Share

บทที่ 737

Author: โม่เสียวชี่
นางคิดจะทายาที่หน้าตัวเองก่อนแล้วค่อยกลับไป

ใครจะคิดว่า เพิ่งก้าวเข้าประตูก็พบกับเซียวเหอ

เขายังคงสวมชุดผู้บัญชาการองครักษ์ประจำราชวัง ดูเหมือนจะรอนางอยู่นานแล้ว

“ท่านพี่เซียว?”

เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

คิ้วของเซียวเหอขมวดเป็นปม เดินก้าวเข้ามาตรงหน้าเฉียวเนี่ยน สายตาคู่นั้นจ้องไปยังใบหน้าครึ่งซีกที่บวมแดงของนาง

“กุ้ยเฟยลงมือรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

ชัดเจนว่าเขาได้ยินข่าวว่าเฉียวเนี่ยนถูกตบ จึงรีบรุดมายังโรงหมอหลวง

ตอนนี้ ในโรงหมอหลวงเหลือเพียงหมอหลวงหลี่ผู้ทำหน้าที่อยู่เวรกลางคืนเท่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอเห็นเฉียวเนี่ยนอยู่กับเซียวเหอในสภาพนี้ เขาก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น แล้วเดินเข้าไปยังห้องอีกฝั่งเสียเอง

เดิมทีเฉียวเนี่ยนตั้งใจจะทักทายหมอหลวงหลี่สักหน่อย ใครจะคิดว่าเซียวเหอกลับคว้าแขนของนางไว้ แล้วกดให้นางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างแกมบังคับ

พอเห็นเซียวเหอหยิบยามาจะทาให้ เฉียวเนี่ยนก็เผลอเอ่ยปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ “ท่านพี่เซียว ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้า...”

แต่ยังไม่ทันพูดจบ เซียวเหอก็ทายาลงบนใบหน้าของนางเสียแล้ว

มือของเขาอ่อนโยน ทว่ากลับทำให้นางรู้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1424

    ในชั่วพริบตานั้นเอง นางพลันตระหนักรู้แจ้งแก่ใจอย่างถ่องแท้ขุมทรัพย์สะท้านโลกาที่ตระกูลมู่อ้างถึง ความลับที่แลกมาด้วยการพิทักษ์รักษาและการเสียสละชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนมาหลายชั่วคน แท้จริงแล้วเป็นเพียงหลุมพรางอันสมบูรณ์แบบที่เหยาวั่งซูทุ่มเทแรงกายแรงใจเฮือกสุดท้ายรังสรรค์ขึ้นก่อนสิ้นลมเท่านั้น!มิเคยมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเทียมฟ้าอันใด สิ่งที่มี มีเพียงถ้อยคำจารึกบนผนังหินทั้งสี่ด้าน ที่ทุกอักขระล้วนหลั่งโลหิต ทุกประโยคล้วนอาบยาพิษ กรีดร้องฟ้องร้องความอยุติธรรม!เหยาวั่งซูเพียงใช้คำว่า “ขุมทรัพย์” อันเย้ายวนใจเพียงสองคำ ก็สามารถตอกตรึงลูกหลานตระกูลมู่ไว้บนเสาแห่งความอัปยศอดสูได้อย่างแน่นหนา ทำให้พวกเขายอมพลีเลือดเนื้อและชีวิตอย่างเต็มใจ ถมทับลงไปในกับดักนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า!ชั่วขณะนี้ เฉียวเนี่ยนราวกับมองทะลุผ่านฝุ่นธุลีแห่งกาลเวลานับร้อยปี เห็นภาพสตรีผู้นั้นในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต สตรีผู้ถูกคนรักที่ไว้ใจที่สุดหักหลัง ถูกช่วงชิงกิจการ และถูกพิษร้ายกัดกินร่างทีละน้อย นางลากสังขารอันบอบช้ำ ข่มกลั้นความเจ็บปวดแสนสาหัส รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายจารึกอักษรเหล่านี้ลงบนผนังหินอันเย็นยะเยือก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1423

    ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็ชิงก้าวล่วงเข้าสู่หลังบานประตูหินอันลึกล้ำสุดหยั่ง ร่างสูงใหญ่พลันถูกความมืดมิดภายในกลืนหายไปในชั่วพริบตาทุกย่างก้าวเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง แสงจากคบเพลิงไหววูบอยู่ภายใน สาดส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมตึงเครียดของเขามู่หงเสวี่ยอดมิได้ที่จะชะเง้อมองฝ่าความมืด ด้วยใจที่ร้อนรนใคร่รู้ว่าภายในนั้นมีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่กันแน่!เพียงครู่ต่อมา เสียงทุ้มต่ำอันหนักแน่นของฉู่จืออี้ก็ดังลอดออกมาจากด้านใน “เข้ามาเถิด ปลอดภัย”เมื่อได้ยินคำยืนยัน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเฉียวเนี่ยนจึงคลายลง นางรีบสาวเท้าก้าวผ่านประตูหินเข้าไปด้วยความหวังที่เปี่ยมล้นมู่หงเสวี่ยและเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ที่เหลือรีบติดตามเข้าไป คบเพลิงหลายด้ามถูกชูขึ้นสูง เปลวไฟสีส้มแดงที่เต้นระริกสาดแสงรุกล้ำเข้าไป หวังจะขับไล่ความมืดมิดที่ตกตะกอนมานับร้อยปีหลังบานประตูนั้น!ทว่า ยามที่แสงไฟสว่างวาบจนเผยให้เห็นทัศนียภาพภายในห้องลับจนหมดสิ้น ทุกคนกลับดูประหนึ่งถูกแช่แข็งด้วยไอเย็นที่มองไม่เห็น ร่างกายแข็งทื่อตะลึงงันอยู่กับที่!มิได้มีทองคำแท่งหรือภาชนะหยกกองพะเนินเทียมภูเขาที่ส่องประกายยั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1422

    เหล่าองครักษ์พยัคฆ์พลันได้สติ รีบนำเลือดหมูที่เตรียมการไว้อย่างดีเทลงไปในช่องลึกไร้ก้นบนเสาหินอย่างระมัดระวังของเหลวสีแดงคล้ำข้นหนืดไหลรินลงไป ส่งเสียงดัง “อึกอึก” ทึบหนักถังแล้วถังเล่า... กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วอากาศ เข้มข้นจนฉุนจมูก แทบทำให้ผู้คนอาเจียนออกมาสายตาของทุกคนจับจ้องเขม็งไปยังเสาหินยักษ์ที่เงียบงันราวกับความตาย บรรยากาศรอบกายหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงไฟปะทุเบา ๆ จากคบเพลิงและเสียงลมหายใจที่ถูกกดข่มไว้จนถึงขีดสุดดังก้องในความเงียบงัน ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจราวกับเสียงกลองศึกที่รัวกระหน่ำห้วงเวลาดูเหมือนจะถูกยืดออกไปชั่วนิรันดร์ ความสิ้นหวังเปรียบเสมือนเถาวัลย์อันเย็นเยียบ เริ่มแตกหน่อและเลื้อยพันขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเฉียวเนี่ยน รัดรึงจนนางแทบหายใจไม่ออกหรือว่า... ศิลาจันทรานี้จะเป็นเพียงของสามัญ ไม่อาจกระตุ้นกลไกที่ต้องใช้แสงจันทราที่แท้จริงเปิดออกได้?สายตาของมู่หงเสวี่ยกวาดมองใบหน้าที่ตึงเครียดและเริ่มฉายแววผิดหวังของทุกคนช้า ๆ พัดในมือหยุดโบกสะบัด น้ำเสียงเจือความตึงเครียดที่ยากจะสังเกตเห็น “เป็นอย่างไร ไร้ผลรึ?”เขามองไปรอบ ๆ เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1421

    ราตรีมืดมิดดุจน้ำหมึกข้น ย้อมผืนฟ้าและแผ่นดินให้ชุ่มโชกไปทั่วสารทิศอีกคราณ ปากทางเข้าแดนต้องห้าม ประตูหินบานมหึมาค่อย ๆ เคลื่อนเปิดออกท่ามกลางเสียงเสียดสีของกลไกที่บาดหู ราวกับสัตว์ร้ายที่จำศีลอยู่นาน ในที่สุดก็อ้าปากกว้างหมายจะกลืนกินสรรพสิ่งมู่ซ่างเสวี่ยกวาดตามองมู่หงเสวี่ยคนข้างกายด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเฉียวเนี่ยน พยายามกดเสียงให้ราบเรียบ “แม้เหล่าผู้อาวุโสจะอนุญาตให้พวกเจ้ากลับเข้าไปในแดนต้องห้ามได้ แต่พวกท่านก็ยังวางใจไม่ลง จึงให้หงเสวี่ยติดตามไปด้วย วางใจเถิด แม้ภายนอกเขาจะดูทีเล่นทีจริง แต่ภายในนั้นรู้ความหนักเบา ย่อมไม่ทำเสียเรื่องเป็นแน่”มู่หงเสวี่ยยืนพิงกรอบประตู ปลายนิ้วเขี่ยด้ามพัดจีบลงลายทองเล่นอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าประดับรอยยิ้มไม่ยี่หระอันเป็นเอกลักษณ์ เอ่ยแทรกขึ้นว่า “เจ้าตระกูลจะพูดมากความไปไย? เนี่ยนเนี่ยนฉลาดเฉลียวปานนี้ มีหรือจะไม่เข้าใจความนัยเหล่านั้น?”ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา ซ้ำยังแฝงแววประเมินค่าบางอย่างที่ดูเลือนรางราวกับมีราวกับไม่มีการมีอยู่ของเขา ก็เป็นเพียงหลักประกันชั้นหนึ่งของตระกูลมู่ เพื่อให้มั่นใจว่ายามที่เฉียวเนี่ยนเปิด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1420

    ทว่ามิทันที่มือนางจะได้สัมผัสถูกตัวอิ๋งฉี ก็ถูกมือขวาของเขาขวางเอาไว้เสียก่อน“ขอบใจแม่นางที่หวังดี” เขากล่าวเสียงต่ำ พลางใช้หลังมือเช็ดคราบยาที่มุมปากตนเองแต่แล้ว จู่ ๆ การเคลื่อนไหวนั้นกลับชะงักลงหน้ากากของเขาเล่า?!รูม่านตาของอิ๋งฉีหดเกร็งฉับพลัน ความตื่นตระหนกอันหนาวเหน็บเข้าเกาะกุมหัวใจในชั่วพริบตา!เขาตวัดสายตามองไปทางหนิงซวง แววตาคมกริบดุจคมมีด แฝงแววคาดคั้นและร่องรอยความลนลานที่ยากจะสังเกตเห็นหนิงซวงสะดุ้งโหยงกับสายตาที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขา “ทะ ท่านเป็นอะไรไป?”“นะ…หน้ากากของข้า…” น้ำเสียงของอิ๋งชีเริ่มตะกุกตะกัก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหน้ากากของตนจะหายไปเช่นนี้!หนิงซวงเข้าใจในทันที “อ้อ! หน้ากากนั่นน่ะหรือ... เมื่อครู่ท่านจับไข้ ตัวร้อนดั่งไฟเผา สวมของเย็นเฉียบแบบนั้นจะไปสบายตัวได้อย่างไร! อีกอย่าง มันเกะกะตอนเช็ดตัวลดไข้ให้ท่านด้วย!”นางพูดพลางชี้มือไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล “โน่น วางไว้ตรงนั้น!”ใบหน้าของอิ๋งชีทะมึนลงถึงขีดสุด เขาขยับกายจะลุกไปหยิบมันทันทีแต่กลับถูกหนิงซวงใช้มือข้างหนึ่งกดให้นอนลงไปใหม่ “เอ๊ะ! บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าเพิ่งขยับ!”นางมองสีหน้าที่แข

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1419

    ความมึนงง ความร้อนรุ่ม และความเจ็บปวด... สติสัมปชัญญะดำผุดดำว่ายอยู่ในห้วงลึกแห่งความมืดมิดอิ๋งชีรู้สึกราวกับร่างของตนเป็นเหล็กนาบที่ถูกเผาจนร้อนฉ่า และเหมือนจมดิ่งอยู่ก้นบึ้งมหาสมุทรอันหนาวเหน็บในห้วงภวังค์อันเลือนราง คล้ายมีสัมผัสเย็นระรื่นแตะลงบนหน้าผากที่ร้อนผ่าวอย่างระมัดระวัง คอยเช็ดเหงื่อกาฬให้อย่างแผ่วเบาริมฝีปากที่แห้งผากแตกระแหง ได้รับหยาดน้ำทิพย์ชุ่มคอหยดลงมาเป็นครั้งคราวข้างหูแว่วเสียงเจื้อยแจ้วที่แฝงความห่วงใย ราวกับวิหคตัวน้อยที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คอยส่งเสียงจ้อกแจ้กอยู่ไม่ขาดสาย…อิ๋งชีค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ทว่าภาพเบื้องหน้ากลับพร่ามัวมองเห็นเพียงเงาร่างบอบบางร่างหนึ่งกำลังยุ่งอยู่มิใช่ท่านเจ้าสำนัก... แล้วเป็นผู้ใดกัน?เขาพยายามเพ่งมองให้ชัด ทว่าใบหน้าของคนผู้นั้นกลับเลือนรางสิ่งเดียวที่แจ่มชัด คือความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ซึ่งผ่านพ้นมาเนิ่นนานเหลือเกิน…“ท่านแม่?”เขาเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว จนเงาร่างที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้นชะงักไปเล็กน้อยหนิงซวงมองท่าทางสะลึมสะลือของอิ๋งชี แล้วเผลอขมวดคิ้วมุ่น“อย่าเรียกส่งเดช ข้าไม่มีลูกชายตัวโตปานนี้! แต่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status