แต่กว่าหวังอี้หลินจะหลบหนีออกมาจากอาณาเขตของจวนนั้นได้ พวกเขาก็เกือบจะได้รับบาดเจ็บอยู่หลายครั้ง เพราะไม่คิดว่าพวกมันจะชุบเลี้ยงผู้มีฝีมือไว้มากถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีช่องทางลับสามารถทะลุออกได้ทุกที่ภายในจวน
ไม่ว่าพวกเขาจะหลบไปทางไหนพวกมันก็ตามทันเกือบเสียทุกครั้ง ถึงแม้จะหลบหนีออกมาได้ พวกเขาก็ยังถูกไล่ล่าออกมาจนถึงชายป่า
“หัวหน้าข้าว่าท่านหนีไปก่อน ทางนี้ข้ากับหยงเจาจะต้านไว้เอง” หานลู่พูดขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ พวกเขาหนีกันออกมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว สามคนต่อนักฆ่าอีกนับสิบต่อให้มีฝีมือเยี่ยมยอดแค่ไหนก็มีสิทธิ์ตายได้
“ข้าเห็นด้วยขอรับ ท่านรีบไปเถิดก่อนที่พวกมันจะตามเราทัน” หยงเจาเห็นด้วยกับความคิดของสหายอย่างหานลู่ ให้เขาหลบหนีต่อไม่ไหวแล้ว เพราะกว่าจะสู้และวิ่งหลบหนีไปด้วยก็ใช้พลังไปมาก เรี่ยวแรงตนเริ่มจะลดน้อยถอยลง ดังนั้นพลังเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่เขาจะขอสู้ตายกับพวกมัน
“พวกเจ้าเอาบันทึกนี้ไปแล้วรีบหนีไปซะ คนที่พวกมันตามมิใช่พวกเจ้าแต่เป็นข้า ข้าจะล่อพวกมันไปอีกทางเอง” หวังอี้หลินไม่เห็นด้วยกับความคิดของทั้งสองคน
ฟิ้วว
ตึก ตึก ตึก
เสียงคนนับสิบวิ่งเข้ามารายล้อมตรงที่พวกเขาทั้งสามหลบซ่อนตัวอยู่ พร้อมทั้งฝนห่าลูกธนูพุ่งเข้าหาพวกเขาไม่หยุด จนต้องหมุนตัวหลบและเผยตัวออกมาจากที่ซ่อน
“นึกว่าจะหนีไปได้ไกล ที่แท้ก็มาหลบกันอยู่นี่เอง หึ หึ” หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าพูดอย่างเย้ยหยัน พลางมองคนทั้งสามด้วยสายตาดูแคลนกับฝีมือของอีกฝ่าย
“จะฆ่าก็เข้ามาอย่าพูดให้เปลืองน้ำลาย ไอ้พวกหมาหมู่” หวังอี้หลินตะโกนเสียงดังอย่างมีโทสะ หากสู้กันตัวต่อตัวมีหรือเขาจะแพ้
“ปากดีนักนะ พวกเจ้าก็จงตายในป่าเสียเถิด แต่หากพวกเจ้ายอมคืนบันทึกนั้น ข้าอาจจะไว้ชีวิตพวกเจ้าก็ได้”
“กำลังเพ้อฝันอยู่หรือไอ้พวกหน้าโง่ อยากตายก็เข้ามา”
หวังอี้หลินและพวกต่างยืนหันหลังชนกันพร้อมสู้ ตอนนี้ตกอยู่ในวงล้อมของพวกมันต่างคนต่างพร้อมสู้ตาย หากมีผู้ใดในสามคนของพวกเขารอดไปได้ และนำหลักฐานนี้ส่งให้ถึงพระหัตถ์ของฝ่าบาทก็ยังดี อย่างน้อยการเสี่ยงตายในวันนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
ส่วนหวังอี้หลินเขาไม่คิดที่จะตายอยู่ในป่าแห่งนี้อยู่แล้ว เพราะมีทั้งภรรยาที่รักและบุตรรอเขาอยู่ จะมาตายอย่างนี้มิได้พวกเขาทุกคนต้องรอด
“ฆ่าพวกมันให้หมด แล้วโยนศพพวกมันสามคนให้สัตว์กินในป่านี้ซะ”
สิ้นคำสั่งของเจ้าหัวหน้า นักฆ่าเหล่านั้นได้กรูกันเข้ามา หมายเอาชีวิตของทั้งสามในดาบเดียว แต่มีหรือพวกหวังอี้หลินจะพลาดท่า เนื่องจากพวกเขาตั้งรับไว้อย่างดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีถูกปลายดาบเฉือนโดนตามเนื้อตัวอยู่ดี
นักฆ่าถูกกำจัดคนแล้วคนเล่าแต่ก็ยังเหลืออยู่มาก กำลังของพวกตนนั้นค่อย ๆ ลดน้อยลงเต็มที หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่นานคงต้องนอนเป็นอาหารสัตว์ในป่านี้เป็นแน่
ในระหว่างที่นักฆ่าสามคนเตรียมฟันดาบลงมาที่หวังอี้หลินเพียงคนเดียวนั้น ต้นไม้ใหญ่ได้หักโค่นลงมาอย่างรวดเร็ว จนพวกมันทั้งสามถูกต้นไม้ทับกระอักเลือดออกมาและสิ้นลมในทันที หวังอี้หลินแอบถอนหายใจ หากว่าเขาไม่มีประสาทสัมผัสเร็วหมุนตัวหลบได้ทัน มีหวังได้เป็นคนที่สี่ที่นอนอยู่ภายใต้ต้นไม้ต้นนั้นเป็นแน่
ชายหนุ่มมีเวลาหายใจได้ไม่นานนัก ลูกธนูก็พุ่งเข้ามาหาเขาจนหวังอี้หลินคิดว่า ตนคงจะหลบไม่ทันแล้วนั้น จึงได้ยกมือทั้งสองขึ้นบังลูกธนูเหล่านั้นไว้ แต่ไม่นานเขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดยามถูกลูกธนูพุ่งเข้าใส่สักนิด แต่หากลืมตาดูมันกลับร่วงหล่นอยู่บนพื้นก่อนที่จะถึงตัวเขาด้วยซ้ำ
แล้ววันงานบวงสรวงก็มาถึง ปะรำพิธีได้ถูกจัดขึ้น ณ ลานกว้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลางลานมีแท่นพิธียกขึ้นสูงบนโต๊ะรูปมังกรเหยียบเมฆา มีผลไม้และอาหารมงคล ตรงกลางมีกระถางสำหรับปักธูปลวดลายอ่อนช้อย สถานที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงามงานนี้เจ้ากรมพิธีการได้หน้าไปเต็ม ๆ ต่างถูกชมจากผู้คนมิขาดปากแต่ผู้ที่รับหน้าที่สำคัญที่สุดในวันนี้กลับนั่งเหงื่อตกรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ คิดจะหนีงานดีหรือไม่ แต่เมื่อมองไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ ใบหน้าที่คาดหวังของท่านแม่และท่านพ่อ ไหนจะท่านลุงฮ่องเต้อีกคน จะถอยก็มิได้จะเดินต่อก็ไม่ได้และแล้วพิธีสำคัญได้ถึงเวลาที่เหมาะสมชาวบ้านที่เข้ามารอชมอย่างคาดหวัง หวังเยี่ยนฟางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงอลังการ เดินนวยนาดออกมายังหน้าแท่นพิธีก่อนสายตาจะมองไปรอบ ๆ นางไม่พบเหล่าพี่ชายพี่สาวแฝดสามและอ๋องน้อยพวกนั้นหายไปที่ใดกัน“แด่ท่านเทพพิรุณเทพแห่งสายฝนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ท่านได้โปรดทรงประทานหยาดฝนเพื่อดับทุกข์ร้อนของเหล่ามวลมนุษย์ด้วยเถิด” หวังเยี่ยนฟางกล่าวจบจึงได้ทำการปักธูปลงในกระถางทันใดนั้นเองท้องฟ้าแปรปรวนร้องสนั่นหวั่นไหว หมู่เมฆมืดครึ้มลมพัดแรง จนมงกุฎที่หวังเยี่ยนฟา
ในปีหนึ่งแคว้นหนานได้เกิดปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรและใช้สำหรับอุปโภคบริโภคองค์ฮ่องเต้ทรงมองเห็นในความเดือดร้อนของพสกนิกร ทรงมีรับสั่งช่วยเหลือแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยลดความอดอยากของประชาชน แต่เมื่อนานวันเข้าภัยแล้งกลับไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นหัวข้อประชุมเช้าอันดุเดือดประจำท้องพระโรงคงจะหนีไม่พ้นเรื่องภัยแล้ง"ทูลฝ่าบาทหากเรายังคงเบิกจ่ายข้าวสารและตำลึงเงินอีกไม่เกินปีนี้ กระหม่อมเกรงว่าท้องพระคลังคงจะหมดในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมคลังกราบทูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้น"ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมส่งคนออกสำรวจแหล่งน้ำทั่วแคว้น ปริมาณน้ำลดน้อยลงไปมากพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมโยธาก้าวออกมา ชี้แจงปัญหาที่ได้รับมอบหมายให้ออกสำรวจแหล่งน้ำ"มีผู้ใดจะเสนอความคิดในการแก้ปัญหาบ้างหรือไม่" หนานหยางจง เจ้าแห่งแคว้นถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองทั่วทั้งท้องพระโรง แต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอย่างเช่นเคยเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างก็หาทางออกไม่ได้ เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่เคยเจอปีไหนเลย ที่ภัยแล้งจะหนั
“ข้อหนึ่งหนูขอไปเกิดแบบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ คือหนูไม่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกแล้วค่ะ”อืม ข้อนี้ไม่ยากถือว่ายังให้ได้อยู่“ข้อสองหนูขอคนรักสักคนที่รักหนูคนเดียวไม่นอกใจค่ะ”ข้อนี้ก็ยังถือว่าง่ายไม่พิเศษอะไรนังหนูนี่ช่างมักน้อยซะจริง“และข้อสุดท้ายหนูขอความทรงจำเดิม และความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างของชาติเดิมค่ะ”“ได้ถ้าอย่างนั้นเจ้าตามข้ามา” ยายเมิ่งตอบตกลงทุกเงื่อนไขที่ขอมาอย่างไม่ต้องคิด เพราะคำขอแต่ละข้อไม่ได้ถือว่าผิดต่อศีลธรรมอันใดแต่ก่อนจะให้เด็กสาวผู้นี้ลงไปเกิดนางอยากจะเอ่ยปาก พูดอะไรสักอย่างกับสตรีน้อยผู้นี้สักหน่อย“เดี๋ยวก่อนนังหนูเรื่องคนที่ทำให้เจ้าตาย เจ้าก็ให้อภัยเขาเถอะคนผู้นั้นไม่ได้ตั้งใจ อย่าแช่งกันอีกเลยสำนึกผิดไม่ทัน”สตรีผู้นั้นตอบรับด้วยสีหน้างุนงง แต่ก็ช่างเถอะไม่รู้เรื่องอันใดก็ดีแล้วกรี๊ดดดดดตู้มมมม"อภัยให้ข้าเถอะนังหนูเจ้าลีลาเกินไป หากเจ้าอยู่นานกว่านี้เห็นทีข้าจะโดนจับได้" แล้วยายเมิ่งก็เดินจากไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"อยากเรียกข้าว่าป้าดีนักขอสักทีเถอะ" ว่าจะไม่ทำอันใดแล้ว คำก็ป้าสองคำก็เรียกป้าแค่ถีบตกบ่อยังน้อยไปหลังจากนั้นข้าคิดว่าชีวิตจะสงบสุขส
ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยนฟางเป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้านตระกูลหวัง ทุกคนในบ้านต่างรักและตามใจข้าเป็นที่สุด ข้าคือสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อเพราะแม้ว่าท่านพ่อดื่มยาห้ามบุตรที่มีฤทธิ์แรงที่สุด แต่ตัวข้าหวังเยี่ยนฟางผู้นี้สามารถฝ่ายาห้ามบุตรมาเกิดได้ฮะฮ่าทุกคนต่างเอ่ยชมความสามารถของท่านพ่อหวังอี้หลินมิได้หยุด เขาคือสุดยอดแห่งบุรุษของแคว้นเป็นลูกรักของเทพพระเจ้า บางคนร่ำรวยอำนาจล้นฟ้าหรือแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังไม่สามารถมีบุตรได้ดั่งใจสั่งเช่นท่านพ่อของข้าได้ แต่ก็นะคนเหล่านั้นพูดเกินจริงไปมากโข เป็นเพราะข้าผู้นี้อยากมาเองต่างหากหากจะถามว่าข้าผู้ที่มีรูปโฉมงดงามราวกับเทพเซียน พูดจาไพเราะราวกับนกน้อยร้องรับอรุณยามเช้า ความสามารถหรือก็มิแพ้ใคร รูปร่างสูงโปร่งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ข้าผู้นี้มีนามว่า เมิ่ง เมิ่ง หรือก็คือยายเมิ่งที่เหล่ายมโลกเรียกขานกัน หุ หุอะ แฮ่ม เอาล่ะกล่าวชมตนเองมามากพอแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ย้อนไปเมื่อกาลก่อน"เมิ่ง เมิ่ง เจ้าฟังข้าก่อน งานข้ายุ่งมากไปกับเจ้ามิได้จริง ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ" ผู้คุมนรกชั้นอเวจีคอยควบคุมเหล่าวิญญาณชั้นเลว ชดใช้บาปกรรมโ
"อั๊กกก" ไม่ได้การแล้วมันช่างทรมานยิ่งนัก คงต้องหาอะไรที่ทำให้เขาหายจากอาการนี้หยงเจาฝืนทนพยายามลุกขึ้นยืนให้มั่น แต่ด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้เซถลาชนเข้ากับโต๊ะกลางห้องจนกวาดเอาถ้วยน้ำชาร่วงลงกับพื้น"ท่านหยงเจาเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ท่านรออยู่นี่ก่อนข้าจะไปตามหมอให้" อาลี่ที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเสียงดังจากห้องของชายหนุ่ม จึงรีบเดินเข้ามาดู ไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น หากเมื่อเดินเข้ามาสิ่งที่เห็นทำให้นางยิ่งตกใจ"ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปเถิดข้าขอร้อง" ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว หากช้ากว่านี้คงได้หน้ามืดล่วงเกินสตรีที่หลงรักตรงหน้าแน่"ทะ ท่านเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนบอกข้าสิ" เพราะความเป็นห่วงอาลี่จึงไม่ยอมขยับไปไหนยาที่หยงเจาได้รับในปริมาณมาก ทำให้ชายหนุ่มครองสติไม่ได้แล้ว เขาคว้าคอหญิงสาวโน้มลงมาพร้อมกับจุมพิตอันร้อนแรงอาลี่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของชายหนุ่มได้ จากขัดขืนในตอนแรกกลับกลายเป็นคล้อยตาม จนนางได้ตกเป็นของหยงเจาในคืนนั้น"ข้าจะรับผิดชอบเจ้า" หยงเจายังคงยืนยันคำเดิม เพราะตั้งแต่รู้สึกตัวตื่น เขาพยายามจะหว่านล้อมให้ร่างบางตรงหน้ายินยอม แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน
"หาา! นี่ท่านยังเกี้ยวอาลี่ไม่สำเร็จอีกหรือ จิ๊ก จิ๊ก ช่างไร้ฝีมือ" อาเล่อมองหน้าหยงเจาอย่างดูแคลน ขนาดว่านางเปิดโอกาสให้อยู่กันลำพังบ่อยครั้งก็ยังทำไม่สำเร็จ"แล้วเจ้าเล่าเกี้ยวหานลู่สำเร็จแล้วหรือ ทำมาเป็นเย้ยข้า" ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ข้าไม่อยากจะคุย ข้ากับท่านหานลู่ตกลงศึกษาดูใจกันแล้วเจ้าค่ะ ไม่แน่ปลายปีนี้อาจจะมีข่าวดี" อย่างหลังไม่เป็นความจริงสักนิด นางก็แค่ใส่สีตีไข่เข้าไปให้ดูเหนือกว่าเท่านั้นเอง"จริงหรือ ข้าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้หรือไม่" นางช่างเก่งกาจ"เรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนเจ้าค่ะ มิใช่เรื่องที่จะสอนได้โดยง่าย" นางลงทุนไปตั้งเยอะยังได้เพียงแค่ศึกษาดูใจเลย"ถ้าเจ้ามีแผนอะไรดี ๆ แนะนำข้าทีเถิด" ตนได้ลองมาหลายวิธีแล้ว สาวเจ้ายังไม่แม้แต่จะใจอ่อนเลย จะล้มเลิกไม่ตามเกี้ยวต่อก็ไม่ได้ ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำเช่นไร โอ๊ย ข้ากลุ้ม"อย่างนี้ดีหรือไม่ คืนนี้พวกท่านเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องอาลี่ข้าจะเป็นธุระให้เอง" อาเล่อพอจะรู้ว่าสหายผู้นี้มีใจให้กับท่านหยงเจาไม่มากก็น้อย และท่านหยงเจาก็ใจตรงกันอีกด้วย แล้วเพราะอะไรสหายรักถึงได้ไม่ใจอ