หลังจากอ้ายเซียนหลิวตั้งสติได้แล้ว นางก็ปรึกษาท่านแม่ว่าจะทำอย่างไรให้นางมีโอกาสได้เป็นฮูหยินแม่ทัพเหิงดี
“อืม… แม่คิดว่าคราวนี้เราต้องจ้างคนไปปล่อยข่าวในเมืองเสียหน่อย อย่างไรลูกของแม่ก็เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แม่คิดว่าชาวเมืองน่าจะเชื่อถือเรื่องของเจ้าอยู่บ้าง”
“แล้วท่านแม่จะให้คนปล่อยข่าวว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“ก็ในเมื่อเจ้ากับแม่ทัพเหิงต่างเติบโตที่เมืองหลวง แม่จะให้คนปล่อยข่าวว่าพวกเจ้าต่างเป็นคู่รักวัยเด็กอย่างไรเล่า แม่อยากจะดูว่าคู่หมั้นของแม่ทัพเหิงจะทำอย่างไร”
“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะว่าเรื่องนี้จะได้ผลน่ะ”
“หากแผนการนี้ยังไม่ได้ผล เราก็ปล่อยข่าวลือออกไปว่านางเป็นเพียงหญิงชนบท ไม่เหมาะสมที่จะเป็นฮูหยินของแม่ทัพเหิงแม้แต่นิดเดียวอย่างไรเล่า”
“เฮ้อ ข้าหวังว่าสิ่งที่ท่านแม่จะทำนั้น คงสามารถทำให้นางตัดใจและจา
สองสัปดาห์ต่อมา งานเลี้ยงในวังถูกจัดขึ้นตามธรรมเนียมของทุกปี จวนโหวนั้นมีเพียงแค่เหิงอันโหว เหิงจิ้งกั๋วและหลินฉิงอันเท่านั้นที่เข้าร่วม นั่นเพราะเหิงอันโหวกลัวว่าจะทำให้หลินฉางหยูกับหลินอ้ายตกใจหากเกิดเรื่องขึ้นตามการคาดเดาของเขาและฮ่องเต้กองกำลังลับต่าง ๆ ทั้งของเหิงอันโหวและเหิงจิ้งกั๋วต่างประจำตำแหน่งก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนองครักษ์ลับของฝ่าบาทเองก็คอยคุ้มกันตำหนักฮองเฮาและในงานเลี้ยงเป็นอย่างดี ถึงแม้เสนาบดีควนจะรู้สึกว่าวันนี้มีคนจำนวนมากกว่าปกติ แต่เขาที่วางแผนมาเป็นอย่างดีและส่งคนเข้ามาแทรกซึมในวังหลวงได้หนึ่งสัปดาห์แล้วก็ไม่ได้คิดมากอันใด ในเมื่อฝ่าบาทไม่เชื่อฟังเขาแล้ว เขาก็จำเป็นที่จะต้องให้หลานชายขึ้นครองราชย์แทนเพื่อครอบครัวเหล่าขุนนางฝ่ายขวาที่เข้าข้างเสนาบดีควนเองก็เตรียมคนของตนเองเอาไว้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน งานเลี้ยงในวันนี้พวกเขาไม่ได้นำครอบครัวมาด้วยเพราะกลัวว่าพวกเขาจะบาดเจ็บจากการต่อสู้ได้ ถึงแม้ว่าการไม่พาครอบครัวมาจะแปลกไปสักหน่อย แต่พวกเขาก็ยังต้องทำเช่นนี้อยู่ดี ยกเว้นก็แ
หลังจากขุนนางทั้งหลายออกไปจากท้องพระโรงแล้ว ฮ่องเต้ก็เข้าไปที่ห้องทรงงานเพื่อหารือเรื่องราวกับเหิงอันโหวเป็นการส่วนตัว เหิงจิ้งกั๋วกับหลินฉิงอันจึงต้องเดินทางกลับไปที่จวนโหวเสียก่อน“ท่านโหวผู้เฒ่า ท่านคิดว่าการที่ข้ากดดันพวกเขาเช่นนี้จะทำให้เสนาบดีควนคิดการใหญ่หรือไม่”“กระหม่อมเห็นว่าเขาน่าจะกำลังวางแผนอยู่แน่พะย่ะค่ะ ดูจากสีหน้าของเขาแล้วก็ดูเหมือนจะไม่พอใจเป็นอันมากด้วย อย่างไรก็ขอให้ฝ่าบาทส่งองครักษ์เงาไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาสักหน่อยก็ไม่เลวนะพะย่ะค่ะ”“ได้ ขอบใจท่านมากที่แนะนำ ข้ากลัวเหลือเกินว่าพวกเขาจะก่อกบฏขึ้นมาจริง ๆ”“หากฝ่าบาททรงกังวล กระหม่อมจะส่งองครักษ์เข้ามาในวังเพิ่มเพื่อดูแลฮองเฮา องค์ชายทั้งสองและองค์หญิงดีหรือไม่พะย่ะค่ะ อย่างน้อยคนของกระหม่อมก็ว่างอยู่พอดี”“ตกลง เรื่องนี้ข้าคงต้องรบกวนท่านโหวแล้ว ส่วนทหารรักษาการในเมืองหลวง ข้าก็ไม่รู้ว่าใครเ
สองวันต่อมา ขบวนเดินทางของเหิงจิ้งกั๋วก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง เขาและรองแม่ทัพอีกสามคนต่างขี่ม้าเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อขอเข้าเฝ้าถวายรายงานถึงเรื่องราวที่ขุนนางคนใหม่ไปประจำการที่นั่น ส่วนทหารอีกหลายหมื่นนายต่างได้รับคำสั่งให้กลับค่ายนอกเมืองเพื่อพักผ่อนไปพบกับครอบครัวได้หลังจากที่ต้องไปประจำการยังชายแดนเหนือนานถึงห้าปีเหล่าสตรีที่ทราบข่าวว่าท่านแม่ทัพเหิงกลับมาแล้วต่างกระวีกระวาดแต่งตัวให้สวยเพื่อไปโยนผ้าเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ทัพเหิงเผื่อจะโชคดีได้รับความสนใจจากเขาบ้าง ถึงแม้จะมีข่าวออกมาแล้วว่าแม่ทัพเหิงมีคู่หมั้นแล้วก็ตามที อย่างไรขุนนางในเมืองหลวงต่างก็มีสามภรรยา สี่อนุเป็นเรื่องปกติ พวกนางจึงคิดว่าตนเองน่าจะมีโอกาสอยู่บ้างน่าเสียดายที่เหิงจิ้งกั๋วไม่สนใจใยดีผ้าเช็ดหน้าที่ถูกโยนมาแม้แต่นิดเดียว เขายังใช้พลังลมปราณปัดผ้าเช็ดหน้าทิ้งไปทั้งหมดอีกด้วย ทำเอาเหล่าสาว ๆ ต่างหน้าเสียไปตาม ๆ กัน พวกนางไม่คิดว่าแม่ทัพเหิงจะใจร้ายเช่นนี้ ทั้งที่แต่ละคนต่างก็เป็นบุตรีขุนนางขั้นสูงกันทั้งนั้น ไหนจะบุต
“แม่นมฉาง เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่”“เรียนท่านเสนาบดี ข้าไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ พวกนี้อาจได้รับการว่าจ้างจากคนอื่นแล้วมาใส่ร้ายข้าก็ได้เจ้าค่ะ”ปัง!!!“พยาน หลักฐานเห็นอยู่คาตา เจ้ายังกล้าที่จะโกหกอีกหรือ เจ้าบอกมาว่าเหตุใดเจ้าต้องทำลายชื่อเสียงของขุนนางที่ปรึกษาพิเศษเช่นนี้”“เอ่อ… ข้าน้อยไม่ได้ทำเจ้าค่ะ” แม่นมฉางกัดฟันปฏิเสธท่าเดียว“เสนาบดีฮวา เจ้าไม่ต้องเสียเวลากับนาง เพียงให้คนพานางไปลงทัณฑ์ทรมานเพื่อเค้นเอาความจริงก็พอแล้ว” เหิงอันโหวไม่อยากเสียเวลา เขาจึงต้องสั่งการเอง“อ่า… นั่นจะไม่รุนแรงเกินไปหน่อยหรือขอรับท่านโหว”“ฮึ กับคนปากแข็งเช่นนี้ ข้าอยากจะรู้นักว่าหากนางใกล้ตาย นางจะคายความลับออกมาหรือไม่ เจ้ารีบไปทำตามที่ข้าสั่งเถอะน่า”“ขอ
ภายในศาลต้าหลี่ตอนนี้มีแต่เสียงโวยวายของฮูหยินใหญ่กับบุตรี ทำเอาเสนาบดีกรมอาญาถึงกับปวดหูเลยทีเดียว เขายังจับชาวบ้านที่เป็นคนรับเงินมาจากแม่นมของฮูหยินใหญ่ให้เป็นพยานชี้ตัวคนจ้างมาด้วย พวกชาวบ้านต่างก้มหน้าตัวสั่นอย่างหวาดกลัว พวกเขาไม่คิดว่าแค่ข่าวลือเล็กน้อยนี้จะทำให้พวกเขาต้องถึงกับถูกจับตัวมายังศาลต้าหลี่แห่งนี้ได้ปัง! ปัง! ปัง!“พวกเจ้าเงียบได้แล้ว หากยังไม่เงียบอีก ข้าจะให้เจ้าหน้าที่ตบปากจนกว่าพวกเจ้าจะเงียบ เข้าใจหรือไม่” เสนาบดีกรมอาญารำคาญเสียงคร่ำครวญของสองแม่ลูก“ท่านเสนาบดี เหตุใดท่านจึงจับเราสองแม่ลูกมาที่นี่เล่าเจ้าคะ พวกข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดกฎหมายสักหน่อยเจ้าค่ะ หากท่านพี่ของข้ามา ข้าหวังว่าท่านคงจะมีคำตอบให้เขาด้วยนะเจ้าคะ” ฮูหยินอ้ายยังแสดงท่าทีเหนือกว่าใส่เสนาบดีกรมอาญาเสียอีก“ฮึ พวกเจ้าทำสิ่งใดย่อมรู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้ข้ารอผู้เสียหายและสามีของเจ้าเข้ามารับฟังเรื่องราวทุกอย่างเสียก่อนที่จะตัดสินลงโทษพวกเจ้
“เรื่องนี้เจ้ายังไม่ต้องบอกให้คนในตระกูลหลินทราบ ข้าจะจัดการพวกปากหอยปากปูพวกนี้ด้วยตัวเอง”“ขอรับ ท่านโหว แล้วตอนนี้ท่านจะให้ข้าดำเนินการอย่างไรขอรับ ก่อนหน้านี้ข้าให้องครักษ์ของจวนออกไปสืบข่าวเพื่อหาต้นตอข่าวลือแล้วขอรับ”“ฮึ เจ้าคิดหรือว่าพวกมันจะโผล่หัวออกมาให้จับตัวได้ง่าย ๆ เพียงแค่ข่าวลือคู่รักวัยเด็กไร้สาระนั่น ข้าก็รู้แล้วว่านี่เป็นแผนการของตระกูลอ้ายนั่นแหละ ข้าจะดูสิว่าพวกเขาจะกล้าทำสิ่งใดต่อไป หากข้าประกาศว่าพวกเขาไม่ใช่คู่รักวัยเด็กกัน และแม้แต่หางตาของหลานชายข้าก็ยังไม่เคยชายตามองบุตรีตระกูลอ้ายแม้แต่นิดเดียว เรามาดูกันสิว่าใครจะหน้าด้านหน้าทนได้มากกว่ากัน”“เอ่อ… นั่นจะดีหรือขอรับท่านโหว หากเราออกประกาศไปเช่นนั้น คุณหนูอ้ายที่เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่งคงต้องเสียหน้ามากแน่ขอรับ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะต้องสนใจหน้าตานางกันเล่า ในเมื่อคนที่ข้าต้องสนใจมากกว่าคือแม่หนูฉิงอันของข้าต่างหากเล
หลังจากอ้ายเซียนหลิวตั้งสติได้แล้ว นางก็ปรึกษาท่านแม่ว่าจะทำอย่างไรให้นางมีโอกาสได้เป็นฮูหยินแม่ทัพเหิงดี“อืม… แม่คิดว่าคราวนี้เราต้องจ้างคนไปปล่อยข่าวในเมืองเสียหน่อย อย่างไรลูกของแม่ก็เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แม่คิดว่าชาวเมืองน่าจะเชื่อถือเรื่องของเจ้าอยู่บ้าง”“แล้วท่านแม่จะให้คนปล่อยข่าวว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ”“ก็ในเมื่อเจ้ากับแม่ทัพเหิงต่างเติบโตที่เมืองหลวง แม่จะให้คนปล่อยข่าวว่าพวกเจ้าต่างเป็นคู่รักวัยเด็กอย่างไรเล่า แม่อยากจะดูว่าคู่หมั้นของแม่ทัพเหิงจะทำอย่างไร”“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะว่าเรื่องนี้จะได้ผลน่ะ”“หากแผนการนี้ยังไม่ได้ผล เราก็ปล่อยข่าวลือออกไปว่านางเป็นเพียงหญิงชนบท ไม่เหมาะสมที่จะเป็นฮูหยินของแม่ทัพเหิงแม้แต่นิดเดียวอย่างไรเล่า”“เฮ้อ ข้าหวังว่าสิ่งที่ท่านแม่จะทำนั้น คงสามารถทำให้นางตัดใจและจา
หลังจากกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เหิงอันโหวก็ขอแยกกับฮ่องเต้และฮองเฮาเพื่อพาหลินฉิงอันกลับไปพักผ่อน เพราะอีกไม่กี่วัน เหิงจิ้งกั๋วหลานชายเขาก็น่าจะกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว หลังจากที่ฝ่าบาทออกราชโองการให้ขุนนางน้ำดีไปประจำอยู่ที่เมืองชายแดนเหนือแทน ทหารที่ชายแดนเหนือยังคงอยู่รักษาการสามพันนายตามธรรมเนียม ส่วนทหารที่เหลืออีกหลายหมื่นคนนั้นจะเดินทางกลับมายังค่ายทหารนอกเมืองหลวงเพื่อคอยเป็นกำลังเสริมให้กับทหารในด่านอื่น ๆ หากเกิดการสู้รบระหว่างแคว้นฮ่องเต้เห็นว่าตอนนี้ไม่มีเรื่องที่ต้องใช้หลินฉิงอันจัดการแล้ว ที่เหลือพระองค์จะให้เสนาบดีเซี่ยกับเสนาบดีกรมการช่างร่วมกันหารือเรื่องวันและเวลาเดินทางไปยังเมืองชายทะเลเท่านั้น พระองค์จึงปล่อยให้เหิงอันโหวพานางกลับจวนไปอย่างไม่ได้คิดมากอันใด ส่วนขุนนางฝ่ายขวาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานครั้งนี้ก็ถูกฮ่องเต้สั่งให้กลับไปทำงานของตนเองเสีย พระองค์ไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสำคัญของแคว้นแม้แต่น้อยนิดที่จวนเสนาบดีกรมพิธีการอ้ายฮ่าวเจียง ตอนนี้บุตรีคนโตที่เป็นถึงหญ
หลินชิงอันที่ร่วมมือกับกองช่างหลวงตรวจสอบกังหันน้ำขนาดใหญ่อีกครั้งก่อนที่จะนำไปทดลองที่แม่น้ำไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนัก โดยครั้งนี้ฮ่องเต้เองก็จะเสด็จไปชมดูพร้อมกับฮองเฮาด้วยเช่นเดียวกันเหล่าขุนนางทั้งหลายที่อยากเห็นความล้มเหลวของหลินฉิงอันต่างกระตือรือร้นที่จะคอยซ้ำเติมหากกังหันน้ำนี้ไม่เป็นไปตามที่นางเอ่ยอ้างส่วนขุนนางฝ่ายซ้ายที่นำโดยเสนาบดีเซี่ยนั้นเชื่อมั่นในความสามารถของหลินฉิงอันมานานแล้ว เขาไม่กังวลเลยสักนิดว่าการทดสอบกังหันน้ำครั้งนี้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาได้ นอกเสียจากจะมีคนวางแผนทำลายกังหันน้ำเสียก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งเสนาบดีเซี่ยก็มั่นใจเช่นกันว่าคงไม่มีใครกล้าสร้างปัญหากับกังหันน้ำอันนี้ ด้วยเพราะฝ่าบาทส่งองครักษ์หลวงเฝ้ารักษาและดูแลกังหันน้ำมาจนกระทั่งมันเสร็จสมบูรณ์ในวันนี้ด้วยขนาดของกังหันน้ำที่ใหญ่โต กองช่างจึงได้ถอดชิ้นส่วนออกเพื่อให้สามารถบรรทุกขึ้นเกวียนไปยังแม่น้ำได้อย่างสะดวก แน่นอนว่ากลไกทุกชิ้นถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีทหารรักษาเมืองที่ติดตามมาด้วย