Share

บทที่ 271

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
วันนี้ พระชายาองค์ชายสามนำของขวัญมาที่จวนเหิงอ๋อง “เฟิ่งหัว ยินดีด้วย!”

เจียงเฟิ่งหัวยิ้มบางๆ “เหตุใดพี่สะใภ้สามถึงล้อคนเป็นแบบพวกเขาด้วยเล่า”

“เหิงอ๋องสร้างความชอบในการบรรเทาภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงดีพระทัยอย่างยิ่ง เดิมก็เป็นเรื่องดีนี่นา” พระชายาองค์ชายสามกล่าวต่ออีกว่า “เหิงอ๋องจากเมืองหลวงไปสองเดือนแล้ว น่าจะใกล้กลับมาแล้วกระมัง!”

เจียงเฟิ่งหัวรินชาให้นาง “พอจัดการงานทางเจียงหนานเสร็จก็น่าจะกลับมาแล้ว”

พระชายาองค์ชายสามยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน “เหิงอ๋องก่อตั้งหอการกุศลขึ้นมา ได้รับการยกย่องจากเหล่าบัณฑิตและนักปราชญ์จำนวนมาก กล่าวกันว่าเหิงอ๋องมีจิตเมตตาต่อมวลชน เป็นบุญของราษฎร และยังมีคนกล่าวว่า พระชายาของเหิงอ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม ยังมีจิตใจดุจพระโพธิสัตว์ ส่วนเหิงอ๋องก็หล่อเหลาสง่าไม่ธรรมดา ไอหยา พวกเจ้าสองสามีภรรยาช่างเป็นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์สรรค์สร้างจริงๆ…”

“หากพี่สะใภ้สามยังกล่าวคำพูดยกยอพวกนี้กับเฟิ่งหัวอีก ข้าจะไม่ต้องรับท่านแล้วนะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวต่อว่า “พี่สะใภ้สามสิ่งใดก็กล่าวมาตามตรงเถิด”

“อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ทั้งหลายในเมื
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 272

    พระชายาขององค์ชายสามนับเป็นผู้ที่มีความสามารถและเด็ดเดี่ยวนัก นางถึงกับช่วยองค์ชายสามรับชายารอง และยังมีอนุคอยปรนนิบัติอีก บัดนี้นางได้ให้กำเนิดทายาทถึงสามคนแล้ว แต่ชายารองและอนุนางอื่นต่างมิได้คลอดสักคน นี่ก็เพราะพวกนางล้วนคนที่นางแอบวางไว้ข้างกายเพื่อให้บุรุษใช้แก้เบื่อเท่านั้น นางถึงจะเป็นภริยาเอก เมื่อมีลูกแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็สั่นคลอนตำแหน่งของนางไม่ได้“เฟิ่งหัวนับถือพี่สะใภ้สามนัก พี่สะใภ้เป็นผู้ที่มองเรื่องราวได้กระจ่างจริงๆ” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มอย่างผ่อนคลาย“เจ้าอย่าได้เปลี่ยนเรื่อง ข้าเห็นว่าสาวใช้ข้างกายเจ้าสองคนนั้นล้วนไม่เลว ก็ไม่เคยคิดจะให้พวกนางช่วยเจ้าหรือ” พระชายาองค์ชายสามกล่าว“ท่านพูดถึงหงซิ่วกับเหลียนเย่หรือ?”“ปกติยามออกเรือน บ้านเดิมล้วนจะจัดหาสาวใช้ที่หน้าตาดีสองสามคนแต่งมาเป็นสินเดิมด้วย คนที่รับใช้ข้างกายเจ้าก็น้อยเกินไปแล้ว พวกเราเป็นพระชายา อย่างน้อยข้างกายต้องมีสาวใช้ขั้นหนึ่งสี่คนคอยปรนนิบัติ แบบนี้ ต่อให้ยกขึ้นเป็นอนุคนสองคนก็ยังเหลือคน” พระชายาองค์ชายสามถ่ายทอดประสบการณ์ให้นางตอนที่เจียงเฟิ่งหัวออกเรือน มารดาของนางก็คิดถึงจุดนี้แล้วเช่นกัน แต่ถูกนางปฏิเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 273

    เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางมีรูปโฉมงดงามสดใส มีลักษณะของสตรีเจียงหนานอยู่หลายส่วน ในดวงตาก็มีความหยิ่งทระนงบางส่วน ภายในใจของนางก็กระตุกขึ้นมา ยิ้มน้อยๆ ว่า “เจ้าเป็นผู้ใดกัน?”“หม่อมฉันมีนามว่าเย่ซู่ซู่ คนที่บ้านล้วนถูกน้ำพัดหายเสียชีวิตไปหมดแล้วเพคะ บัดนี้เหลือเพียงหม่อมฉันเพียงคนเดียว ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง โชคดีที่ได้เหิงอ๋องทรงให้ความช่วยเหลือ พระคุณที่ทรงช่วยชีวิต หม่อมฉันไร้สิ่งใดตอบแทน หม่อมฉันจึงคิดจะขายตัวเป็นบ่าว ขอพระชายาโปรดรับซู่ซู่ไว้ด้วยเถิดเพคะ” เย่ซู่ซู่คุกเข่าอยู่บนพื้นโขกศีรษะติดต่อกัน น้ำเสียงที่อ่อนแอ อ่อนละห้อยอย่างน่าสงสารนั้น เสนาะหูราวดั่งระฆังเงินเจียงเฟิ่งหัวมีสีหน้าสงบนิ่ง นางมองไปยังเซี่ยซาง “ท่านอ๋องทรงคิดเห็นอย่างไรเพคะ?”“ตอนนี้ข้างกายของหรวนหร่วนมีเพียงหงซิ่วกับเหลียนเย่เป็นสาวใช้ประจำกายสองคนเท่านั้น มีคนปรนนิบัติเพิ่มอีกสักสองสามคนก็ยังได้” เซี่ยซางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แต่สุดท้ายจะเก็บนางไว้หรือไม่ หรวนหร่วนก็ตัดสินใจเองเถิด”เก็บสาวใช้ที่หน้าตาดีเช่นนี้ไว้ข้างกาย แถมยังมีเจตนาซ่อนเร้นอีก! แม้แต่เซี่ยซางก็คิดจะเก็บนางไว้ นางมีความสามารถเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 274

    เซี่ยซางลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วชะโงกกายมาที่เบื้องหน้าของนาง บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยไรหนวด แต่กลับไม่สูญเสียความหล่อเหลา ให้ความรู้สึกงดงามแบบดิบเถื่อนชนิดหนึ่งน้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอ้อยอิ่ง ดวงตาอันแสนลึกซึ้งคู่นั้นเปล่งกายแวววาวดุจแก้วเจียระไน “ดูเหมือนเจ้าไม่พอใจอยู่บ้าง กำลังโมโหอยู่หรือ?”ความเคลื่อนไหวบนมือของเจียงเฟิ่งหัวชะงักเล็กน้อย นางรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมีสตรีจำนวนมาก และก็มิได้โมโห เพียงแต่สะท้อนใจที่พระชายาองค์ชายสามช่างพูดได้ตรงจุดเหลือเกิน กล่าวเพียงประโยคเดียวก็ตรงสถานการณ์ทันที นางกล่าวอย่างเรียบๆ ว่า “มิได้เพคะ”เซี่ยซางตวัดจมูกของนาง “หลอกลวงข้าต่อหน้าข้า เจ้าไม่กลัวข้าจะลงโทษเจ้าหรือไร”เจียงเฟิ่งหัวเบิกตากว้าง “ท่านอ๋องจะลงโทษหม่อมฉันด้วยเรื่องใดเพคะ? ทรงพาสตรีกลับมาทำให้ผู้อื่นไม่พอใจแท้ๆ ยังจะมาลงโทษหม่อมฉันอีก ใต้หล้านี้ยังจะมีที่ให้หม่อมฉันถกเหตุผลอีกไหมเพคะ”นางโยนผ้าเช็ดหน้าลงบนร่างของเขา “ท่านอ๋องทรงอาบเองเถิดเพคะ”เจียงเฟิ่งหัวเบี่ยงร่างออกไป แม้นางจะตั้งครรภ์แล้ว แต่รูปร่างยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เสื้อและกระโปรงที่หลวมไม่รัดแน่นทำให้มอง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 275

    นางโอบคอของเขา โน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านหมอหลวงเหมยตรวจชีพจรให้หม่อมฉันแล้วเพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์ทารกแฝด น่าจะเป็นเด็กผู้ชายหนึ่งคน เด็กผู้หญิงหนึ่งคนเพคะ”นางเขินอายจนหน้าแดง คิดไม่ถึงว่าในชาตินี้พวกก็มาแล้วเช่นกัน นางได้เตรียมตัวในการเป็นมารดาของพวกเขาเรียบร้อยแล้วเซี่ยซางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จุมพิตริมฝีปากนางอีกครั้งอย่างไม่สนใจสิ่งอื่น เขามิได้จูบนางด้วยความใคร่ หากแต่เป็นความยินดี ความยินดีที่มาจากส่วนลึกของจิตใจ “เหตุใดหรวนหร่วนของข้าถึงได้เก่งกาจเช่นนี้นะ”เจียงเฟิ่งหัวรู้สึกว่าหนวดของเขาทิ่มคนจริงๆ เกรงว่าใบหน้าของนางคงถูกเขาทิ่มจนแดงแล้ว ผิวของนางบอบบาง ทนรับการทำร้ายแบบนี้ไม่ไหวที่สุดนางกล่าวว่า “เป็นท่านอ๋องต่างหากที่เก่งกาจเพคะ”ถูกเจียงเฟิ่งหัวกล่าวชมไปรอบหนึ่ง เซี่ยซางก็นั้นเบิกบานยินดีอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ปล่อยนาง จากนั้นก็เห็นใบหน้าของนางแดงไปเป็นแถบจริงๆ เขาลูบแก้มของตน “หรวนหร่วนโกนหนวดเป็นหรือ?”“ก็มิใช่ทักษะที่ลึกซึ้งอันใดสักหน่อย คิดว่าหม่อมฉันต้องทำเป็นแน่เพคะ” นางกะพริบตาพลางยิ้มอย่างซุกซน “เมื่อก่อนหม่อมฉันก็เคยเห็นท่านอ๋องโกนมาก่อน คิดว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 276

    ก่อนหน้านี้ก็มีชายารองซู ไม่ง่ายเลยกว่าจะส่งนางไปได้ ตอนนี้ก็มีเย่ซู่ซู่มาอีก ช่างป้องกันได้ไม่หมดจริงๆ!เจียงเฟิ่งหัวจิ้มหน้าผากของนางเบาๆ “สาวน้อยที่แสนโง่งม อย่าได้คิดมากอีกเลย คิดไปก็เท่านั้น”คิมหันต์มาเยือนแล้ว ราชสำนักต้าโจวกำลังจะมีศึกสงครามอีกครั้งแล้ว เซี่ยซางไม่มีเวลาว่างมากพอจะไปบ่มเพราะความสัมพันธ์กับสตรีนางอื่นดอกหนนี้เจียงเฟิ่งหัวมิได้ขัดขวางการเป็นไปของประวัติศาสตร์มากนัก เพราะนางกลัวว่าการตัดสินใจโดยพลการของนางจะไปเปลี่ยนแปลงสิ่งใดเข้าเซี่ยซางเป็นท่านอ๋อง ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายเขาก็ต้องไปสร้างผลงานของตนเองในสนามรบอยู่ดี เขาจึงจะสามารถขึ้นนั่งในตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างรวดเร็วที่สุด และทำให้เหล่าปวงประชาสยบต่อเขา ส่วนนางแค่ต้องทำตัวเป็นเพราะชายาเหิงอ๋องให้ดี อยู่ในตำแหน่งพระชายาของเหิงอ๋องให้มั่นก็พอแล้วนางแค่เก็บเกี่ยวหัวใจของเขาไว้ได้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นนั้น นางมิได้คาดหวังอันใด เขากับซูถิงหว่านย่อมจะทำเรื่องที่สามีภรรยาทำกันเช่นกัน หากนางจะโมโหเรื่องนั้นด้วย นางก็คงไม่เลือกแต่งกับเขาแล้วเซี่ยซางนอนหลับจนฟ้ามืดถึงได้ตื่นขึ้นมา เมื่อเขาเห็นเจียงเฟิ่งหั

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 277

    สีหน้าของจีเฉินมีความกระดากอยู่บ้าง เขากำนิ้วที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น ช้าเร็วต้องมีสักวันที่เขาจะให้ผู้คนทั้งแผ่นดินรู้จักเขา คุณชายใหญ่ของจวนเจ้ากรมผู้หนึ่งวางท่าอะไรกัน ก็แค่เกิดมาในท้องที่ดีเท่านั้นเองแม้ภายในใจของเขาจะไม่ยอมรับเป็นอย่างยิ่ง ทว่าบนใบหน้ากลับแสดงความเป็นมิตรสนิทสนม “เมื่อก่อนไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร วันหน้าพวกเราย่อมกลายเป็นสหายกันแน่ เพราะพวกเราต่างมีศัตรูคนเดียวกัน สกุลเจียง”หลี่เฉิงพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มถูกใจ “คนแซ่เจียงขุดหลุมบรรพบุรุษของเจ้า สังหารบิดามารดาของเจ้า หรือแย่งผู้หญิงของเจ้ากันล่ะ”จีเฉินตะลึงไป จากนั้นก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที “พวกมันไม่ได้แย่งผู้หญิงของข้า แต่ข้ารู้ว่าเจียงจิ่นเหยียนแย่งสตรีของใต้เท้าหลี่ ที่ใต้เท้าหลี่มาดื่มสุราดักรอดูสตรีที่ตนพึงใจแต่งกับผู้อื่นบนถนนระหว่างสกุลเจียงกับสกุลจางแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ในใจก็คงรู้สึกย่ำแย่ยิ่งกระมัง!”เขามองไปที่ขบวนรับตัวเจ้าสาวบนท้องถนน “เจียงจิ่นเหยียนกำลังจะได้ครอบครองหญิงงามไว้ในอ้อมกอดแล้ว แต่คุณชายหลี่กลับต้องมาดื่มสุราดับทุกข์เพียงลำพังอยู่ที่นี่ เจียงจิ่นเหยียนอาศัยสิ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 278

    จีเฉินนำเรื่องของซูถิงหว่านออกมาพูดอีกครั้ง เขากลับดำเป็นขาว ล้วนเป็นการกล่าวหาเจียงเฟิ่งหัวและแสดงความเห็นใจต่อชายารองซู“นางชั่วร้ายถึงเพียงนั้นเชียว?” หลี่เฉิงเคยพบมีโอกาสได้พบกับเจียงเฟิ่งหัวมาครั้งหนึ่งเช่นกัน เพียงแวบแรกก็ทำให้คนรู้สึกว่านางงามจนชวนตะลึงนัก เป็นสตรีที่สามารถทำให้บุรุษลุ่มหลงได้ มิน่าเหิงอ๋องจึงได้เปลี่ยนใจไปรักคนใหม่ได้เร็วเช่นนี้“ตามที่เจ้าพูด เดิมเจ้าไม่ได้คิดจะแต่งกับสาวใช้นางนั้น เป็นพระชายาเหิงอ๋องวางแผนให้เจ้าแต่งกับนาง เพราะสาวใช้คิดจะยั่วยวนเหิงอ๋องเพื่อเลื่อนฐานะ เหิงอ๋องจึงยืมมือเจ้ามากำจัดสาวใช้” หลี่เฉิงกล่าวจีเฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว”หลี่เฉิงหัวเราะพลางกล่าวว่า “เจ้าก็ซวยจริงๆ ทั้งที่เป็นพี่ชายบุญธรรมของเหิงอ๋อง ความหรูหรามั่งคั่งยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ใกล้แค่เอื้อมแท้ๆ แต่บัดนี้กลับต้องมาตกต่ำเช่นนี้ ผู้หญิงที่แต่งงานด้วยยังมีบุรุษอื่นอยู่ในใจอีก ก็น่าอัดอั้นจริงๆ นั่นแหละ ทว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้ากันล่ะ?”หลี่เฉิงก็มิใช่คนเขลา ไร้ยิ่งไม่ใช่คนไร้สมอง สกุลหลี่ล่วงเกินเหิงอ๋องไม่ไหวดอกนะจีเฉินกล่าวว่า “เรื่องของข้าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับคุณชา

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 279

    มุมปากของจีเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “งานแต่งชนกับงานศพ นี่ช่างอัปมงคลยิ่งนัก!”“ฝีมือพวกเจ้าล่ะสิ” หลี่เฉิงกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม ที่เขาเอ่ยว่า ‘พวกเจ้า’ ย่อมหมายถึงสกุลซูกับเขา“วันนี้ไม่ว่าเจียงจิ่นเหยียนจะเดินทางสายใด เขาก็ไม่มีทางราบรื่น” ดวงตาของจีเฉินมีประกายความอำมหิตวาบผ่าน “เกรงว่าคุณหนูจางคงรอไม่ถึงขบวนเจ้าสาวไปรับตัวแล้ว”“หมายความว่าอย่างไรกัน?” หลี่เฉิงถูกคำพูดของเขาดึงดูดความสนใจขึ้นมา“ใต้เท้าหลี่ไปดูที่สกุลจางด้วยตนเองก็จะทราบแล้ว จางอวี่มั่วหน้าตาสะสวยจริงๆ แต่หากร่างกายของนางถูกคนทำให้มีมลทินแล้ว นางยังจะแต่งกับเจียงจิ่นเหยียนได้อีกหรือ? หากผู้ที่เจียงจิ่นเหยียนแต่งด้วยเป็นสตรีที่สูญเสียความบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง สกุลจางก็มีเรื่องสนุกให้ใช้ชมแล้ว”หลี่เฉิงประหนึ่งสร่างสุราขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นมาจากที่นั่ง “พวกเจ้าหาคนไปนอนกับจางอวี่มั่ว?”“มิใช่ข้าและมิได้เกี่ยวข้องกับข้าด้วย ผู้ใดให้พวกเขาล่วงเกินคนไว้มากเกินไปกัน” เขาไม่มีทางโง่ถึงขนาดลงมือด้วยตนเองแบบนั้น แต่เขาสามารถช่วยวางแผนได้นี่ “ใต้เท้าหลี่เป็นห่วงนางขนาดนี้ หรือว่าใต้เท้าหลี่จะชื่นชอบนางจากใจจริง ในเมื่อเป็นเ

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 390

    วังหมัวมัวกล่าวต่อว่า “เรื่องเมื่อวาน ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้บ่าวต่อฝ่าบาทเพคะ ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้ของบ่าวคงจบลงเมื่อคืนแล้ว”“ข้ารู้จักวังหมัวมัวดี ท่านไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ ต่อให้คิดทำก็ไม่มีทางปล่อยให้คนกำจุดอ่อนไว้ได้” เจียงเฟิ่งหัวมิได้เสแสร้งกับนาง คนที่สามารถรับใช้อยู่ข้างกายฮองเฮาได้ล้วนไม่โง่วังหมัวมัวยิ้มออกมา แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “การรับใช้อยู่ในวัง ทุกคนต่างเหมือนอยู่บนน้ำแข็งบางๆ โดยเฉพาะเมื่อฮองเฮากับฝ่าบาททรงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน พวกเรายิ่งต้องใส่ใจระมัดระวังมากขึ้น แม้พระชายารองซูจะมีสกุลซูคอยช่วย แต่ไม่ว่าอย่างไร ใต้หล้านี้สุดท้ายแล้วก็ยังคงมีฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”วังหมัวมัวกำลังเตือนนางว่า หากคิดจะต่อสู้กับชายารองซู แค่กุมหัวใจของท่านอ๋องไว้ได้ยังไม่พอ ยังต้องอาศัยการคุ้มครองจากฮ่องเต้ด้วย เพราะสกุลซูก็มิใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นตำแหน่งฮองเฮาคงเปลี่ยนเจ้าของไปนานแล้วฮ่องเต้ทรงรังเกียจฮองเฮาถึงเพียงนี้ กระทั่งไม่ยอมให้พระนางปรนนิบัติบรรทม แถมไม่เสด็จมาตำหนักคุนหนิงอีก สกุลเฉิงทั้งตระกูลยิ่งถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งไปแล้วด้วย ดัง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 389

    เมื่อเฉิงฮองเฮาออกมาจากตำหนักบรรทม สี่หมัวมัวและวังหมัวมัวก็รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “ฮองเฮา ทรงเป็นอันใดหรือไม่เพคะ!”แต่นางกลับไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว สาวเท้าไปบนทางเดินอันเงียบสงัด สี่หมัวมัวรีบนำเสื้อคลุมสะอาดมาคลุมไว้บนร่างของนาง แล้วไปประคองนางอีกครั้ง “ฮองเฮาช้าลงหน่อยเถิดเพคะ ระวังพื้นใต้เท้าลื่นนะเพคะ กระโปรงของพระองค์เปียกหมดแล้ว ขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วเพคะ ทรงนั่งเกี้ยวเถิดเพคะ”เฉิงฮองเฮาไม่รู้ว่าตนกำลังยินดีหรือเป็นทุกข์กันแน่ ในตอนที่ซูถิงหว่านบอกเรื่องนี้กับนาง นางรู้สึกเพียงว่าจิตใจปลอดโปร่งราวกับได้ล้างแค้น ทุกอณูในร่างกายของนางมีชีวิตชีวาขึ้นมา โอรสของนางจะกลายเป็นฮ่องเต้ ในที่สุดนางก็ได้ลืมตาอ้าปากเชิดหน้าชูตาเสียทีนางทนต่อความอยุติธรรมมานานนับยี่สิบปี แต่นางเป็นผู้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย นางมิได้รักฮ่องเต้ เขาจะรักซูชิงชิงหรือไม่ก็ช่างปะไร แต่ยามนี้ เมื่อครู่ตอนที่นางเห็นสายตาเย็นชาเสียดกระดูกของฮ่องเต้ หัวใจของนางก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาฮ่องเต้ถึงขนาดบอกกับนางด้วยตนเองว่า จะแต่งตั้งลูกชายของนางเป็นรัชทายาทเมื่อเฉิงฮองเฮากลับไปถึงตำหนักคุนหนิงก็ป่วย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 388

    เฉิงฮองเฮาตะลึงไป ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไรกัน?นางกล่าวว่า “หม่อมฉันอบรมองค์หญิงเก้าอย่างใส่ใจ มิได้ปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้ายเลย เรื่องนี้มิใช่ตรวจสอบจนกระจ่างแล้วหรือเพคะ”“ลุกขึ้นมาเถอะ ถอดเสื้อผ้าให้เรา แล้วปรนนิบัติเราเข้านอนซะ” ฮ่องเต้ตั้งใจทำให้นางอับอายเฉิงฮองเฮาคุกเข่าอยู่บนพื้น “มิสู้ให้น้องหย่าเฟยมาปรนนิบัติฝ่าบาท เสื้อผ้าของหม่อมฉันเปียกชื้นหมดแล้ว เครื่องประทินโฉมที่แต่งไว้ก็ไม่น่ามองแล้วเพคะ” นางกลับไม่รู้ว่า ยิ่งตอนนี้นางปฏิเสธฮ่องเต้ นางก็จะยิ่งลำบากฮ่องเต้สามารถทำให้นางมีชีวิตที่เป็นสุขได้ ก็สามารถทรมานนางจนอยู่มิสู้ตายได้เช่นเดียวกัน บุรุษที่ในใจนางคิดถึงมีได้เพียงฮ่องเต้เท่านั้นฮ่องเต้แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง ไร้ความรู้สึก น้ำเสียงแทบจะเป็นคำสั่ง “หลบมายี่สิบปี เจ้าแทบจะเลี่ยงจนสบายเกินไปแล้ว ภรรยาปรนนิบัติสามีมิใช่เรื่องที่ควรเป็นหรือไร เจ้าลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว หรือไม่ถือตัวไม่อยากปรนนิบัติข้าเหมือนหวังเจาอี๋กันล่ะ”“หม่อมฉันมิกล้า” ฮองเฮารู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว นางยังคิดว่า ที่ช่วงก่อนฮ่องเต้อ่อนโยนต่อนาง สายตาสิเน่หาในตัวนาง เป็นเพราะปล่อยวาง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 387

    ฮ่องเต้จ้องตาของเซี่ยหลิงเอ๋อร์ทั้งโกรธทั้งโมโหและผิดหวังอย่างที่สุด ในเวลานี้ เขาจึงรู้สึกว่าชั่วชีวิตของเขาราวกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง เป็นถึงฮ่องเต้แห่งอาณาจักรต้าโจว บุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน ทั่วทั้งวังหลังไม่ว่าใครก็ดูเหมือนจะหวาดกลัวเขา เคารพเขา แต่ในความเป็นจริงพวกนางล้วนทรยศ วางแผนร้าย ปั่นหัวและเยาะหยันเขาจู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา เดินโซซัดโซเซไปมา ผมขาวที่ขมับราวเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยอย่างฉับพลัน “ช่างเถอะ เจ้าถอยไปเถอะ! ข้าจะส่งคนมาสอนเรื่องกฎมารยาทให้เจ้าใหม่ ในอดีตเสด็จแม่เจ้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว”“เสด็จพ่อ ฮองเฮาทรงตีลูกจริงๆ เพคะ เพียงแต่ทรงมองไม่เห็น” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เห็นว่าถูกเปิดโปง ก็ยังคิดจะทูลฟ้อง “เสด็จพ่อ ที่ลูกกล่าวเป็นความจริง เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน นางคิดจะลงโทษลูกแล้วจะทิ้งหลักฐานไว้ได้อย่างไรกันเพคะ นี่เป็นเพราะลูกโง่เขลา ถึงได้คิดวิธีการเช่นนี้ออกมา ฮองเฮานางเสแสร้งทั้งหมดเพคะ นางไม่ใช่คนดี นาง…”“เฉาเต๋อ พาตัวนางออกไป” ฮ่องเต้กล่าวเสียงเข้มเซี่ยหลิงเอ๋อร์ถูกพาตัวไปแล้ว แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ให้ฮองเฮาลุกขึ้นมาจากพื้นหิมะ เจียงเฟิ่งหัวลังเลจะไปก็ไม่ใช่ไม่ไปก็ไ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 386

    นางก็รู้จักเซี่ยหลิงเอ๋อร์ดี ได้รับการดูแลมาอย่างทะนุถนอมตามใจ แล้วนางจะใจเด็ดจนลงมือกับตัวเองได้หรือ?เซี่ยหลิงเอ๋อร์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างขลาดๆ แล้วยื่นแขนออกมาฮ่องเต้ตรัสอย่างเป็นห่วงว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายไม่เป็นอันใดกระมัง!”ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลวงหวังก็กล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท ไม่มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ บาดแผลก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก…” แม้หมอหลวงหวังจะดื่มสุรา แต่ทักษะการแพทย์ของเขาก็ยังสามารถเชื่อถือได้ไม่รอให้หมอหลวงหวังพูดจบ เซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็รีบปิดแผล เมื่อครู่นางได้แสดงบาดแผลบนมือและขาให้เสด็จพ่อดูแล้ว จึงรีบกล่าวว่า “ให้นางกำนัลของข้าช่วยข้าทายาก็พอ ไม่ขอรบกวนท่านหมอหลวงหวังแล้ว บาดแผลบางแห่งอยู่บนตัวออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง…”“ให้ข้าช่วยองค์หญิงทาเถอะ ข้าเห็นบาดแผลบนมือค่อนข้างร้ายแรงอยู่ บาดแผลบนขาก็ร้ายแรงเหมือนกันใช่หรือไม่ จะต้องรีบรักษาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอากาศหนาวเช่นนี้ เมื่อออกไปจะต้องถูกความเย็นกัดแน่ ถึงเวลานั้นหากทั่วร่างเน่าเปื่อยก็จะแย่แล้ว” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างเป็นห่วง“ไม่ต้องแล้ว พี่สะใภ้ห้าท้องโตอยู่ ก็ไม่ขอรบกวนพี่สะใภ้ห้าดีกว่า” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เอาแต่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 385

    นางเตือนขึ้นมาแล้ว ฮ่องเต้จึงค่อยนึกขึ้นมาได้ “เฉาเต๋อ เรียกหมอหลวงให้มาดูองค์หญิงเก้าหน่อยซิ”หัวหน้าขันทีเฉาเข้าประตูมาได้ยินพอดี เขาก็รีบสั่งคนให้ไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อเรียกหมอหลวงที่อยู่เวรมาเซี่ยหลิงเอ๋อร์เห็นนางพูดจาอ่อนหวานนุ่มนวล ทุกคำพูดก็เป็นห่วงเป็นใยอีกด้วย ที่ยิ่งแปลกคือเสด็จพ่อยังฟังคำของนางอีกด้วย เหมือนว่านางต่างหากที่เป็นพระธิดาของเสด็จพ่อ นางนึกไม่พอใจอยู่ในใจ เกลียดเจียงเฟิ่งหัวเข้ากระดูกดำ ในใจนางจำไว้ฝังหัวว่าเป็นเพราะเจียงเฟิ่งหัวแย่งผู้ชายของซูถิงหว่านมา พวกนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ที่จริงนางรู้ว่าเจียงเฟิ่งหัวอาศัยอยู่ในวัง นางก็พยายามคิดหาทางวางยาใส่อาหารของนาง แต่ว่าอาหารของนางมีคนคอยดูแลควบคุมอยู่โดยเฉพาะ นางจึงไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียวนางจดจ้องที่เจียงเฟิ่งหัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้น “ไม่ต้องการน้ำใจจอมปลอมของท่าน…”เจียงเฟิ่งหัวชักมือกลับ ยืนตัวตรงแล้วเดินเข้าไปตรงหน้าฮ่องเต้ แสดงออกว่าน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ไม่น้อย กล่าวเสียงอ่อนโยน “ต้องโทษหม่อมฉันทั้งสิ้นที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เฟิ่งหัวขอทูลลาก่อนเพคะ”ฝ่าบาทตรัสเสียงเข้ม “นางเป็นพี่สะใภ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 384

    ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นอู๋ซินก็เดินมาตรงหน้าเจียงเฟิ่งหัว “กราบทูลพระชายา ฝ่าบาทมีรับสั่งเชิญท่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”เขาก็กังวลมากว่านางจะติดร่างแหไปกับฮองเฮาด้วยโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เนื่องด้วยเรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระชายาเหิงอ๋อง อู๋ซินจึงไม่ได้ส่งคนไปอธิบายสถานการณ์ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็นเจียงเฟิ่งหัวจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปในพระตำหนักเฉียนชิงอย่างเคารพนบนอบก็ได้เห็นว่าเซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็คุกเข่าอยู่ด้านใน ใบหน้านางมีแต่น้ำตา สะอึกสะอื้น ท่าทางดูเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจมาก แขนของนางก็โผล่ออกมาข้างนอก แขนเสื้อม้วนขึ้นมา บนแขนเต็มไปด้วยรอยแผลถูกตี เลือดแดงสามารถสังเกตเห็นได้ ผิวเหมือนมีเลือดซึมออกมาแล้วนางครุ่นคิดในใจ แผลเหล่านี้เป็นฝีมือวังหมัวมัว หรือว่าเป็นฝีมือของนางเองกันแน่? อย่างมากวังหมัวมัวก็แค่ตีฝ่ามือ ไม่มีทางตีไปจนถึงแขนเด็ดขาดเจียงเฟิ่งหัวเดินเข้าไปด้านหน้า ถวายคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ขณะที่นางกำลังจะคุกเข่าลงนั้นเอง ฝ่าบาทก็ตรัสว่า “ตามสบายเถิด ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เจ้ามาทำอะไร”เจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 383

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวตามมาถึงพระตำหนักเฉียนชิง เหล่าพระสนมในวังส่วนใหญ่ต่างก็มาถึงแล้วพระสนมเยี่ยนเฟยผู้ชอบประสมโรงเมื่อมีเรื่องวุ่นวายร่ำสุราจนเมาแล้วก็มาแทรกตัวอยู่แถวหน้า หญิงอายุเยอะแล้วอย่างนางหัวเราะเยาะโดยไม่สนใจว่าเรื่องจะยิ่งบานปลาย “หวังเจาอี๋ร้ายจริง ๆ กล้าสวมเขาให้ฝ่าบาท นางเข้าวังมายังไม่ถึงสองปีหรอกกระมัง แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ อยู่ในวังมันเหงาหงอย มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ!”“ราตรีช่างยาวนานวังกว้างใหญ่ หญิงเดียวดายลำพังร่ำรำพัน…”“ใบหน้าอันเคยงามชราไป อยู่จำใจในวังให้ระทม…”“ฝันสลายน้ำตานองเต็มผ้า แว่วเสียงจากวังหน้ายามดึกดื่น…”“…”พระสนมเยี่ยนเฟยเริ่มขับขานบทกลอนต่อหน้าทุกคน ดูท่าทางเหมือนได้ระบายความโกรธเป็นอย่างมากเพียงไม่นาน หัวหน้าขันทีเฉาไม่สนใจลำดับยศต่ำสูงแล้ว สั่งให้คนรีบลากตัวพระสนมเยี่ยนเฟยออกไป “พระสนมเยี่ยนเฟย ท่านก็เงียบ ๆ ลงสักหน่อยเถิด หากทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธแล้วท่านไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเอง ยังจะทำร้ายอวี้อ๋องด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”เยี่ยนเฟยกระเสือกกระสน พูดอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ว่า “หวังเจาอี๋กล้าคบชู้เพราะนางมีความกล้า ข้ากลับเสียเวลาในวังไปเปล่า ๆ อยู่หลายสิบปี

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 382

    เซี่ยหลิงเอ๋อร์เมื่อชาติที่แล้วพูดได้เลยว่าเรียกร้องความสนใจ เกินหน้าเกินตาคนอื่นถึงขีดสุด มีหน้ามีตาไปทั้งชีวิต ชาตินี้ก็ไม่แน่นอนแล้ว ได้ยินว่าเฉิงฮองเฮามักจะลงโทษนางโดยใช้เหตุผลว่าเป็นการสั่งสอนกฎระเบียบแก่นางทันใดนั้นเจียงเฟิ่งหัวก็มองนางแวบหนึ่ง เพียงแค่ปราดเดียว นางก็ดูออกว่าสายตาที่เซี่ยหลิงเอ๋อร์จับจ้องที่นางเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายในวังก็ต้องอยู่รอเฝ้าคืนข้ามปีเช่นกัน เพียงแค่ว่าหลังจากอาหารมื้อสุดท้ายของปีแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกลับไปเฝ้ารอช่วงเวลาข้ามปีในตำหนักตัวเอง เวลานี้เอง คนในวังก็ยิ่งรู้สึกเหงาหงอยกลอนวรรคหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ทุกเทศกาลยิ่งคะนึงถึงครอบครัว ยิ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มที่ในช่วงเทศกาลเช่นนี้เจียงเฟิ่งหัวก็ต้องอยู่เฝ้าคืนข้ามปี เพื่อคนในครอบครัว ต่อให้นางง่วงแค่ไหนนางก็ต้องห่อตัวไว้ด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ นั่งล้อมอยู่ข้างเตาไฟเวลานี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงตีฆ้องและกลองดังขึ้น ทั้งวังก็แปรเปลี่ยนจากที่เงียบสงบกลายเป็นอึกทึกครึกโครมขึ้นมาในชั่วพริบตาเหลียนเย่เปิดประตูวิ่งออกไปดูความวุ่นวาย เพียงไม่นานนางก็นำข่าวกลับมา “ในวังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วเพคะ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status