“ทำใจให้สบาย”หญิงชราเอ่ยปลอบตู้ฮั่น ในขณะที่นางกำลังรินเหล้าลงใส่ถ้วยอย่างใจเย็น ทว่าคนบนเตียงกลับไม่รู้สึกแบบนั้นได้เลย ยิ่งเมื่อมันคล้ายมีไรเคลื่อนไหวอยู่ใต้ราวนม มิหนำซ้ำกระดูกซี่โครงของเขา มันเหมือนถูกเลาะออกจากเนื้อ เรียกว่าเจ็บเจียนตาย ยังไม่เท่าความกลัวที่ไม่รู้ ว่าสิ่งข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น“ข้าช่วย”อู๋หยางรีบก้าวเข้าช่วยประคองศีรษะของตู้ฮั่นขึ้น ก่อนที่หญิงชราจะเอาเหล้าให้คนเจ็บดื่ม รสร้อนแรงของสุรา ยังมิอาจกลบความเจ็บปวดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไหนบอกนิดเดียวเล่า ตู้ฮั่นพร่ำบนอยู่ภายในใจทว่าเขากลับเลือกที่จะดื่มสุรา ให้ได้มากที่สุด เพื่ออย่างน้อยความมึนเมา จะทำให้เขามิต้องจดจ่ออยู่กับร่างกายที่เจ็บปวด มือหนายังคงกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น จนสั่นระริกเลยก็ว่าได้ เส้นเลือดที่ปูดโปนตามหลังมือ ทำให้เจียงอี้หยางที่อยู่ข้างๆ ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความรู้สึกสยดสยองแล้วแบบนี้ตอนที่พี่สาวของเขาบาดเจ็บ นางจะเจ็บปวดเยี่ยงนี้หรือไม่ เด็กชายรีบเดินไปเอาผ้าผืนเล็ก ซุบน้ำที่เย็นๆ แล้วบิดหมาดๆ เพื่อมาซับเหงื่อให้คนบนเตียงเด็กชายไม่อาจที่จะขึ้นไปบนเตียงได้ จึงยื่นส่งผ้าให้แก่ผู้เป็น
ทางเดินบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม อู่หยางที่กำลังถืออ่างน้ำร้อน เดินกลับไปยังห้องพักของตู้ฮั่น จำต้องขยับบังเสาที่อยู่ระหว่างทางเดินในทันที เมือ่เขาเห็นใครบางคน ที่มีท่าทางไม่เหมือนจะมาพัก กำลังแง้มประตูห้องที่คุณชายน้อยอยู่ออก เพื่อดูคนที่อยู่ข้างในเขาไม่ได้แสดงตัวเข้าไปขัดขวาง ด้วยอยากรู้เช่นกันว่าคนผู้นี้ต้องการสิ่งใด จนเมื่อเขาเห็นว่ามีลูกค้าคนอื่น ที่พักอยู่อีกด้านกลังเดินมา เขาจึงเดินไปพร้อมคนผู้นั้นและเมื่อลูกค้าคนนั้นเดินเลยไป ซ่า! อ๊าก!! น้ำในอ่างถูกสาดไปอย่างตั้งใจ จนทำให้คนที่แอบดู ความเป็นไปในห้องของเขา ซึ่งยืนอยู่หน้าประตู ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด เพราะน้ำที่เขาตั้งใจสาด มันเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ๆ ความร้อนเรียกว่าเดือดเพิ่งหายเลยก็ว่าได้“ขะ...ข้าต้องขออภัยด้วยพี่ชาย เมื่อครู่ข้าสะดุดขาตนเอง ท่านเจ็บมากหรือไม่”อู๋หยางพยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เอามือปัดไปตามตัวของชายผู้นั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับผลักให้เขาหลีกทาง แล้ววิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากเข้าเลยแม้แต่ตำลึงเดียว“เกิดสิ่งใดขึ้น”หญิงชราเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต
“เช่นนั้นรอข้าสักครู่”อู๋หยางรีบบอก ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอีกครั้ง คงมีเพียงสายตาตั้งคำถามของคนจากแคว้นหนาน มองตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่เจ็บเล็กน้อย ไม่ได้มีสิ่งใดน่ากังวล”หญิงชราเงยหน้าจากสิ่งของในมือ สบเข้ากับดวงตาวิตกกังวลของชายบนเตียง ท่าทางเจ้าอู๋หยาง จะแสดงสีหน้าสยดสยองให้คนไข้ตรงหน้าเห็นสินะ!“ข้า...แค่ไม่เคยรู้จัก ว่ามีการรักษาด้วยหนอนเท่านั้นขอรับ”ตู้ฮั่นตอบตามความเป็นจริง เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ก็อย่างว่า...เขามิใช่หมอและหาได้เจ็บป่วยบ่อยครั้ง จึงจะรู้ว่าหมอในแต่ละแคว้น มีการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง แต่ที่เขากล้าๆ กลัวๆ ก็คงเพราะเมื่อครู่เขาเห็นสีหน้าหวาดๆ ของอู๋หยาง มันเลยทำให้เขารู้สึกหวั่นอยู่ในใจ“หรือเจ้าจะให้ข้าผ่าอกเจ้าเล่า สิ่งไหนมันใช้การได้ในเวลานี้ ก็ควรเลือกสิ่งนั้น ถ้าเจ้าไม่รักษาก็ได้นะ แต่ข้าบอกได้เลย ว่าต่อให้เจ้าหายจากพิษสลายพลังนี้ไปได้ ก็ไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติในเร็ววันอยู่ดี”หญิงชราสบเข้ากับดวงตาของคนเจ็บ เพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจน ว่าสรุปแล้วชายผู้นี้ ต้องการให้นางช่วย หรือเสี่ยงมีชีวิตที่ไม่ยืนยาว“ท่านตู้ ไม่ต้
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลังจากที่ทั้งสามกินข้าวกันเสร็จแล้ว อู๋หยางกับเจียงอี้หยาง จำต้องพาหญิงชรากลับขึ้นไปบนห้องพัก และไม่ลืมที่จะต้องพานางแวะไปห้องคนป่วยก่อน เพื่อดูให้แน่ใจว่าทุกคนยังปลอดภัยดีอยู่คนจากหนาน ต่างพากันจับจ้องไปที่หญิงชรา ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางแม้จะไม่ขัดต่อสภาพร่างกาย ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมา ล้วนบอกได้ชัดเจน ว่านางไม่ใช่คนไร้ฝีมือแต่อย่างใด“เอ่อ...พวกเขาเป็นคนรู้จักของม่อเหลียวขอรับท่านป้า พวกเขาโดนพิษจนร่างกาย ดะ...เดี๋ยว...”อู๋หยางยังพูดไม่ทันจบ หญิงชราก็ไปถึงตัวคนบนเตียงเสียแล้ว ก่อนที่นางจะคว้าข้อมือคนเจ็บมาจับชีพจร ดีนะที่คนจากหนานยังไร้เรี่ยวแรงอยู่ หาไม่แล้วคงมีการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะอยู่ๆ ก็พุ่งเข้าไปแบบนั้นฮั่วเจ๋อหลับตานิ่ง ในตอนที่กำลังตรวจชีพจรของคนบนเตียง ตู้ฮั่นที่ยังไร้เรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงนิ่งเงียบ เพราะเขาก็มิอาจขัดขืนใดๆ ได้อยู่แล้วในเวลานี้“พิษกระจอกแค่นี้ เจ้ายังไม่มีปัญญารักษา ให้หายในเวลาๆ อีกหรือ...”หญิงชราพูดขึ้น โดยไม่หันกลับไปมองคนข้างหลัง แต่นางกลับล้วงเอาห่อผ้าเล็กๆ ออกมากาง ซึ่งสิ่งที่เรียงรายอยู่ในนั้น คือเ
“ท่านปะ...”“ชู่ว์!! ท่านย่าคิดถึงเจ้าอี้หยางน้อย”หญิงชรายกนิ้วขึ้นทำเสียง ให้เด็กชายเงียบเอาไว้ เขาตอนนี้มาในคราบของสตรี จะมาเรียกผิดมิได้ เขามิได้เขลาเสียหน่อย ที่จะไม่เข้าใจถึงการหายตัวไปตั้งหลายวัน ของเหล่านายน้อย“ข้ามีเรื่องจะฟ้องท่านย่ามากมายเลยขอรับ ข้าคิดถึงท่านย่าเหลือเกิน”คำฉอเลาะของคุณชายน้อย ทำให้หญิงชรายิ้มจนตาปิด ก่อนจะตบที่เก้าอี้เบาๆ เพื่อให้ทั้งสองนั่งลงได้แล้ว อาหารบนโต๊ะเขาก็สั่งมารอคนทั้งคู่นานแล้ว กว่าเขาจะสืบรู้ว่าคุณชายน้อยกับอู๋หยางอยู่ที่นี่ ก็ใช้เวลาเป็นวันๆ“กินก่อนเถอะ มีเรื่องใดค่อยๆ เล่า ไม่ต้องรีบ”หญิงชราที่ออกจากหุบเขาซ้อนทับมา เพื่อตามหาเจ้าพวกเด็กปีกอ่อน ที่พากันออกมา แล้วไม่กลับไปอีกเลย ปล่อยให้ตาแก่เยี่ยงเขาต้องอยู่กับไอ้เด็กปากเสียสองพี่น้องนั่น จนเขาที่เป็นห่วง อดรนทนไม่ไหว ต้องทิ้งสองคนนั้นในห้องขัง โดยมีเสี่ยวไป่เฝ้าอยู่ลำพัง ส่วนเขาออกมาเพื่อตามหาเด็กๆชาวเมืองหยินกวงนี่ก็ช่างแปลก จะมีเรื่องเล็กใหญ่เกิดขึ้น ก็มักจะเงียบงัน จนเหมือนเป็นพวกไม่เข้าสังคม แต่ข่าวที่เขาได้มาทั้งหมดด ล้วนมาจากพ่อค้านอกหุบเขาทั้งสิ้น ซึ่งน้อยนักที่จะมีเนื้อหาสาระ ต
“พี่รองยังไม่เห็นว่าข้าซุกซนเลยนะขอรับ”เจี้ยงอี้หยาง พูดออกไปตามประสาซื่อของเด็ก นั่นทำให้อู๋หยางมิรู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ถ้าจะโทษคงต้องเป็นเจ้าเสี่ยวถงอ้าย รอให้เจอตัวก่อนเถอะ เขาจะสั่งให้ไปล้างคอกม้าสักเดือน“เอาเป็นว่านับจากนี้ จนกว่าคุณชายจะอายุสิบหก ตำราเล่มใดก็ตาม ต้องผ่านตาข้าน้อยก่อนที่จะอ่าน เข้าใจหรือไม่ขอรับ”อู่หยางถือเป็นคำขาด ซึ่งเขาที่มีหน้าที่ดูแลคุณชายน้อย ให้เติบโตตามวัยจะไม่มีวันยอม ให้สิ่งไม่เหมาะสมเกิดขึ้นเป็นอันขาด การปลูกฝังที่ดีจะพาให้เด็กตรงหน้า เติบโตไปอย่างดีเช่นกัน“ได้ขอรับ แต่ว่าท่านลุงอู๋ เขาจะเอาตัวพี่ม่อเหลียวไป ข้าไม่ยอมนะขอรับ”เจียงอี้หยาง หันกลับไปชี้นิ้วตรงไปยังคนบนเตียง ที่ยังหน้าขาวราวกระดาษ จากการถูกพิษ ซึ่งตู้ฮั่นก็คงทำได้เพียงทำ มองเด็กชายด้วยสายตาอ่อนระโหย ด้วยมิรู้จะหาคำใดมาต่อรอง เพื่อให้อีกฝ่ายไม่รั้งนายน้อยของเขาเอาไว้“คุณชายน้อยเจียง ข้ามิได้คิดพรากนายน้อยม่อเหลียวไปจากท่าน ข้าแค่ต้องการพานายน้อยของเข้ากลับบ้านเท่านั้น”ตู้ฮั่นจำต้องเอ่ยปากชี้แจง เมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของเด็กชาย ซึ่งมันเด็ดเดี่ยวเกินวัยยิ่งนัก เขาไม่รู้เลยว่าสก