พานหลิงยิ้มกล่าวว่า “น่าจะใช่เจ้าค่ะ!”“เดิมทีกำหนดการงานอภิเษกสมรสของอ๋องซู่กับคุณหนูหยางคือวันที่สิบห้า แต่เพราะเกิดอุทกภัยขึ้นเสียก่อน จึงต้องยกเลิกไปเจ้าค่ะ!”“แต่เห็นว่าฤกษ์แต่งงานคงต้องเลื่อนออกไปอีกสักพัก ได้ยินมาว่าอ๋องซู่กับข้าหลวงหยางนำสินสอดทองหมั้นและสินเดิมของคุณหนูหยางออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยนะเจ้าคะ!”“ชาวบ้านในปากั๋วโจวของเราต่างซาบซึ้งใจในตัวอ๋องซู่และข้าหลวงหยางยิ่งนัก!”หลิงหว่านจึงฉวยโอกาสเอ่ยขึ้น “คุณหนูหยางผู้นี้ยอมสละได้แม้กระทั่งสินสอดและสินเดิมของตนเอง ช่างมีจิตใจดีงามโดยแท้!”“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูหยางยังเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ด้วย แล้วนางได้เปิดโรงหมอหรือไม่?”พานหลิงส่ายหน้า “คุณหนูหยางเชี่ยวชาญการแพทย์หรือเจ้าคะ? เรื่องนี้ข้ามิทราบเลย รู้เพียงว่าฮูหยินหยางมีความรู้เรื่องยา แต่นางก็มิได้เปิดโรงหมอเจ้าค่ะ!”หลิงหว่านหัวเราะ “เช่นนั้นคงเป็นเพราะในปากั๋วโจวของพวกเจ้ามีหมอจำนวนมากแล้ว ฮูหยินหยางจึงมิจำเป็นต้องออกมาเปิดหน้าเปิดโรงหมอกระมัง!”หลิงหว่านได้รับอิทธิพลความคิดมาจากหลิงอวี๋ นางจึงรู้สึกว่าหน้าที่ของหมอคือการช่วยชีวิตผู้คนรักษาผู้บา
เซียวหลินเทียนตอบอย่างเป็นธรรมชาติว่า “พวกเขาได้ล่วงหน้าไปจัดเตรียมที่พักและอาหารการกินที่ปากั๋วโจวให้พวกเราสองสามีภรรยาแล้ว!”“เมื่อไปถึงปากั๋วโจว พวกเขาก็จะมารอรับพวกเราอยู่ที่หน้าประตูเมือง!”ต่งหลิ่วก็มิได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก เขาพาผู้คุ้มกันผู้หนึ่งเร่งขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังเมืองปากั๋วเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ในรถม้า เลิกม่านหน้าต่างขึ้นเพื่อชมทิวทัศน์ด้านนอกแม้ฝนจะยังคงโปรยปราย ทว่าก็บางเบาลงทุกวัน ทัศนวิสัยก็กว้างไกลขึ้นมากผืนนาที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งเคยได้รับความเสียหายจากพายุฝนและอุทกภัยยังมิได้เริ่มเพาะปลูกใหม่ แต่ก็ไม่มีน้ำท่วมขังอีกต่อไปเห็นได้ชัดว่า หยางเฉิงได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างมากยิ่งเดินทางเข้าใกล้ตัวเมือง สภาพการณ์ก็ยิ่งดีขึ้นบริเวณใกล้เคียงไม่มีร่องรอยของน้ำท่วมแล้ว ทั้งยังสามารถเห็นเหล่าพ่อค้าสัญจรไปมาบนเส้นทางได้บ้างเมื่อเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋เห็นภาพนี้ก็ต่างรู้สึกยินดีอยู่บ้างหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เพียงรอให้ฝนหยุดตก ทุกอย่างก็จะค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติได้ในมิช้าครั้นมาถึงประตูเมือง ลู่ปินพร้อมด้วยองครักษ์คนหนึ
เซียวหลินเทียนร้อนใจกล่าวว่า “เจ้ามิกลัวหรือว่าเป็นยาพิษ! ของสิ่งใดก็มิรู้ ยังกล้าเอาเข้าปาก!”หลิงอวี๋ลิ้มรสพลางกล่าวว่า “ท่านวางใจเถิด มิใช่ยาพิษหรอก!”นางเคี้ยวสองสามครั้ง ใบหน้างดงามฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย “เซียวหลินเทียน สมุนไพรนี้มีถึงห้ารสชาติ หม่อมฉันคล้ายเคยเห็นในบันทึกที่เย่ซงเฉิงมอบให้ท่านอาจารย์ของหม่อมฉัน!”หลิงอวี๋หยิบบันทึกของเย่ซงเฉิงออกมาจากห้วงมิติ แล้วใช้ความทรงจำเปิดไปยังหน้าที่บันทึกเรื่องราวของสมุนไพรชนิดนี้“หญ้าห้ารส!”“โดยทั่วไปมักเติบโตในที่รกร้าง ริมลำธาร และที่อับชื้น มีรสเผ็ดเล็กน้อยและหวาน มีพิษอ่อน สรรพคุณช่วยห้ามเลือดสร้างเนื้อเยื่อสมานแผล ขับร้อนถอนพิษ เป็นวัตถุดิบจำเป็นสำหรับปรุงยาถอนพิษขั้นสูง!”ทว่าหลิงอวี๋พลิกดูบันทึกของเย่ซงเฉิงจนทั่วแล้ว ก็ยังมิพบบันทึกเกี่ยวกับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่เหลือ“นี่คืออะไรหรือ?”สายตาของเซียวหลินเทียนเหลือบไปเห็นผลไม้แห้งเหี่ยวผลหนึ่งอยู่ใต้กล่อง แม้จะแห้งจนแบน แต่เปลือกนอกสีแดงสดของมันยังคงเด่นชัดหลิงอวี๋เองก็มิเคยเห็นเช่นกัน จึงรับมาดูด้วยความใคร่รู้แม้จะเรียกว่าผลไม้ แต่ความจริงแล้วมันแห้งเหี่ยวจนมิต่างจาก
หลิงอวี๋กำลังจดจ่ออยู่กับการทดลองจนมิได้รับรู้ถึงการผันผ่านของวันเวลาภายนอก นางรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ก็ได้ยินเสียงของหลิงหว่านดังมาจากด้านนอก“พี่หญิง ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ พี่เขยรอท่านร่วมมื้อเช้าอยู่!”หลิงอวี๋นำโลหิตหยดลงในภาชนะเพาะเชื้อ แล้วจึงออกจากมิติไปหลิงหว่านแต่งกายเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นนางตื่นขึ้นมา จึงออกไปตระเตรียมน้ำให้ล้างหน้า“พี่หญิง เจ้าตำหนักหยวนป๋อแห่งตำหนักเสวียนเทียนส่งของกำนัลล้ำค่ามาเพื่อขอบคุณท่าน ตอนนี้พี่เขยกำลังต้อนรับเขาอยู่ เสร็จแล้วให้ท่านตามไปเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋นึกว่าพวกหยวนป๋อจากไปแล้วเสียอีก มิคาดคิดว่าจะยังอยู่“หยวนซือหลิงมาด้วยหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“มิได้มาเจ้าค่ะ! นางยังมีหน้ามาได้อีกหรือ… เมื่อวานก็แสร้งเป็นลมหนีการขอขมาไปแล้ว หากข้าเป็นนาง ก็มีแต่จะรีบหลบหน้าท่านให้ไกล!”หลิงหว่านยิ้มกล่าวหลิงอวี๋เองก็มิอยากพบหน้าคุณหนูผู้เอาแต่ใจนางนั้น เมื่อชำระล้างร่างกายเสร็จแล้วจึงเดินตามหลิงหว่านไปเมื่อก้าวเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงของหยวนป๋อพอดี “นายท่านอู่ หากพวกท่านจะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพ เราสามารถร่วมทางกันไปได้! พวกเราเตรี
วาจาของหลิงอวี๋ ยิ่งทำให้แม่ทัพต่งประจักษ์ในคุณธรรมอันสูงส่งของนางหากเป็นหมอคนอื่นถูกไป๋เฉี่ยวและไป๋อวี้เหยียดหยามถึงเพียงนั้น มิคิดแค้นเคืองก็ดีถมไปแล้ว ไหนเลยจะเอ่ยปากตักเตือนด้วยความหวังดีอีก!เมื่อดื่มสุรากันเสร็จสิ้น แม่ทัพต่งจึงพาต่งหลิ่วและเกิ่งสื่อขอตัวลาจากไปหลิงหว่านเก็บกวาดจนเรียบร้อย ก่อนจะกลับไปพักผ่อนยังกระโจมที่เกิ่งสื่อเตรียมไว้ให้นางเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋นั่งลง“อาอวี๋ หากเป็นดังที่เจ้าว่า เมื่อใดที่อาการของหยางรั่วหลานกำเริบขึ้นมา นางก็จะเหลือเวลาอีกมิกี่วันใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว “เช่นนั้นพวกเราจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อนดีหรือไม่?”หลิงอวี๋พยักหน้า “หม่อมฉันก็กำลังจะบอกท่านเรื่องนี้เช่นกันว่าเราควรอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันเพคะ!”“อาการป่วยของหยางรั่วหลานทำให้หม่อมฉันใคร่รู้ยิ่งนัก หม่อมฉันอยากอยู่เพื่อศึกษาดูอาการ เผื่อในภายหน้าหากพบเจออาการป่วยเช่นนี้อีก จะได้มีวิธีรับมือเพคะ!”“อีกอย่าง อ๋องซู่และข้าหลวงหยางกำลังวางแผนการลับอันใดอยู่ หม่อมฉันก็อยากจะสืบให้กระจ่างเช่นกัน!”“หากอ๋องซู่ทำเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง ต
เซียวหลินเทียนยกจอกสุราขึ้น แล้วยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อข้าได้รับบัญชาจากท่านแม่ทัพจี้ให้มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงแดนเทพเพื่อขอความช่วยเหลือ ก็ย่อมมิอาจล้มเลิกกลางคันได้!”“น้ำใจของแม่ทัพต่ง ข้าคงต้องขอรับไว้ในใจเท่านั้น!”“มาเถิด ดื่มสุรากัน อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องบ้านเมืองเลย!”แม่ทัพต่งย่อมรู้ว่านี่คือการปฏิเสธการชักชวนของตน เขาจึงยกจอกสุราขึ้น “ดื่มสุรา ดื่มสุรา!”แม่ทัพต่งรู้ดีว่า คนอย่างเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋นั้นมิใช่จะเกลี้ยกล่อมได้โดยง่าย!ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ฮูหยินอู่ยังถูกสาวใช้ของหยางรั่วหลานหยามเกียรติ ซึ่งขณะนั้นอ๋องซู่ก็อยู่ด้วย แต่กลับปล่อยให้ไป๋เฉี่ยวดูหมิ่นฮูหยินอู่อย่าว่าแต่ฮูหยินอู่ที่ทนกล้ำกลืนฝืนทนความคับแค้นนี้มิได้ แม้เป็นตนเอง ก็คงมิยอมรับใช้อ๋องซู่เช่นกันอ๋องซู่พลาดบุคคลผู้มีความสามารถเช่นนี้ไป จะต้องเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน!หลังจากร่ำสุรากันได้สามจอก หลิงอวี๋จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพต่ง วันนี้ที่มิอาจช่วยวินิจฉัยอาการป่วยของคุณหนูรั่วหลานได้ ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว!”“แต่ข้าเป็นหมอ เมื่อพบเจอกับอาการป่วยที่มิเคยเห็นมาก่อน ก็ย่อมรู้สึกใคร่รู้ยิ่งน