Share

บทที่ 386

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
นางก็รู้จักเซี่ยหลิงเอ๋อร์ดี ได้รับการดูแลมาอย่างทะนุถนอมตามใจ แล้วนางจะใจเด็ดจนลงมือกับตัวเองได้หรือ?

เซี่ยหลิงเอ๋อร์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างขลาดๆ แล้วยื่นแขนออกมา

ฮ่องเต้ตรัสอย่างเป็นห่วงว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายไม่เป็นอันใดกระมัง!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลวงหวังก็กล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท ไม่มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ บาดแผลก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก…” แม้หมอหลวงหวังจะดื่มสุรา แต่ทักษะการแพทย์ของเขาก็ยังสามารถเชื่อถือได้

ไม่รอให้หมอหลวงหวังพูดจบ เซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็รีบปิดแผล เมื่อครู่นางได้แสดงบาดแผลบนมือและขาให้เสด็จพ่อดูแล้ว จึงรีบกล่าวว่า “ให้นางกำนัลของข้าช่วยข้าทายาก็พอ ไม่ขอรบกวนท่านหมอหลวงหวังแล้ว บาดแผลบางแห่งอยู่บนตัวออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง…”

“ให้ข้าช่วยองค์หญิงทาเถอะ ข้าเห็นบาดแผลบนมือค่อนข้างร้ายแรงอยู่ บาดแผลบนขาก็ร้ายแรงเหมือนกันใช่หรือไม่ จะต้องรีบรักษาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอากาศหนาวเช่นนี้ เมื่อออกไปจะต้องถูกความเย็นกัดแน่ ถึงเวลานั้นหากทั่วร่างเน่าเปื่อยก็จะแย่แล้ว” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องแล้ว พี่สะใภ้ห้าท้องโตอยู่ ก็ไม่ขอรบกวนพี่สะใภ้ห้าดีกว่า” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เอาแต่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 1

    ภายในห้องหับวิจิตรงามสง่า สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดวิวาห์หรูหรานั่งอยู่หน้ากระจก ดวงหน้างามพิลาสของนางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนมารดาของสาวน้อยกำลังแต่งตัวให้นาง มองดูลูกสาวตรงหน้าอย่างทั้งปลาบปลื้มและปวดใจ ลูกสาวที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่กำลังจะออกเรือนแล้ว ดวงตาของนางแดงเรื่ออย่างอดไม่อยู่ “เดิมทีแม่อยากให้เจ้าอยู่ข้างกายอีกสักสองปี คิดไม่ถึงว่าเพิ่งถึงวัยปักปิ่นก็มีราชโองการประทานสมรสของฝ่าบาทลงมาเสียแล้ว”เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยปลอบ “ลูกแต่งเข้าราชวงศ์ไปเป็นชายาอ๋อง พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศทรัพย์ศฤงคาร แพรพรรณอาหารชั้นเลิศ ชีวิตย่อมสุขสบายเป็นแน่แท้ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน”“จ้ะๆๆ ลูกสาวแม่เป็นคนมีวาสนา คุณหนูสกุลใหญ่มีตั้งมากมาย ฮองเฮาทอดพระเนตรปราดเดียวก็เลือกเจ้าเป็นชายาของเหิงอ๋อง เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของฮองเฮา ฮองเฮายังโปรดเจ้ามากถึงเพียงนี้ วันหน้าจะต้องไม่ดูดายเจ้าแน่นอน” เฝิงจิ้งย่วนปีติยินดีจนน้ำตาไหล คิดถึงว่าเหิงอ๋องหล่อเหลาสง่างาม ความสามารถด้านศิลปศาสตร์โดดเด่น ทรงอำนาจบารมี ลูกสาวโฉมงามล่มเมือง เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพ สกุลเจียงซึ่ง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 2

    เมื่อครู่ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเวลากะพริบตาเดียวเท่านั้น ความเคลื่อนไหวของเซี่ยซางนับว่าว่องไว ดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ร่วงลงมาตรงอกเจียงเฟิ่งหัวคลุมศีรษะให้นางใหม่ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปมีท่าทางห่างเหินที่ห้ามคนแปลกหน้าใกล้ชิดอีกครั้ง ไอเย็นห่อหุ้มรอบกาย แววตายิ่งเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ปราศจากความรู้สึกแม้เศษเสี้ยว น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดดังขึ้นริมโสตนาง “เจ้ายังดำเนินพิธีต่อได้หรือไม่?”เจียงเฟิ่งหัวพยักหน้าน้อยๆ “เพคะ”นางรู้ว่าถึงเซี่ยซางจะไม่ยินดีแต่งงานกับนาง แต่ก็ไม่มีทางเห็นคนประสบอันตรายแล้วไม่ช่วยเหลือ พวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อน เจอกันครั้งแรกก็วีรบุรุษช่วยสาวงาม เท่านี้ก็พอให้ซูถิงหว่านที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนถือสาแล้ว ส่วนว่าความเคลื่อนไหวของนางจะทำให้แม่สามีไม่พอใจหรือไม่นั้น มิได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณของนางยามนั้นขุนนางผู้ดำเนินพิธีรีบเอ่ยว่า “ยิ่งไฟลุกยิ่งรุ่งโรจน์ ยิ่งโหมไหม้ยิ่งเป็นมงคล ชีวิตของพระชายากับท่านอ๋องจะต้องรุ่งโรจน์โชติช่วง เจริญรุ่งเรืองเป็นแน่แท้ ดำเนินพิธีมงคลสมรสต่อไปได้...”ทุกคนเห็นเจ้าสาวเพียงแวบเดียวก็เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความประหลาดใจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 3

    ขนตาเจียงเฟิ่งหัวไหวระริก ใบหน้าเล็กๆ นั้นอดกลั้นจนแดงก่ำ นิ้วมือเรียวกระชับชุดชั้นนอกที่เดิมก็บางเบาอยู่แล้ว ยิ่งปกปิดยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างกลมกลึงของนาง เท้าเปลือยเปล่าคู่นั้นเปิดเผยอยู่เบื้องหน้าเขา ชวนให้คนเอ็นดูเหมือนภูตน้อยไม่มีผิดเซี่ยซางรีบเสสายตาหนี เอ่ยเสียงเย็นชา “แต่งตัวให้เรียบร้อย”เจียงเฟิ่งหัวก้มหน้ามอง พบว่าเท้าของตนเองเปลือยเปล่า นางบิดเอวคอดเดินผ่านหน้าเขาไป ด้านหนึ่งดึงอาภรณ์ลงปกปิดอย่างร้อนรน ด้านหนึ่งก็อธิบายเสียงเบา “หม่อมฉันไม่ได้ไม่รู้กฎระเบียบนะเพคะ ท่านอ๋องโปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน ตอนกลางวันชุดชั้นนอกของหม่อมฉันถูกไฟเผา หม่อมฉันเกรงว่าจะแลดูไม่เหมาะสม ครั้นกลับห้องหม่อมฉันจึงให้คนไปเตรียมน้ำอาบน้ำ เดิมคิดว่าจะแต่งตัวใหม่ แต่อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจึงเผลอหลับไปโดยไม่ทันระวัง หม่อมฉันจึงลืมเวลาไปชั่วขณะ”“ข้าไม่ได้ถือสา” น้ำเสียงของเขาห่างเหินเย็นชา แววตามืดครึ้มเผยให้เห็นความไม่พอใจนางคิด สำหรับคนที่ไม่สนใจแล้ว ต่อให้เปลือยทั้งตัว เขาก็ไม่สนใจหรอกเจียงเฟิ่งหัวดวงตาเป็นประกาย นางหลบไปข้างๆ อย่างอ่อนแอขวัญอ่อน ดวงตาฉายแววลังเล กัดริมฝีปากสีแดงฉ่ำพึมพ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 4

    ปลายฤดูวสันต์ อากาศเริ่มร้อนระอุ บนร่างเจียงเฟิ่งหัวสวมชุดบางๆ ชั้นเดียวไม่หนาวและไม่ร้อน ในไม่ช้าก็นอนหลับไป ลมหายใจสม่ำเสมอเซี่ยซางอาบน้ำกลับมาก็เห็นนางนอนอยู่ด้านในสุดของเตียง เรือนร่างนางโค้งเว้าชัดเจน เอวคอดดุจกิ่งหลิว ขาเรียวงามโผล่ออกมานอกผ้าห่ม เปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดถึงที่สุด แขนเกลี้ยงเกลาดุจหยกพาดสะเปะสะปะ ดวงหน้างามพิสุทธิ์ผุดผาด ดวงตาทั้งสองหลับพริ้ม ขนตางอนงามสงบนิ่งดุจหญิงที่ยังไม่ออกเรือน ริมฝีปากแดงอิ่มเป็นมันวาว เย้ายวนชวนเสน่หาเซี่ยซางอึ้งไปชั่วขณะ เขาจำต้องยอมรับว่ารูปโฉมงามพิลาสของเจียงเฟิ่งหัวนั้นหาได้ยากยิ่ง เขานอนอยู่ด้านนอกสุดของเตียงโดยสวมอาภรณ์เรียบร้อย เว้นที่ว่างกว้างเท่าหนึ่งคนนอนได้ไว้ตรงกลาง กลิ่นหอมกรุ่นจางๆ ซ่านเข้าจมูก ตอนกลางวันขณะที่เขาอุ้มนางก็ได้กลิ่นหอมอ่อนจางเช่นนี้ หอมจรุงใจยิ่งนักเขาหลับตา ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขากลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ เตือนตัวเองว่าแม้จะนอนร่วมเตียงกับสตรีผู้หนึ่งก็สามารถทำได้ถึงขั้นจิตใจไม่วอกแวกเจียงเฟิ่งหัวไม่ใช่คนที่เขารัก นางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่มีดีเพียงรูปโฉม ไม่อาจมีความคิดนอกลู่นอกทางกับนางเป็นอันขาดหันไปมองเจี

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 5

    วันนี้เซี่ยซางสวมชุดแพรทรงตรงสีม่วง ตรงเอวรัดด้วยแถบผ้าแพรปักดิ้นทองลายเมฆสีเดียวกันเส้นหนึ่ง ผมสีดำสนิทรวบไว้ครอบด้วยมงกุฎทองคำประดับหยก รูปร่างสูงโปร่งยืนแผ่นหลังตั้งตรง ทั้งตัวคนแลดูหล่อเหลาสง่างาม กอปรด้วยราศีสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดส่วนเจียงเฟิ่งหัววันนี้สวมเสื้อคลุมเนื้อบางสีม่วงอ่อน ข้างในสวมเกาะอกและกระโปรงร้อยจีบสีฟ้าเทา ไหล่กลึงเกลาดุจแกะสลัก เอวอ้อนแอ้นอรชร ลำคอของนางเรียวยาว ผิวพรรณขาวพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา บุคลิกภาพดุจกล้วยไม้ในหุบเขา การแต่งกายแต่ละแบบสามารถขับเน้นเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกันของนาง ผมทรงมวยเมฆาในวันนี้ยิ่งขับเน้นความสุภาพเรียบร้อย แลดูทั้งสง่างามและหรูหรา นางแต่งหน้าอย่างประณีตงดงาม เดินตรงมาทางเขาด้วยฝีเท้าแช่มช้า“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง” น้ำเสียงของนางอ่อนหวาน ต่างจากท่าทางปล่อยตัวตามสบายเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนเมื่อคืนนี้ลิบลับ กิริยาที่นางแสดงออกก็คือมาดของชายาอ๋องเซี่ยซางใจสั่นระรัว หันหน้ามากล่าวเสียงเย็นชา “ตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ข้าจะต้องพาเจ้าเข้าวังไปคารวะขอบพระทัย ถ้าเจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!”“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวไ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 6

    ภายในตำหนักคุนหนิง วังหมัวมัวรายงานเรื่องที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันต่อเฉิงฮองเฮา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอก ฮองเฮาก็ทราบแล้วเช่นกัน ไม่ว่าเจียงเฟิ่งหัวทำได้อย่างไร สุดท้ายนางก็รักษาเกียรติของตนเองเอาไว้ได้เฉิงฮองเฮาเลิกคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจียงเฟิ่งหัวเป็นคนมีความสามารถ การร่วมหอย่อมเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว จากที่เห็นวันนี้ นับว่าข้าเลือกชายาที่ดีคนหนึ่งให้ซางเอ๋อร์แล้วสินะ”“ท่านอ๋องเดี๋ยวประคองขึ้นเดี๋ยวประคองลง คิดว่าคงโปรดพระชายาเป็นแน่เพคะ” สี่หมัวมัวเอ่ยมาอีกว่า “องค์หญิงเก้าช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว มาถึงหน้าประตูตำหนักแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่เข้ามาคารวะทักทายฮองเฮา ไม่รู้จริงๆ ว่ากุ้ยเฟยสั่งสอนอย่างไร”“ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้รับบทเรียนแน่” เฉิงฮองเฮารังเกียจเซี่ยหลิงเอ๋อร์ด้วยเช่นกันสี่หมัวมัวยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น “ตั้งแต่กำหนดเรื่องมงคลของท่านอ๋อง กุ้ยเฟยก็ไปร้องไห้ต่อหน้าฝ่าบาทมาแล้วหนหนึ่ง บอกว่าคุณหนูซูกับท่านอ๋องของพวกเราชอบพอกัน ต้องการขอพระเมตตาให้คุณหนูซู สุดท้ายฝ่าบาทปฏิเสธกุ้ยเฟยไปโดยอ้างว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยามนั้นสีหน้าปั้นยากยิ่งนัก

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 7

    ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเนิบช้าว่า “หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เล็กแล้วว่าเพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ เฉลียวฉลาดมากความสามารถมาตั้งแต่ยังเยาว์ เคยเข้าไปประลองกับบัณฑิตมากมายในสำนักศึกษาหลวงจนสร้างชื่อได้ในคราวเดียว ต่อมา เผ่าหูรวบรวมไพร่พลสามแสนมาโจมตีต้าโจว กองทัพศัตรูรุดหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ เมืองต่างๆ ของต้าโจวถูกตีแตกเมืองแล้วเมืองเล่า เหิงอ๋องในวัยเพียงสิบห้าปีนำกำลังคนสิบกว่าคนบุกเข้าค่ายทหารของศัตรูไปจับเป็นผู้นำทัพศัตรู เผ่าหูถอนทัพ ครานั้นท่านอ๋องคว้าชัยชนะมาให้ต้าโจวได้อย่างงดงาม ท่านอ๋องห้าวหาญเพียงนี้ นับว่าเป็นความชอบที่เสด็จแม่ทุ่มเทสั่งสอนมาเช่นกันเพคะ”กล่าวถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ในอดีตของเซี่ยซาง ดวงตาเฉิงฮองเฮาทอประกายภาคภูมิใจ แต่ครั้นคิดถึงว่าบุตรชายมีความสามารถโดดเด่นปานนี้แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่ ซางเอ๋อร์ไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้เป็นเพราะผลกระทบจากตนเองทั้งสิ้นดวงหน้าอ่อนเยาว์ของเจียงเฟิ่งหัวฉายแววกังขา “เสด็จแม่เป็นอะไรไปเพคะ?”“ยามนี้หัวใจทั้งดวงของซางเอ๋อร์อยู่ที่สตรีนางนั้น ข้าเองก็ปวดหัวเหมือนกัน” ฮองเฮ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 8

    อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 386

    นางก็รู้จักเซี่ยหลิงเอ๋อร์ดี ได้รับการดูแลมาอย่างทะนุถนอมตามใจ แล้วนางจะใจเด็ดจนลงมือกับตัวเองได้หรือ?เซี่ยหลิงเอ๋อร์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างขลาดๆ แล้วยื่นแขนออกมาฮ่องเต้ตรัสอย่างเป็นห่วงว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายไม่เป็นอันใดกระมัง!”ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลวงหวังก็กล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท ไม่มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ บาดแผลก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก…” แม้หมอหลวงหวังจะดื่มสุรา แต่ทักษะการแพทย์ของเขาก็ยังสามารถเชื่อถือได้ไม่รอให้หมอหลวงหวังพูดจบ เซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็รีบปิดแผล เมื่อครู่นางได้แสดงบาดแผลบนมือและขาให้เสด็จพ่อดูแล้ว จึงรีบกล่าวว่า “ให้นางกำนัลของข้าช่วยข้าทายาก็พอ ไม่ขอรบกวนท่านหมอหลวงหวังแล้ว บาดแผลบางแห่งอยู่บนตัวออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง…”“ให้ข้าช่วยองค์หญิงทาเถอะ ข้าเห็นบาดแผลบนมือค่อนข้างร้ายแรงอยู่ บาดแผลบนขาก็ร้ายแรงเหมือนกันใช่หรือไม่ จะต้องรีบรักษาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอากาศหนาวเช่นนี้ เมื่อออกไปจะต้องถูกความเย็นกัดแน่ ถึงเวลานั้นหากทั่วร่างเน่าเปื่อยก็จะแย่แล้ว” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างเป็นห่วง“ไม่ต้องแล้ว พี่สะใภ้ห้าท้องโตอยู่ ก็ไม่ขอรบกวนพี่สะใภ้ห้าดีกว่า” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เอาแต่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 385

    นางเตือนขึ้นมาแล้ว ฮ่องเต้จึงค่อยนึกขึ้นมาได้ “เฉาเต๋อ เรียกหมอหลวงให้มาดูองค์หญิงเก้าหน่อยซิ”หัวหน้าขันทีเฉาเข้าประตูมาได้ยินพอดี เขาก็รีบสั่งคนให้ไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อเรียกหมอหลวงที่อยู่เวรมาเซี่ยหลิงเอ๋อร์เห็นนางพูดจาอ่อนหวานนุ่มนวล ทุกคำพูดก็เป็นห่วงเป็นใยอีกด้วย ที่ยิ่งแปลกคือเสด็จพ่อยังฟังคำของนางอีกด้วย เหมือนว่านางต่างหากที่เป็นพระธิดาของเสด็จพ่อ นางนึกไม่พอใจอยู่ในใจ เกลียดเจียงเฟิ่งหัวเข้ากระดูกดำ ในใจนางจำไว้ฝังหัวว่าเป็นเพราะเจียงเฟิ่งหัวแย่งผู้ชายของซูถิงหว่านมา พวกนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ที่จริงนางรู้ว่าเจียงเฟิ่งหัวอาศัยอยู่ในวัง นางก็พยายามคิดหาทางวางยาใส่อาหารของนาง แต่ว่าอาหารของนางมีคนคอยดูแลควบคุมอยู่โดยเฉพาะ นางจึงไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียวนางจดจ้องที่เจียงเฟิ่งหัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้น “ไม่ต้องการน้ำใจจอมปลอมของท่าน…”เจียงเฟิ่งหัวชักมือกลับ ยืนตัวตรงแล้วเดินเข้าไปตรงหน้าฮ่องเต้ แสดงออกว่าน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ไม่น้อย กล่าวเสียงอ่อนโยน “ต้องโทษหม่อมฉันทั้งสิ้นที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เฟิ่งหัวขอทูลลาก่อนเพคะ”ฝ่าบาทตรัสเสียงเข้ม “นางเป็นพี่สะใภ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 384

    ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นอู๋ซินก็เดินมาตรงหน้าเจียงเฟิ่งหัว “กราบทูลพระชายา ฝ่าบาทมีรับสั่งเชิญท่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”เขาก็กังวลมากว่านางจะติดร่างแหไปกับฮองเฮาด้วยโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เนื่องด้วยเรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระชายาเหิงอ๋อง อู๋ซินจึงไม่ได้ส่งคนไปอธิบายสถานการณ์ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็นเจียงเฟิ่งหัวจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปในพระตำหนักเฉียนชิงอย่างเคารพนบนอบก็ได้เห็นว่าเซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็คุกเข่าอยู่ด้านใน ใบหน้านางมีแต่น้ำตา สะอึกสะอื้น ท่าทางดูเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจมาก แขนของนางก็โผล่ออกมาข้างนอก แขนเสื้อม้วนขึ้นมา บนแขนเต็มไปด้วยรอยแผลถูกตี เลือดแดงสามารถสังเกตเห็นได้ ผิวเหมือนมีเลือดซึมออกมาแล้วนางครุ่นคิดในใจ แผลเหล่านี้เป็นฝีมือวังหมัวมัว หรือว่าเป็นฝีมือของนางเองกันแน่? อย่างมากวังหมัวมัวก็แค่ตีฝ่ามือ ไม่มีทางตีไปจนถึงแขนเด็ดขาดเจียงเฟิ่งหัวเดินเข้าไปด้านหน้า ถวายคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ขณะที่นางกำลังจะคุกเข่าลงนั้นเอง ฝ่าบาทก็ตรัสว่า “ตามสบายเถิด ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เจ้ามาทำอะไร”เจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 383

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวตามมาถึงพระตำหนักเฉียนชิง เหล่าพระสนมในวังส่วนใหญ่ต่างก็มาถึงแล้วพระสนมเยี่ยนเฟยผู้ชอบประสมโรงเมื่อมีเรื่องวุ่นวายร่ำสุราจนเมาแล้วก็มาแทรกตัวอยู่แถวหน้า หญิงอายุเยอะแล้วอย่างนางหัวเราะเยาะโดยไม่สนใจว่าเรื่องจะยิ่งบานปลาย “หวังเจาอี๋ร้ายจริง ๆ กล้าสวมเขาให้ฝ่าบาท นางเข้าวังมายังไม่ถึงสองปีหรอกกระมัง แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ อยู่ในวังมันเหงาหงอย มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ!”“ราตรีช่างยาวนานวังกว้างใหญ่ หญิงเดียวดายลำพังร่ำรำพัน…”“ใบหน้าอันเคยงามชราไป อยู่จำใจในวังให้ระทม…”“ฝันสลายน้ำตานองเต็มผ้า แว่วเสียงจากวังหน้ายามดึกดื่น…”“…”พระสนมเยี่ยนเฟยเริ่มขับขานบทกลอนต่อหน้าทุกคน ดูท่าทางเหมือนได้ระบายความโกรธเป็นอย่างมากเพียงไม่นาน หัวหน้าขันทีเฉาไม่สนใจลำดับยศต่ำสูงแล้ว สั่งให้คนรีบลากตัวพระสนมเยี่ยนเฟยออกไป “พระสนมเยี่ยนเฟย ท่านก็เงียบ ๆ ลงสักหน่อยเถิด หากทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธแล้วท่านไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเอง ยังจะทำร้ายอวี้อ๋องด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”เยี่ยนเฟยกระเสือกกระสน พูดอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ว่า “หวังเจาอี๋กล้าคบชู้เพราะนางมีความกล้า ข้ากลับเสียเวลาในวังไปเปล่า ๆ อยู่หลายสิบปี

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 382

    เซี่ยหลิงเอ๋อร์เมื่อชาติที่แล้วพูดได้เลยว่าเรียกร้องความสนใจ เกินหน้าเกินตาคนอื่นถึงขีดสุด มีหน้ามีตาไปทั้งชีวิต ชาตินี้ก็ไม่แน่นอนแล้ว ได้ยินว่าเฉิงฮองเฮามักจะลงโทษนางโดยใช้เหตุผลว่าเป็นการสั่งสอนกฎระเบียบแก่นางทันใดนั้นเจียงเฟิ่งหัวก็มองนางแวบหนึ่ง เพียงแค่ปราดเดียว นางก็ดูออกว่าสายตาที่เซี่ยหลิงเอ๋อร์จับจ้องที่นางเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายในวังก็ต้องอยู่รอเฝ้าคืนข้ามปีเช่นกัน เพียงแค่ว่าหลังจากอาหารมื้อสุดท้ายของปีแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกลับไปเฝ้ารอช่วงเวลาข้ามปีในตำหนักตัวเอง เวลานี้เอง คนในวังก็ยิ่งรู้สึกเหงาหงอยกลอนวรรคหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ทุกเทศกาลยิ่งคะนึงถึงครอบครัว ยิ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มที่ในช่วงเทศกาลเช่นนี้เจียงเฟิ่งหัวก็ต้องอยู่เฝ้าคืนข้ามปี เพื่อคนในครอบครัว ต่อให้นางง่วงแค่ไหนนางก็ต้องห่อตัวไว้ด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ นั่งล้อมอยู่ข้างเตาไฟเวลานี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงตีฆ้องและกลองดังขึ้น ทั้งวังก็แปรเปลี่ยนจากที่เงียบสงบกลายเป็นอึกทึกครึกโครมขึ้นมาในชั่วพริบตาเหลียนเย่เปิดประตูวิ่งออกไปดูความวุ่นวาย เพียงไม่นานนางก็นำข่าวกลับมา “ในวังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วเพคะ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 381

    เหลียนเย่นำข่าวที่ไปสืบมากลับมา “แต่ละคนแข่งกันแต่งตัวอย่างยั่วยวน จัดจ้าน ทั้งดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนตัวอักษร วาดภาพ แย่งกันแสดงความสามารถ กลัวสุด ๆ ว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้ ดูท่างานชมดอกเหมยที่ฮองเฮาทรงจัดครั้งนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าที่จริงแล้วมีวัตถุประสงค์อะไร”เจียงเฟิ่งหัวสีหน้าเรียบเฉย กำลังอ่านหนังสือเรื่องเล่าออกใหม่ที่อยู่ในมือ เนื้อหาตลกขบขันน่าสนใจ สนุกจนนางหัวเราะแฮะ ๆ ขึ้นมาเหลียนเย่กล่าว “พระชายา ท่านได้ฟังบ่าวพูดอยู่บ้างหรือไม่เพคะ!”เจียงเฟิ่งหัวไม่ละสายตาจากหนังสือ นิ้วอันเรียวงามทั้งสิบนิ้วพลิกหน้าหนังสือเบา ๆ ผ่อนคลายสบายอารมณ์ กล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “ได้ยินแล้ว ไม่มีอะไรน่าฟังเลย คิดไว้อยู่แล้ว” เพราะว่าหญิงสาวเหล่านี้ต่อไปล้วนจะกลายเป็นพระสนมในวังทั้งสิ้น“ว่ากันว่าลูกสาวบ้านเจ้ากรมถังกับลูกชายใต้เท้าลู่เจ้ากรมยุติธรรมสนิทสนมรักกันมาตั้งแต่เยาว์วัยมิใช่หรือ? นางมีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้ว ยังมาร่วมวงด้วยอีก ท่านน่ะไม่ได้เห็นท่าทางของนาง กลัวมาก ๆ ว่าจะด้อยกว่าคนอื่น แสดงออกอย่างกระตือรือร้นสุด ๆ” เหลียนเย่จิกกัดต่อไป“แล้วก็ยังมีจูเจินเจินกับเฉียวเซวียนเอ๋อร์นั่นอีก พว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 380  

    ส่วนความแค้นระหว่างสกุลเฉิงและสกุลซู เฉิงฮองเฮาวางความสำคัญไว้หลังเซี่ยซางแล้ว ขอเพียงเซี่ยซางได้เป็นฮ่องเต้ ไม่ว่าเรื่องอะไรนางสามารถละทิ้งไปก่อนชั่วคราวได้ทั้งสิ้น ซูถิงหว่านยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเซี่ยซางจะต้องได้เป็นฮ่องเต้ และนางก็เชื่อมั่นอย่างไร้ข้อกังขา รู้สึกว่าโอรสของตนเองมีความสามารถมากถึงเพียงนั้น สมควรได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาท เป็นฮ่องเต้ นางเฝ้ารอวันที่ว่านี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว เฉิงฮองเฮาเปลี่ยนน้ำเสียงให้อบอบอุ่นอ่อนโยน “ความหมายของหรวนหร่วนคือ? แม่นางเหล่านี้ไม่ว่าด้วยอุปนิสัย รูปโฉมหน้าตา หรือชาติกำเนิดล้วนหาได้ยากยิ่ง หากพวกนางหมั้นหมาย หรือสมรสกับผู้อื่นไปแล้วจริง ๆ ก็เท่ากับว่าพลาดไปแล้ว ข้าเองก็คิดเพื่อซางเอ๋อร์นะ” นางยังเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลงอีกว่า “หรวนหร่วน ความจริงข้าเองก็กำลังคิดว่าจะดึงขุนนางให้มาเป็นพวกพ้องของซางเอ๋อร์ เจ้าในฐานะภรรยาของเขา ก็น่าจะรู้ว่าบิดาของพวกนางมีความสำคัญในราชสำนักอย่างไรบ้าง” ได้ยินถึงตรงนี้ เจียงเฟิ่งหัวอยากจะอาเจียนออกมาเต็มที คนที่ไม่รู้คงเข้าใจผิดไปกันใหญ่ว่านางกำลังเฟ้นหาลูกสะใภ้ให้ตนเอง ทั้งที่ความจริงแม่สามีเป็นคนลากลูกสะ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 379  

    เฉิงฮองเฮาก็หยิบภาพเหมือนออกมาให้เจียงเฟิ่งหัว พลางอธิบายทีละใบว่าคนในภาพเป็นธิดาของขุนนางท่านใด หลังจากเจียงเฟิ่งหัวดูแล้ว ในบรรดาภาพเหมือนเหล่านั้นก็มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง ดูเหมือนว่านางจะเตรียมการทุกอย่างให้เซี่ยซางตามกฎเกณฑ์การคัดเลือกพระสนมจริง ๆ “สตรีที่เสด็จแม่ทรงเลือกมาเหล่านี้ งดงามเพริศพริ้งจริงเพคะ เพียงแต่ชาติกำเนิดของพวกนางจะไม่เอิกเกริกเกินไปหรือเพคะ ล้วนเป็นธิดาจากตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ทั้งสิ้น พวกนางจะยอมสมรสกับท่านอ๋องเป็นเพียงอนุภรรยาได้อย่างไรเพคะ เสด็จแม่หากไปสู่ขอแบบนี้ เกรงว่าจะหมางใจกับขุนนางได้นะเพคะ!” “ได้เป็นอนุชายาของซางเอ๋อร์ ถือเป็นวาสนาของพวกนางแล้ว” เฉิงฮองเฮาเริ่มอวดดีขึ้นมาบ้างแล้ว คอยให้โอรสของตนได้เป็นฮ่องเต้ พวกเขาจะต้องระริกระรี้อยากส่งบุตรีเข้าวังจนทนไม่ไหวแน่ เจียงเฟิ่งหัวได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ตอนนางเชิญท่านแม่เข้าวังเมื่อครั้งแรก ก็แสดงท่าทางสูงส่งถือดีเช่นนี้เหมือนกัน ราวกับว่าการที่เจียงเฟิ่งหัวได้สมรสเป็นพระชายาของโอรสของนาง นับว่าเป็นโชคดีที่บรรพบุรุษได้สั่งสมบุญบารมีจุดธูปใหญ่บูชาสวรรค์มา ก่อนที่เฉิงฮองเฮาจะเล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 378  

    แต่นางเล่า ก็ได้แต่ทนทรมานต่อไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้หลุดพ้นออกมาเสียที ปัจจัยสำคัญคือบุตรชายไม่มีปัญญาจะไปแย่งชิงตำแหน่งนั้น มิเช่นนั้นนางเองก็… ฮองเฮาเห็นนางเงียบไปไม่พูดจา กระนั้นก็มิได้สั่งให้นางออกไป แต่ตรัสขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า “ใกล้จะปีใหม่แล้ว พวกเจ้าทุกคนประสงค์จะฉลองวันปีใหม่อย่างไรหรือ ข้าขอย้ำประโยคนั้น อย่าฟุ่มเฟือยสิ้นเปลือง บัดนี้ที่เขตชายแดนกำลังทำศึกสงคราม พวกเรายิ่งสมควรมัธยัสถ์ ต่อหน้าสตรีทั้งใต้หล้าควรเป็นแบบอย่างที่ดี พวกเจ้าทุกคนจงจำไว้ พวกเราเป็นสตรีของฝ่าบาท จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ผู้คนปฏิบัติตาม แต่ละตระกูลของพวกเจ้า ก็ให้พวกเจ้าทุกคนกลับไปดูแลควบคุมกันเอง…” เฉิงฮองเฮาพร่ำพูดแต่เรื่องเดิมราวกับกำลังท่องบทสวดภาวนา ถ้อยคำเหล่านี้พวกนางฟังจนเบื่อหน่ายแล้ว ทุกคนขานรับด้วยความนอบน้อมราวกับสายน้ำไร้ชีวิต “เพคะ หม่อมฉันน้อมรับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาอย่างเคร่งครัดเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวมองดูแล้ว ก็รู้สึกจืดชืดไร้รสชาติ นางฉลองปีใหม่ที่จวนสกุลเจียงยังน่าสนใจมากกว่า คนทั้งเรือนล้อมวงกินอาหารด้วยกัน ท่านพ่อท่านแม่ยังมอบเงินแต๊ะเอียปีใหม่ให้พวกนางเหล่าพี่สาวน้อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status