แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยย่อมเปิดใจทั้งยังได้เปิดหูเปิดตา เพราะเขาเป็นนักรบพิทักษ์แคว้นไปทั่วแดน ขนมต่างถิ่นล้วนเคยชิมมาบ้าง ขนมที่คุณหนูลี่ออกปากว่าทำเองนั้นเขาจึงรู้ว่านางซื้อมาจากที่ใด แต่กระนั้นชายหนุ่มกลับมิได้เปิดโปง เพียงชิมไปหลายชิ้น คิดว่ารสชาติไม่เลววันถัดมาเป็นคุณหนูเฉินบุตรีคนสำคัญแห่งกรมอาญา นางมาพร้อมรูปโฉมเลิศล้ำไม่แพ้ใคร ในมือมีภาพวาดพร้อมบทกลอนแทนใจความหมายลึกซึ้งเปี่ยมไปด้วยความคะนึงหาเมื่อสาวงามมอบให้ จ้าวเหว่ยจึงจ้องมองด้วยสายตายากคาดเดา เขายกยิ้มอบอุ่นเอ่ยปากชมไปหลายคำวันถัดมาคือโฉมสะคราญเจ้าของดวงหน้าอ่อนหวานหยาดเยิ้ม นางนับเป็นยอดหญิงผู้หนึ่ง ประสงค์แสดงฝีมือดีดพิณให้ประจักษ์ ดวงตาคู่งามที่สบประสานหวานล้ำยิ่งกว่าใครๆนางคือคุณหนูกัวผู้เลิศล้ำกว่าคุณหนูทุกคนเสียงพิณที่ว่ากังวานใสแล้ว เสียงของกัวอิ๋งอิ๋งยามเอื้อนเอ่ยกลับหวานใสยิ่งกว่า นางเอ่ยขึ้นราวระฆังแก้วถูกเคาะในทำนองเสนาะโสตว่า “บทเพลงที่หม่อมฉันบรรเลงถวายพระองค์เมื่อครู่มีชื่อว่า ‘หงส์ฟ้าหาคู่’ เพคะ”นางยกยิ้มเขินอาย พวงแก้มแดงระเรื่อราวเลือดซึม ยิ่งขับเน้นผิวเนื้อตั้งแต่ลำคอระหงจรดเนินอกอวบตึงที่พ้นสาบเสื้อออ
ภายในห้องรับรองของตำหนักฮุ่ยเยี่ยนรัชทายาทหนุ่มลูบผมดำขลับของเด็กน้อยอย่างอารมณ์ดี เอ่ยปากชมไม่หยุด“เก่งมากหลิ่งเอ๋อร์ อย่างนี้ล่ะถึงมีสิทธิ์ติดตามพระสนม”ชายหนุ่มจงใจเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้ามารดาของตน เพื่อให้บุตรสาวของเขาได้ใจมารดาเต็มเปี่ยม ถึงแม้ฐานะแท้จริงของนางยังมิอาจเปิดเผย แต่ความสามารถของลู่หลิ่งที่แสดงออกมาย่อมชนะใจหลี่กุ้ยเฟยโดยที่ยังไม่ทันได้ทราบความจริงหลี่กุ้ยเฟยแย้มยิ้มอารมณ์ดี “หลิ่งเอ๋อร์เก่งมาก ต่อไปหากมีคุณหนูไม่รู้ความมาทำให้รำคาญ ข้าปิดตาข้างหนึ่งจึงจะดี”นั่นก็หมายความว่านางมีสิทธิ์จัดการสตรีของบิดาเต็มที่ ลู่หลิ่งคิดในใจอย่างชั่วร้าย แต่ภายนอกกลับทำตัวน่ารักน่าชังเป็นที่สุด ดวงหน้าจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อระบายยิ้มกว้างอย่างเขินอาย ร่างเล็กในชุดสีแดงบิดไปบิดมาพลางช้อนตาออดอ้อนเหมือนแมวเหมียวหลี่กุ้ยเฟยหลุดหัวเราะออกมา เอ็นดูลู่หลิ่งที่สุดดวงตาคมดำของจ้าวเหว่ยทอประกายสว่างวาบทว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังต้องรอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสมอีกสักหน่อย ให้ทุกอย่างลงตัวมากกว่านี้ แข็งแกร่งยากโค่นล้มยิ่งกว่านี้ เขาจึงจะวางใจเปิดเผยทุกเรื่องราวเพื่อลูกเมีย ยกฐานะพวกนางโดยไม่มีใครกล
บิดามารดาเป็นพยัคฆ์ ลูกจักเป็นสุนัขได้อย่างไรถึงแม้ลู่หลิ่งจะเยาว์วัย ปีนี้อายุย่างห้าขวบเท่านั้น แต่นางเป็นเด็กเฉลียวฉลาด มากปฏิภาณไหวพริบ คล้ายเป็นเซียนมาจุติก็ไม่ปาน เพราะนางมีมารดาคือซานซาน มีบิดาคือจ้าวเหว่ย อีกทั้งการได้ท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศ มิใช่มีเพียงสตรีสกุลไป๋เสียเมื่อไหร่ เพราะลู่หลิ่งเองก็ถูกซานซานพาท่องเที่ยวไปทั่วเช่นกันเพียงแต่สองแม่ลูกมิได้เที่ยวแบบไร้สาระเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่คิดแต่จะหาซื้อของสวยงามล้ำค่าไปผูกใจบุรุษยามที่เดินทางไปตามถิ่นต่างๆ ซานซานมักจะชอบศึกษาสมุนไพรไปทั่ว นอกจากสมุนไพรแต่ละชนิดต่างถิ่นกำเนิดจักมีประโยชน์และโทษอย่างไรแล้ว หนอนที่กัดกินสมุนไพรนางก็ชอบศึกษาเช่นกันหนอนธรรมดากินหญ้าพิษเพื่อดำรงชีวิตจนกลายร่างเป็นหนอนพิษนับเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ขนของหนอนพิษยิ่งต้องเก็บเอาไว้อย่างดี เพราะนี่คือพื้นฐานหนึ่งของวิชาหมื่นพิษถึงแม้ว่าซานซานจะมิได้สอนลู่หลิ่งร่ำเรียนเขียนอ่านเหมือนลูกของคนอื่นๆ เพราะคิดว่าเรื่องนี้เด็กน้อยย่อมต้องเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง การเขียนต้องฝึกเขียนด้วยสองมือ การอ่านต้องฝึกอ่านด้วยสองตา เด็กน้อยมีเวลาร่ำเรียนเรื่องง่ายดายเหล่านี้ทั้ง
จวนอัครเสนาบดีไป๋บนเตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องหรูหรา มีร่างระหงของหลินฮวานอนยาวเหยียด สวมได้แค่เสื้อผ้าเนื้อบาง เพราะร่างกายมีแต่ผื่นแดงผุดขึ้นเต็มไปหมด แสบร้อนไปทั่ว คันคะเยอไม่หยุด“เพราะว่าเจ้าเอาแต่เที่ยวเหนือล่องใต้ แล้วเป็นอย่างไร ไปติดโรคประหลาดจากทิศใดมาก็ยังมิรู้ได้ หึ!”สุ้มเสียงไม่สบอารมณ์ถูกคำรามออกมาจากลำคอแกร่งของอัครเสนาบดีไป๋ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานผู้นี้เห็นหน้าตาชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดยามนี้เขาต้องอับอายเพราะบุตรสาวคนสำคัญจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว“ท่านพี่ โปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ” ไป๋ฮูหยินรีบลุกจากขอบเตียงนอนของหลินฮวาเดินเข้ามาหาสามี เงยหน้ามองเขาอย่างออดอ้อน นางร้องไห้จนตาช้ำ คิดย้อนกลับไปวันที่กำลังดำเนินแผนการจนเกือบบรรลุเป้าหมาย ได้สนทนากับหลี่กุ้ยเฟยเกี่ยวกับงานมงคลระหว่างรัชทายาทกับหลินฮวา กล่าวอ้างตามพระประสงค์ของฮ่องเต้จนอีกฝ่ายเริ่มจนมุมแล้วแท้ๆ มิคาดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้หลินฮวาเกาลำคอเสียงดังแกรกๆ ด้วยอาการคันคะเยอ พลางกัดฟันเอ่ยออกมา“ต้องเป็นฝีมือนังเด็กน้อยลู่หลิ่งแน่ ท่านแม่...ข้าไม่ยอม ต้องเอาผิดเด็กปีศาจนั่นให้ข้า ในชาที่มันชงต้องมียา
ประโยคนี้ทำผู้คนรอบด้านเบิกตาโพลงรัชทายาทของหลินฮวาเชียวหรือ?มีเพียงจ้าวเหว่ยที่หรี่ตานิ่ง แผ่รังสีน่าสะพรึงออกมาท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด หลินฮวาพยายามกัดฟันเอ่ยอย่างใจเย็นไปทางลู่หลิ่ง รักษาจริตเอาไว้อย่างลำบาก “มา...ลงมาหาพี่สาวเร็วเข้า แล้วไปเล่นทางอื่นเดี๋ยวนี้”ลู่หลิ่งส่ายหน้ากัดปากแน่นสองตากลมโตมองอย่างผวา ใบหน้าอมชมพูระเรื่อยับยู่ใกล้ร้องไห้แต่ต้องกลั้นเอาไว้ ลักษณะคล้ายถูกรังแกมากกว่าถูกหลอกล่อ“พี่สาวน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้เป็นโรคร้ายอันใดหรือเปล่า หลิ่งเอ๋อร์ไม่ไปด้วยหรอกเจ้าค่ะ หลิ่งเอ๋อร์จะอยู่กับรัชทายาท”ระ...โรคร้าย...ดวงตาของหลินฮวาจ้องลู่หลิ่งอย่างร้อนแรง เผยความขุ่นเคืองชัดเจน นางพยายามอดทนเพื่อเกลี้ยกล่อมตามแผนอย่างใจเย็น รีบปั้นหน้าใจดี ทว่ายามนี้หญิงสาวทนไม่ไหวแล้ว นางโผหาจ้าวเหว่ยทันที พลางใช้สองมือแหวกเสื้อตรงลำคอเผยเนินอกรำไร ใบหน้าแดงก่ำ ลำคอแดงเถือกร่างสูงเห็นเช่นนั้นก็ถอยห่างไปถึงสามก้าวใหญ่ด้วยสัญชาตญาณ ราวกับได้เจอปีศาจสาวร่านราคะหลินฮวาพลันเสียหลักทำท่าจะล้มลงกระแทกพื้น สาวใช้เห็นเช่นนั้นก็ตกใจอย่างยิ่ง รีบวิ่งเข้ามาประคองอย่างทุลักทุเล“คัน
เมื่อออกมายืนนอกห้องรับรองหลินฮวาก็เห็นจ้าวเหว่ยอุ้มเด็กลู่หลิ่งเดินนำหน้านางไปหลายก้าว รอบด้านมีสาวใช้ติดตามเต็มไปหมดแน่นอนว่ามันอยู่ในแผนการ คนยิ่งเยอะยิ่งดี นางจะได้พูดจาออดอ้อนแสดงท่าทีสนิทสนมให้ผู้คนเหล่านี้ช่วยป่าวประกาศ จะนินทาก็ได้ โพทะนาให้ดังเข้าไว้ เสียหายเท่าใดก็ยอม เพราะผลที่ได้ย่อมคุ้มค่าแน่นอนหลินฮวายกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาหรี่มองอย่างร้ายกาจ วันนี้นางตัดสินใจขั้นเด็ดขาด มั่นใจมากนางจะแกล้งเป็นลมให้รัชทายาทอุ้ม หากไม่สำเร็จก็จะเดินไปเรื่อยๆ ด้วยกันก่อน เมื่อเจอสระบัวกลางอุทยานก็จะลงทุนตกน้ำลงไป รัชทายาทอยู่ใกล้ที่สุดย่อมมิอาจเพิกเฉย เขาจะต้องพุ่งตัวลงน้ำไปเฉกเช่นผู้กล้าพบพานสาวงามที่ตกอยู่ในอันตรายเนื้อแนบเนื้อ ใกล้ชิดปานนั้น ต่อให้ชื่อเสียงต้องมัวหมองแต่รับรองว่ารัชทายาทไม่อาจรอดพ้นจากนางไปแน่ เขาต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้วหลินฮวาคิดในใจอย่างมีความสุขทว่าสายตาพลันสะดุดกับบางสิ่งเบื้องหน้า ที่เกาะหนึบกับรัชทายาทไม่ต่างจากบ๊ะจ่างบุรุษรูปงามผู้เป็นเป้าหมายแห่งการอุ้มสมของนางกำลังอุ้มนังเด็กนั่นไปด้วยตลอดทาง ช่างเหนือความคาดหมายสิ้นดี