เมื่อชีวิตในโลกใบเดิมสิ้นสุด ทว่าชะตาดันเล่นตลกให้ต้องกลายมาอยู่ในร่างของเจ้าสาวบรรณาการแด่จอมมาร ใครก็ว่าราชามารผู้นี้ช่างโหดร้าย สตรีที่เคยถูกส่งเข้าไปล้วนถูกเขาปลิดชีพตายทั้งหมด
View Moreเพราะบุตรสาวของอนุผู้นี้ช่างใจกล้าเหนือสตรี ซ้ำยังชอบแต่งกายผิดจารีตประเพณีไม่เคารพกฎเกณฑ์ นางจึงถูกส่งไปสำนึกตนยังชานเมืองทุรกันดาร เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อบ้านเดิมที่หญิงสาวถูกส่งตัวไปเป็นเผ่าบูชาจอมมารวิหคทอง ทุก ๆ สิบปีจะต้องมีการส่งตัวเจ้าสาวบรรณาการให้แก่จอมมารในดินแดนลึกลับ คาดไม่ถึงว่าชะตาเกิดของนางจะขึ้นตรงกับเนตรหายนะของปีที่สิบนี้เข้าอย่างพอดี ทั้งหมู่บ้านล้วนร่ำลือว่า บุตรีเสนาบดีใหญ่และอนุที่สิ้นใจไปแล้วล้วนเป็นที่ชิงชัง แม้นางหายตัวไปคงไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญ
ในคืนที่เกิดพายุลมฝนกรรโชกอย่างหนัก ร่างบอบบางกลับนอนขดกายอยู่บนแคร่ไม้เก่าในห้องเก็บฟืน นางเป็นคุณหนูรองลูกของเสนาบดีก็จริงอยู่ ทว่าเมื่อถูกส่งเข้ามาเพื่อสำนึกตนยังสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีผู้ใดสนใจไยดี ซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งจากบ่าวไพร่สารพัด ผู้คนเหล่านี้หาได้เกรงกลัวคุณหนูรองเช่นนาง ซ้ำยังประณามว่านางคือ บุตรีนอกคอกผู้ที่บิดาแสนเกลียดชัง การที่ถูกส่งมายังสถานที่เช่นนั้นหมายถึงว่านางได้โดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว
ปัง!
เสียงบานประตูถูกกระแทกจนเปิดออก นัยน์ตาคู่งามเปิดกว้างมองผ่านความมืดสลัว นางชินและชากับเหตุการณ์เช่นนี้เสียแล้ว ริมฝีปากสีกุหลาบแสยะยิ้ม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
"นำตัวนางไป" หญิงชราผู้หนึ่งกล่าวแทรกเสียงฝนพรำ
บรรดาชายฉกรรจ์ต่างดาหน้าเข้ามาฉุดกระชากลากถูร่างสตรีผอมบางลงจากแคร่ไม้ ชายร่างกำยำผู้หนึ่งยกนางขึ้นพาดบ่า หญิงสาวไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด ภาพที่นางเห็นล้วนกลับด้านไปเสียหมด บรรดาชาวบ้านต่างรายล้อมสตรีตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งเอาไว้ท่ามกลางสายฝนที่หลั่งริน ดั่งสวรรค์กำลังย้ำเตือนความสิ้นหวังภายในใจของหญิงสาว นัยน์ตากลมหลับลงเชื่องช้า เธอหวังว่านี่จะเป็นความเจ็บปวดและความสิ้นหวังสุดท้าย อีกไม่นานนางคงต้องถูกลอยแพกลางสายน้ำเย็นเยียบเพื่อส่งมอบให้กับราชามารผู้ชั่วร้าย หญิงสาวแค่นยิ้มหนึ่งหน จากนั้นสติของนางพลันดับวูบลงในที่สุด
เฮือก!
"เหยาเหยาเป็นอะไร เราปลุกอยู่ตั้งนานเธอก็ไม่ยอมตื่น" เสี่ยวผิงตื่นตระหนกเมื่อเธอพยายามปลุกลี่เหยาเหยาอยู่นานสองนาน แต่ทว่าเพื่อนของเธอก็เอาแต่ส่ายศีรษะและขมวดคิ้วไปมาบนโต๊ะหนังสือ นับว่าโชคยังดีที่อาจารย์ไม่ว่างเข้าสอน เพื่อนร่วมห้องต่างทยอยเดินออกไปจนดูบางตาลงแล้ว เวลานี้ภายในห้องจึงเหลือพวกเธอเพียงสองคนเท่านั้น
ลี่เหยาเหยาพยายามปรับลมหายใจของตนให้เป็นปกติ หยาดเหงื่อเม็ดละเอียดผุดขึ้นบนกรอบหน้างาม "ขอโทษทีเสี่ยวผิง เราแค่ฝันนิดหน่อย"
"ฝันเหรอ ฝันเรื่องอะไร ดูเครียดขนาดนั้น ไม่สบายหรือเปล่า"
"เอ่อ...เราคงเครียดเรื่องบทบาทที่ได้รับเกินไปจนเก็บไปฝันน่ะ ไม่เป็นไร" ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้มบาง
"เหยาเหยา ไม่ต้องคิดมาก ละครก็คือละคร เธอแค่แสดงออกมาตามหน้าที่ สิ้นสุดลงแล้วก็ไม่มีอะไร อีกไม่กี่วันจะถึงงานแสดงของมหาลัยแล้ว ทำใจให้สบาย" เสี่ยวผิงกล่าวปลอบใจ
เสี่ยวผิงรู้ดีว่าบทบาทที่ลี่เหยาเหยาได้รับน่ากังวลเพียงใด นับได้ว่าต้องเข้าใจตัวละครอย่างมากที่สุด คาดไม่ถึงว่าเพื่อนของเธอจะนำกลับไปฝันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้ ซ้ำจากหญิงสาวร่าเริงกลับต้องคอยเคร่งเครียดกดดัน การแสดงละครเวทีหนนี้เป็นเส้นตัดสินโปรเจกต์จบการศึกษาของพวกเธอ ลี่เหยาเหยาลุกขึ้น พลันยื่นมือให้กับเสี่ยวผิง เสี่ยวผิงจึงเอื้อมมือตอบ พลางลุกขึ้นตามแรงดึงของอีกฝ่าย
"มีเรื่องใดบ้างที่คุณหนูเหยาเหยาผู้นี้จัดการไม่ได้ แค่จัดการกับความรู้สึกนิดเดียวสบายน่า"
ลี่เหยาเหยาเอื้อมมือโอบไหล่ของเสี่ยวผิง ปลายนิ้วตบบ่าเพื่อนรักเปาะแปะ พลางก้าวเดินไปพร้อมกัน
"จ๊ะ! ยัยคุณหนูขี้เซา ขอให้มันจริงเถอะ แต่ถ้าวันไหนไม่สบายใจหรือรู้สึกป่วยตรงไหนต้องรีบบอกเรานะ" เสี่ยวผิงกล่าวพลางเขี่ยปลายจมูกเพื่อนรักเล่นอย่างนึกมันเขี้ยว
"จ้า ๆ รู้แล้วน่า นี่เพื่อนหรือแม่กันคะเนี่ย"
ลี่เหยาเหยาและเสี่ยวผิงเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่อนุบาล พวกเธอทั้งสองตัวติดกันราวกับตังเม ไปไหนไปกันอยู่เสมอ ลี่เหยาเหยาเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาโดดเด่นทรงเสน่ห์ ซ้ำนิสัยน่ารักน่าเอ็นดูและกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็ก ๆ โตมาเธอจึงเลือกเรียนในคณะนิเทศศาสตร์เพื่อต่อยอดความสามารถของตน แม้ตอนนี้อาจยังไม่ใช่นักแสดงเด่นดังเช่นรุ่นใหญ่ แต่ก็มีงานโฆษณาเข้ามาอยู่ไม่ขาด ส่วนเสี่ยวผิงก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับลี่เหยาเหยา พวกเธอเรียนคณะเดียวกัน อาศัยอยู่หอด้วยกัน เนื่องจากที่บ้านของทั้งสองล้วนห่างไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก
ณ หอพัก
ลี่เหยาเหยานั่งมองหน้าของตนผ่านกระจกพลางกะพริบดวงตาปริบ ๆ เธอสำรวจมองใบหน้าตัวเองซ้ายขวา แล้วจึงเหลียวหลังมองไปยังเพื่อนของตนซึ่งกำลังง่วนอยู่กับแท็บเล็ตบนมือหน้าเคร่งเครียด
"เสี่ยวผิง เธอว่าเป็นไปได้ไหมที่ตัวละครบางตัวอาจเคยมีชีวิตจริง ๆ"
เสี่ยวผิงละสายตาจากสิ่งที่กำลังทำ นัยน์ตากลมหรี่ลงเล็กน้อย "อืม...แบบนั้นมันก็มีนะเหยาเหยา เช่นละครที่อิงประวัติศาสตร์ไง"
"ไม่ใช่ เราหมายถึง ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่อิงอะไรเลย แต่สร้างขึ้นจากจินตนาการผู้เขียนล้วน ๆ"
"เหยาเหยาเธอกำลังคิดมากกับบทชายาจอมมารที่ได้รับเหรอ เธอกังวลว่านางจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ คิดมากน่า" เสี่ยวผิงยิ้มอ่อนพลางส่ายหน้าไปหนึ่งหน
"อืม...ดูเหมือนเราจะคิดมากเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ ละครก็ได้รับมาตั้งเยอะแยะ มาคิดมากอะไรกับโปรเจกต์ละครเวทีเรื่องเดียวกัน"
"นั่นสิ ๆ รีบมาสก์หน้า แล้วก็มานอนได้แล้วค่ะ คุณนักแสดงสาวสวย" เสี่ยวผิงกล่าวหยอกล้อเชิงไม่จริงจังนัก
"โอเคค่า คุณผู้จัดการคนสวย รีบแล้ว ๆ"
งานละครเวทีของมหาวิทยาลัยได้เดินทางมาถึง ลี่เหยาเหยาอยู่ในเครื่องแต่งกายคล้ายชุดฮั่นฝูสีแดงสด เรียกอีกอย่างคงเป็นชุดวิวาห์ซะมากกว่า
"อู้หู ชายาจอมมารผู้นี้สวยจังแฮะ มีแต่ตาทึ่มนั่นแหละที่ฆ่าเมียตัวเองตาย" เสี่ยวผิงกล่าวพลางหมุนกายของเพื่อนรักซ้ายขวา หัวเราะคิกคัก
"เสี่ยวผิง" ลี่เหยาเหยายกปลายนิ้วชี้เชิงบอกให้สหายของตนเงียบ ๆ เหตุเพราะเพื่อนร่วมกลุ่มที่คิดบทละครนี้ขึ้นมาก็อยู่ด้านในเช่นกัน
อยู่ ๆ สาวแว่นหนาเตอะยอดนักเขียนก็เดินเข้ามาใกล้พวกเธอ พลางสำรวจมองเสี่ยวผิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และเหลียวมองลี่เหยาเหยาเช่นเดียวกัน เธอขยับแว่นสี่เหลี่ยมบนดวงตาเล็กน้อย
"รู้จักหรือเปล่า แบดเอนอะ แฮปปี้เอนมันน่าเบื่อแล้ว ถ้าอยากให้ผัวรักผัวหลงก็ลองไปเปลี่ยนชะตาเอาเองเลยซิ" เด็กแว่นตัวสูงระดับไหล่แหงนใบหน้ามองลี่เหยาเหยาสลับกับเสี่ยวผิง พลันยกสองนิ้วขึ้นชี้ดวงตาของตัวเองและกลับด้านไปมาระหว่างพวกเธอทั้งสอง ราวต้องการบ่งบอกว่า ฉันจับตาดูพวกเธออยู่นะ
"เหยาเหยา เธอแสดงให้ดีล่ะ ฉันตั้งใจเขียนมันมาก"
ลี่เหยาเหยาไม่เอ่ยสิ่งใด เธอยืนตัวแข็งทื่อพยักหน้าตอบรับ เพียงแวบหนึ่งราวกับเห็นรอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นบนใบหน้าใสซื่อนั่น ก่อนจากไปเจียลี่ตบฝ่ามือลงบนไหล่ของลี่เหยาเหยาสองสามแปะ เอ่ยกระซิบ "อยากลองช่วยชายาจอมมารหรือเปล่าล่ะ"
เจียลี่ทิ้งท้ายประโยคไว้เพียงเท่านั้นจึงสาวเท้าเดินห่างออกไป ลี่เหยาเหยามองตามเด็กแว่นร่างท้วมจนลับสายตา หัวใจของเธอกลับเต้นกระหน่ำโดยไม่ทราบสาเหตุ
"ยัยแว่นเด็กประหลาด แค่พูดถึงบทที่เขียนนิดเดียวไม่ได้หรือไง ชิ!" เสี่ยวผิงเอ่ยไล่หลัง
"เอาน่า ช่างเถอะเสี่ยวผิง นี่ก็ถึงเวลาแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปแสตนบายหลังเวทีก่อนนะ"
"อือ...สู้ ๆ นะ" เสี่ยวผิงยิ้มให้กำลังใจ
ลี่เหยาเหยายิ้มตอบ พลางชูแขนพร้อมกำปั้น "สู้ สู้"
ละครเวทีดำเนินมาจนถึงกลางเรื่องแล้ว เสี่ยวผิงลุ้นกับบทบาทของเหยาเหยามาโดยตลอด ด้านข้างของเธอกลับมีนักเขียนตัวดีมายืนขนาบกายตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ "เจียลี่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกอกตกใจหมด" เสี่ยวผิงสะดุ้งโหยง
"ขวัญอ่อน" เจียลี่กล่าวหน้าตาย พลางดันกรอบแว่นให้เข้าที่เข้าทาง
เสี่ยวผิงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอีกเธอจึงเหลียวหน้ามองไปยังเวทีด้านหน้า เจียลี่ก็เช่นเดียวกัน เสี่ยวผิงเริ่มสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของลี่เหยาเหยา คิ้วของเธอจึงเริ่มเคลื่อนเข้าหากัน
"เหยาเหยา" เสี่ยวผิงกล่าวน้ำเสียงเบาหวิว ภายในใจเริ่มเต้นโครมคราม เสี่ยวผิงรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลนัก
อยู่ ๆ นักแสดงนำเช่นลี่เหยาเหยาพลันทรุดฮวบลง นัยน์ตาของเธอมองตรงมายังเสี่ยวผิงและเจียลี่ ลี่เหยาเหยาเริ่มรู้สึกว่าตนหายใจไม่ออก ผู้คนทั้งฮอลล์ต่างแตกตื่นโกลาหล บ้างรีบมาดูอาการ บ้างโทรเรียกรถพยาบาลจ้าละหวั่น เสี่ยวผิงเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งรุดขึ้นไปบนเวทีอย่างเร่งร้อน พร่ำเรียกเพื่อนสนิทของตนด้วยอาการตื่นตระหนก
"เหยาเหยา! เหยาเหยา!"
ภาพสุดท้ายที่ลี่เหยาเหยามองเห็นคือรอยยิ้มเย็นยะเยือกของเจียลี่ ทันใดนั้นสติสัมปชัญญะของเธอก็หายไปพร้อมกับลมหายใจที่ขาดสะบั้นลง
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื
"คุณหนูดีขึ้นแล้วหรือขอรับ" เถียนหยาเอ่ยถาม เมื่อพบว่าลี่เหยาเหยาฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยไม่นานทว่านางกลับหาเรื่องให้ตนดูวุ่นวายโดยการร้อยโน่นถักนี่มือเป็นระวิงลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้าขึ้น พลางส่งยิ้มละไม "ข้าหายดีแล้ว ขอบใจนะเถียนหยา""เอ่อ...คุณหนูที่จริงแล้ว..." เถียนหยารู้สึกว่ามือของตนยามนี้ช่างเก้งก้างเหลือทน พลางเหลือบซ้ายแลขวา นัยน์ตามองออกไปทางธรณีประตูด้วยความระมัดระวัง"เป็นอะไรไปเล่า พูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่น" ลี่เหยาเหยาขมวดคิ้วระบายรอยยิ้มเล็กน้อย"ที่จริงแล้ว…นายท่านดูแลคุณหนูด้วยตนเองทุกวันเลยนะขอรับ""หา..." ลี่เหยาเหยาละสายตาจากสิ่งที่ตนกำลังทำ พลางแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเถียนหยาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน จากสีหน้าตื่นตะลึงแปรผันเป็นยิ้มเยาะ "เหอะ! เขาคงเป็นห่วงตนเองมากกว่า กลัวข้าตายแล้วตัวเองก็จะตายด้วย""คุณหนูเข้าใจผิดแล้ว" เถียนหยาพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนลี่เหยาเหยาไม่ยอมเปิดใจให้นายของตนเอาเสียเลยลี่เหยาเหยากลับไปสนใจงานในมือของนางเช่นเดิม ทว่าหูเล็ก ๆ นั่
เถียนหยาทอดถอนใจเสียงดัง "ข้าไม่เคยเห็นนายท่านเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณหนูเหยาเหยาไม่ได้กระทำผิด"เถียนชีเอ่ยตอบ "ข้ารู้…และข้าคิดว่านายท่านเองก็รู้ ทว่านายท่านคงมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เจ้าก็ทราบดีว่าคุณหนูอวี่หนานเอาแต่ใจเพียงใด หากนายท่านไม่ชิงลงมือก่อน นางคงตามรังควานคุณหนูเหยาเหยาไม่ลดราวาศอกแน่"องครักษ์ทั้งสองจึงเหลียวหน้ากลับ พิศมองภาพนอกหน้าต่างอีกหน ตามจริงนายของพวกเขาสามารถให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้าไปรับตัวนางได้ ทว่าฮวาเทียนจิ้งกลับเลือกไปด้วยตนเอง เกรงว่าภายในใจของจอมมารได้เกิดความแปรผันใหญ่หลวงเสียแล้วดวงตาที่เคยสดใสปริ่มปรือลงเชื่องช้า ภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนนัก เสียงใสกล่าวอู้อี้ ฝ่ามือทุบตีอกแกร่งไร้เรี่ยวแรง "ฮวาเทียนจิ้ง! จอมมารไร้หัวใจ ใจแคบ ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอย่างไรเล่า เหตุใดไม่เชื่อข้า""ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อเพียงแต่..."อยู่ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมแขนพลันหมดสติลง ฮวาเทียนจิ้งช้อนร่างลี่เหยาเหยาไว้บนอ้อมแขน ฝ่ามือกว้างร่ายพลังเวทบางเบา ภาพเบื้องหน้าปรากฏหุ่นเชิดลี่เหยาเหยานั่งคุกเข่าขึ้นแทนที่ ฮวาเทียนจิ้งจึงโอบอุ้มผู้ไร้สติหายวับอ
"อวี่หนานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ฮือ...ท่านพี่ ข้าเห็นว่าพวกบ่าวหอซักล้างเหล่านั้นบอกว่า ลี่เหยาเหยาทำเครื่องประทินผิวมอบให้ แล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม ข้าเพียงต้องการมีใบหน้างดงามให้ท่านเชยชม แต่พอตื่นมาอีกครา ใบหน้าข้าก็เป็นเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ" อวี่หนานกล่าวพลางร้องไห้โยเยราวเด็กถูกขัดใจฮวาเทียนจิ้งพยายามปลอบประโลมผู้เป็นน้องสาว พลางลูบศีรษะและโอบประคองเรือนร่างด้วยความแผ่วเบา ส่วนแขนเล็กเรียวก็กอดร่างกำยำของฮวาเทียนจิ้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเถียนชีก้าวเข้ามาด้านใน พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย "นายท่าน คุณหนูเหยาเหยามาแล้วขอรับ""ให้นางเข้ามา"ลี่เหยาเหยาสับฝีเท้าเดินรี่เข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก เดิมทีส่วนผสมของนางล้วนสกัดมาจากบุปผาธรรมชาติไร้พิษเจือปนอย่างแน่นอน แล้วคุณหนูอวี่หนานจะเกิดอาการแพ้ได้อย่างไร"ลี่เหยาเหยาเจ้ากำลังทำอะไร เจ้าเห็นข้าใจดีด้วยก็คิดเหิมเกริมไม่เกรงกลัวเช่นนั้นหรือ" ฮวาเทียนจิ้งมองลี่เหยาเหยาอย่างนึกคาดโทษ"ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ส่วนผสมที่ข้าปรุ
Comments