ชีหยวนเคลื่อนไหวว่องไว เกือบในขณะเดียวกับที่เถียนป๋อจือเห็นนางพุ่งตัวเข้ามา ม้าก็ร้องฮี้ขึ้นเสียงหนึ่ง วิ่งถลันพุ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว รถม้าก็พลัดตกลงจากหน้าผา กระแทกเข้ากับผนังเขาดังสนั่น ปลุกฝูงนกนับไม่ถ้วนให้กระพือปีกบินว่อนไม่มีความลังเลใดใด ไม่มีการต่อรองใด ๆ เพียงเอ่ยถ้อยคำไม่กี่ประโยค ชีหยวนก็ลงมือทันทีสตรีผู้นี้ทำการสิ่งใด ล้วนมิรู้จักทางสายกลางนางเอื้อนเอ่ยสิ่งใด ก็หมายถึงเช่นนั้นโดยแท้เถียนป๋อจือกระโจไปถึงขอบผา ทั้งร่างกระแทกพื้นอย่างหนัก เหยียดมือออกไป ทว่ากลับคว้าได้เพียงเศษผ้าม่านรถม้าขาดวิ่น แล้วก็ทำได้เพียงลืมตาโพลง มองดูรถม้านั้นตกดิ่งสู่เหวอันไร้ขอบเขตก้นเหวเบื้องล่างคืออ่างเก็บน้ำขนาดมหึมา รถม้าพลัดตกลงไปเช่นนั้น อีกทั้งน้ำหนักรถที่หนักอึ้ง ต่อให้ลงไปค้นหาศพของเถียนเป่าซื่อได้ สิ่งที่พบก็คงมีเพียงแขนขาขาดวิ่นกับซากร่างที่แหลกเหลว!เหตุใดจึงมีคนใจเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้กัน?!เถียนป๋อจือรู้สึกเจ็บปวดจนแทบสิ้นใจ กำหมัดแน่นแล้วทุบลงบนพื้นอย่างแรง ต่อให้พื้นเต็มไปด้วยเศษหิน มือของเขาถูกเสียดสีอย่างรุนแรงจนโลหิตไหลริน แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อยล้วนเป็นเเ
ทว่าผู้ที่ฆ่าเถียนเป่าซื่อและผู้ที่ทำให้เถียนเป่าซื่อกลายเป็นเช่นนี้ จะต้องชดใช้อย่างสาสมเช่นเซียวจิ่งจาว และอีกคนก็คือชีหยวนเขาจะต้องโยนชีหยวนลงไปกลางฝูงสุนัข ให้ชีหยวนถูกกัดกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก!ล้วนเป็นเพราะนางดาวอัปมงคลผู้นี้! ล้วนเป็นเพราะนาง!ในอกเขาแน่นอัดด้วยโทสะ สมองเต็มไปด้วยภาพบุตรชายที่สิ้นใจอย่างน่าสังเวชจนกระทั่งได้ยินเสียงดังครืนสนั่น ก็พลันได้สติจากความโกรธ หันขวับไปมองด้วยความตะลึงเพราะรีบร้อนเดินทาง เขาจึงเลือกทางลัดเพื่อจะตรงไปยังประตูเต๋อเซิ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อต้องรั้งบังเหียนม้าก็สิ้นแรงไปมากโข กว่าจะหยุดลงได้แล้วหันขวับกลับไปสิ่งที่เห็นก็คือสารถีร่วงหล่นลงไปนอนกองกับพื้นและในตอนนี้ รถม้ากลับหันหัวเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้าไปบนไหล่เขาด้านข้างเสียแล้ว......มีคนมาชิงรถม้า!ภายในรถม้ายังมีศพของบุตรชายเขาอยู่!เถียนป๋อจือพลันตระหนักขึ้นมา รีบตวาดเสียงลั่น “พวกเจ้าเป็นศพไปแล้วหรือไร?! ยังไม่รีบตามไปอีก!”เหล่าองครักษ์ทั้งหลายก็ได้สติกลับมา รีบเร่งบังคับม้า หมุนตัวตามรถม้าขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ลิ่วจินฉวยโอกาสปิดบังใบหน้าของตนไว้ บัดนี้เมื่อวิ่
ลิ่วจินไม่รู้เลยว่าชีหยวนจะไปฆ่าใครอีก เขารู้เพียงว่า แต่ก่อนเขาเคยประเมินทักษะการขี่ม้าของชีหยวนต่ำไปนักเขารู้อยู่หรอกว่าชีหยวนขี่ม้าได้ แต่ไม่รู้เลยว่าชีหยวนจะเหาะได้ด้วย!ชีหยวนโน้มตัวลงต่ำ แทบจะเอาร่างทั้งร่างแนบไปกับหลังม้า พุ่งไปดังลูกธนูที่พ้นสายจากคันธนู เร็วจนมองเห็นเพียงเงาร่างเลือนลางโอ้ สวรรค์!ตำแหน่งราชองครักษ์นี่ มอบให้ชีหยวนไปเถิด!ท่านอ๋องมีพระชายารัชทายาทเช่นนี้แล้ว ยังจะต้องการองครักษ์ที่ไหนอีกเล่า?มีชีหยวนเพียงคนเดียวก็เกินพอแล้ว!ใบหน้าของเขาถูกลมแรงปะทะจนปวดแสบ แต่พอเงยหน้ามองไปข้างหน้า……โอ้ เขาไม่มองเห็นแล้ว เพราะชีหยวนขี่ลิบตาไปจนหายไร้เงาแล้วนี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!เขาเหยียดแขนยกบังเหียนฟาดลงบนสะโพกม้าอย่างแรง “เจ้าจงออกหน้าให้ข้าหน่อยเถอะ!”แล้วก็อดบ่นไม่ได้ “หย่งผิงโหวสอนการขี่ม้าให้กับคุณหนูใหญ่ชียังไงกันนะ ขี่เก่งขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าทหารม้าของทหารเมืองหลวงที่เขาฝึกออกมาจะเก่งแค่ไหน!”ชีเจิ้นจามออกมาทีหนึ่งเขาสั่งให้เหล่าทหารปล่อยให้ชาวบ้านค้นหาซากกระดูกกันก่อน แล้วพอหันกลับมา ก็ไม่เห็นลูกสาวตัวเองแล้วอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ในเวลานี้เซีย
ในจังหวะนั้นเอง อ๋องโจวก็พลันได้ยินเสียงร้องไห้แหลมสูงดังมาจากด้านนอกเขาสะดุ้งตกใจ รีบหันไปสบตากับเซียวจิ่งจาว ทั้งสองจึงก้าวออกไปอย่างเร่งร้อน แล้วก็เห็นว่าลานสุนัขนั้น บัดนี้มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันมิใช่เหล่าคุณชายที่เคยมาชมการแข่งขันแล้วบาดเจ็บ และมิใช่ชาวบ้านที่เคยมามุงดูความครึกครื้นในคราวแรก หากแต่เป็นคนกลุ่มใหม่ทั้งหมดดูจากท่าทางแล้ว ล้วนเป็นชาวบ้านละแวกใกล้เคียง บางคนถึงขั้นยังแบกจอบมาด้วย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเร่งรุดมาจากนาเสียงร้องไห้โหยหวนก็ดังมาจากตรงนั้นเองเซียวจิ่งจาวก้าวยาวพรวดไปข้างหน้า แหวกฝูงชนออก ก็เห็นสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางกองกระดูกในลานสุนัข ในอ้อมแขนกอดเพียงกลองป๋องแป๋งไว้แน่น ร่ำไห้โศกสลดจนใจแทบขาดเขาชะงักงันไปชั่วครู่อ๋องโจวก็พลันนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง ทำเอาหนังหัวชาวูบ ขนลุกซู่แม้แต่คนอย่างชีเจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะตาแดงเรื่อ“โอ้ สวรรค์!” สตรีนั้นกอดกลองเด็กเล่นแนบข้างหู เท้าก็ทุบลงกับพื้นพลางร่ำไห้สะอื้น “ลูกชายข้าเพิ่งอายุได้สามขวบ!ข้าเคยคิดมาโดยตลอดว่าเขาถูกพวกโจรลักคนลักพาไป ข้าร่อนเร่ร้องขอตามหาเขาทั่วสารทิศ ใครจะรู้ว่ากลับถูกเอาไป
เฝิงไฉ่เวยตายแล้ว สำหรับเซียวจิ่งจาวแล้ว เขารู้สึกคล้ายได้ปลดภาระหนึ่งออกจากอกมิใช่ว่าเขาไม่คิดจะใช้เฝิงไฉ่เวยมาต่อกรกับชีหยวนและเซียวอวิ๋นถิง ทว่าหลังจากร่วมมือกันอยู่หลายครั้ง เขากลับล้มเลิกความคิดนั้นโดยเฉพาะในวันนี้ เมื่อเขาพบว่าเฝิงไฉ่เวยมองข้ามเหตุการณ์ความโหดร้ายที่สุนัขบ้ากัดผู้คน ทั้งยังมุ่งหวังเพียงอยากให้เรื่องบานปลาย ยิ่งสุนัขกัดตายคนได้มากเท่าไรยิ่งดี เขาก็พลันตระหนักขึ้นมาทันทีร่วมมือกับเฝิงไฉ่เวย เขาย่อมไม่มีวันเป็นผู้ชนะเขาหลับตาลงเบา ๆอ๋องโจวยังเข้าใจผิด คิดว่าเขาเจ็บปวดใจเกินกว่าจะเผชิญได้ จึงอดไม่ได้ที่จะตบไหล่เขาแล้วปลอบ “ช่างเถิด จิ่งจาว เรื่องนี้…... ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยนะ สุนัขพวกนี้มันมีมากเกินไปจริง ๆ จะเฝ้าดูก็เฝ้าไม่ไหว แถมสุนัขพวกนี้ยังฝึกจนสามารถเปิดกรงเองได้…...”เฝิงไฉ่เวยก็ช่างโชคร้ายเหลือเกิน......เซียวจิ่งจาวเอ่ยเสียงถามราบเรียบ “ที่นี่เป็นสถานที่ขังสุนัขที่จับมา เหตุใดไฉ่เวยกับสาวใช้ของนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”อ๋องโจวชะงักไปทันที ไม่ทันตอบสนองไปชั่วขณะพอเข้าใจได้ เขาก็อ้าปาก อดไม่ได้ที่จะถาม “จิ่งจาว เจ้าหมายความว่ายังไงกัน? เจ้าหมายความ
ถึงครานั้น ผู้ที่ต้องเคราะห์ร้ายจะมิใช่บุตรีของเขาเองหรือ?เขาหลับตาลง ถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก เอามือกุมหน้าอกของตนไว้ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินจากไปทันทีเถียนป๋อจือยืนค้างอยู่กับที่ สายตากวาดมองเรือนพักนอกเมืองแห่งนี้เมื่อก่อนร่างกายของเถียนเป่าซื่อไม่แข็งแรง ทางบ้านจึงซื้อเรือนพักน้ำพุร้อนแห่งนี้ไว้โดยเฉพาะ เพื่อจะได้ให้เขามาแช่น้ำพุร้อน ขี่ม้า ล่าสัตว์ที่นี่ภายหลังเถียนเป่าซื่อกลับเริ่มหลงใหลการเลี้ยงสุนัข พวกเขาจึงไปเสาะหาสุนัขหลากสายพันธุ์มาให้เถียนเป่าซื่อทว่าเถียนเป่าซื่อไม่สนใจสุนัขเลี้ยงเล่นพวกนั้นแม้แต่น้อย เขาชื่นชอบเพียงสุนัขล่าเนื้อเท่านั้นในหมู่สุนัขล่าเนื้อ พันธุ์ที่เขาชอบที่สุดก็ยังเป็นสุนัขล่าเนื้อพันธุ์จีน[1]รูปร่างงดงาม ทว่าดุดันไม่แพ้ใคร เวลาออกล่าเหยื่อก็งามสง่าเกรียงไกรเหตุใดเรื่องราวถึงได้กลายเป็นเช่นนี้เล่า?เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้น กลั้นไม่ไหวจนร้องไห้ออกมาด้วยความปวดร้าวใจเขารู้ดีว่าบุตรชายทำผิดทว่าเขาก็จนปัญญาลูกชายคนนี้ได้มาด้วยความยากลำบากเหลือแสน บรรดาลูกชายของพี่ชายเขาล้วนตายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงเขาผู้เดียว ที่กว่าจะได้ให้กำเนิดลูกชายคน