แชร์

บทที่ 387

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ฮ่องเต้จ้องตาของเซี่ยหลิงเอ๋อร์ทั้งโกรธทั้งโมโหและผิดหวังอย่างที่สุด ในเวลานี้ เขาจึงรู้สึกว่าชั่วชีวิตของเขาราวกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง เป็นถึงฮ่องเต้แห่งอาณาจักรต้าโจว บุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน ทั่วทั้งวังหลังไม่ว่าใครก็ดูเหมือนจะหวาดกลัวเขา เคารพเขา แต่ในความเป็นจริงพวกนางล้วนทรยศ วางแผนร้าย ปั่นหัวและเยาะหยันเขา

จู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา เดินโซซัดโซเซไปมา ผมขาวที่ขมับราวเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยอย่างฉับพลัน “ช่างเถอะ เจ้าถอยไปเถอะ! ข้าจะส่งคนมาสอนเรื่องกฎมารยาทให้เจ้าใหม่ ในอดีตเสด็จแม่เจ้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว”

“เสด็จพ่อ ฮองเฮาทรงตีลูกจริงๆ เพคะ เพียงแต่ทรงมองไม่เห็น” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เห็นว่าถูกเปิดโปง ก็ยังคิดจะทูลฟ้อง “เสด็จพ่อ ที่ลูกกล่าวเป็นความจริง เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน นางคิดจะลงโทษลูกแล้วจะทิ้งหลักฐานไว้ได้อย่างไรกันเพคะ นี่เป็นเพราะลูกโง่เขลา ถึงได้คิดวิธีการเช่นนี้ออกมา ฮองเฮานางเสแสร้งทั้งหมดเพคะ นางไม่ใช่คนดี นาง…”

“เฉาเต๋อ พาตัวนางออกไป” ฮ่องเต้กล่าวเสียงเข้ม

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ถูกพาตัวไปแล้ว แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ให้ฮองเฮาลุกขึ้นมาจากพื้นหิมะ เจียงเฟิ่งหัวลังเลจะไปก็ไม่ใช่ไม่ไปก็ไ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 388

    เฉิงฮองเฮาตะลึงไป ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไรกัน?นางกล่าวว่า “หม่อมฉันอบรมองค์หญิงเก้าอย่างใส่ใจ มิได้ปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้ายเลย เรื่องนี้มิใช่ตรวจสอบจนกระจ่างแล้วหรือเพคะ”“ลุกขึ้นมาเถอะ ถอดเสื้อผ้าให้เรา แล้วปรนนิบัติเราเข้านอนซะ” ฮ่องเต้ตั้งใจทำให้นางอับอายเฉิงฮองเฮาคุกเข่าอยู่บนพื้น “มิสู้ให้น้องหย่าเฟยมาปรนนิบัติฝ่าบาท เสื้อผ้าของหม่อมฉันเปียกชื้นหมดแล้ว เครื่องประทินโฉมที่แต่งไว้ก็ไม่น่ามองแล้วเพคะ” นางกลับไม่รู้ว่า ยิ่งตอนนี้นางปฏิเสธฮ่องเต้ นางก็จะยิ่งลำบากฮ่องเต้สามารถทำให้นางมีชีวิตที่เป็นสุขได้ ก็สามารถทรมานนางจนอยู่มิสู้ตายได้เช่นเดียวกัน บุรุษที่ในใจนางคิดถึงมีได้เพียงฮ่องเต้เท่านั้นฮ่องเต้แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง ไร้ความรู้สึก น้ำเสียงแทบจะเป็นคำสั่ง “หลบมายี่สิบปี เจ้าแทบจะเลี่ยงจนสบายเกินไปแล้ว ภรรยาปรนนิบัติสามีมิใช่เรื่องที่ควรเป็นหรือไร เจ้าลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว หรือไม่ถือตัวไม่อยากปรนนิบัติข้าเหมือนหวังเจาอี๋กันล่ะ”“หม่อมฉันมิกล้า” ฮองเฮารู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว นางยังคิดว่า ที่ช่วงก่อนฮ่องเต้อ่อนโยนต่อนาง สายตาสิเน่หาในตัวนาง เป็นเพราะปล่อยวาง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 389

    เมื่อเฉิงฮองเฮาออกมาจากตำหนักบรรทม สี่หมัวมัวและวังหมัวมัวก็รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “ฮองเฮา ทรงเป็นอันใดหรือไม่เพคะ!”แต่นางกลับไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว สาวเท้าไปบนทางเดินอันเงียบสงัด สี่หมัวมัวรีบนำเสื้อคลุมสะอาดมาคลุมไว้บนร่างของนาง แล้วไปประคองนางอีกครั้ง “ฮองเฮาช้าลงหน่อยเถิดเพคะ ระวังพื้นใต้เท้าลื่นนะเพคะ กระโปรงของพระองค์เปียกหมดแล้ว ขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วเพคะ ทรงนั่งเกี้ยวเถิดเพคะ”เฉิงฮองเฮาไม่รู้ว่าตนกำลังยินดีหรือเป็นทุกข์กันแน่ ในตอนที่ซูถิงหว่านบอกเรื่องนี้กับนาง นางรู้สึกเพียงว่าจิตใจปลอดโปร่งราวกับได้ล้างแค้น ทุกอณูในร่างกายของนางมีชีวิตชีวาขึ้นมา โอรสของนางจะกลายเป็นฮ่องเต้ ในที่สุดนางก็ได้ลืมตาอ้าปากเชิดหน้าชูตาเสียทีนางทนต่อความอยุติธรรมมานานนับยี่สิบปี แต่นางเป็นผู้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย นางมิได้รักฮ่องเต้ เขาจะรักซูชิงชิงหรือไม่ก็ช่างปะไร แต่ยามนี้ เมื่อครู่ตอนที่นางเห็นสายตาเย็นชาเสียดกระดูกของฮ่องเต้ หัวใจของนางก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาฮ่องเต้ถึงขนาดบอกกับนางด้วยตนเองว่า จะแต่งตั้งลูกชายของนางเป็นรัชทายาทเมื่อเฉิงฮองเฮากลับไปถึงตำหนักคุนหนิงก็ป่วย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 390

    วังหมัวมัวกล่าวต่อว่า “เรื่องเมื่อวาน ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้บ่าวต่อฝ่าบาทเพคะ ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้ของบ่าวคงจบลงเมื่อคืนแล้ว”“ข้ารู้จักวังหมัวมัวดี ท่านไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ ต่อให้คิดทำก็ไม่มีทางปล่อยให้คนกำจุดอ่อนไว้ได้” เจียงเฟิ่งหัวมิได้เสแสร้งกับนาง คนที่สามารถรับใช้อยู่ข้างกายฮองเฮาได้ล้วนไม่โง่วังหมัวมัวยิ้มออกมา แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “การรับใช้อยู่ในวัง ทุกคนต่างเหมือนอยู่บนน้ำแข็งบางๆ โดยเฉพาะเมื่อฮองเฮากับฝ่าบาททรงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน พวกเรายิ่งต้องใส่ใจระมัดระวังมากขึ้น แม้พระชายารองซูจะมีสกุลซูคอยช่วย แต่ไม่ว่าอย่างไร ใต้หล้านี้สุดท้ายแล้วก็ยังคงมีฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”วังหมัวมัวกำลังเตือนนางว่า หากคิดจะต่อสู้กับชายารองซู แค่กุมหัวใจของท่านอ๋องไว้ได้ยังไม่พอ ยังต้องอาศัยการคุ้มครองจากฮ่องเต้ด้วย เพราะสกุลซูก็มิใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นตำแหน่งฮองเฮาคงเปลี่ยนเจ้าของไปนานแล้วฮ่องเต้ทรงรังเกียจฮองเฮาถึงเพียงนี้ กระทั่งไม่ยอมให้พระนางปรนนิบัติบรรทม แถมไม่เสด็จมาตำหนักคุนหนิงอีก สกุลเฉิงทั้งตระกูลยิ่งถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งไปแล้วด้วย ดัง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 391

    ฮ่องเต้มองเจียงเฟิ่งหัว แสดงสีหน้าเหมือนกลืนแมลงวันเป็นๆ เข้าไปออกมา “งั้นเราเต็มใจทำตัวเป็นเต่าหดหัวอย่างนั้นหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวรู้ว่าฮ่องเต้เข้าใจผิดแล้ว สีหน้าลนลาน แต่นางจะคุกเข่าก็คุกเข่าไม่ลง ได้แต่รีบอธิบายว่า “ความหมายของลูกคือ โจรเถื่อนบุกมาถึงประตูแคว้นเราแล้ว ท่านอ๋องมีฐานะเป็นองค์ชาย แถมอายุยังอยู่ในช่วงเลือดลมร้อนระอุอีก ดุจดั่งลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต แม้ปีนั้นเขาจะขัดคำสั่งกองทัพไม่ยอมเชื่อฟัง บุกเข้าไปในค่ายทหารศัตรูโดยพลการ แต่เสด็จพ่อเห็นแก่ที่เขาอายุยังน้อยไม่รู้ความ และภายหลังก็ไม่ได้เกิดปัญหาร้ายแรงอะไร จึงทรงใช้ผลงานหักลบความผิด อภัยให้ท่านอ๋องใช่ไหมเพคะ!”เมื่อพูดมาถึงตอนสุดท้าย เจียงเฟิ่งหัวก็เริ่มทำตัวเหมือนลูกสาวที่กำลังออดอ้อน ราวกับเด็กน้อยที่กระทำความผิดแล้วอยากได้รับความรักจากบิดา “ตั้งแต่เด็กจนโตท่านอ๋องล้วนพยายามอย่างมาก เขาอยากได้รับการยอมรับจากพระองค์มาโดยตลอด อันที่จริงแล้วเขาเคารพนับถือเสด็จพ่อของเขามากเพคะ เขาก็นับว่าน่าสงสารนัก…”เมื่อฮ่องเต้เห็นท่าทางร้อนใจของนาง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเจียงเฟิ่งหัวตะลึงไป เรียกออกมาอย่างลอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 392

    เฉิงฮองเฮานั่นหดหู่อยู่หน้ากระจก ในอดีตนางเคยภาคภูมิใจต่อใบหน้าที่งดงามดวงนี้นัก อายุสิบสี่เข้าวัง อายุสิบแปดให้กำเนิดบุตร แล้วหลังจากนั้นเล่า นางกลับปล่อยเวลาครึ่งชีวิตไปอย่างเสียเปล่าอยู่ในวัง ที่แท้เหตุใดนางต้องชีวิตเช่นนี้กันนะตอนยังไม่ได้เข้าวัง ทุกคนล้วนปรารถนาจะเข้าวัง แต่เมื่อเข้าวังมาแล้วจริงๆ กลับได้แต่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเช่นนี้ ไม่มีความสนุกสนานแม้แต่น้อย วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า พวกนางเหมือนนกคีรีบูนที่ถูกขังอยู่ในกรง ไร้คนชื่นชมไม่แปลกเลยที่เยี่ยนเฟยจะเสียสติ ตอนที่นางเริ่มมาอยู่กับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ยังเป็นเพียงรัชทายาทเท่านั้น แม้จะให้กำเนิดโอรส แต่กลับมิได้รับความโปรดปราน ผู้หญิงแบบเยี่ยนเฟย ไม่รู้ในวังมีจำนวนเท่าใด พวกนางมีความทุกข์เช่นเดียวกันจึงเข้าใจและเห็นใจในความทุกข์ของอีกฝ่ายยังมีพวกที่ปลิดชีพตนเองเพราะอาการซึมเศร้าอีก ฮ่องเต้ทรงเคยใส่พระทัยสักกี่นางกัน บัดนี้ นางก็จะเดินตามรอยของพวกนางบ้างแล้ว ไปเสียสติเหมือนเยี่ยนเฟยไปมีความสุข เหมือนหวังเจาอี๋…ในตอนที่เฉิงฮองเฮายังสาวก็ไม่เคยคิดทำเรื่องที่ผิดต่อคุณธรรมของสตรี ยามนี้นางก็ไม่มีทางกระทำเช่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 1

    ภายในห้องหับวิจิตรงามสง่า สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดวิวาห์หรูหรานั่งอยู่หน้ากระจก ดวงหน้างามพิลาสของนางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนมารดาของสาวน้อยกำลังแต่งตัวให้นาง มองดูลูกสาวตรงหน้าอย่างทั้งปลาบปลื้มและปวดใจ ลูกสาวที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่กำลังจะออกเรือนแล้ว ดวงตาของนางแดงเรื่ออย่างอดไม่อยู่ “เดิมทีแม่อยากให้เจ้าอยู่ข้างกายอีกสักสองปี คิดไม่ถึงว่าเพิ่งถึงวัยปักปิ่นก็มีราชโองการประทานสมรสของฝ่าบาทลงมาเสียแล้ว”เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยปลอบ “ลูกแต่งเข้าราชวงศ์ไปเป็นชายาอ๋อง พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศทรัพย์ศฤงคาร แพรพรรณอาหารชั้นเลิศ ชีวิตย่อมสุขสบายเป็นแน่แท้ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน”“จ้ะๆๆ ลูกสาวแม่เป็นคนมีวาสนา คุณหนูสกุลใหญ่มีตั้งมากมาย ฮองเฮาทอดพระเนตรปราดเดียวก็เลือกเจ้าเป็นชายาของเหิงอ๋อง เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของฮองเฮา ฮองเฮายังโปรดเจ้ามากถึงเพียงนี้ วันหน้าจะต้องไม่ดูดายเจ้าแน่นอน” เฝิงจิ้งย่วนปีติยินดีจนน้ำตาไหล คิดถึงว่าเหิงอ๋องหล่อเหลาสง่างาม ความสามารถด้านศิลปศาสตร์โดดเด่น ทรงอำนาจบารมี ลูกสาวโฉมงามล่มเมือง เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพ สกุลเจียงซึ่ง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 2

    เมื่อครู่ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเวลากะพริบตาเดียวเท่านั้น ความเคลื่อนไหวของเซี่ยซางนับว่าว่องไว ดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ร่วงลงมาตรงอกเจียงเฟิ่งหัวคลุมศีรษะให้นางใหม่ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปมีท่าทางห่างเหินที่ห้ามคนแปลกหน้าใกล้ชิดอีกครั้ง ไอเย็นห่อหุ้มรอบกาย แววตายิ่งเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ปราศจากความรู้สึกแม้เศษเสี้ยว น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดดังขึ้นริมโสตนาง “เจ้ายังดำเนินพิธีต่อได้หรือไม่?”เจียงเฟิ่งหัวพยักหน้าน้อยๆ “เพคะ”นางรู้ว่าถึงเซี่ยซางจะไม่ยินดีแต่งงานกับนาง แต่ก็ไม่มีทางเห็นคนประสบอันตรายแล้วไม่ช่วยเหลือ พวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อน เจอกันครั้งแรกก็วีรบุรุษช่วยสาวงาม เท่านี้ก็พอให้ซูถิงหว่านที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนถือสาแล้ว ส่วนว่าความเคลื่อนไหวของนางจะทำให้แม่สามีไม่พอใจหรือไม่นั้น มิได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณของนางยามนั้นขุนนางผู้ดำเนินพิธีรีบเอ่ยว่า “ยิ่งไฟลุกยิ่งรุ่งโรจน์ ยิ่งโหมไหม้ยิ่งเป็นมงคล ชีวิตของพระชายากับท่านอ๋องจะต้องรุ่งโรจน์โชติช่วง เจริญรุ่งเรืองเป็นแน่แท้ ดำเนินพิธีมงคลสมรสต่อไปได้...”ทุกคนเห็นเจ้าสาวเพียงแวบเดียวก็เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความประหลาดใจ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 3

    ขนตาเจียงเฟิ่งหัวไหวระริก ใบหน้าเล็กๆ นั้นอดกลั้นจนแดงก่ำ นิ้วมือเรียวกระชับชุดชั้นนอกที่เดิมก็บางเบาอยู่แล้ว ยิ่งปกปิดยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างกลมกลึงของนาง เท้าเปลือยเปล่าคู่นั้นเปิดเผยอยู่เบื้องหน้าเขา ชวนให้คนเอ็นดูเหมือนภูตน้อยไม่มีผิดเซี่ยซางรีบเสสายตาหนี เอ่ยเสียงเย็นชา “แต่งตัวให้เรียบร้อย”เจียงเฟิ่งหัวก้มหน้ามอง พบว่าเท้าของตนเองเปลือยเปล่า นางบิดเอวคอดเดินผ่านหน้าเขาไป ด้านหนึ่งดึงอาภรณ์ลงปกปิดอย่างร้อนรน ด้านหนึ่งก็อธิบายเสียงเบา “หม่อมฉันไม่ได้ไม่รู้กฎระเบียบนะเพคะ ท่านอ๋องโปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน ตอนกลางวันชุดชั้นนอกของหม่อมฉันถูกไฟเผา หม่อมฉันเกรงว่าจะแลดูไม่เหมาะสม ครั้นกลับห้องหม่อมฉันจึงให้คนไปเตรียมน้ำอาบน้ำ เดิมคิดว่าจะแต่งตัวใหม่ แต่อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจึงเผลอหลับไปโดยไม่ทันระวัง หม่อมฉันจึงลืมเวลาไปชั่วขณะ”“ข้าไม่ได้ถือสา” น้ำเสียงของเขาห่างเหินเย็นชา แววตามืดครึ้มเผยให้เห็นความไม่พอใจนางคิด สำหรับคนที่ไม่สนใจแล้ว ต่อให้เปลือยทั้งตัว เขาก็ไม่สนใจหรอกเจียงเฟิ่งหัวดวงตาเป็นประกาย นางหลบไปข้างๆ อย่างอ่อนแอขวัญอ่อน ดวงตาฉายแววลังเล กัดริมฝีปากสีแดงฉ่ำพึมพ

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 392

    เฉิงฮองเฮานั่นหดหู่อยู่หน้ากระจก ในอดีตนางเคยภาคภูมิใจต่อใบหน้าที่งดงามดวงนี้นัก อายุสิบสี่เข้าวัง อายุสิบแปดให้กำเนิดบุตร แล้วหลังจากนั้นเล่า นางกลับปล่อยเวลาครึ่งชีวิตไปอย่างเสียเปล่าอยู่ในวัง ที่แท้เหตุใดนางต้องชีวิตเช่นนี้กันนะตอนยังไม่ได้เข้าวัง ทุกคนล้วนปรารถนาจะเข้าวัง แต่เมื่อเข้าวังมาแล้วจริงๆ กลับได้แต่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเช่นนี้ ไม่มีความสนุกสนานแม้แต่น้อย วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า พวกนางเหมือนนกคีรีบูนที่ถูกขังอยู่ในกรง ไร้คนชื่นชมไม่แปลกเลยที่เยี่ยนเฟยจะเสียสติ ตอนที่นางเริ่มมาอยู่กับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ยังเป็นเพียงรัชทายาทเท่านั้น แม้จะให้กำเนิดโอรส แต่กลับมิได้รับความโปรดปราน ผู้หญิงแบบเยี่ยนเฟย ไม่รู้ในวังมีจำนวนเท่าใด พวกนางมีความทุกข์เช่นเดียวกันจึงเข้าใจและเห็นใจในความทุกข์ของอีกฝ่ายยังมีพวกที่ปลิดชีพตนเองเพราะอาการซึมเศร้าอีก ฮ่องเต้ทรงเคยใส่พระทัยสักกี่นางกัน บัดนี้ นางก็จะเดินตามรอยของพวกนางบ้างแล้ว ไปเสียสติเหมือนเยี่ยนเฟยไปมีความสุข เหมือนหวังเจาอี๋…ในตอนที่เฉิงฮองเฮายังสาวก็ไม่เคยคิดทำเรื่องที่ผิดต่อคุณธรรมของสตรี ยามนี้นางก็ไม่มีทางกระทำเช่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 391

    ฮ่องเต้มองเจียงเฟิ่งหัว แสดงสีหน้าเหมือนกลืนแมลงวันเป็นๆ เข้าไปออกมา “งั้นเราเต็มใจทำตัวเป็นเต่าหดหัวอย่างนั้นหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวรู้ว่าฮ่องเต้เข้าใจผิดแล้ว สีหน้าลนลาน แต่นางจะคุกเข่าก็คุกเข่าไม่ลง ได้แต่รีบอธิบายว่า “ความหมายของลูกคือ โจรเถื่อนบุกมาถึงประตูแคว้นเราแล้ว ท่านอ๋องมีฐานะเป็นองค์ชาย แถมอายุยังอยู่ในช่วงเลือดลมร้อนระอุอีก ดุจดั่งลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต แม้ปีนั้นเขาจะขัดคำสั่งกองทัพไม่ยอมเชื่อฟัง บุกเข้าไปในค่ายทหารศัตรูโดยพลการ แต่เสด็จพ่อเห็นแก่ที่เขาอายุยังน้อยไม่รู้ความ และภายหลังก็ไม่ได้เกิดปัญหาร้ายแรงอะไร จึงทรงใช้ผลงานหักลบความผิด อภัยให้ท่านอ๋องใช่ไหมเพคะ!”เมื่อพูดมาถึงตอนสุดท้าย เจียงเฟิ่งหัวก็เริ่มทำตัวเหมือนลูกสาวที่กำลังออดอ้อน ราวกับเด็กน้อยที่กระทำความผิดแล้วอยากได้รับความรักจากบิดา “ตั้งแต่เด็กจนโตท่านอ๋องล้วนพยายามอย่างมาก เขาอยากได้รับการยอมรับจากพระองค์มาโดยตลอด อันที่จริงแล้วเขาเคารพนับถือเสด็จพ่อของเขามากเพคะ เขาก็นับว่าน่าสงสารนัก…”เมื่อฮ่องเต้เห็นท่าทางร้อนใจของนาง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเจียงเฟิ่งหัวตะลึงไป เรียกออกมาอย่างลอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 390

    วังหมัวมัวกล่าวต่อว่า “เรื่องเมื่อวาน ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้บ่าวต่อฝ่าบาทเพคะ ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้ของบ่าวคงจบลงเมื่อคืนแล้ว”“ข้ารู้จักวังหมัวมัวดี ท่านไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ ต่อให้คิดทำก็ไม่มีทางปล่อยให้คนกำจุดอ่อนไว้ได้” เจียงเฟิ่งหัวมิได้เสแสร้งกับนาง คนที่สามารถรับใช้อยู่ข้างกายฮองเฮาได้ล้วนไม่โง่วังหมัวมัวยิ้มออกมา แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “การรับใช้อยู่ในวัง ทุกคนต่างเหมือนอยู่บนน้ำแข็งบางๆ โดยเฉพาะเมื่อฮองเฮากับฝ่าบาททรงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน พวกเรายิ่งต้องใส่ใจระมัดระวังมากขึ้น แม้พระชายารองซูจะมีสกุลซูคอยช่วย แต่ไม่ว่าอย่างไร ใต้หล้านี้สุดท้ายแล้วก็ยังคงมีฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”วังหมัวมัวกำลังเตือนนางว่า หากคิดจะต่อสู้กับชายารองซู แค่กุมหัวใจของท่านอ๋องไว้ได้ยังไม่พอ ยังต้องอาศัยการคุ้มครองจากฮ่องเต้ด้วย เพราะสกุลซูก็มิใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นตำแหน่งฮองเฮาคงเปลี่ยนเจ้าของไปนานแล้วฮ่องเต้ทรงรังเกียจฮองเฮาถึงเพียงนี้ กระทั่งไม่ยอมให้พระนางปรนนิบัติบรรทม แถมไม่เสด็จมาตำหนักคุนหนิงอีก สกุลเฉิงทั้งตระกูลยิ่งถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งไปแล้วด้วย ดัง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 389

    เมื่อเฉิงฮองเฮาออกมาจากตำหนักบรรทม สี่หมัวมัวและวังหมัวมัวก็รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “ฮองเฮา ทรงเป็นอันใดหรือไม่เพคะ!”แต่นางกลับไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว สาวเท้าไปบนทางเดินอันเงียบสงัด สี่หมัวมัวรีบนำเสื้อคลุมสะอาดมาคลุมไว้บนร่างของนาง แล้วไปประคองนางอีกครั้ง “ฮองเฮาช้าลงหน่อยเถิดเพคะ ระวังพื้นใต้เท้าลื่นนะเพคะ กระโปรงของพระองค์เปียกหมดแล้ว ขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วเพคะ ทรงนั่งเกี้ยวเถิดเพคะ”เฉิงฮองเฮาไม่รู้ว่าตนกำลังยินดีหรือเป็นทุกข์กันแน่ ในตอนที่ซูถิงหว่านบอกเรื่องนี้กับนาง นางรู้สึกเพียงว่าจิตใจปลอดโปร่งราวกับได้ล้างแค้น ทุกอณูในร่างกายของนางมีชีวิตชีวาขึ้นมา โอรสของนางจะกลายเป็นฮ่องเต้ ในที่สุดนางก็ได้ลืมตาอ้าปากเชิดหน้าชูตาเสียทีนางทนต่อความอยุติธรรมมานานนับยี่สิบปี แต่นางเป็นผู้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย นางมิได้รักฮ่องเต้ เขาจะรักซูชิงชิงหรือไม่ก็ช่างปะไร แต่ยามนี้ เมื่อครู่ตอนที่นางเห็นสายตาเย็นชาเสียดกระดูกของฮ่องเต้ หัวใจของนางก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาฮ่องเต้ถึงขนาดบอกกับนางด้วยตนเองว่า จะแต่งตั้งลูกชายของนางเป็นรัชทายาทเมื่อเฉิงฮองเฮากลับไปถึงตำหนักคุนหนิงก็ป่วย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 388

    เฉิงฮองเฮาตะลึงไป ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไรกัน?นางกล่าวว่า “หม่อมฉันอบรมองค์หญิงเก้าอย่างใส่ใจ มิได้ปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้ายเลย เรื่องนี้มิใช่ตรวจสอบจนกระจ่างแล้วหรือเพคะ”“ลุกขึ้นมาเถอะ ถอดเสื้อผ้าให้เรา แล้วปรนนิบัติเราเข้านอนซะ” ฮ่องเต้ตั้งใจทำให้นางอับอายเฉิงฮองเฮาคุกเข่าอยู่บนพื้น “มิสู้ให้น้องหย่าเฟยมาปรนนิบัติฝ่าบาท เสื้อผ้าของหม่อมฉันเปียกชื้นหมดแล้ว เครื่องประทินโฉมที่แต่งไว้ก็ไม่น่ามองแล้วเพคะ” นางกลับไม่รู้ว่า ยิ่งตอนนี้นางปฏิเสธฮ่องเต้ นางก็จะยิ่งลำบากฮ่องเต้สามารถทำให้นางมีชีวิตที่เป็นสุขได้ ก็สามารถทรมานนางจนอยู่มิสู้ตายได้เช่นเดียวกัน บุรุษที่ในใจนางคิดถึงมีได้เพียงฮ่องเต้เท่านั้นฮ่องเต้แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง ไร้ความรู้สึก น้ำเสียงแทบจะเป็นคำสั่ง “หลบมายี่สิบปี เจ้าแทบจะเลี่ยงจนสบายเกินไปแล้ว ภรรยาปรนนิบัติสามีมิใช่เรื่องที่ควรเป็นหรือไร เจ้าลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว หรือไม่ถือตัวไม่อยากปรนนิบัติข้าเหมือนหวังเจาอี๋กันล่ะ”“หม่อมฉันมิกล้า” ฮองเฮารู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว นางยังคิดว่า ที่ช่วงก่อนฮ่องเต้อ่อนโยนต่อนาง สายตาสิเน่หาในตัวนาง เป็นเพราะปล่อยวาง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 387

    ฮ่องเต้จ้องตาของเซี่ยหลิงเอ๋อร์ทั้งโกรธทั้งโมโหและผิดหวังอย่างที่สุด ในเวลานี้ เขาจึงรู้สึกว่าชั่วชีวิตของเขาราวกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง เป็นถึงฮ่องเต้แห่งอาณาจักรต้าโจว บุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน ทั่วทั้งวังหลังไม่ว่าใครก็ดูเหมือนจะหวาดกลัวเขา เคารพเขา แต่ในความเป็นจริงพวกนางล้วนทรยศ วางแผนร้าย ปั่นหัวและเยาะหยันเขาจู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา เดินโซซัดโซเซไปมา ผมขาวที่ขมับราวเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยอย่างฉับพลัน “ช่างเถอะ เจ้าถอยไปเถอะ! ข้าจะส่งคนมาสอนเรื่องกฎมารยาทให้เจ้าใหม่ ในอดีตเสด็จแม่เจ้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว”“เสด็จพ่อ ฮองเฮาทรงตีลูกจริงๆ เพคะ เพียงแต่ทรงมองไม่เห็น” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เห็นว่าถูกเปิดโปง ก็ยังคิดจะทูลฟ้อง “เสด็จพ่อ ที่ลูกกล่าวเป็นความจริง เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน นางคิดจะลงโทษลูกแล้วจะทิ้งหลักฐานไว้ได้อย่างไรกันเพคะ นี่เป็นเพราะลูกโง่เขลา ถึงได้คิดวิธีการเช่นนี้ออกมา ฮองเฮานางเสแสร้งทั้งหมดเพคะ นางไม่ใช่คนดี นาง…”“เฉาเต๋อ พาตัวนางออกไป” ฮ่องเต้กล่าวเสียงเข้มเซี่ยหลิงเอ๋อร์ถูกพาตัวไปแล้ว แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ให้ฮองเฮาลุกขึ้นมาจากพื้นหิมะ เจียงเฟิ่งหัวลังเลจะไปก็ไม่ใช่ไม่ไปก็ไ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 386

    นางก็รู้จักเซี่ยหลิงเอ๋อร์ดี ได้รับการดูแลมาอย่างทะนุถนอมตามใจ แล้วนางจะใจเด็ดจนลงมือกับตัวเองได้หรือ?เซี่ยหลิงเอ๋อร์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างขลาดๆ แล้วยื่นแขนออกมาฮ่องเต้ตรัสอย่างเป็นห่วงว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายไม่เป็นอันใดกระมัง!”ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลวงหวังก็กล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท ไม่มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ บาดแผลก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก…” แม้หมอหลวงหวังจะดื่มสุรา แต่ทักษะการแพทย์ของเขาก็ยังสามารถเชื่อถือได้ไม่รอให้หมอหลวงหวังพูดจบ เซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็รีบปิดแผล เมื่อครู่นางได้แสดงบาดแผลบนมือและขาให้เสด็จพ่อดูแล้ว จึงรีบกล่าวว่า “ให้นางกำนัลของข้าช่วยข้าทายาก็พอ ไม่ขอรบกวนท่านหมอหลวงหวังแล้ว บาดแผลบางแห่งอยู่บนตัวออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง…”“ให้ข้าช่วยองค์หญิงทาเถอะ ข้าเห็นบาดแผลบนมือค่อนข้างร้ายแรงอยู่ บาดแผลบนขาก็ร้ายแรงเหมือนกันใช่หรือไม่ จะต้องรีบรักษาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอากาศหนาวเช่นนี้ เมื่อออกไปจะต้องถูกความเย็นกัดแน่ ถึงเวลานั้นหากทั่วร่างเน่าเปื่อยก็จะแย่แล้ว” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างเป็นห่วง“ไม่ต้องแล้ว พี่สะใภ้ห้าท้องโตอยู่ ก็ไม่ขอรบกวนพี่สะใภ้ห้าดีกว่า” เซี่ยหลิงเอ๋อร์เอาแต่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 385

    นางเตือนขึ้นมาแล้ว ฮ่องเต้จึงค่อยนึกขึ้นมาได้ “เฉาเต๋อ เรียกหมอหลวงให้มาดูองค์หญิงเก้าหน่อยซิ”หัวหน้าขันทีเฉาเข้าประตูมาได้ยินพอดี เขาก็รีบสั่งคนให้ไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อเรียกหมอหลวงที่อยู่เวรมาเซี่ยหลิงเอ๋อร์เห็นนางพูดจาอ่อนหวานนุ่มนวล ทุกคำพูดก็เป็นห่วงเป็นใยอีกด้วย ที่ยิ่งแปลกคือเสด็จพ่อยังฟังคำของนางอีกด้วย เหมือนว่านางต่างหากที่เป็นพระธิดาของเสด็จพ่อ นางนึกไม่พอใจอยู่ในใจ เกลียดเจียงเฟิ่งหัวเข้ากระดูกดำ ในใจนางจำไว้ฝังหัวว่าเป็นเพราะเจียงเฟิ่งหัวแย่งผู้ชายของซูถิงหว่านมา พวกนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ที่จริงนางรู้ว่าเจียงเฟิ่งหัวอาศัยอยู่ในวัง นางก็พยายามคิดหาทางวางยาใส่อาหารของนาง แต่ว่าอาหารของนางมีคนคอยดูแลควบคุมอยู่โดยเฉพาะ นางจึงไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียวนางจดจ้องที่เจียงเฟิ่งหัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้น “ไม่ต้องการน้ำใจจอมปลอมของท่าน…”เจียงเฟิ่งหัวชักมือกลับ ยืนตัวตรงแล้วเดินเข้าไปตรงหน้าฮ่องเต้ แสดงออกว่าน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ไม่น้อย กล่าวเสียงอ่อนโยน “ต้องโทษหม่อมฉันทั้งสิ้นที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เฟิ่งหัวขอทูลลาก่อนเพคะ”ฝ่าบาทตรัสเสียงเข้ม “นางเป็นพี่สะใภ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 384

    ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นอู๋ซินก็เดินมาตรงหน้าเจียงเฟิ่งหัว “กราบทูลพระชายา ฝ่าบาทมีรับสั่งเชิญท่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”เขาก็กังวลมากว่านางจะติดร่างแหไปกับฮองเฮาด้วยโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เนื่องด้วยเรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระชายาเหิงอ๋อง อู๋ซินจึงไม่ได้ส่งคนไปอธิบายสถานการณ์ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็นเจียงเฟิ่งหัวจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปในพระตำหนักเฉียนชิงอย่างเคารพนบนอบก็ได้เห็นว่าเซี่ยหลิงเอ๋อร์ก็คุกเข่าอยู่ด้านใน ใบหน้านางมีแต่น้ำตา สะอึกสะอื้น ท่าทางดูเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจมาก แขนของนางก็โผล่ออกมาข้างนอก แขนเสื้อม้วนขึ้นมา บนแขนเต็มไปด้วยรอยแผลถูกตี เลือดแดงสามารถสังเกตเห็นได้ ผิวเหมือนมีเลือดซึมออกมาแล้วนางครุ่นคิดในใจ แผลเหล่านี้เป็นฝีมือวังหมัวมัว หรือว่าเป็นฝีมือของนางเองกันแน่? อย่างมากวังหมัวมัวก็แค่ตีฝ่ามือ ไม่มีทางตีไปจนถึงแขนเด็ดขาดเจียงเฟิ่งหัวเดินเข้าไปด้านหน้า ถวายคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ขณะที่นางกำลังจะคุกเข่าลงนั้นเอง ฝ่าบาทก็ตรัสว่า “ตามสบายเถิด ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เจ้ามาทำอะไร”เจ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status