกันดั่งเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ บนทางเดินที่เต็มไปด้วยหินกรวด รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักเผิงฟู่หลินที่นั่งอยู่ในด้านเปิดม่านขึ้นพร้อมยื่นหน้าออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ความสวยงามและความเขียวขจีทำให้ใจของนางรู้สึกสงบลงไปอย่างมาก แสงอาทิตย์อ่อน ๆ แผ่วเบาส่องทะลุทิวไม้ ทำให้เงาใบไม้ส่อง
บทที่ 57 ค่ำคืนสุดท้ายในค่ำคืนนี้แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เผิงฟู่หลินนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงนอน ดวงตาของนางจับจ้องไปยังประตูดั่งคนที่กำลังรอคอยบางอย่างอยู่ สีหน้าของนางค่อนข้างแสดงถึงความกังวลใจที่มี สองมือบิดเกร็งไปมาด้วยความกระสับกระส่ายคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เผิงฟู่หลินจะอยู่ที่เมืองหลวงเนื่องจากนางได้นัดแนะกับเจ้าจูและเสี่ยวเหวินโหลในการออกเดินทางไกลในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเผิงฟู่หลินจึงอยากที่จะพบกับหนี่เส้าจวินอีกสักครั้งเพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกันอีกทันใดนั้น ร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างเตียง หนี่เส้าจวินก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเงียบขรึม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางของเผิงฟู่หลินเผิงฟู่หลินเงยหน้าขึ้นมองหนี่เส้าจวินด้วยสายตาที่เศร้าสลดลง ก่อนจะปรับสีหน้ายกยิ้มให้เขาอีกครั้ง เผิงฟู่หลินลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าของหนี่เส้าจวิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างเบามือหนี่เส้าจวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทีที่เผิงฟู่หลินมีให้ แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดียามอยู่บนเตียง แต่ทุกครั้งที่เขามาหานาง เผิงฟู่หลินมักแสดงท่าทีผลักไสและ
บทที่ 56 ทำตามความใฝ่ฝันแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในเรือน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว ใบหน้างดงามขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ เมื่อคืนหนี่เส้าจวินเคี่ยวกรำนางไม่หยุดราวกับคนที่อดอยากหิวโหยก็ไม่ปาน ทว่าบัดนี้หนี่เส้าจวินได้ออกจากห้องไปตั้งแต่ยามรุ่งสาง แต่สัมผัสของเขายังคงติดตรึงอบอวลอยู่ไปทั่วบริเวณเจ้าจูเข้ามาภายในห้องพร้อมทำหน้าประหลาดใจ สภาพของเผิงฟู่หลินราวกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด จนเสื้อผ้าและผมเผ้านั้นยุ่งเหยิงไปหมด“คุณหนู...ท่าน...” เจ้าจูรีบปิดปากเมื่อคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน“เจ้าอย่าพูดมาก รีบพาข้าไปอาบน้ำที” เผิงฟู่หลินขยับกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรงเจ้าจูรีบเข้ามาประคองพร้อมพานายหญิงของตนไปที่อ่างน้ำทันทีหลังจากแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย เผิงฟู่หลินกำชับเจ้าจูมิให้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด เจ้าจูรับคำโดยเร็วแต่ยังคงอดสงสัยมิได้ว่าผู้ใดกันที่กล้าบุกรุกจวนสกุลเผิงเช่นนี้นับแต่นั้นหนี่เส้าจวินก็มักจะลักลอบเข้าหาเผิงฟู่หลินไม่ต่างจากชายชู้ในบทนิยาย เผิงฟู่หลินแม้จะยอมรับว่าร่างกายของนางเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน แต่ภายในใจกลับหวาดหวั่นและยังคงสร้างก
Comments