อมรรัตน์ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหนึ่งสัปดาห์ บ้านจึงมีแค่อมาวสีตอนที่ลลิตราหิ้วกระเป๋ามาหาแล้วบอกว่าขอค้างด้วยและหนนี้อมาวสีอดโล่งใจไม่ได้ที่มารดาไม่อยู่ เพราะดูเหมือนเพื่อนรักของเธอกำลังพังทลายจากเรื่องอะไรบางอย่างที่หนักหน่วงกว่าครั้งที่แล้วมาก และหนักกว่าครั้งที่เลิกกับกิตติทัศน์อย่างเทียบกันแทบไม่ได้ เพราะเมื่อมาถึงก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเผลอหลับไป จนตอนเย็นที่อัครัชกลับจากมหาวิทยาลัย พร้อมหิ้วอาหารมาเยอะแยะตามที่พี่สาวโทรไปสั่งล่วงหน้า อมาวสีจึงเข้าไปปลุกเพื่อนรักให้ตื่น"ลูกอม ไหวไหม...ลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะได้มากินข้าวดีไหม"ลลิตราโงหัวขึ้นจากเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตาบวมฉึ่งจนอมาวสีอดสงสารไม่ได้"เกี๊ยวมายัง"ลลิตราไม่ได้ถามถึงของกิน แต่หมายถึงกันตาเพราะเธอขอให้อมาวสีโทรไปชวนให้กันตามาค้างที่นี่ด้วยกัน"อือ ใกล้ถึงแล้ว มันแวะตลาดก่อน แต่นี่ไอ้อ๋อมก็หิ้วของกินมาซะเยอะแล้วนะ...ไป ไปล้างหน้าก่อนนะ แล้วค่อยมากินข้าวกัน"ลลิตราพยักหน้าเหมือนเด็กๆ แล้วเดินโผเผไปเข้าห้องน้ำสิบห้านาทีต่อมาสองสาวก็ลงมาที่ห้องกินข้าวที่อัครัชจัดโต๊ะรอไว้เรียบร้อยแล้ว และกันตาก็ขับรถเก๋งคันเล็กๆ มาถึ
โชติรสหันมองอธิปทันที สีหน้าขุ่นขึ้งมากกว่าจะตกใจหรือดีใจ"ไม่ต้องค่ะคุณอาร์ต..."ดูเหมือนความโกรธจะทำให้หญิงสาวมีแรงเอ่ยออกมาเสียงดังมากขึ้น"พ่อ แม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยว...เอ่อ โชหมายถึงโชเสียเด็กไปแล้ว แท้งไปแล้ว ไม่ต้องให้ใครมารับผิดชอบอะไรอีกทั้งนั้น""ลูกพูดอย่างนี้ได้ยังไง!"นายชาญเอ็ดเสียงดังจนโชติรสกับวิภาก็ยังสะดุ้ง เพราะตลอดชีวิตทั้งคู่ไม่เคยเห็นนายชาญเป็นแบบนี้มาก่อน คนเป็นทั้งพ่อและสามีแม้มีอำนาจและเด็ดขาดเรื่องงาน แต่ก็ไม่เคยแสดงเกรี้ยวกราดใส่ใคร มีแต่จะอารมณ์ดีอยู่เสมอแสดงว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมากจริงๆ"แกก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่นะโช จะพูดอะไรนึกถึงใจพ่อกับแม่บ้าง แกไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ แต่พ่อกับแม่ล่ะ พ่อกับแม่ของแกมันไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรีไม่มีความรู้สึกหรือไง""...พ่อ"โชติรสใจเสีย นางวิภารีบเข้าไปจับแขนสามีแล้วลูบเบาๆ"ใจเย็นๆ ก่อนนะพ่อ อย่าเพิ่งโมโห เดี๋ยวเป็นอะไรไปอีกคน"นายชาญยอมหยุดแค่นั้นเพราะปกติก็ไม่ใช่คนโมโหร้าย แต่ดวงตายังคงแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ยิ่งเห็นแบบนี้ อธิปก็ยิ่งรู้ดีว่าเขาไม่อาจเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ได้เขาหันไปสบตาโชติรส แน่วแน่"พ่อของคุณพูดถูกน
ในห้องพิเศษ โชติรสฟื้นจากฤทธิ์ยานอนหลับมาได้หลายชั่วโมงแล้ว ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีสีเลือดขึ้นบ้างเมื่อได้กินข้าวต้มกับน้ำผลไม้ที่เธอกระหาย ยลดาเห็นเพื่อนกินข้าวกินน้ำได้ก็ค่อยสบายใจ "เดี๋ยวกูออกไปหาอะไรกินก่อนนะมึง...มึงอยู่ได้ใช่ไหม"ยลดากระซิบถามเบาๆ เพราะในห้องไม่ได้มีแค่เธออยู่กับโชติรสตามลำพัง เมื่อโชติรสพยักหน้ายลดาจึงชวนบพิตรออกไปหาอะไรกินปล่อยให้อธิปอยู่กับโชติรสตามลำพังสีหน้าเขาเคร่งขรึมตอนย้ายที่จากโซฟามานั่งข้างเธอที่ข้างเตียงผู้ป่วย"เป็นไงบ้าง"น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความรู้สึกผิดแต่คนที่รู้สึกผิดยิ่งกว่าคือหญิงสาวที่กำลังนอนบนเตียง"คุณอาร์ตกลับไปก่อนก็ได้นะคะ อีกเดี๋ยวหมอก็ให้โชออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว""คุณยังไม่ได้กลับผมจะกลับได้ยังไง"น้ำเสียงเขาดูอ่อนล้า"มันเกิดขึ้นได้ยังไง บอกผมได้ไหม"นี่คือคำถามที่เขากลัวที่สุดตอนที่เธอบอกเขาในร้านอาหารวันนั้นว่าเธอท้อง เขาได้แต่นิ่งงัน คำถามเดียวที่เขาถามคือ 'แน่ใจแล้วใช่ไหม' ย้อนกลับไปคิดทีไรอธิปก็รู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจและขี้ขลาดเขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าโชติรสจะมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นบ้าง แต่เธอกลับไม่มีแววตาแบบนั้นเลย นอกจากความ
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล อธิปก็เจอว่าบพิตรอยู่กับยลดาหรือแยม เพื่อนสนิทของโชติรส"น้องแยมโทรหามึงไม่ติด เลยโทรหากู กูก็พยายามโทรหามึงจนติดนั่นแหละ"บพิตรเข้ามาบอกอย่างกระซิบกระซาบ พลางมองไปยังคนที่มาด้วยกันกับอธิป...เขาจำได้ว่านี่คือ 'ลูกสาวแม่เลี้ยง' ที่อธิปเคยบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาแล้วทำไมตอนนี้สาวสวยคนนั้นถึงมาด้วยได้ล่ะอธิปเห็นสีหน้าเพื่อนก็เข้าใจ"เดี๋ยวกูอธิบาย แต่ว่าโชเป็นไงบ้างตอนนี้""เพิ่งออกมาอยู่ห้องพักฟื้น...แต่น้องโชไม่ยอมให้บอกใครที่บ้าน นี่ถ้าไม่เพราะน้องแยมอยู่ด้วย ก็คงยังไม่มีใครรู้ คงจะกัดฟันมาโรงพยาบาลเองไม่บอกใคร"อธิปกัดกรามแน่น เหลือบมองไปยังลลิตราแวบหนึ่งแล้วเดินนำบพิตรเลี่ยงไปอีกทาง ท่าทางชัดเจนว่าไม่อยากให้หญิงสาวที่มาด้วยได้ยิน"แล้วตกลงโช...เกิดอะไรขึ้น"อธิปถามเสียงเครียด บพิตรส่ายหน้า"กูก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าน้องโชปวดท้องมาก กูกับแยมเลยรีบพามาหาหมอ...หมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้คงอันตรายมาก...แต่ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้หมอเขาบอกว่าขูดมดลูกให้แล้ว แค่ให้ยาแล้วกำลังหลับอยู่"สีหน้าอธิปซีดเผือดทันที...แม้ร่างกายไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็ไม่ได้โง่เง่าจนไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อธิปคิดว่าเขามีความรัก...เมื่อก่อนเขารู้จักแต่ความต้องการทางกาย ความปรารถนาในเรือนร่างของผู้หญิง และความสุขสมในเรื่องอย่างว่า...แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากนอนกอดใครสักคนโดยไม่มีความรู้สึกอยากร่วมรัก...มีแค่กอดด้วยความรู้สึกรักที่หอมหวานแสนสุข"หิวหรือยัง ฉันมีร้านอร่อยๆ แถวนี้จะพาไปกิน"เขาพูดทั้งที่ยังไม่นอนกอดเธออยู่บนเตียงลลิตราเกลี่ยปลายนิ้วเล่นกับปลายคางและริมฝีปากของเขา"รู้จักแถวนี้ดีจังเลยนะ นายอยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ""สองเดือนก่อนก็เพิ่งมาเที่ยวเอง..."อธิปบอก ลลิตราชะงักกึก พลิกตัวหนีทันที แต่อธิปกอดรัดไว้พลางหัวเราะ"มากับเพื่อน ชื่อไอ้บอม...เดี๋ยวจะพาไปรู้จัก""ไม่ต้องหรอก"เธอตอบเสียงอู้อี้ ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเขา"ถึงยังไงเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอกลับกรุงเทพฯ ก็รู้ใช่ไหมว่าทุกอย่างต้องจบลงแค่ที่นี่""ฉันไม่อยากจบ ฉันอยากคบกับเธอ"เขาเอ่ยเบาๆ แต่จริงจัง ก่อนลุกนั่งแล้วดึงเธอให้ขึ้นมานั่งด้วยลลิตราลุกขึ้นตาม มือกอดผ้าห่มปิดทรวงอกไว้ ผมยาวสยายรุ่ยร่ายเล็กน้อยดูเซ็กซี่ นี่ถ้าไม่เพราะเมื่อคืนเขาจัดไปแล้วไม่รู้กี่รอบ รับรองว่าเช้านี้ในสภาพเช่นนี้เธอค
อธิปไม่ลังเลหรือชะงักให้เสียเวลาสักวินาทีเดียว เหมือนเขาก็รออยู่แล้ว ทันทีที่เธอจูบเขา เขาก็จูบตอบกลับไปอย่างร้อนแรงยิ่งกว่า มืออีกข้างรั้งเอวบางให้เข้ามาแนบชิด"...ไปที่ห้องเถอะ"เขากระซิบและไม่รอคำตอบ ดึงมือเธอไปยังห้องนอนแล้วลงกลอนทันทีดวงตาสองคู่ที่กำลังลุกโชนเหมือนไฟสบมองกันในความมืด อธิปถอดเสื้อของเขาออกอย่างรวดเร็วก่อนดึงเธอมาจูบอีกครั้งและค่อยๆ ก้าวดันหลังเธอไปที่เตียง"อื้อ..."ลลิตรายกแขนกอดคอเขาไว้ ริมฝีปากและลิ้นยังคงนัวเนียเหมือนกลัวว่าถ้าผละห่างออกจากกันเพียงนิดเดียวเขาจะสลายหายไปเมื่อเธอนั่งลงที่ขอบเตียงกว้างค่อนข้างยกสูงเหมือนเตียงโบราณทั่วไป ชายหนุ่มก็ช่วยดึงเสื้อของเธอออกทางศีรษะ เหลือเพียงเสื้อชั้นในลูกไม้สีขาวสะอาดตาและเย้ายวน หน้าอกอิ่มล้นสะท้อนขึ้นลงถี่ๆ อธิปยืนอยู่ตรงหน้า แสงไฟสลัวสะท้อนบนแผงอกเปลือยเปล่า ทุกท่วงท่าของเขาหนักแน่นและมั่นคง เพียงแค่สายตาที่มองมา ก็ทำให้เธอรู้ทันทีว่าเขาต้องการเธอมากแค่ไหนลลิตราเคยบอกตัวเองว่าความสัมพันธ์ที่ผ่านมาทั้งสองคืนนั้นเป็นเพียงความผิดพลาด เป็นอารมณ์ชั่ววูบ หรือกระทั่งโทษว่าเป็นความผิดของเขาแต่ความจริงแล้วไม่ใช่...มันไ