เฉียวเนี่ยนชะงักไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าฉู่จืออี้จะเด็ดขาดถึงเพียงนี้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะไม่รีบร้อนไปหน่อยหรือ? บางทีเขาอาจมีพวกเดียวกันอยู่จริง หากเค้นความจริงออกมาได้...”“เค้นไม่ได้หรอก” ฉู่จืออี้กล่าวหนักแน่น “เมื่อวานเจ้าเจ็ดกับเจ้าเก้าสอบสวนเขาทั้งคืน ใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่อาจเปิดปากเขาได้ คิดว่าคงเป็นนักรบพลีชีพที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก โทษทัณฑ์แบบนั้นสำหรับเขา คงเป็นเรื่องปกติธรรมดา”ดังนั้น ฉู่จืออี้จึงเลือกจะให้เขาตายโดยไม่ทรมานเฉียวเนี่ยนฟังคำของฉู่จืออี้แล้ว ก็อดรู้สึกเย็นวาบในใจไม่ได้นางนึกภาพไม่ออกเลยว่า จะต้องเป็นคนเช่นไร ถึงจะถูกฝึกให้ทนต่อการทรมานตั้งแต่เด็กได้สีหน้าของนางจึงพลันเปลี่ยนไปฉู่จืออี้ก็สังเกตเห็น จึงกล่าวเสียงอ่อน “ยุทธภพกว้างใหญ่ ทุกเรื่องสามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราทำได้ คือจัดการเรื่องตรงหน้าให้ดีที่สุด”เฉียวเนี่ยนเข้าใจหลักการข้อนี้ดี นางพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วศพของคนนั้น ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”เมื่อได้ยิน ฉู่จืออี้นิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาหนักแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วค่อยๆ หันไปมองฟ้าในระยะไม่ไกลเฉียวเนี่ยนจึงหันไปมองตามสายตาของฉู่จืออี้
และในยามนี้ คนอื่นๆ ยังไม่กลับมาจากหน้ากองไฟ จึงมีเพียงหลินเย่ว์คนเดียวอยู่ในกระโจมกว้างใหญ่แห่งนี้เมื่อเห็นฉู่จืออี้เปิดผ้าม่านกระโจมเดินเข้ามา หลินเย่ว์ก็เอ่ยว่า “ท่านอ๋อง”แต่กลับไม่ลุกขึ้นต้อนรับ เพียงยกถ้วยตรงหน้าขึ้นจิบไปหนึ่งคำฉู่จืออี้เหลือบมอง แล้วจึงถาม “เหล้าหรือน้ำ?”หลินเย่ว์ยกถ้วยขึ้นเล็กน้อย “น้ำ”ฉู่จืออี้พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าว “เนี่ยนเนี่ยนไม่เป็นไร วันนี้นางทำเช่นนั้นเพื่อล่อจับนักลอบสังหาร ถึงได้...”“ข้ารู้” หลินเย่ว์ขัดคำพูดของฉู่จืออี้ขึ้นรู้ตั้งแต่เมื่อไร?คงตั้งแต่ตอนที่เห็นเฉียวเนี่ยนแกล้งเมาให้หนิงซวงประคองกลับไป แต่ฉู่จืออี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าไฟตรงนั้น จึงเริ่มเข้าใจว่าฉู่จืออี้และพวกเขาต้องมีเรื่องปิดบังตนหนึ่งคือ ฉู่จืออี้ไม่มีทางปล่อยให้เฉียวเนี่ยนดื่มจนเมาเละได้สองคือ แม้นางเมาจริง ฉู่จืออี้ก็ต้องไปส่งนางด้วยตัวเอง จะไว้ใจให้หนิงซวงคนเดียวได้อย่างไร?แต่แม้จะแสร้งเมา แต่คำพูดของเฉียวเนี่ยนก่อนหน้านี้กลับมาจากใจจริงตอนนี้ ในใจของเฉียวเนี่ยน นางมีพี่ชายมากมายฉู่จืออี้ องครักษ์พยัคฆ์ หรือแม้แต่เซียวเหอ!มีเพียงเขา ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ
คนตรงหน้าเคยติดตามแพทย์ทหารลู่เป็นประจำแต่วันนั้นที่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร เขากลับไม่ได้ไปด้วยคิดดูแล้ว คงเพื่อจะได้มีโอกาสลงมือลอบสังหารเฉียวเนี่ยน!เห็นท่าว่าคงหนีไม่รอดแล้ว ชายผู้นั้นขมวดคิ้วแน่น คิดจะกัดพิษในปากให้แตกทว่ายังไม่ทันได้ออกแรง ฉู่จืออี้ก็ยื่นมือมาข้างหน้า ง้างขากรรไกรของเขาจนหลุดทันที“อ๊า!”เสียงกรีดร้องอู้อี้ดังขึ้นอีกครั้ง น้ำลายไหลตามมุมปากเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว แล้วก็ได้ยินฉู่จืออี้พูดว่า “เอาตัวไปขังไว้ แล้วจับแพทย์ทหารลู่ไปสอบสวนด้วย”"ขอรับ!"พี่สามกับพี่ห้าก็รีบลากตัวชายผู้นั้นออกไปทันทีฉู่จืออี้ถึงได้หันมามองเฉียวเนี่ยน ขมวดคิ้วถาม “บาดเจ็บหรือไม่?”เฉียวเนี่ยนส่ายหัว “ไม่”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”สิ้นเสียงพูด บรรยากาศในกระโจมก็ตกอยู่ในความเงียบฉู่จืออี้กระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “อาจจะยังมีพรรคพวกของพวกมันอยู่ก็ได้ เจ้ายังห้ามวางใจ สองสามวันนี้เจ้ารองกับคนอื่นจะผลัดกันมาเฝ้าเจ้า... พักผ่อนเถอะ”พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป โดยไม่เปิดโอกาสให้เฉียวเนี่ยนได้ตอบอะไรแม้แต่น้อยมองดูท่าทีของฉู่จืออี้ที่รีบเลี่ยงนางราวกับกลัวอะไรเข้า เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะขมว
“ใช่แล้ว!” หนิงซวงถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ยังร้องจะดื่มเหล้าอยู่เลย! บ่าวกำลังจะไปตักน้ำมาชุบน้ำเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านแพทย์ทหารมีอะไรรึเจ้าคะ?”แพทย์ทหารบกส่ายหน้า “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก เพียงเห็นท่านหญิงเฉียวดื่มจนเมา ก็เลยแวะมาถามหน่อย เช่นนี้เถอะ ข้าจะไปต้มชาช่วยให้สร่างเมาสักถ้วย รบกวนเจ้าช่วยให้ท่านหญิงเฉียวดื่มหน่อยก็แล้วกัน”“ได้เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแพทย์ทหารบกล่วงหน้านะเจ้าคะ”“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดหรอก!” แพทย์ทหารบกพูดพลางโบกมือแล้วเดินจากไปหนิงซวงก็ยกถังน้ำออกไปตักน้ำส่วนเฉียวเนี่ยนนั้นนอนอยู่บนเตียง ยังส่งเสียงเพ้อเป็นระยะว่า “ดื่มเหล้า ดื่ม!”ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ม่านกระโจมก็ถูกใครบางคนเปิดออกฝีเท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามาใกล้เตียงช้าๆ“ท่านหญิงเฉียว?”เสียงเรียกเบาๆ มิได้ทำให้เฉียวเนี่ยนมีปฏิกิริยาใดๆผู้มาเยือนจึงเอ่ยอีกครั้ง “ท่านหญิงเฉียว ข้านำชาสร่างเมามาให้ ดื่มสักหน่อยเถิด?”เฉียวเนี่ยนขยับปากเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่ตอบสนองชายผู้นั้นจึงวางชาสร่างเมาลง แล้วก้าวขึ้นมาข้างเตียง เขย่าตัวเฉียวเนี่ยนเบาๆ “ท่านหญิงเฉียว?”เฉียวเนี่ยนยังคงไม่ตอบ แต่กลิ่น
บรรยากาศช่างน่าอึดอัดยิ่งนักพี่ห้าซึ่งนั่งอยู่ข้างเฉียวเนี่ยนรีบลุกขึ้น ยกแขนโอบไหล่หลินเย่ว์ไว้แล้วหัวเราะพลางกล่าวว่า “โธ่เอ๊ย วันนี้ทุกคนกำลังอารมณ์ดี เนี่ยนเนี่ยนดื่มมากหน่อยก็ช่างเถอะ เจ้าอย่าทำลายความสนุกเลย! หากเมาจริงๆ แม่หนูหนิงซวงนั่นก็ดูแลนางได้มิใช่หรือ?”กล่าวจบก็พาหลินเย่ว์กลับไปยังที่นั่งเดิม “เจ้าจะไม่ไว้ใจข้า และจะไม่ไว้ใจท่านอ๋องด้วยหรือ? ท่านอ๋องจะปล่อยให้เนี่ยนเนี่ยนเป็นอะไรได้ไปอย่างไง? วางใจเถอะๆ มา ข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้า!”พลางกดหลินเย่ว์ให้นั่งลง แล้วยัดไหสุราใส่มือเขาในอกของหลินเย่ว์อึดอัดราวจะระเบิดเขายกไหขึ้นกระดกสุราสองคำติดกันแต่ลมหายใจยังคงไม่สงบสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่า คือในสถานการณ์เช่นนี้ เขาโทษใครไม่ได้เลยได้แต่โทษตนเอง โทษตนเองที่ตาถั่ว แยกแยะน้องสาวตัวจริงของตนเองไม่ออกโทษตนเองที่บุ่มบ่ามไร้สมอง ทำเรื่องมากมายที่ทำร้ายน้องสาวโทษตนเองที่สามปีนั้นมัวแต่รักษาหน้าตาจวนโหว ไม่เคยไปดูนางแม้แต่ครั้งเดียวความเสียใจในใจ แผ่กระจายออกมาอีกครั้งอย่างบ้าคลั่งเขาคิดว่า หากสามปีนั้น เขาเพียงแค่หาทางไปดูนางสักครั้งต่อให้แอบไปแค่ครั้งเดียวก็
ได้ยินเช่นนั้น แววตาของฉู่จืออี้พลันหม่นลงเล็กน้อยที่นางไม่เห็นด้วยไม่ใช่เพราะกังวลชื่อเสียงของตนเอง แต่เพราะกลัวจะกระทบต่อเกียรติของเขาหัวใจของเขาสั่นไหวเพราะคำพูดประโยคนั้น ฉู่จืออี้หลุบตาลงเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆแล้วก็ได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดต่อ “อีกอย่าง ข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้พี่ๆ ผลัดกันมาเฝ้าข้า ทุกวันนี้ยังไม่มีวี่แววนักลอบสังหาร ข้าว่าปล่อยโอกาสให้เขาสักหน่อย ก็นับว่าดี”ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนจึงเข้าใจว่าเฉียวเนี่ยนต้องการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ให้นักลอบสังหารที่ซ่อนตัวอยู่เผยตัวออกมา!นี่นับว่าเป็นแผนการที่ดีแต่เพราะมันอันตรายเกินไป เหล่าองครักษ์พยัคฆ์จึงไม่เคยคิดจะใช้วิธีนี้ไม่คาดว่าเฉียวเนี่ยนกลับเสนอขึ้นมาเองชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างเงียบงัน แม้แต่พี่รองก็ยังเก็บรอยยิ้มไป มองเฉียวเนี่ยนด้วยแววตาชื่นชมนี่ไม่ใช่สตรีเช่นที่เขาเคยพบเจอเขารู้มาแต่แรกว่านางไม่ธรรมดาแต่วันนี้ นางก็ยังมอบความประหลาดใจให้เขาอีกครั้งท้ายที่สุด ก็เป็นฉู่จืออี้ที่ตัดสินใจ “เช่นนั้นก็ทำตามนี้”พูดจบ เขายกไหสุราขึ้น ส่งสัญญาณไปยังเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนเข้าใจทันที ยกสุราในมือ