“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูดไปพลางน้ำตาไหลเอ่อ เธอยกมือขึ้นทาบอก “ กมล แกเป็นอะไรหรือเปล่า” นุ่นเห็นท่าไม่ดีก็ถามขึ้นเสียงดัง แต่กมลยกมือขึ้นปรามไว้ “ ฉันโอเค” กมลหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นว่ามีรถหรูสีดำขับตรงมาทางบ้านเธอ “ นั่นรถใครวะ” ทั้งนุ่นและกมลต่างหันไปมองคนที่มาใหม่ วินาทีนั้นเมื่อกมลได้เห็นหน้าของชายร่างสูงตัวใหญ่เดินลงจากรถ ลางสังหรณ์ของเธอก็เหมือนดั่งทำงานอีกครั้ง กมลเห็นว่าในตัวเขามีรังสีแบบเดียวกันกับชายเมื่อวันก่อน แต่ร้อนแรงกว่าแถมมันยังมีทั้งสีของความทุกข์และความสุขปะปนกันไป ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าคนนี้แหละ! “ ผม อนาลา ศิลาหัตร์ทัยหรือเจ้าไฟ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ของกีรติกรครับ” “ อ่า จ้ะ” ตอนที่ชายหนุ่มยกมือไหว้เธอ กมลก็หลุดจากห้วงความคิด และเพิ่งสังเกตว่าชายคนนี้ก็ไม่ได้ดูดีน้อยกว่าชายเมื่อวันก่อนเลย “ แม่! แก้มกลับมาแล้วจ้ะ อ้าว ทำไมถึงไม่เปิดไฟล่ะ” แก้มขวัญยืนชะเง้อคอมองบ้านที่มืดสนิท ก่อนที่จะก้าวขาเดินขึ้นไป เธอก็สะดุดเข้ากับรองเท้าขัดมันคู่ใหญ่ดูคุ้นตา สายตาหวานๆ รีบหันไปจ้องในบ้านที่มืดสนิทอีกครา “ อย่าบอกน่ะว่า…” มือเล็กจับไม้กวาดที่อยู่ตรงหน้าบ้าน แล้วค่อยๆ ก้าวขาเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ มือไม้ของเธอสั่นไปด้วยความลนลาน เพราะคิดว่าโจรแน่ๆ “ ย๊า!!!” “ เฮ้ย!” เมื่อพบว่ามีร่างสีดำตะคุ่มๆ อยู่ไม่ไกล เธอจึงกระโดดเข้าไปพลางใช้ไม้ในมือฟาดใส่คนๆ นั้น แต่เหมือนกับว่าร่างนั้นจะรู้ทัน จึงจับไม้ของเธอเอาไว้ และดึงรั้งเต็มแรงจนตัวเธอถูกดันไปประชิดกับผนัง แก้มขวัญตั้งสติแล้วยื่นมือไปเปิดสวิตซ์ไฟที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ “ คุณ!!!” เมื่อไฟสว่างขึ้น เธอก็ต้องตาเหลือกโต เพราะมันปรากฏให้เธอเห็นใบหน้าของชายคนที่เธอเจอเมื่อวานที่ตลาด ชายหนุ่มมองไปรอบๆ “ เฮ้อ สว่างได้สักที ฉันหาสวิตซ์ไฟตั้งนาน” เจ้าไฟบ่นพึมพำ ในขณะที่แขนของเขายังใช้ดันเหนืออกของเธอไม่ให้ดิ้นไปไหน “ นี่คุณแต่งตัวก็ดี แต่ที่แท้ก็เป็นโจรหรอกเหรอ ช่วยด้วย…ช่วยด้วย อึก !” แก้มขวัญตะโกนร้องเสียงดัง ทำให้เจ้าไฟที่รู้สึกรำคาญยกมือขึ้นปิดปากของเธอไว้ “ ดูดีขนาดนี้ จะมาจงมาโจรอะไร ฉันมารอ…โอ้ย!!!” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรจบ เธอก็กัดเข้าที่มือของเขา เมื่อหญิงสาวหลุดไปได้ เธอก็หยิบไม้กวาดขึ้นมาฟาดเขาไม่ยั้ง “ ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!! โจรขึ้นบ้านค่ะ ช่วยด้วย!! ว้าย!!” “ เก่งนักหรือไง!!” แต่ร่างเล็กจะไปสู้คนตัวใหญ่ได้อย่างไร แถมเขายังโมโหจนหน้าแดงเพราะถูกเธอทำร้ายร่างกายเมื่อตะกี้อีก มือใหญ่สองข้างจับเข้าที่บ่าเล็กพลางผลักเธอเต็มแรงจนชิดผนังอีกรอบ เมื่อเห็นว่าปากอิ่มของเธอกำลังจะโวยวาย เขาก็รู้สึกขี้ค้านจะฟัง และไม่รู้อะไรมาดลใจเพียงไม่กี่เสี่ยววิที่เห็นเธอกำลังจะเปิดปาก เขาดันก้มลงไปและประกบปากของเขาปิดริมฝีปากอิ่มสีชมพูนั้นซึ่งกำลังจะกรีดร้องให้เงียบลง แก้มขวัญตาเหลือกโตด้วยความตกใจพลางร่างกายก็ร้อนวูบวาบ เธอพยายามดิ้นสุดฤทธิ์ แต่ก็ยังไม่พ้นต่อพันธการนี้ เขายังคงกดแน่นที่ริมฝีปากจนตัวของเธอเริ่มแดงระเรื่อ นี่มันความรู้สึกอะไรกัน ดวงใจน้อยๆ ของหญิงสาวเริ่มเต้นผิดจังหวะ มือไม้ที่เคยอ่อนแรงจึงยกขึ้นทุบอกเขาให้รู้ว่าเธอนั้นขัดขืน แต่เจ้าไฟตอนนี้กลับดูเหมือนจะชอบใจ ริมฝีปากของเขาเริ่มขยับเม้มเพื่อจะเปิดปากของเธอ ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กกว่ากำลังตัวสั่น เธอเหมือนดั่งคนใจจะขาดตอนที่เขาเริ่มดูดมัน ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ไม่ดีไม่ควรอยู่ ดังนั้นเขาจึงยอมลามือ “ ห่า…” สองร่างถอนหายใจแรง “ แหกปาก!อยากให้ฉันเป็นโจรนักใช่ไหม เดี๋ยวแม่งจะเป็นโจรข่มขืนให้เลย!!” เขาตะคอกใส่หน้าหญิงสาวออกมาเช่นนั้นเพราะโมโห ทำให้แก้มขวัญที่เพิ่งจะถูกเขาพรากจูบแรกไป ตัวสั่นหวาดกลัวว่าเขาจะทำเช่นพูดจริง “ อย่า ฉันกลัวแล้ว อย่าทำแบบนั้น” “ ฮือ” ลมร้อนถูกปล่อยออกมาจากจมูกของชายตรงหน้า จนหญิงสาวรับรู้ได้ เธอพยายามเบือนหน้าหนีไม่สบตากับเขา “ เงียบตั้งแต่แรกก็จบ” เขาเอ่ยพลางสายตาก็ยังคงจับจ้องปากอิ่มของเธอที่กำลังบวมเป่ง เขารีบปล่อยมือจากร่างบางและขยับตัวออกเนื่องจากกลัวใจตัวเอง “ คุณต้องการอะไร” เมื่อได้ยินเธอถามแบบนั้น ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงมองเธอที่กำลังยืนคอหดอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาดุและเย็นชา “ แม่ของเธออยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจะมาพาเธอไปหาแม่เนี่ย!!” คำพูดของเขาราวกับเป็นน้ำมาชำระล้างความกลัวเมื่อครู่ของแก้มขวัญให้สลายหายไปหมด เหลือเพียงความกังวลและตกใจเข้ามาแทนที่ “ ห๊า!! แม่เป็นอะไร!!” เธอรีบจับแขนเสื้อของเขาเอาไว้พลางขยับเข้าไปใกล้เขาอย่างเผลอตัว ชายหนุ่มไม่ตอบได้แต่มองดวงตาที่ก่อนหน้าแค่แดงก่ำแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตา “ บอกฉันมาสิว่าแม่ฉันเป็นอะไร พาฉันไปหาแม่สิ ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องนี้มาหลอกฉันหรอกน่ะ” เจ้าไฟไม่เอ่ยอะไรได้แต่นึกสงสัยว่าแค่เขาเอาเรื่องแม่ของเธอมาพูด เธอก็ยอมอ่อนให้ขนาดนี้เลยเหรอ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วจับเข้าที่แขนของหญิงสาว มืออีกข้างล้วงเอากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงและรีบจูงพาเธอไปที่รถ“ อือ” แก้มขวัญได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ฟ้าสางแสงแดดส่องผ่านเข้ามาทาบลงบนตัวเธอ ร่างเล็กค่อยๆ ดันร่างกายที่อ่อนล้าขึ้น “ พี่ไฟ” เธอเรียกหาชายคนนั้นเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แก้มขวัญจึงค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นนั่งก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ “ เมื่อคืน มันครั้งแรกของเรานะ” เธอบ่นพึมพำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันทำให้เธอรู้สึกดีทุกอย่าง เธอยอมรับว่าตัวเองตั้งใจให้มันเป็นไปแบบนั้น แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วเขายังอยู่ตรงนี้กับเธอ “ สงสัยเราคงจะตื่นสายเกินไป” หญิงสาวพยายามคิดบวก ก่อนจะลุกและเก็บเสื้อผ้าที่เขาถอดของเธอออกขึ้นมาสวมใส่ “ โอ๊ย” แต่เธอก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ มือเล็กกุมที่หน้าท้องน้อยของตัวเอง “ ทำไมมันถึงได้ปวดแบบนี้ล่ะ” พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นคำตอบ ปากอิ่มก็อมยิ้มพลางหูแดงขึ้นมาทันที ณ แคมป์ก่อสร้าง “ ใกล้ความสำเร็จขึ้นเยอะเลยครับหัวหน้า นี่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย ก็หาเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งมาลงได้เลย” สำเนาหัวหน้าคนงานรายงานให้เจ้าไฟที่ยืนฟังอยู่ได้ทราบ “ อือ ดีมาก อย่าลืมบอกทุกคนว่าให้ตั้งใจทำงานดีๆ ล่ะ เพรา
“ กีรติกร” “ พี่ไฟ ยังไม่นอนเหรอคะ ” หญิงสาวหน้าแดงจนต้องรีบหลบสายตา เวลานั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่ง “ เธอเป็นอะไร” เขาจ้องเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึม “ แก้มฝันร้าย” มุมปากข้างซ้ายของเจ้าไฟกระตุกขึ้นในทันทีเมื่อได้เห็นท่าทีที่เธอแสดงออก เขาเดินลงจากเตียงและเดินสาวขายาวไปหาน้องที่มุมประตู “ เธอเลยจะมาขอนอนกับฉันใช่ไหม” ไม่พูดเฉยเขาใช้มือเชยคางตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องตา ความกลัวที่มีในแววตาของเธอมันช่างน่าขัน เธอกลัวเขาแต่เธอก็กลัวอย่างอื่นมากกว่าจนยอมที่จะมาขอนอนกับเขาเนี่ยน่ะ? ง่ายไปแล้วหรือเปล่า “ ไม่ได้เหรอคะ เตียงพี่ก็ออกจะกว้างนี่” เสียงหวานๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด “ จะถามว่าได้ไหม…มันก็ได้แหละ แต่เธอไม่กลัวว่า…ฉันจะทำอะไรให้เธอเหรอกีรติกร” ในขณะเดียวกันนิ้วโป้งใหญ่สอดเข้าไปในปากของน้อง กลิ่นตัวของเธอมันช่างหอมหวานจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว ไหนจะดวงตากลมโตราวลูกแก้วที่มองมา หัวใจของเจ้าไฟถึงกับร้อนผ่าวเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดูดเบาๆ ตรงนิ้วโป้ง พอเห็นเขายิ้มเธอจึงดึงมือเขาออกพร้อมกับหลบหน้า “ อยากจะทำอะไร ก็ทำเลยค่ะ แต่แก้ม..ยังมีไข้อยู่นะ” เจ้าไฟส่ายหน้าเลิ่กลั่กให้กับคำพูด
“ ไม่เห็นอะไรเลยครับหัวหน้า” สำเนาพาเจ้าไฟมาดูกล้องวงจรปิดที่มีเพียง 4-5 ตัวบนเกาะ แต่กลับไม่พบถึงอะไรหรือใครที่เป็นพิรุธเลย “ แบบนี้ก็แสดงว่าคนที่ทำเป็นคนใน”เขาบ่นพึมพำแววตามีความกลุ้มใจดั่งกลับว่าเขาพอจะรู้อะไรบางอย่าง แต่แค่คิดกับมันไม่ตกก็เท่านั้น “ อีแก้มขวัญ!!” อยู่ๆ แป้งร่ำก็เกิดความโมโหและบุกมาหาแก้มขวัญถึงบ้าน “ เธอมาทำไมแป้งร่ำ” ป้าซาร่าที่กำลังช่วยเช็ดเป่าผมให้แก้มขวัญอยู่ตรงโซฟาในบ้านหันมาถามเธอ “ แกอย่าเสือก อีคนใช้” แป้งร่ำหันไปตวาดป้า ป้าก็ของขึ้นไม่ยอมโดนว่าฝ่ายเดียว “ ต๊าย! เก่งแต่ว่าคนอื่น มึงดีตายแหละอีแป้งร่ำ” “ นี่มึงกล้าขึ้นกูขึ้นมึงกับกูเพราะมันเหรอหะ” “ ก็เอ้อน่ะสิ ก็แก้มขวัญเขาดีกว่ามึง แถมยังเป็นเมียหัวหน้า แล้วมึงอะเป็นใคร แถมยังนิสัยต่ำๆ กูต้องเคารพด้วยหรือไง” แป้งร่ำกำหมัดแน่น เพื่อจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง “ มึงหรือเปล่าที่ถูกมันเป่าหูน่ะอีแก่ น้ำหน้าอย่างอีเด็กนี่เหรอ เป็นเมียเจ้าไฟ” แป้งร่ำกอดอกพลันหัวเราะเยาะทั้งคู่ ก่อนจะชะงักให้กับเสียงใครบางคน “ แล้วถ้าใช่ เธอจะทำไม” แป้งร่ำรีบหันไปมอง “ ฟะไฟ” เธอตกใจที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินมายืนข้างๆ
“ อ๋าย!!!!” แป้งร่ำกรี๊ดลั่นบ้าน จนคนเป็นแม่อย่างทิพย์ต้องรีบวิ่งเข้ามาเขย่าตัวลูกสาว “ เป็นอะไรไปหลาน” อนันดาเองก็เดินเข้ามาถาม “ ลุงไม่ได้ยินที่พวกคนงานมันพูดเหรอ ว่าอีเด็กแก้มขวัญนั่นมันกลับมาแล้ว คนที่ไปพามันกลับมาก็คือเจ้าไฟ เห็นว่าหายไปด้วยกันทั้งคืน แถมตอนกลับยังเอาแต่อุ้มยัยเด็กนั่นไม่ยอมปล่อย ป่านนี้คงได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วมั้ง” แป้งร่ำโวยวายมีสีหน้าท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ เอาน่ะหลาน จะกลุ้มใจเรื่องนั้นไปทำไม ผู้ชายนะมันจะมีเมียกี่คนก็ได้” “ แต่แป้งอยากเป็นคนแรก ที่สอนความเป็นชายให้กับไฟ ลุงไม่เข้าใจเหรอ!” “ อย่าคิดมากไปเลยน่ะลูก แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ยังไงซะเด็กน้อยท่าทางจืดชืดแบบนั้นไม่มีทางที่จะสู้ลูกสาวของแม่ได้หรอก” ทิพย์พยายามพูดให้ลูกสาวใจเย็น “ตอนนี้เรามาคิดกันต่อดีกว่านะ ว่าถ้าเจ้าไฟรู้ว่าพวกเราเป็นต้นเหตุ มันจะเกิดอะไรขึ้น” สีหน้าของคนพูดหมองลงด้วยความกังวล แต่สามีของเธอก็ตอบกลับด้วยคำพูดที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้บ้าง “ จะไปคิดอะไรให้ปวดหัวล่ะทิพย์ ทั้งเกาะเนี่ยยังมีกล้องวงจรปิดไม่ถึง 5 ตัวเลย แล้วฉันก็หลบกล้องทุกตัวแล้ว จ้างให้ก็จับไม่ได้หรอก ถ้าเ
เช้าของวันต่อมาเอลิกเดินไปทั่วบริเวณแคมป์ก่อสร้าง “ มีใครเห็นบอสไฟบ้างไหม” เขาเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วถามกับคนงานที่นั่งทานข้าวกันอยู่ “ ห๊า หัวหน้าไฟก็หายไปอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ” โสนเดินถือจานข้าวเข้ามาถาม “ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าบอสเขาจะไปไหนที่ไม่ใช่ที่นี่เขาก็ต้องบอกก่อนสิ แต่นี่ฉันหาทั่วแล้วแต่ไม่เจอ” “ หรือว่าเขาจะออกไปตามหายัยเด็กแก้มขวัญนั่นหรือเปล่า” โสนเอ่ยขึ้นเป็นเชิงคาดเดา ก่อนที่พ่อของเธอจะเสริม “ นั่นสิ เห็นคุณนีวายก็เพิ่งกลับมาเมื่อชั่วโมงก่อนเอง ผมว่ารีบเกณฑ์คนออกไปตามหาดูเถอะ” ในระหว่างนั้นนีวายก็เดินเข้ามา “ เกิดอะไรขึ้นอีก” ทุกคนที่กำลังลุกนั่งลุกยืนหันมาจ้องเขา ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าอิดโรยดั่งคนที่ไม่ได้หลับได้นอน ” บอสไฟ หายไปครับ ไม่รู้ว่าออกไปตามหากีรติกรหรือเปล่า” นีวายถึงกับถอนหายใจแรง หลังจากนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันออกไปเดินหา พวกเขาเดินไปยังหลังเกาะ ไม่นานก็เห็นใครบางคนกำลังเดินลุยน้ำทะเลมาทางนี้จากที่ไกลๆ “ นั่นๆ คุณนีวายครับ นั่นใช่หัวหน้าไฟหรือเปล่า” “ แล้วทำไมถึงกลับมาสภาพนั้น นั่นยัยแก้มขวัญเหรอ?” โสนจ้องมองร่างสีขาวๆ ซึ่งกระทบกับแสงอาทิตย์จนแ
“ วิ่งให้เร็วกว่านี้พี่ไฟ วิ่ง!! มันมาแล้วพี่ อ้าย!!” “ มันมีหมาป่าอยู่บนเกาะแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย!” เจ้าไฟบ่นด้วยความฉงน ก่อนพาร่างของหญิงสาว กระโดดลงที่ลำธารซึ่งขวางอยู่ด้านหน้าเพื่อหนีตาย เมื่อสองร่างกระแทกลงกับน้ำก็แยกตัวออกจากกัน แก้มขวัญที่ยังตั้งสติไม่มาก เหมือนกำลังจะจมหายไป แต่ชายหนุ่มก็รีบใช้แขนคล้องเอวของเธอมาแนบกายไว้ ก่อนจะรีบพาว่ายหนีอย่างทุลักทุเล แก้มขวัญที่เหมือนจะไม่มีแรงเหลือแล้วกอดคอของชายหนุ่มแน่น เจ้าไฟจึงให้เธอขี่หลังและว่ายผุดๆ โผล่ๆ ในน้ำ จนไปถึงอีกฝั่งได้ก็เผลอกินน้ำกันไปหลายอึก “ เฮ้อ” เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ทั้งคู่ก็หอบเหนื่อย เจ้าไฟยกนิ้วกลางใส่หมาป่าพวกนั้น แต่กลับมีเรื่องให้ตกใจยิ่งกว่า เมื่อพวกมันที่เขาคิดไว้ว่าจะไม่ตามมาแล้วดันกระโดดลงน้ำว่ายตามมาเสียได้ “ พี่ไฟ!!” แก้มขวัญเห็นแบบนั้นก็เรียกเขาอย่างตกใจ ชายหนุ่มจึงรีบอุ้มร่างของเธอขึ้นแบกอีกรอบ เขาพาหญิงสาวมาซ่อนในถ้ำ ทำให้พวกหมาป่าที่พึ่งจะข้ามฝั่งมาหาทั้งคู่ไม่เจอ “ เฮ้อ หนีกระสุนหนีระเบิดยังไม่ขนาดนี้เลย” เขาบ่นพึมพำพลางเอนตัวพิงกับก้อนหินใหญ่ด้านหลัง หายใจหอบเหนื่อย จ้องมองพวกหมาป่าที่วิ่งผ่าน