“ข้าเป็นห่วงเย่หรงมาก! เพราะเขาคือน้องชายของข้า!”หลิงอวี๋กล่าวเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้ได้ยินเจ้าแห่งทิศใต้ตรัสว่า ท่านมิเชื่อว่าสำนักซิงหลัวคือตงกู้อวี้ที่กลับชาติมาเกิด! ”“หลงหมิง ข้าจะบอกท่านให้รู้ไว้ ทั้งข้าและเย่หรงต่างก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องการกลับชาติมาเกิดนั้นมีอยู่จริงในใต้หล้าผืนนี้!”“ทั้งข้าและเย่หรงต่างก็กลับชาติมาเกิดพร้อมกับความทรงจำในชาติก่อน!”“ท่านยังจำอูอวี๋หลานได้กระมัง นางตามหาสาวน้อยเหล่านั้นก็เพื่อที่จะยืมร่างคืนวิญญาณ ในเมื่อใต้หล้านี้มีเรื่องการยืมร่างคืนวิญญาณได้ ก็ย่อมมีเรื่องการกลับชาติมาเกิดได้เช่นกัน!”แววตาของหลงหมิงไหววูบ “แต่อูอวี๋หลานก็หาได้สำเร็จไม่!”“อีกอย่าง ตามที่เจ้าว่า ตงกู่อวี้คือผู้ที่กลับชาติมาเกิด เช่นนั้นแล้วเหตุใดเวลาผ่านไปหลายร้อยปี นางถึงมิเคยก่อเรื่องอันใดเพื่อช่วยฝูไห่ออกมาเลยเล่า?”หลิงอวี๋จึงเล่าเรื่องที่นางและเซียวหลินเทียนเคยคาดเดาไว้ให้หลงหมิงฟังนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้ตงกู่อวี้อาจจะยังไม่มีโอกาสช่วยฝูไห่ แต่ครานี้ท่านก็เห็นแล้วว่านางได้ยึดครองวังเทพไปแล้ว หากท่านยังมิคิดจะหยุดยั้งนางอีก มินานนางต
ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นหลงหมิงก็เข้ามา เขาเปลี่ยนมาอยู่ในชุดลำลองของจักรพรรดิ เป็นชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่มีลวดลายมังกรเงินกำลังโบยบินทอแทรกอยู่บนเนื้อผ้าเมื่อหลิงอวี๋เห็นเขาสวมหน้ากากสีเงิน ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาคงเป็นเพราะก้อนหินยักษ์ของอูอวี๋หลานสร้างความเสียหายให้หลงหมิงอย่างมาก จนเขาไม่มีหน้าจะไปพบผู้คนได้เลยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว บารมีของหลงหมิงก็ดูด้อยลงไป“หลิงอวี๋ คิดออกหรือยังว่าผลึกมังกรของเลี่ยวหงเสียซ่อนอยู่ที่ใด?”หลงหมิงหยุดยืนห่างจากหลิงอวี๋มิไกลนัก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “คืนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่ข้าจะให้เจ้า!”“เจ้าจงบอกที่ซ่อนของผลึกมังกรมาโดยดี ตัวข้าจะให้เซียวหลินเทียนกลับฉินตะวันตกไปเลี้ยงดูบุตรชายของพวกเจ้าจนเติบใหญ่ หาไม่แล้วพวกเจ้าทั้งครอบครัวรวมถึงราษฎรในฉินตะวันตกของเจ้าจะต้องตาย!”มือทั้งสองข้างของหลิงอวี๋ถูกล่ามโซ่ตรึงไว้กลางห้องในลักษณะกางแขน นางมองหลงหมิงด้วยสายตาเฉยเมย “ตอนที่อยู่ในคุกน้ำ ท่านกับข้าก็ได้ยินคำพูดของเลี่ยวหงเสียเหมือนกัน นางมิเคยบอกที่ซ่อนของผลึกมังกรกับข้าเลยแม้แต่น้อย”“หลงหมิง ท่านคืออัจฉริยะด้านกา
หยกหล้าสุขาวดีมิเพียงแต่เป็นสิ่งที่หลงหมิงปรารถนา แต่เสิ่นฮ่าวเองก็ต้องการเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าตัวเองโดนเจ้าแห่งทิศใต้เล่นงาน ทำให้เขาไม่มีทางมีลูกได้อีกแล้วในชีวิตนี้ เสิ่นฮ่าวก็เคยรู้สึกสิ้นหวังอยู่ช่วงหนึ่งทว่าในระหว่างการไล่ล่าโม่เจี๋ย เสิ่นฮ่าวพลันนึกถึงหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋ขึ้นมาได้หยกหล้าสุขาวดีนี้คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของหลงอี้ ที่หลงหมิงและมหาเทพหลงองค์ก่อนอยากได้ก็เพราะความมหัศจรรย์ของมัน หากได้ครอบครองก็อาจจะมีชีวิตยืนยาวได้หลายร้อยปีเช่นเดียวกับหลงอี้หากสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปี การจะมีทายาทสืบสกุลหรือไม่แล้วจะมีความสำคัญอันใดเล่า?มิใช่ว่ามีเพียงตระกูลหลงที่จะมีหยกหล้าสุขาวดีได้เสียหน่อย ตนก็สามารถครอบครองได้เช่นกันเสิ่นฮ่าวถึงกับคิดว่า หากตนได้หยกหล้าสุขาวดีมาครองแล้ว หลงหมิงจะมีความหมายอันใด ตัวเขาก็สามารถเป็นมหาเทพหลงได้เช่นกันดังนั้นเสิ่นฮ่าวจึงยุยงหลงหมิงให้นำตัวหลิงอวี๋ไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ถึงเวลานั้นเขาก็จะล่อเซียวหลินเทียนกับพวกให้ไปจัดการกับหลงหมิง ส่วนตนเองก็จะฉวยโอกาสชิงตัวหลิงอวี๋ไป แล้วยึดหยกหล้าสุขาวดีมาเป็นของตนหลง
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น!หลงหมิงยังมิทันได้เข้าใจความหมายในคำพูดของสวินเย่อย่างลึกซึ้งดีนัก ความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้นในที่อื่น ๆ ทั่วเมืองหลวงแดนเทพแล้วเมื่อฝูหยางมาถึงตระกูลจงเจิ้ง ตระกูลจงเจิ้งก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกันพวกเขาและเหล่าตระกูลขุนนางทรงอำนาจที่มิพอใจการปกครองของตระกูลหลงมานานหลายปี ต่างรู้ดีถึงวิธีการของหลงหมิงหลายปีมานี้พวกเขามิยอมจ่ายภาษีจนสร้างความมิพอใจให้ตระกูลหลงมานาน เมื่อหลงหมิงขึ้นครองราชย์ มีหรือจะยอมปล่อยให้พวกเขาสุขสบายต่อไปก่อนหน้านี้ตระกูลจงเจิ้งได้ช่วยสำนักซิงหลัวของตงกู่อวี้กอบโกยเงินทองไปมิน้อย ทั้งยังพัวพันกับเรื่องของฝูไห่ด้วยความกังวลว่า หลงหมิงจะเล่นงานพวกเขาเป็นอันดับแรก ตระกูลจงเจิ้งจึงอาศัยจังหวะที่หลงหมิงยุ่งอยู่กับการจัดการมหาปราชญ์ นำคนเข้ายึดประตูเมืองทางใต้ และรีบนำทัพของตนเองออกไปอย่างรวดเร็วในยุคแห่งความวุ่นวาย ย่อมมีวีรบุรุษเกิดขึ้น ยอดฝีมือที่ตระกูลจงเจิ้งรวบรวมมาตลอดหลายปีต่างก็คิดที่จะโค่นล้มการปกครองของตระกูลหลง และพากันเข้าร่วมกับตระกูลจงเจิ้งเมื่อหลงหมิงได้รับข่าวคนเหล่านี้ก็ได้ย้ายไปยังภูเขาอนันต์จนหมดสิ้นแล้ว พวกเขาย
หลังจากที่แส้เพลิงแดงโบกไปมา ร่างกายของมหาปราชญ์ก็แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลือดที่เหลืออยู่ในร่างกายของมหาปราชญ์ผสมเข้ากับเนื้อที่แหลกลาญแล้วตกลงมาราวกับฝน...เหล่าทหารที่หลบมิทันถูกสาดใส่ จนร้องคร่ำครวญออกมาอย่างใจสลายในเลือดเนื้อเหล่านั้นมีพิษ!เมื่อเซียวหลินเทียนร่อนลงมาที่พื้น ก็เห็นทหารหลายคนเจ็บปวดจนกลิ้งไปมาบนพื้น และบริเวณที่เลือดเนื้อสาดใส่ก็เริ่มเน่าเปื่อย“ฮ่าฮ่า หลงหมิง ท่านคิดว่าทำให้มหาปราชญ์ระเบิดจนตาย แล้วจะทำลายราชากู่ของข้าได้รึ!”“หากข้าพ่ายแพ้ต่อท่านได้ง่ายดายเช่นนั้น ชื่อเสียงของข้าก็เป็นเพียงภาพลวงตาแล้ว!”“ข้าจะบอกท่านให้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น!”“ท่านรีบตรวจดูสักหน่อยเถิดว่ามีเลือดเนื้อของมหาปราชญ์เปื้อนไปหรือไม่ ถ้ามีละก็ เช่นนั้นก็รีบไปหาหมอเถิด!”“หากสายไป ท่านจะเป็นเช่นเดียวกับมหาปราชญ์ กลายเป็นหุ่นเชิดของข้า...”หลงหมิงกำลังคิดจะพุ่งเข้าไปสังหารเซียวหลินเทียน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของสวินเย่ เขาก็ชะงักไปเขารีบตรวจสอบร่างกายตนว่ามีเลือดเนื้อของมหาปราชญ์เปื้อนหรือไม่โดยมิรู้ตัว“ไป...”เมื่อสวินเย่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบตะโกนเร
ความกังวลของเซียวหลินเทียนอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น จู่ ๆ เขาก็ชักกระบี่ออกมา กระบี่เล่มนั้นพุ่งรุนแรงไร้สิ่งใดขวางกั้นแล้วฟันไปที่แส้เพลิงแดงของหลงหมิงราวกับฟันไม้ไผ่กระบี่คุนอู๋ในมือของเขาก็เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ตอนนี้เป็นการตรวจสอบการปะทะกันของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นว่าสิ่งไหนแข็งแกร่งกว่า!หลังจากปราณแห่งกระบี่ของเซียวหลินเทียนฟาดไปในอากาศ หลงหมิงก็ทำอะไรมิถูกทันที ปลายแส้อยู่ในมือของมหาปราชญ์ เขาก็มิสามารถดึงออกมาได้เขาทำได้เพียงชักแสงกระบี่ห้านิ้วที่กำลังโจมตีมหาปราชญ์กลับมา เปลี่ยนไปโจมตีเซียวหลินเทียนแทนในขณะเดียวกับที่เซียวหลินเทียนฟันกระบี่ออกไป เขาก็หลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าหลงหมิงชักนิ้วกระบี่ของเขากลับมามิทัน พลังสังหารอันแข็งแกร่งที่นิ้วทั้งห้าของเขาปล่อยออกไปจึงโจมตีไปทางบ้านเรือนที่เซียวหลินเทียนอยู่เมื่อสักครู่“บึ้ม...”เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น แล้วบ้านที่อยู่ด้านหลังเซียวหลินเทียนก็ถูกโจมตี จนพังทลายไปครึ่งหนึ่งกำแพงที่ถูกหลงหมิงโจมตีแตกออกเป็นผุยผงในทันทีเมื่อหลงหมิงโจมตีพลาดไป จึงต้องการโจมตีเซียวหลินเทียนอีกครั้งแต่ในเ