องค์หญิงเสเพลผู้โด่งดัง นางไถ่ตัวเขามาจากหอคณิกา แต่ใครจะคิดว่ากลับเป็นการพาเสือเข้าถ้ำด้วยตัวเอง "หากยังกล้าเอ่ยนามชายอื่น ค่ำคืนนี้ข้าจะทำให้เจ้ามั่นใจได้ว่า นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะได้ทำ" “ก็แค่จัดการกับสตรีบ้าตัณหาเพียงคนเดียวมิใช่หรือ มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าเท่าใดนักหรอก เรื่องบนเตียงข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ไม่ต้องห่วงหรอก” เขาจงใจใช้นางเป็นสะพาน เพื่อเข้าสู่วังหลวงของเสิ่นตู แต่ทว่า... เพราะความใกล้ชิด และใช้ชีวิตอยุ่กับนางทุกวัน จงเริ่มรู้ว่า องค์หญิงที่ผู้คนมองว่าเสเพล ไม่เอาไหนและใช้ชีวิตเหลวไหลผลาญเงินในพระคลัง กลับมิใช่อย่างที่เห็น มีความลับมากมายเกี่ยวกับนาง ที่เขาอยากรู้ สุดท้าย ก็กลายเป็น "บุรุษอุ่นเตียง" ของนาง แต่เพราะสาเหตุบางอย่าง ทำให้ต้องแยกจากกัน เมื่อมาพบอีกครา... กลับกลายเป็นว่านาง ต้องเกลียดเขาจนยากจะให้อภัย
Узнайте большеตำหนักเต๋อหยวน
“นั่นใคร!”
ผู้ที่ซ่อนอยู่เงามืดมิได้เปล่งเสียงตอบกลับ แต่ทว่ากลับพุ่งเข้ามาถึงตัวขององค์หญิง “จ้าวอันหลิน” ทันที โดยที่นางไม่ทันได้ระวังตัว ในตำหนักว่างเปล่าไร้ผู้คน วันนี้ในวังจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ผู้มาเยือนจากต่างแคว้น
“อันหลินของข้า… เจ้าลืมแม้กระทั่งคนที่เคยเคียงข้างยามนิทรา ในทุกค่ำคืนไปได้อย่างไรกัน”
“อวี้หยาง! ไม่สิท่านมิใช่อวี้หยาง… ปล่อยข้านะ!”
หากแต่ว่าผู้ที่กอดนางอยู่ กลับไม่ยอมปล่อย เมื่อนางเริ่มขัดขืนเขาก็รัดนางแน่นยิ่งขึ้น หลินอันทั้งโกรธและโมโห ไม่คิดว่าเขาจะหนีออกมาจากงานเลี้ยง และตามนางมาถึงในตำหนักนี้
“ฮึก!… อันหลินเจ้าจะยั่วข้างั้นหรือ”
นางกัดไปที่แขนของผู้บุกรุกเต็มแรง เขามิได้ตอบโต้แต่อย่างใด กลับยืนให้นางกัดเฉย ๆ จนพอใจ จนนางปล่อยและผลักเขาออกไปได้สำเร็จ
“ออกไป! มิเช่นนั้นข้าจะเรียกคนมาช่วย”
“เอาสิ เช่นนั้นเจ้าก็เรียกเลย แต่คงจะยากสักหน่อยนะ เพราะว่าคนอื่น ๆ ในตำหนัก… น่าจะหลับไปหมดแล้ว”
“ท่านจะทำอะไร นี่ท่าน! วางยาพวกเขางั้นหรือ”
"จ้าวอันหลิน คิดไม่ถึงเลยว่าจากกันไม่นาน เจ้าก็จะหลงลืมข้า และคิดที่จะไปแต่งงาน กับเจ้าแม่ทัพหน้าเครียดผู้นั้น ทำไมหรือ มีข้าเอาไว้อุ่นเตียงเพียงคนเดียว องค์หญิงยังไม่พอใจอีกหรืออย่างไร”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือบางฟาดไปที่ใบหน้าคมคาย ดุจหยกประดับตรงหน้า แม้แต่ในความมืด ก็มิอาจปิดบังความรูปงามของคนตรงหน้าไปได้ “หรงอวี้หยาง” ผู้ที่พึ่งถูกตบ ลูบไปที่ใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองนาง
“น้ำหนักมือไม่เลว เจ้าเลิกเสแสร้งเป็นสตรีอ่อนแอ ที่โง่เขลาเอาแต่เมามาย เสพกามารมย์แล้วงั้นหรือ”
“ข้าจะฆ่าท่าน”
“เช่นนั้นก็เอาสิ! เจ้าเคยฆ่าข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ข้ามาให้เจ้าฆ่าถึงที่ หากว่ายังไม่ลงมือ เช่นนั้นก็จะใช้วิธีของข้า ทำให้เจ้าจดจำว่า… ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของเจ้า!”
“อย่านะ! ปล่อยข้านะ ไม่นะ!”
เขารวบร่างขององค์หญิง ขึ้นมาพาดบ่าและพาไปที่เตียงทันที ทั้งตำหนักเงียบสงบ เสียงบรรเลงดนตรีจากท้องพระโรงกลาง ยังคงดังมาตามสายลม แต่ที่ “ตำหนักเต๋อหยวน” แห่งนี้ กลับไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิง กำลังรับบทรัก จากอดีตที่ปรึกษาชาย อย่างหรงอวี้หยางอย่างดุเดือด จนตำหนักแทบจะลุกเป็นไฟ
“อื้อ… ปล่อยข้านะ!”
“ปล่อยงั้นหรือ เมื่อก่อนผู้ใดกันที่เรียกหาข้าทุกค่ำคืน ให้ข้ามานอนข้าง ๆ นิทราภายใต้ผ้าห่มอุ่นผืนเดียวกัน ผู้ใดที่เรียกร้องให้ข้ากอดกลางค่ำคืนวสันต์ มิใช่เจ้าหรอกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่า หากเจ้าแม่ทัพผู้นั้นรู้ว่า คนที่กำลังจะหมั้นหมายกับเขา เป็นสตรีของชายอื่น เขาจะยังกล้าแตะต้องผู้หญิงของข้าอีกหรือไม่!”
“ท่านมันบ้าไปแล้ว”
“ใช่แล้วเจ้าพูดถูกต้องเลยองค์หญิง ข้าคงจะบ้าไปแล้ว แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้า และวันนี้ข้ามาทวงตำแหน่งของข้าคืน มองข้าสิอันหลิน ข้ามิใช่อวี้หยางของเจ้าหรอกหรือ”
“ท่านมิใช่… ตอนนี่ท่าน อ๊าา!!”
แควก!
ลิ้นหนากดลงไปที่หน้าอกอวบนุ่ม และเริ่มดูดกลืนเบา ๆ อันหลินบิดเร่าเพราะความเสียว นางมิอาจต้านทานเขาได้ อาภรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกฉีกทึ้ง และโยนออกนอกม่านเตียง ที่ครั้งหนึ่งเขาและนาง ได้ท่องบทรักยามราตรี ร่วมคืนวันอันแสนหวาน ภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน
“ท่านอย่านะ ข้ากำลังจะ…”
“หุบปาก! ที่ข้ากลับมาที่นี่ก็เพื่อ ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง หากเจ้ายังกล้าเอ่ยนามชายอื่นต่อหน้าข้า ค่ำคืนนี้ข้าจะทำให้เจ้ามั่นใจได้ว่า นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เจ้าจะได้ทำ”
“อ๊าา!!”
แท่งร้อนที่เต็มไปด้วยโทสะ และแรงหึงหวงของหรงอวี้หยาง สอดเข้าไปเต็มแรงในร่องรักที่คุ้นเคย เขารู้ดีว่านางเองก็ไม่เคยลืมเขา เมื่อเริ่มขยับ จากที่นางขัดขืน ก็เริ่มโอบกอดเขา ไม่ต่างจากวันวานที่เคยอยู่ร่วมกัน
“อวี้หยาง…”
“อาา ข้ามาแล้ว อันหลิน เจ้าเป็นของข้า….”
เสียงขย่มเตียง และกล้ามเนื้อกระทบกันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งตำหนักถูกสะกดด้วยไฟปรารถนาที่ลุกโชน ควบคู่กับแรงโทสะของท่านอ๋อง ซึ่งหายหน้าไปเกือบสามเดือน…..
เจ็ดเดือนก่อน / ตำหนักเต๋อหยวน
“องค์หญิงเพคะ”
“เจาอินข้าบอกเจ้าแล้วว่า อย่าวิ่งเข้ามาในตำหนัก มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามารบกวนการฟังผีผาของข้า”
“เจาอิน” สาวใช้คนสนิทขององค์หญิง รีบเดินเข้ามาและกระซิบบางอย่าง เพื่อมิให้เหล่านักดนตรี ที่องค์หญิงพาเข้าวังมาได้ยิน เมื่อเจาอินพูดจบ อันหลินก็เบิกตากว้างและหันมายิ้ม
“เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนเพคะ เห็นบอกว่าวันนี้ จะเริ่มทำการแสดงวันแรก หากว่าองค์หญิงสนใจ…”
“รีบให้คนไปเตรียมรถม้าสิ รออะไรกันเล่า”
“องค์หญิง ข้าน้อยยังบรรเลงไม่จบเพลงเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ จื่อฟาน พวกเจ้าไปพักก่อนเถอะ ข้ามีธุระด่วนต้องรีบไป ข้าไปก่อนนะ”
“อ้าว… ไปเสียแล้ว”
“เอ้านี่ รางวัลของพวกเจ้า เช่นนั้นวันนี้ก็กลับไปที่คณะสังคีตของพวกเจ้าก่อน หากองค์หญิงเรียกหา ข้าจะให้คนไปเรียก”
""ขอบคุณกงกง""
ซานกงกงหันไปหยิบถุงเงิน ให้กับนักดนตรีชายทั้งห้าคน ที่มาเล่นดนตรีให้องค์หญิงฟัง พวกเขารับถุงเงิน และเก็บของกลับไปทันที แต่ละคนพอจะเดาออกว่าองค์หญิงจะไปที่ใด
“คงไปที่ “หอหรูเยว่” อีกตามเคย”
“เจ้ายังจะเดาอีกหรือ องค์หญิงรีบไปขนาดนั้น จะเป็นที่ใดได้กันเล่า”
“หึ สตรีที่เอาแต่เที่ยวเล่น โง่เขลาไร้ปัญญาเช่นนางจะทำอะไรได้ นอกจากเที่ยวสำราญไปวัน ๆ”
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นไปเสี่ยวจง หากผู้ใดได้ยินเข้ามันจะไม่เป็นผลดี อีกอย่างเงินที่นางให้พวกเราก็มิใช่น้อย รายได้ดีกว่าไปบรรเลงที่งานท้องพระโรงเสียอีก”
“นั่นก็ใช่ แต่ข้าไม่เห็นว่า นอกจากฟังดนตรีและหาบุรุษมาปรนนิบัติ องค์หญิงผู้นี้ก็แทบจะไม่เอาการเอางานเลย ทั้ง ๆ ที่องค์ไท่จื่อ คุมกองทัพอยู่นอกเมือง”
“แต่นางเป็นสตรีอ่อนแอ ไม่เอาไหนเช่นนั้น เจ้าว่านางจะช่วยอะไรองค์ไท่จื่อได้เล่า”
“ก็นั่นสินะ ไปเถอะ”
ในสายตาของทุกคนในเมืองเสิ่นตู จ้าวอันหลิน องค์หญิงรองของแคว้นอวิ๋น มิได้ต่างกับสตรีไร้ค่า ที่วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นตามหอคณิกาชายหรือไม่ก็โรงสุรา เพื่อกินดื่มและเที่ยวเล่น แม้ว่าจะเป็นธิดาของฮองเฮา และฝ่าบาท แต่นางก็มิได้ใส่ใจฐานันดรศักดิ์ และชื่อเสียงของราชวงศ์ ทำเอาคนในเสิ่นตูเอือมระอา และสิ้นหวังกับองค์หญิงของแคว้น แต่ฝ่าบาทกลับรักและเอาใจนางมาก ไม่ว่าอันหลินจะทำสิ่งใด ก็มิเคยบังคับเลยแม่แต่นิดเดียว นั่นเป็นเพราะว่า ฮองเฮาด่วนจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก
หอหรูเยว่
“องค์หญิงเพคะ ท่านนี้เพคะ”
“เยี่ยมไปเลย โต๊ะนี้เห็นชัดที่สุด”
“ข้าจองเอาไว้ให้ท่านโดยเฉพาะเลยเพคะ”
“เจาอินเจ้าทำได้ดีมาก”
ทั้งสองพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน นั่งลงที่โต๊ะทันที พวกนางเป็นแขกประจำของหอหรูเยว่ ซึ่งเป็นหอแสดงดนตรี ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน หลังจากโรงสุราเดิมปิดตัวลง หรือใคร ๆ ต่างก็เรียกกันว่า “หอคณิกาชาย” สำหรับสตรีในเสิ่นตู ที่ต้องการหาความสำราญนอกจวน ซึ่งที่แคว้นอวิ๋น สตรีและบุรุษในแคว้นฐานะเท่าเทียมกัน การที่สตรีออกมาเที่ยวนอกจวน มิได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด
“องค์หญิง ท่านมาแล้วหรือเพคะ ข้าคิดว่าท่านจะมาไม่ทันเสียแล้ว วันนี้นักบรรเลงฉินของหอหรูเยว่พึ่งจะมาใหม่ ข้าอยากจะให้ท่านเห็นก่อนผู้ใด”
“จิ้งมาม่าไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว จะเริ่มหรือยังเล่า”
“เริ่มแล้ว ๆ เชิญชมได้เลยเพคะ”
เมื่อจบคำของจิ้งมาม่า ไฟประดับในหอหรูเยว่ก็ดับลงไป และม่านที่เวทีก็เริ่มเปิดออก พร้อมกับเสียงบรรเลงฉินเจ็ดสายที่ดังออกมา ทำให้จ้าวอันหลินมองตาไม่กะพริบ พลันได้เห็นบุรุษในชุดสีขาว รูปงามดุจเซียนบนสวรรค์ ผู้บรรเลงอยู่ตรงหน้า จ้าวอันหลินก็ไม่รอช้า ที่จะหันไปบอกกับสาวใช้ข้างกายในทันที
“เจาอินเจ้ารีบไปบอกจิ้งมาม่าว่า ราคาข้าไม่เกี่ยง แต่คืนนี้ข้าต้องได้บุรุษผู้นี้ กลับไปที่ตำหนักเต๋อหยวน”
ท่านอ๋องอุ้มพระชายา เข้าไปด้านในห้องนอน ซึ่งอยู่ด้านในสุด วันนี้จะไม่มีผู้ใดรบกวนทั้งคู่ เพราะจิ่นหลงและคนอื่น ๆ ถูกสั่งมาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากเตรียมเครื่องเสวยและน้ำอุ่น บ่าวไพร่ทุกคนถูกสั่งให้อยู่นอกจวนหลักทั้งหมด “อ๊ะ เตียงอุ่นจัง”“แน่นอนว่าทุกอย่าง ล้วนถูกจัดเตรียมเอาไว้ รวมถึง…”ไหสุราดอกท้อของนาง ซึ่งอยู่ในตะกร้าที่เต็มไปด้วยช่อดอกไม้ในสวน ถูกนำมาวางไว้ข้างเตียง“สุราดอกท้อของข้า”“แม่นมแอบเอามาให้ข้า เจ้าเป็นคนหมักด้วยตัวเอง อย่างไรข้าก็ต้องลอง แต่ว่าตอนนี้ข้ายังไม่อยากลองสุรา แต่อยากรักเจ้าก่อน ให้สมกับที่รอคอยช่วงเวลานี้มานาน”ท่านอ๋องบรรจงประทับจุมพิต อ่อนหวานละมุนกว่าครั้งใดให้นาง และเริ่มเกลี่ยไปทั่วริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มรุกเร้า รุนแรงและโหมกระหน่ำดุจกลองศึกที่คึกขึ้นมาไฟปรารถนาเริ่มแผดเผา จนเร่าร้อนไปทั่วทั้งจวน มือหนาปาดป่ายทุกอย่างที่ขวางหน้าออก ผิวขาวเนียนละเอียดของพระชายาตรงหน้า ยั่วหัวใจเกินจะกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนที่อัดอั้น และมิได้ระบายหลายวันนี้ออกมาหมดสิ้น“อ๊าา…เบาหน่อยเพคะ อ๊ะ!!”นางร้องเมื่ออวี้หยางเริ่มขบเม้ม ไปตามเรือนกายทุกส่วนที่เขาเข้าถึง นิ้วเริ่มสอดเข้า
แต่วันนี้เขาไม่ยอมให้นางเดินออกไปเฉย ๆ อีกแล้ว มือหนาดึงแขนนางเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้มีโอกาสเดินออกจากห้องเสวยไป“แต่วันนี้ถึงอย่างไร ก็คงจะให้เจ้าปฏิเสธไม่ได้”"ปล่อยข้านะ!"“ยอมพูดกับข้าแล้วงั้นหรือ นึกว่าจะวางท่าเป็นองค์หญิงนานกว่านี้เสียหน่อย จ้าวอันหลิน ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อเจ้า แต่โกรธและลงโทษข้านานขนาดนี้ น่าจะพอแล้วกระมัง”“ปล่อยข้าลง”“ปล่อยแน่แต่มิใช่ตอนนี้”“ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ!”“หากเจ้ายังดิ้นอยู่ ข้าจะจูบเจ้าจนกว่าจะเลิกโวยวาย ดูสิว่าคนในตำหนัก จะมีผู้ใดกล้าเข้ามาช่วยเจ้าบ้าง”เขาหันมาคาดโทษนาง สายตาเอาจริงของเขา ทำให้นางเงียบไปทันที และหันหน้าหนีแทนที่จะโวยวาย อวี้หยางนึกอยากพานางกลับขึ้นห้องและจัดการนางเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่นั่นมันคงจะผิดจากแผนการที่เขาวางเอาไว้เมื่อจับนางขึ้นบนหลังม้าได้ ก็รีบควบอาชาคู่กายออกจากตำหนักไปทันที เขาไม่ลืมที่จะสวมเสื้อคลุมให้นางและดึงหมวกมาปรกหน้าให้“ทางที่ดีอยู่เฉย ๆ จนกว่าจะถึงดีกว่า หากไม่อยากให้ข้าต้องแวะลงโทษเจ้าไปตลอดทาง ต่อหน้าชาวเมืองชิงโจว”“คนเผด็จการ!”“แม้ว่าเจ้าจะมองข้าว่าเป็นเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นสามีข
“แม่นมเชิญว่ามาเถอะ ท่านนั่งลงก่อนสิ”ท่านอ๋องพยุงแม่นมจินเดินมานั่ง ในเวลาเช่นนี้เขาก็คงจะพึ่งพาได้แต่นางเท่านั้น“ท่านอ๋องทรงทราบหรือไม่ว่า เพียงเพื่องานในวันนี้ พระชายาลงทุนลงแรงทำสิ่งใดเพื่อพระองค์ไปบ้าง”“ข้า… รู้แต่ว่านางบอกให้ข้ากลับเร็ว ๆ เพื่อจะได้มาฉลองด้วยกัน”“เช่นนั้นหม่อมฉันจะบอกให้ พระชายาใช้เวลาก่อนหน้านี้ สั่งของมาเพื่อจะหมักสุราชั้นเลิศ เพื่องานในวันนี้โดยเฉพาะ สุราดอกท้อนั่น ถูกหมักอยู่ในห้องเครื่องมาเกือบสองเดือน วันนี้เพื่อให้สุรามีกลิ่นหอมมากกว่าเดิม นางตื่นแต่เช้ามืด ออกมาเก็บดอกไม้ในสวน เพื่อไปหมักรวมกับไหสุราในห้องเครื่อง ให้มีกลิ่นหอมสดใหม่ของดอกไม้ รอให้พระองค์มาชิม แต่สิ่งที่พระองค์ทำ…”“ข้า….”“นับตั้งแต่พระชายามาอยู่ที่นี่ น้อยครั้งนักที่จะเอ่ยถึงเรื่องของแคว้นอวิ๋น วันนี้นางพึ่งจะพูดเรื่องที่นั่นขึ้นมา และเป็นเพียงครั้งเดียวที่นางเล่าให้พวกเราฟัง ว่าอยู่ที่นั่น นางมีความสุขมากเพียงใด พระองค์ทราบหรือไม่ ว่านี่มันคือสัญญาณของสิ่งใด”“ท่านว่าอย่างไรนะ นี่นางพูดถึงเรื่องที่เสิ่นตูด้วยงั้นหรือ”“ถูกต้องเพคะ พระชายาไม่เคยบ่นว่าคิดถึงเสิ่นตู ไม่เคยพูดจาน่าเบื่อ
อันหลินรีบเดินออกมาเรียกสาวใช้ ให้จัดเตรียมน้ำล้างหน้า ส่วนนางรีบเตรียมชุดให้ท่านอ๋อง เพื่อจะได้สวมเข้าวังไปประชุมราชสำนักแต่เช้า ทุกครั้งนางจะเป็นคนแต่งตัวให้เขา วันนี้ก็เช่นกัน“เสร็จแล้วเพคะ”“อันหลิน”สาวใช้รีบเก็บของ และเดินออกมาจากห้องทันที จิ่นหลงทำหน้าที่ปิดประตูเมื่อพวกนางพากันเดินออกมา “ท่านพี่ จะสายแล้วนะเพคะ”“เมื่อครู่นี้ข้ายังจูบเจ้ายังไม่เต็มที่เลย ขออีกนิดได้หรือไม่”“ท่านช่างเอาแต่ใจตัวเองเสียจริง”“วันนี้เจ้าบอกเองว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า เช่นนั้นข้าก็ขอเอาแต่ใจตัวเองสักวัน มิได้หรือ”สุดท้ายนางก็ต้องยอมให้เขาจูบ ท่านอ๋องมิได้จูบเพียงอย่างเดียว พระองค์ถอดชุดของพระชายาออกจนเกือบหมด หรงอวี้หยางพรมจูบไปทั่วทั้งเรือนกายของนาง ภารกิจเร่งด่วนนี้ทำให้ทั้งสองตื่นเต้นมากกว่าเดิม เมื่อต้องรีบร้อนเพราะมีเวลาเพียงไม่นาน “อ๊ะ ท่านพี่ อ๊าา!!!”“เจ้าเบาเสียงลงหน่อย แม้ว่าในห้องนอนจะกว้าง แต่หน้าห้องยังมีองครักษ์ กับจิ่นหลงรออยู่”“ท่านซนเหลือเกิน ปล่อยข้าเถิดเพคะ อ๊ะ!!”“เจ้าก็ยังคงปากแข็งเช่นเดิม”“อื้อ…อวี้หยาง เสียวมาก อ๊าา”เขาจับนางคุกเข่าและนั่งหันหลัง เมื่อสอดเข้าไปสุด
ตำหนักท่านอ๋อง / ชิงโจวหลังจากงานอภิเษก ท่านอ๋องก็พาพระชายาเดินทางกลับชิงโจว เมื่อเข้าสู่ชิงโจวก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งในสายตาจ้าวอันหลิน ถือว่างานต้อนรับในครั้งนี้ แทบจะใหญ่พอ ๆ กับงานอภิเษกของนางที่เสิ่นตูเลยด้วยซ้ำไป“ยิ่งใหญ่สมกับเป็นเจ้าแคว้นเสียจริง”“องค์หญิง เอ๊ย! พระชายาเพคะ ที่ชิงโจวนี้ดูคึกคักกว่าเสิ่นตูของเรามากเลยนะเพคะ ผู้คนมากมายมารอต้อนรับพระองค์กับท่านอ๋อง ร้านค้ากับตลาดก็ดูเหมือนจะใหญ่กว่าที่เสิ่นตู”“เจาอิน ไม่ทันไรเจ้าก็จะหาเรื่องเที่ยวแล้วหรือ”“พระชายาละก็”ไม่นานรถม้าก็หยุดลงที่หน้าตำหนัก ซึ่งจุดประทัดเป็นทางยาวเพื่อรอรับเสด็จทั้งคู่ ท่านอ๋องเดินลงจากม้า และเดินมารับจ้าวอันหลิน ซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าเข้ามาในเมือง“พระชายา พวกเราถึงตำหนักแล้ว”“ท่านพี่”รอยยิ้มของอันหลิน ทำให้เขามั่นใจว่านางยังสุขภาพจิตใจดีอยู่ เดิมทีเขากลัวว่า นางจะตระหนกและไม่คุ้นเคยกับเมืองชิงโจว เพราะก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ นางร้องไห้อยู่ร่วมเจ็ดวัน เพราะคิดถึงเสด็จพ่อ และคนอื่น ๆ ในเสิ่นตู แต่ครั้งนี้องค์ไท่จื่อ ให้เจาอินและซานหูติดตามมาปรนนิบัตินางที่ชิงโจวด้วย อันหลินจึงไม่รู้สึ
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องเข้าเฝ้าเสด็จพ่อแล้ว ท่านอย่าลืมสิ”“ข้าหาได้ลืมไม่ แต่เจ้านี่สิ บ่ายเบี่ยงมิให้ข้ารักเจ้าเช่นนี้ จะให้ข้าคิดเช่นไรดีเล่า”“ข้าไม่อยาก… เผลอทำให้แผลท่านเปิดอีก เช่นนั้น…”“ข้าจะจับเจ้ามัดเอาไว้ เพียงเท่านี้เจ้าก็ทำร้ายข้ามิได้แล้ว”“ไม่เอา! ท่านจะทำเกินไปแล้ว”“เช่นนั้นก็ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่ได้รีบ รอให้ข้าหายดีเสียก่อน ค่อยรังแกเจ้าทบต้นทบดอกก็ดีเช่นกัน”“เหตุใดเอานิสัยพ่อค้าหน้าเลือด มาใช้กับข้าเช่นนี้กันเล่า”“ช่วยไม่ได้นี่ ก็เจ้ามาห้ามข้าเอง เอาเถอะ ๆ ก็แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ข้าไม่ใจร้ายเช่นนั้นหรอก เจ้าเตรียมพร้อมที่จะไปชิงโจวกับข้าแล้วหรือยัง"“ข้าเตรียมตัวแล้วเพคะ อีกอย่างพี่ใหญ่บอกว่า ชิงโจวกับเสิ่นตูมิได้อยู่ไกลกันมาก ม้าเร็ววิ่งเพียงสามคืนก็ถึง หากเป็นขบวนรถม้า วิ่งไม่เกินห้าวัน ห่วงก็แต่เสด็จพ่อ”“ที่นี่มีหานเซียวดูแลฝ่าบาทอยู่ ข้าสัญญากับเจ้า หากว่าที่เสิ่นตูต้องการความช่วยเหลือ หรือว่าเจ้าอยากจะกลับมาเยี่ยมฝ่าบาท ข้าจะไม่ห้ามเจ้าเลย ดีหรือไม่”“ขอบพระทัยเพคะ”อวี้หยางดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น หลังจากพายุผ่านไป กว่าเขาจะได้นางมาครอบครอง ก็ใช้เวลาไ
Комментарии