ครั้นชีหยวนกลับถึงตระกูลชีที่เมืองหลวง ฮูหยินผู้เฒ่าชีได้รออยู่นานแล้วฮูหยินรองชีก็มิได้ไปที่ใด คอยอยู่เคียงข้างฮูหยินผู้เฒ่าตลอดเวลานางอดเอ่ยด้วยความกังวลมิได้ “รู้อย่างนี้ ข้าก็ควรตามไปกับแม่หนูหยวนด้วย...”ฮูหยินผู้เฒ่าชีเหลือบตามองนางอย่างประหลาดใจทันทีก่อนหน้านี้ ทุกคราที่ฮูหยินรองชีติดตามชีหยวนออกไป ครั้นกลับมาทีไรก็เสียขวัญอยู่นานทำท่าเหมือนอกสั่นขวัญแขวน ครั้งที่แล้วถึงกับเอ่ยปากเป็นนัยกับตน ว่าอยากให้ฮูหยินสามตามชีหยวนออกไปแทนแล้วเหตุใดวันนี้กลับเอ่ยวาจาเช่นนี้ขึ้นมา?ฮูหยินรองชีถอนหายใจหนักหน่วง “ข้าไม่วางใจเลย เถียนเป่าซื่อนั่น ข้าเคยได้ยินพี่สะใภ้สกุลเดิมของข้ากล่าวถึง ว่าไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก่อนพี่สะใภ้ของข้า...”เอ่ยถึงตรงนี้ ฮูหยินรองชีก็เม้มริมฝีปากแน่น แล้วจึงกล่าวต่อ “แม่นมของหลานชายข้า มีบุตรอีกคนที่วัยไล่เลี่ยกับหลานชาย พี่สะใภ้ข้าใจดี ก็เลยให้แม่นมพามาดูแลอยู่ในจวนด้วยกัน”“แต่ภายหลังเถียนเป่าซื่อมาเป็นแขกที่จวน กลับใช้เท้าเตะเด็กคนนั้นจากบนเขาจำลองลงไปในสระน้ำ ศีรษะกระแทกจนเป็นแผลกว้างโลหิตไหลนอง เด็กคนนั้นก็สิ้นใจ...”ครั้งนั้น ฮูหยินรองชีกำลังตั้งคร
ชีหยวนเชิดหน้าขึ้นอย่างเย็นชา สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ แล้วดึงมีดสั้นอีกเล่มออกมา ตรึงมืออีกข้างของเถียนป๋อจือลงกับพื้นความเจ็บปวดรุนแรงเกือบทรมานเถียนป๋อจือจนเป็นบ้า แต่เขายังไม่กล้าขยับ เพราะเพียงแค่ไหวกายเล็กน้อย ความเจ็บปวดก็แล่นริ้วออกจากบาดแผลทรมานยิ่งกว่าตายนางคนบ้านี่!เขาเจอเข้ากับคนบ้าตัวจริง!ชีหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน มองเขาแล้วเอ่ย “เจ้ามิได้เห็นผู้อื่นเป็นคน เช่นนั้นก็ย่อมมีคนที่มิได้เห็นเจ้าเป็นคนเช่นกัน อย่างเช่นข้า เวลานี้ข้ามิได้เห็นเจ้าเป็นคน ในเมื่อเจ้าชอบเป็นแพะสองขานัก บัดนี้ข้าก็เห็นเจ้าเป็นแพะแล้ว เจ้าควรจะขอบคุณข้านะ”นางหยุดไปชั่วครู่ แล้วพลันยิ้มบาง ก้มลงตบหน้าของเถียนป๋อจือเบา ๆ สายตาราวกับจะฉีกกินร่างเขา ก่อนจะตบเพียะหนึ่งฉาดอีกเต็มแรง “พูดสิ ขอบคุณ!”ความอัปยศพลันเอ่อท้นไปทั่วกาย เถียนป๋อจือดวงตาแทบถลนออกมาด้วยโทสะชีหยวนพูดเสียงเรียบ “เฉิงเอินกง เจ้าทำคุณงามความชอบอันใดแก่แผ่นดิน? หรือเคยสร้างคุณประโยชน์ใดแก่ราษฎร?”“เจ้ายังเทียบกระทั่งฉู่กั๋วกงไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยฉู่กั๋วกงยังเคยตีเมืองยึดดินแดน”“เจ้าก็แค่พึ่งพาอำนาจสตรีขึ้นมาเป็นปลิงดูดเลือด เป็
เถียนป๋อจือพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ มองชีหยวนด้วยสายตาเย็นชา มิได้มีท่าทีหวาดหวั่น พลันหัวเราะออกมา “เจ้าลำพองใจมากนักหรือ? ชีหยวน?”ชีหยวนฟาดฝ่ามือใส่เขาอีกฉาดหนึ่งดังเพียะ ทำเอาแก้มขวาของเขาบวมพองประหนึ่งหัวหมูลิ่วจินสะท้านขึ้นมาในใจทันทีตัดสินใจแน่วแน่ว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่หาญกล้าไปหาเรื่องคุณหนูใหญ่คุณหนูใหญ่นี่ช่าง...เมื่อครู่นี้เถียนป๋อจือมิได้ออมมือเลย ฟาดใส่แผ่นหลังของคุณหนูใหญ่ชีสุดแรง แผ่นหลังของนางเกิดบาดแผลที่เผยให้เห็นโลหิตกับเนื้อฉีก แถมยังมีหนามปักอยู่!นั่นจะต้องเจ็บปวดเพียงใดกัน?แต่คุณหนูใหญ่ชีนั้น นางกลับหาได้ใส่ใจไม่!ลิ่วจินคิดแล้วก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ มิน่าเล่า ท่านอ๋องมักกล่าวว่าคุณหนูใหญ่ลำบากนักไม่รู้เลยว่าเมื่อครั้งยังเยาว์วัย คุณหนูใหญ่ต้องทนทุกข์เพียงใด จึงได้หล่อหลอมเป็นคนเช่นนี้เถียนป๋อจือแววตาเยียบเย็น ไม่เพียงไม่ขอชีวิตแต่ยังหัวเราะลั่น “เจ้าคิดว่าฆ่าข้าแล้ว ไทเฮาจะไม่รู้เรื่องนี้หรือ? เจ้าคิดว่าฆ่าข้าแล้ว พวกเจ้าก็จะรอดปลอดภัยหรือ?”เขาจ้องชีหยวนด้วยความอาฆาต “ไทเฮาจะฆ่าเจ้าแน่ จักฆ่าล้างจวนหย่งผิงโหวทั้งตระกูล!”ออกมาปะปนอยู่ในวงการนี้ มีผู
และจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่นั้น ต้นไม้อีกต้นก็ล้มครืนลงมาเสียงดังสนั่นลิ่วจินไล่ตามมาทันในที่สุด ครานี้ถึงกับตะลึงงันไปโดยเฉพาะเมื่อเห็นเถียนป๋อจือใช้ปืนไฟกระหน่ำยิงตามชีหยวนไม่หยุด หัวใจของเขาแทบจะกระดอนออกมานอกอก แล้วพุ่งเข้าหาเถียนป๋อจือทันทีมิลังเลแม้แต่น้อยเถียนป๋อจือก็มิได้ลังเล ยกปืนไฟขึ้นเล็งตรงไปยังลิ่วจินลิ่วจินตกใจจนแทบสิ้นใจเขาย่อมรู้ดีถึงอานุภาพของปืนไฟ มนุษย์กายเนื้อหนัง จะเปรียบได้อย่างไรกับสิ่งนี้? หากถูกยิงเข้าไป ต่อให้เป็นมหาเซียนสวรรค์ก็ช่วยชีวิตไม่ทันแต่ไม่มีทางเลือกแล้ว!เพราะท่านอ๋องตรัสไว้ว่า ต้องคุ้มครองคุณหนูใหญ่ชีให้ดี!ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูใหญ่ชีมาฆ่าเถียนป๋อจือ ก็สมควรแล้ว!ผู้คนที่ตายในลานสุนัขนั้น ล้วนเป็นสตรีและเด็กเล็ก ใครจะรู้ว่าก่อนสิ้นใจพวกเขาต้องทนทุกข์เพียงใดใช้คนไปเลี้ยงสุนัข ช่างเป็นเรื่องที่ฟ้าดินโกรธแค้น ผู้คนสาปแช่ง!เขาหลับตาลงทว่าในขณะนั้นเอง ชีหยวนไม่สนใจความเจ็บปวด เด็ดเอาเถาวัลย์อีกเส้นหนึ่งมา นำเถาวัลย์สองเส้นบิดรวมเข้าด้วยกัน แล้วสะบัดออกไปอย่างแรง พันแน่นกับมือของเถียนป๋อจือ จากนั้นกระชากสุดแรงเถียนป๋อจือเจ็บจนร้อ
ชีหยวนเคลื่อนไหวว่องไว เกือบในขณะเดียวกับที่เถียนป๋อจือเห็นนางพุ่งตัวเข้ามา ม้าก็ร้องฮี้ขึ้นเสียงหนึ่ง วิ่งถลันพุ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว รถม้าก็พลัดตกลงจากหน้าผา กระแทกเข้ากับผนังเขาดังสนั่น ปลุกฝูงนกนับไม่ถ้วนให้กระพือปีกบินว่อนไม่มีความลังเลใดใด ไม่มีการต่อรองใด ๆ เพียงเอ่ยถ้อยคำไม่กี่ประโยค ชีหยวนก็ลงมือทันทีสตรีผู้นี้ทำการสิ่งใด ล้วนมิรู้จักทางสายกลางนางเอื้อนเอ่ยสิ่งใด ก็หมายถึงเช่นนั้นโดยแท้เถียนป๋อจือกระโจไปถึงขอบผา ทั้งร่างกระแทกพื้นอย่างหนัก เหยียดมือออกไป ทว่ากลับคว้าได้เพียงเศษผ้าม่านรถม้าขาดวิ่น แล้วก็ทำได้เพียงลืมตาโพลง มองดูรถม้านั้นตกดิ่งสู่เหวอันไร้ขอบเขตก้นเหวเบื้องล่างคืออ่างเก็บน้ำขนาดมหึมา รถม้าพลัดตกลงไปเช่นนั้น อีกทั้งน้ำหนักรถที่หนักอึ้ง ต่อให้ลงไปค้นหาศพของเถียนเป่าซื่อได้ สิ่งที่พบก็คงมีเพียงแขนขาขาดวิ่นกับซากร่างที่แหลกเหลว!เหตุใดจึงมีคนใจเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้กัน?!เถียนป๋อจือรู้สึกเจ็บปวดจนแทบสิ้นใจ กำหมัดแน่นแล้วทุบลงบนพื้นอย่างแรง ต่อให้พื้นเต็มไปด้วยเศษหิน มือของเขาถูกเสียดสีอย่างรุนแรงจนโลหิตไหลริน แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อยล้วนเป็นเเ
ทว่าผู้ที่ฆ่าเถียนเป่าซื่อและผู้ที่ทำให้เถียนเป่าซื่อกลายเป็นเช่นนี้ จะต้องชดใช้อย่างสาสมเช่นเซียวจิ่งจาว และอีกคนก็คือชีหยวนเขาจะต้องโยนชีหยวนลงไปกลางฝูงสุนัข ให้ชีหยวนถูกกัดกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก!ล้วนเป็นเพราะนางดาวอัปมงคลผู้นี้! ล้วนเป็นเพราะนาง!ในอกเขาแน่นอัดด้วยโทสะ สมองเต็มไปด้วยภาพบุตรชายที่สิ้นใจอย่างน่าสังเวชจนกระทั่งได้ยินเสียงดังครืนสนั่น ก็พลันได้สติจากความโกรธ หันขวับไปมองด้วยความตะลึงเพราะรีบร้อนเดินทาง เขาจึงเลือกทางลัดเพื่อจะตรงไปยังประตูเต๋อเซิ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อต้องรั้งบังเหียนม้าก็สิ้นแรงไปมากโข กว่าจะหยุดลงได้แล้วหันขวับกลับไปสิ่งที่เห็นก็คือสารถีร่วงหล่นลงไปนอนกองกับพื้นและในตอนนี้ รถม้ากลับหันหัวเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้าไปบนไหล่เขาด้านข้างเสียแล้ว......มีคนมาชิงรถม้า!ภายในรถม้ายังมีศพของบุตรชายเขาอยู่!เถียนป๋อจือพลันตระหนักขึ้นมา รีบตวาดเสียงลั่น “พวกเจ้าเป็นศพไปแล้วหรือไร?! ยังไม่รีบตามไปอีก!”เหล่าองครักษ์ทั้งหลายก็ได้สติกลับมา รีบเร่งบังคับม้า หมุนตัวตามรถม้าขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ลิ่วจินฉวยโอกาสปิดบังใบหน้าของตนไว้ บัดนี้เมื่อวิ่