เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉินชีก็นั่งลงพร้อมหยิบกระดาษและพู่กันมาเริ่มวาดวาดเสร็จอย่างรวดเร็วก็ยื่นให้ลั่วชิงยวนดู“เช่นนี้ เจ้าชอบหรือไม่?”ลั่วชิงยวนมองดู กระบี่เพรียวบาง ดูบอบบางและจับถนัดมือ ใกล้ด้ามกระบี่ยังมีตัวอักษร “ลั่ว” สลักอยู่ด้วยนางถามว่า “เจ้าต้องใช้เวลานานเท่าใดในการสร้างกระบี่เล่มนี้?”เฉินชียิ้ม “ภายในครึ่งเดือน จะตีให้เจ้าเสร็จแน่นอน”ลั่วชิงยวนประหลาดใจ “ครึ่งเดือนก็ได้แล้วหรือ?”เฉินชียกยิ้มจาง “ได้ แต่เจ้าต้องช่วยข้า”“ช่วยอย่างไร?”“ต้องรวบรวมวัสดุที่ข้าต้องการให้ครบภายในสามวัน แล้วขนขึ้นเขาไป”ลั่วชิงยวนคิดดูแล้ว การรวบรวมวัสดุเหล่านั้นในตลาดมืดคงมิยาก “ไม่มีปัญหา!”จากนั้นเฉินชีก็ตั้งใจปรับปรุงแบบร่างให้สมบูรณ์ ลั่วชิงยวนมองอยู่ข้าง ๆ ครู่หนึ่งในใจก็รู้สึกตกตะลึงในพรสวรรค์การตีกระบี่ของเฉินชีเมื่อเขาทำสิ่งนี้ สีหน้าของเขาจริงจังราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนลั่วชิงยวนจึงมิได้รบกวนอีก แล้วออกจากห้องไปจากนั้นลั่วชิงยวนก็กลับบ้านนางจึงได้พบกับโหยวหัวหนิงอวี๋หงพบนางแล้วโหยวหัวหนิงยืนอยู่ในลานบ้านราวกับกำลังรอคอยนาง เมื่อเห็นลั่วชิงยวนกลับมาก็เดินตร
“พวกเจ้าทุกคนจงไปให้พ้น!”บริวารของฉีเฮ่าจึงพากันถอยร่นไปอย่างรวดเร็วบริเวณนั้นพลันว่างเปล่าอวี๋หงก็โบกมือให้ทุกคนถอยไปผู้คุ้มกันตลาดมืดรีบเข้ามาลากศพไป เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็วที่แห่งนี้กลับสู่ความสงบ มีเพียงกลิ่นคาวเลือดที่คุกรุ่นอยู่ในอากาศมิยอมจางหายไปเป็นเวลานานเฉินชีมีสีหน้าสำนึกผิดและเสียใจ เขามองลั่วชิงยวนพลางกล่าวเสียงต่ำ “ขอโทษ ข้ามิควรโกรธเจ้า แล้วทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ลำพัง”ลั่วชิงยวนเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย มิได้ใส่ใจเมื่อห่างจากเฉินซี นางกลับรู้สึกสงบโล่งใจเสียอีกจูลั่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังมิได้จากไป เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินชี ปรากฏว่าน้ำเสียงเช่นนั้นช่างน่าตกตะลึงยิ่งนักลั่วชิงยวนสังเกตเห็นเขา จึงถามเสียงเย็น “เจ้ายังมิไปอีกรึ? ยังอยากสู้กับข้าอีกหรือไร?”จูลั่วประสานมือคารวะ จากนั้นก็ยื่นกระบี่หมื่นทิศให้ด้วยมือทั้งสองข้างในเวลานี้ เขาจะกล้ามิคืนกระบี่ได้อย่างไรลั่วชิงยวนรับกระบี่มาแล้วคิดในใจว่าเขาก็ยังพอมีเหตุผลอยู่บ้างใครเล่าจะรู้ว่าจูลั่วกลับกล่าวอีกว่า “เพียงแต่ข้ายังคงอยากจะประลองฝีมือกับแม่นาง! หวังว่าจะได้หาเวลามาป
ในขณะที่อวี๋หงกำลังไล่ตามมาทันใดนั้นก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้วกระโจนเข้าสู่บริเวณการต่อสู้ ผู้คนโดยรอบต่างหยุดมือในทันทีพากันมองไปยังทิศทางที่ผู้คนกลุ่มนั้นกรูกันเข้ามาหลังจากองครักษ์จำนวนมากกรูกันเข้ามาแล้ว ก็เห็นเงาร่างสง่างามค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในใจของทุกคนกระวนกระวายเมื่อฉีเฮ่าเห็นผู้มาเยือนก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง พยายามคลานขึ้นแล้วกระโดดเข้าไปหาเฉินชีด้วยความทุลักทุเล“ท่านแม่ทัพใหญ่! ท่านมาได้จังหวะพอดี!”ฉีเฮ่าชี้ไปยังอวี๋หงและลั่วชิงยวนด้วยความโกรธ “ท่านรีบส่งกำลังทหารไปปราบเมืองป้านกุ่ยเถิดขอรับ! เจ้าเมืองผู้นั้นคิดจะสังหารข้า!”“ส่วนสตรีผู้นี้กล้าท้าทายข้า ข้าจะจับนางกลับไปเป็นนางบำเรอกองทัพ”ฉีเฮ่าในเวลานี้เต็มไปด้วยบาดแผล เห็นได้ชัดว่ามิอาจต้านทานอวี๋หงได้จึงจำต้องหาที่พึ่งบังเอิญว่าเฉินชีมาถึงพอดี เขามั่นใจว่าเฉินชีจะลงมือช่วยเหลือทว่าเมื่อเฉินชีได้ยินคำสุดท้าย สีหน้าก็พลันมืดมนลงในทันทีดวงตาคมกริบมองฉีเฮ่าอย่างดุร้าย “เจ้าว่ากระไรนะ?”“สตรีผู้นั้นเป็นกระไรไป?”ฉีเฮ่ายังมิได้ตระหนักถึงแววตาและน้ำเสียงที่เย็นชาลงอย่างกะทันหันของเฉินชี เพียงกล่าวด้วยค
อวี๋หลินล้มลงกับพื้น มิกล้าลุกขึ้นอีก เขาตะโกนด้วยความหวาดกลัว “จูลั่ว! เจ้ามัวยืนเฉยอยู่หาปะไร ลงมือสิ!”จูลั่วที่ยืนอยู่ห่าง ๆ เหลือบมองมาลั่วชิงยวนเหยียบอกอวี๋หลิน พลางจ้องมองเขาจากเบื้องบนด้วยสายตาคมกริบ “ข้าบอกแล้วว่าวันนี้ข้าจะเอาแขนของเจ้าให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ นางก็หยิบกระบี่ขึ้นมาจากพื้นแล้วฟันเข้าที่แขนของอวี๋หลินอย่างแรงเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังก้องเลือดแดงฉานสาดกระเซ็นอวี๋หลินกุมแขนที่ขาดสะบั้นไว้พลางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดภาพนี้โหดร้ายนองเลือดอย่างยิ่งทว่าลั่วชิงยวนกลับมิได้กะพริบตาแม้แต่น้อย“เจ้าน่ะรึ? คู่ควรที่จะมาแย่งตำแหน่งเจ้าเมืองหรือไร? เจ้าคนไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนเตะเขาออกไปแต่ในเวลานั้นเอง จูลั่วก็ฉวยกระบี่หมื่นทิศมาอย่างรวดเร็ว แล้วเงื้อกระบี่พุ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนหรี่ตาลงมองเขา ก่อนจะเดาะลิ้นแล้วส่ายหน้า “แม้จะถือกระบี่หมื่นทิศแล้ว ทว่าเทียบท่าทีของเจ้ากับฝูเหมิ่งแล้วก็ยังห่างไกลนัก”ท่าทีของฝูเหมิ่งเมื่อถือกระบี่นั้นสามารถทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวได้ แต่จูลั่วกลับมิเป็นเช่นนั้นจูลั่วหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าลั่วชิงยวน ส
การแพ้ให้กับสตรีนางหนึ่งช่างเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งฉีเฮ่ายอมสังหารผู้คนในที่นั้นทั้งหมดดีกว่าต้องคุกเข่าขออภัยต่อสตรีผู้นี้!ในวินาทีต่อมาผู้คุ้มกันที่ฉีเฮ่านำมาก็กรูกันเข้ามา แล้ววิ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวนในขณะนั้นเอง ผู้คุ้มกันตลาดมืดก็เคลื่อนไหวในทันทีบรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นในพริบตาทำให้ผู้คนจำนวนมากที่มุงดูอยู่ต่างถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว ด้วยเกรงว่าจะโดนลูกหลงฉีเฮ่าจ้องลั่วชิงยวนเขม็ง แล้วพุ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวนในเวลานั้นเอง เงาร่างสีดำก็ร่อนลงมากลางอากาศ เข็มเงินหลายเล่มพุ่งตรงมาจิตสังหารพวยพุ่งฉีเฮ่าตอบสนองอย่างรวดเร็ว ถูกบังคับให้ถอยหลังไปหลายก้าวเข็มเงินพุ่งปักลงบนพื้นเสียงอันเปี่ยมด้วยอำนาจและทรงพลังดังมาจากฟากฟ้า “ข้าจะดูว่าใครกล้าแตะต้องน้องสาวของอวี๋หงผู้นี้!”เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นก็ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายนับมิถ้วนทุกคนพากันมองไปตามเสียง จึงเห็นเงาร่างในชุดคลุมสีดำอยู่บนชายคา ภายใต้หน้ากากผีนั้นเพียงพอที่จะสะกดข่มผู้คนที่อยู่ในที่นั้นได้ฉีเฮ่าขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็เกิดความคิดที่จะถอยหนีมิอยากเป็นศัตรูกับตลาดมืดแต่มินานเขาก็ถูกความโกรธในใจครอบงำ
ทั้งสองปะทะกันหลายสิบกระบวนท่า ลั่วชิงยวนเอาแต่หลบหลีก แต่เพียงแค่หลบหลีกก็สามารถทำให้ฉีเฮ่าโกรธแทบตายได้จูลั่วที่ยืนมองอยู่ตลอดเวลารู้สึกกังวลสตรีผู้นี้มิได้อ่อนแอเลยท่านแม่ทัพใหญ่ประมาทแล้ว!ทันใดนั้นเอง เสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นก็ดังขึ้นโดยรอบเพราะลั่วชิงยวนถูกบีบให้ถอยไปจนถึงขอบลานประลองแล้วอาจตกลงไปได้ทุกเมื่อสายตาของฉีเฮ่าเย็นชา ฉวยโอกาสจับบ่าของลั่วชิงยวน มุมปากแสยะยิ้มเย็น “จับเจ้าได้แล้ว!”“ดูสิว่าตอนนี้เจ้าจะหลบได้อย่างไรอีก!”หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ลงมือหนักขึ้น ลั่วชิงยวนรับมือด้วยความตึงเครียด แต่ด้วยความแตกต่างของน้ำหนักตัว ฉีเฮ่าจึงจับแขนและขาของนางแล้วยกขึ้นฉีเฮ่ายกตัวลั่วชิงยวนขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง เตรียมจะโยนนางออกจากลานประลองทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ออกแรงอย่างแรง ใช้เท้าข้างหนึ่งเกี่ยวคอของฉีเฮ่าไว้จากนั้นก็หมุนตัวหลุดจากมือของฉีเฮ่า แล้วเกี่ยวคอฉีเฮ่าแล้วล้มลงกับพื้นลั่วชิงยวนร่วงลงสู่พื้นก่อนแล้วฟาดฝ่ามือลงไป แรงลมยกฝุ่นคละคลุ้งก่อนจะกระโจนตัวขึ้นในพริบตาแต่ขาทั้งสองข้างยังคงล็อกคอของฉีเฮ่าไว้แน่นกดฉีเฮ่าลงกับพื้นอย่างแรงจากนั้น