หญิงสาวมองตามหลังผู้เป็นสามีดูเหมือนว่าเขาจะต้องมีเรื่องให้กังวลเป็นแน่ นางก็ควรจะเชื่อฟังคำสามีดีที่สุด ในเมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้แล้ว นางก็จะหาอะไรทำแก้เบื่อแล้วกัน คิดได้ดังนั้นจึงได้เดินเข้าไปในครัวเพราะสิ่งที่นางชอบที่สุดคืออาหาร
หวังอี้หลินหลังจากที่แยกตัวออกมาแล้ว เขาตรงเข้าไปหาหานลู่กับหยงเจาที่ท้ายสวนชาโดยทันที เพื่อหารือเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในคืนนี้ เขาจะประมาทไม่ได้เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของทุกคนในครอบครัว
ด้วยเพราะบ้านตนมีเพียงชาวบ้านธรรมดา วรยุทธ์ถึงจะฝึกให้กับบ่าวทุกคนเพื่อไว้ป้องกันตัวเมื่อยามที่มีภัยมา แต่ชาวบ้านตาดำ ๆ หรือจะสู้กับพวกที่ถูกฝึกมาเพื่อจะฆ่าคนโดยเฉพาะได้ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องวางแผนให้ดีเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
หวังอี้หลินเกณฑ์บ่าวชายทุกคนให้มารวมตัวกันอยู่ตรงลานสำหรับฝึกการป้องกันตัว เขาแบ่งหน้าที่ให้กับบ่าวทุกคน โดยการเพิ่มกำลังเวรยามให้แน่นหนาขึ้นอีกขั้น และได้บอกถึงปัญหาที่มีอยู่ในตอนนี้ให้พวกเขาได้เข้าใจ
ซึ่งชายหนุ่มได้เน้นย้ำแก่ทุกคนว่าไม่จำเป็นต้องสู้ถวายชีวิต หากแต่ให้คำนึงถึงชีวิตของตัวเองเป็นหลัก หากสู้ไม่ไหวก็ให้หนีเอาชีวิตรอดให้ได้ หรือหากใครเจอผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจให้รีบแจ้งตนโดยด่วน เพื่อการป้องกันและคิดแผนรับมือได้ทัน
บ่าวทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะหากว่านายท่านและนายหญิงไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกเขา ไม่แน่พวกตนในตอนนี้ก็อาจจะจบชีวิตตนเองไปแล้ว เพราะทนความอดอยากไม่ได้นั้นเอง ดังนั้นหากช่วยสิ่งใดได้พวกเขาก็พร้อมจะช่วยเหลือกันเต็มที่ เพราะที่แห่งนี้ได้เปรียบเสมือนครอบครัวของพวกเขาด้วยเช่นกัน
เย็นวันนี้ทุกคนต่างกินอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย ด้วยฝีมือของนายหญิงของบ้าน อาหารหลากหลายอย่างบนโต๊ะสามหนุ่มกวาดเรียบไม่เหลือแม้แต่น้ำซุป
เมื่อทุกคนอิ่มจากการกินอาหารต่างได้แยกย้ายเข้าห้องของตัวเองตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่พอเข้ามาในห้องของตนเองทุกคนต่างตื่นตัวและเตรียมการปะทะ เพราะแน่ใจว่าพวกมันต้องมาในค่ำคืนนี้อย่างแน่นอน
บริเวณเขตรั้วบ้านนอกจากที่ปกติจะมีคนเฝ้าประตูเพียงเท่านั้น แต่ในยามนี้กลับมีบ่าวถือคบเพลิงเดินลาดตระเวนในแต่ละจุด และได้มีการเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้าอย่างแข่งขันแต่ชาวบ้านธรรมดาหรือจะสู้ผู้ฝึกยุทธ์ได้ เพราะอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
กลางดึกคืนนี้สายลมเย็นพัดพลิ้วใบไม้โบกสะบัด เสียงสายลมกระทบต้นไผ่ที่โอนอ่อนไปตามแรงดังหวิวราวกับเสียงเพลง แต่หากสังเกตให้ดีกิ่งไม้บางอันได้ขยับจากต้นไม้อีกต้นไปยังอีกต้นอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำจำนวนห้าคนได้ซุ่มดูการเคลื่อนไหวของคนภายในบ้านมาสักพักแล้ว จากที่ผู้ว่าจ้างแจ้งแก่พวกเขา
ทุกคนในบ้านเป็นเพียงคนธรรมดาแต่ก็พอมีฝีมือในการต่อสู้อยู่บ้าง ถึงอย่างไรพวกเขาไม่ควรประมาท ตั้งแต่ซุ่มสังเกตการณ์อยู่ตรงนี้คนที่เดินเวรยามยังไม่มีใครรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ งานนี้ก็เป็นเพียงงานง่าย ๆ เสร็จงานก็แค่รับเงินกลับไปใช้ก็เท่านั้นเอง
นักฆ่าทั้งห้าต่างส่งสัญญาณให้กันเพื่อให้รู้ว่าถึงเวลาแล้ว ทั้งหมดกระโดดออกมาจากกิ่งไม้ด้วยความเร็ว จนคนที่อยู่ด้านล่างไม่ทันได้มองเห็น
เหล่านักฆ่าวิ่งด้วยความเร็วกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว จนใกล้จะถึงหน้าเรือนใหญ่ที่เป็นเป้าหมาย หากแต่เพียงก้าวมาได้หนึ่งก้าวพวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหมาตัวใหญ่ทั้งสอง
“โฮ่ง” เสี่ยวเป่า
“กรรรจ์” ต้าเป่า
พวกมันทั้งสองตัวเมื่อได้กลิ่นของคนแปลกหน้าและจับจิตสังหารได้ ต่างก็ออกมายืนประจันหน้ากับชายชุดดำ พร้อมทั้งขู่ศัตรูตามสัญชาตณาณที่พวกมันถูกฝึกมาเป็นอย่างดี และยังมีผู้ดูแลอีกสามคนที่ออกมายืนถือแส้สีดำเตรียมพร้อมอยู่ด้านข้าง
ชายชุดดำทั้งห้าต่างเตรียมตั้งรับและคิดอย่างกระหยิ่มใจว่า มีเพียงสุนัขกับผู้ดูแลอีกสามคนไม่คณามือเท่าไรหรอก พวกเขาเป็นถึงยอดฝีมือของสำนักฆ่าชื่อดังฝีมือก็มิได้ธรรมดา พวกตนหนึ่งคนสามารถสู้กับนายกองทหารได้ถึงสิบคน งานนี้ง่ายเสียจริง
แล้ววันงานบวงสรวงก็มาถึง ปะรำพิธีได้ถูกจัดขึ้น ณ ลานกว้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลางลานมีแท่นพิธียกขึ้นสูงบนโต๊ะรูปมังกรเหยียบเมฆา มีผลไม้และอาหารมงคล ตรงกลางมีกระถางสำหรับปักธูปลวดลายอ่อนช้อย สถานที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงามงานนี้เจ้ากรมพิธีการได้หน้าไปเต็ม ๆ ต่างถูกชมจากผู้คนมิขาดปากแต่ผู้ที่รับหน้าที่สำคัญที่สุดในวันนี้กลับนั่งเหงื่อตกรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ คิดจะหนีงานดีหรือไม่ แต่เมื่อมองไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ ใบหน้าที่คาดหวังของท่านแม่และท่านพ่อ ไหนจะท่านลุงฮ่องเต้อีกคน จะถอยก็มิได้จะเดินต่อก็ไม่ได้และแล้วพิธีสำคัญได้ถึงเวลาที่เหมาะสมชาวบ้านที่เข้ามารอชมอย่างคาดหวัง หวังเยี่ยนฟางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงอลังการ เดินนวยนาดออกมายังหน้าแท่นพิธีก่อนสายตาจะมองไปรอบ ๆ นางไม่พบเหล่าพี่ชายพี่สาวแฝดสามและอ๋องน้อยพวกนั้นหายไปที่ใดกัน“แด่ท่านเทพพิรุณเทพแห่งสายฝนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ท่านได้โปรดทรงประทานหยาดฝนเพื่อดับทุกข์ร้อนของเหล่ามวลมนุษย์ด้วยเถิด” หวังเยี่ยนฟางกล่าวจบจึงได้ทำการปักธูปลงในกระถางทันใดนั้นเองท้องฟ้าแปรปรวนร้องสนั่นหวั่นไหว หมู่เมฆมืดครึ้มลมพัดแรง จนมงกุฎที่หวังเยี่ยนฟา
ในปีหนึ่งแคว้นหนานได้เกิดปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรและใช้สำหรับอุปโภคบริโภคองค์ฮ่องเต้ทรงมองเห็นในความเดือดร้อนของพสกนิกร ทรงมีรับสั่งช่วยเหลือแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยลดความอดอยากของประชาชน แต่เมื่อนานวันเข้าภัยแล้งกลับไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นหัวข้อประชุมเช้าอันดุเดือดประจำท้องพระโรงคงจะหนีไม่พ้นเรื่องภัยแล้ง"ทูลฝ่าบาทหากเรายังคงเบิกจ่ายข้าวสารและตำลึงเงินอีกไม่เกินปีนี้ กระหม่อมเกรงว่าท้องพระคลังคงจะหมดในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมคลังกราบทูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้น"ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมส่งคนออกสำรวจแหล่งน้ำทั่วแคว้น ปริมาณน้ำลดน้อยลงไปมากพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมโยธาก้าวออกมา ชี้แจงปัญหาที่ได้รับมอบหมายให้ออกสำรวจแหล่งน้ำ"มีผู้ใดจะเสนอความคิดในการแก้ปัญหาบ้างหรือไม่" หนานหยางจง เจ้าแห่งแคว้นถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองทั่วทั้งท้องพระโรง แต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอย่างเช่นเคยเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างก็หาทางออกไม่ได้ เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่เคยเจอปีไหนเลย ที่ภัยแล้งจะหนั
“ข้อหนึ่งหนูขอไปเกิดแบบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ คือหนูไม่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกแล้วค่ะ”อืม ข้อนี้ไม่ยากถือว่ายังให้ได้อยู่“ข้อสองหนูขอคนรักสักคนที่รักหนูคนเดียวไม่นอกใจค่ะ”ข้อนี้ก็ยังถือว่าง่ายไม่พิเศษอะไรนังหนูนี่ช่างมักน้อยซะจริง“และข้อสุดท้ายหนูขอความทรงจำเดิม และความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างของชาติเดิมค่ะ”“ได้ถ้าอย่างนั้นเจ้าตามข้ามา” ยายเมิ่งตอบตกลงทุกเงื่อนไขที่ขอมาอย่างไม่ต้องคิด เพราะคำขอแต่ละข้อไม่ได้ถือว่าผิดต่อศีลธรรมอันใดแต่ก่อนจะให้เด็กสาวผู้นี้ลงไปเกิดนางอยากจะเอ่ยปาก พูดอะไรสักอย่างกับสตรีน้อยผู้นี้สักหน่อย“เดี๋ยวก่อนนังหนูเรื่องคนที่ทำให้เจ้าตาย เจ้าก็ให้อภัยเขาเถอะคนผู้นั้นไม่ได้ตั้งใจ อย่าแช่งกันอีกเลยสำนึกผิดไม่ทัน”สตรีผู้นั้นตอบรับด้วยสีหน้างุนงง แต่ก็ช่างเถอะไม่รู้เรื่องอันใดก็ดีแล้วกรี๊ดดดดดตู้มมมม"อภัยให้ข้าเถอะนังหนูเจ้าลีลาเกินไป หากเจ้าอยู่นานกว่านี้เห็นทีข้าจะโดนจับได้" แล้วยายเมิ่งก็เดินจากไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"อยากเรียกข้าว่าป้าดีนักขอสักทีเถอะ" ว่าจะไม่ทำอันใดแล้ว คำก็ป้าสองคำก็เรียกป้าแค่ถีบตกบ่อยังน้อยไปหลังจากนั้นข้าคิดว่าชีวิตจะสงบสุขส
ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยนฟางเป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้านตระกูลหวัง ทุกคนในบ้านต่างรักและตามใจข้าเป็นที่สุด ข้าคือสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อเพราะแม้ว่าท่านพ่อดื่มยาห้ามบุตรที่มีฤทธิ์แรงที่สุด แต่ตัวข้าหวังเยี่ยนฟางผู้นี้สามารถฝ่ายาห้ามบุตรมาเกิดได้ฮะฮ่าทุกคนต่างเอ่ยชมความสามารถของท่านพ่อหวังอี้หลินมิได้หยุด เขาคือสุดยอดแห่งบุรุษของแคว้นเป็นลูกรักของเทพพระเจ้า บางคนร่ำรวยอำนาจล้นฟ้าหรือแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังไม่สามารถมีบุตรได้ดั่งใจสั่งเช่นท่านพ่อของข้าได้ แต่ก็นะคนเหล่านั้นพูดเกินจริงไปมากโข เป็นเพราะข้าผู้นี้อยากมาเองต่างหากหากจะถามว่าข้าผู้ที่มีรูปโฉมงดงามราวกับเทพเซียน พูดจาไพเราะราวกับนกน้อยร้องรับอรุณยามเช้า ความสามารถหรือก็มิแพ้ใคร รูปร่างสูงโปร่งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ข้าผู้นี้มีนามว่า เมิ่ง เมิ่ง หรือก็คือยายเมิ่งที่เหล่ายมโลกเรียกขานกัน หุ หุอะ แฮ่ม เอาล่ะกล่าวชมตนเองมามากพอแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ย้อนไปเมื่อกาลก่อน"เมิ่ง เมิ่ง เจ้าฟังข้าก่อน งานข้ายุ่งมากไปกับเจ้ามิได้จริง ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ" ผู้คุมนรกชั้นอเวจีคอยควบคุมเหล่าวิญญาณชั้นเลว ชดใช้บาปกรรมโ
"อั๊กกก" ไม่ได้การแล้วมันช่างทรมานยิ่งนัก คงต้องหาอะไรที่ทำให้เขาหายจากอาการนี้หยงเจาฝืนทนพยายามลุกขึ้นยืนให้มั่น แต่ด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้เซถลาชนเข้ากับโต๊ะกลางห้องจนกวาดเอาถ้วยน้ำชาร่วงลงกับพื้น"ท่านหยงเจาเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ท่านรออยู่นี่ก่อนข้าจะไปตามหมอให้" อาลี่ที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเสียงดังจากห้องของชายหนุ่ม จึงรีบเดินเข้ามาดู ไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น หากเมื่อเดินเข้ามาสิ่งที่เห็นทำให้นางยิ่งตกใจ"ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปเถิดข้าขอร้อง" ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว หากช้ากว่านี้คงได้หน้ามืดล่วงเกินสตรีที่หลงรักตรงหน้าแน่"ทะ ท่านเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนบอกข้าสิ" เพราะความเป็นห่วงอาลี่จึงไม่ยอมขยับไปไหนยาที่หยงเจาได้รับในปริมาณมาก ทำให้ชายหนุ่มครองสติไม่ได้แล้ว เขาคว้าคอหญิงสาวโน้มลงมาพร้อมกับจุมพิตอันร้อนแรงอาลี่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของชายหนุ่มได้ จากขัดขืนในตอนแรกกลับกลายเป็นคล้อยตาม จนนางได้ตกเป็นของหยงเจาในคืนนั้น"ข้าจะรับผิดชอบเจ้า" หยงเจายังคงยืนยันคำเดิม เพราะตั้งแต่รู้สึกตัวตื่น เขาพยายามจะหว่านล้อมให้ร่างบางตรงหน้ายินยอม แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน
"หาา! นี่ท่านยังเกี้ยวอาลี่ไม่สำเร็จอีกหรือ จิ๊ก จิ๊ก ช่างไร้ฝีมือ" อาเล่อมองหน้าหยงเจาอย่างดูแคลน ขนาดว่านางเปิดโอกาสให้อยู่กันลำพังบ่อยครั้งก็ยังทำไม่สำเร็จ"แล้วเจ้าเล่าเกี้ยวหานลู่สำเร็จแล้วหรือ ทำมาเป็นเย้ยข้า" ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ข้าไม่อยากจะคุย ข้ากับท่านหานลู่ตกลงศึกษาดูใจกันแล้วเจ้าค่ะ ไม่แน่ปลายปีนี้อาจจะมีข่าวดี" อย่างหลังไม่เป็นความจริงสักนิด นางก็แค่ใส่สีตีไข่เข้าไปให้ดูเหนือกว่าเท่านั้นเอง"จริงหรือ ข้าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้หรือไม่" นางช่างเก่งกาจ"เรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนเจ้าค่ะ มิใช่เรื่องที่จะสอนได้โดยง่าย" นางลงทุนไปตั้งเยอะยังได้เพียงแค่ศึกษาดูใจเลย"ถ้าเจ้ามีแผนอะไรดี ๆ แนะนำข้าทีเถิด" ตนได้ลองมาหลายวิธีแล้ว สาวเจ้ายังไม่แม้แต่จะใจอ่อนเลย จะล้มเลิกไม่ตามเกี้ยวต่อก็ไม่ได้ ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำเช่นไร โอ๊ย ข้ากลุ้ม"อย่างนี้ดีหรือไม่ คืนนี้พวกท่านเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องอาลี่ข้าจะเป็นธุระให้เอง" อาเล่อพอจะรู้ว่าสหายผู้นี้มีใจให้กับท่านหยงเจาไม่มากก็น้อย และท่านหยงเจาก็ใจตรงกันอีกด้วย แล้วเพราะอะไรสหายรักถึงได้ไม่ใจอ