เธอตายเพราะศัลยกรรมเสริมหน้าอก จะถูกยมทูตพาไปเกิดทั้งทีท่านกลับบอกว่ายังไปเกิดไม่ได้เพราะมีกรรมเก่าต้องสะสาง จบด้วยการทะลุมิติไปสู่ยุคอยุธยา เเละมาสิงร่างลูกสาวขุนหลวงที่มีผีผัวเก่าตามอาฆาต!
View Moreติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ดดดดดด
ชีพจรที่เคยดังเป็นจังหวะ ส่งสัญญาณยาวพรืดบ่งบอกชัดเจนว่าการเต้นของหัวใจของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้นได้หยุดลงอย่างกะทันหัน พยาบาลและหมอเถื่อนที่สัมผัสได้ว่าหายนะกำลังจะมาถึง เมื่อหนึ่งในคนไข้ที่มาผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกกับหมอกระเป๋าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บัดนี้การผ่าตัดผิดพลาดจนเสียเลือดมากเกินไป
ร่างเล็กของ ‘นางสาวบี’ กระตุกช็อกจากอาการเสียเลือดขั้นรุนแรงและเข้าสู่อาการโคม่าในสภาพกึ่งเปลือยคาห้องผ่าตัด เปิดเปลือยอกไข่ดาวสู่สาธารณะชน ซิลิโคนปลอมในมือหมอยังชุ่มเลือด ทั้งพยาบาลและหมอเถื่อนต่างรีบหาทางหนีทีไล่เมื่อเผลอทำให้คนไข้ที่มาศัลยกรรมด้วยเจอพิษมีดหมอกระเป๋าดับอนาถสิ้นใจคาห้องผ่าตัดเล็กๆ แห่งนี้ ด้วยศพนี้อาจจะทำให้ตำรวจรวบตัวเองและจบสิ้นอนาคตหมอศัลยกรรมหน้าใหม่ผู้ร่ำรวย
‘ว่าแล้วไง! อีนังผึ้งนี่มันต้องเป็นหมอเถื่อนชัวร์ป้าบ’ กว่าจะรู้สึกตัวว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว นางสาวบีที่นั่งขัดสมาธิล่องลอยอยู่เหนือร่างกายอเนจอนาถที่นอนไร้ลมหายใจอยู่เบื้องล่างตบเข่าฉาด ‘ต้องไปเข้าฝันบอกแม่ไหมเนี่ย แต่ก่อนอื่นต้องไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งนี่ก่อนเลย’
เป็นวิญญาณอาฆาตตั้งแต่วินาทีแรกที่ดวงจิตหลุดออกจากร่างอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตกใจกับเหตุการณ์ถึงฆาตที่เกิดขึ้น
ก็เพราะว่าเตรียมใจมาดีพอแล้วน่ะสิ
ด้วยความที่ต้นตระกูลของนางสาวบีทำอาชีพเป็นหมอผีมารุ่นสู่รุ่น ครอบครัวของเธอมากกว่า 80% ไม่ว่าจะทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ล้วนดำรงอาชีพนี้ในการจุนเจือครอบครัว และแน่นอนว่าทุกคนเป็นหมอผีของจริงที่สืบทอดสัมผัสที่หก สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้มาตั้งแต่ที่ลืมตาดูโลก
น้าเธอเองก็เป็นหมอดูดวงชะตาในอนาคตที่โคตรแม่นยำ น้าบิวเคยบอกว่าบีในอายุ 25 เป็นวัยเบญจเพศที่ต้องเสี่ยงชีวิตด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เอาปัญหามาด้วยตัวเองเพื่อชดใช้กรรมและไปเวียนว่ายตายเกิดที่วัฏจักรสงสารต่อไป
นับว่าที่น้าบิวทำนายนั้นแม่นทีเดียว ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับอีหมอผึ้งมิจฉาชีพลวงโลกที่เข้าหาทางพ่อ เพราะเป็นเพื่อนสนิทพ่อก็เลยไว้ใจคิดว่าเป็นคลีนิคศัลยกรรมครบวงจร แถมอีกฝ่ายยังหัวหมอเข้าหาด้วยการเจาะจุดอ่อนอย่างหน้าอกไข่ดาวตั้งแต่กำเนิดที่เป็นปมด้อยมาตลอดชีวิตจนเธอเผลอหลงเชื่อ หารู้ไม่ว่าอีนี่น่ะมันหมอเถื่อน มันฉีดยาสลบ ผ่าตัดเธอแบบผิดๆ จนเสียเลือดตาย!
แต่ไม่ตกใจเท่าไหร่ อาจเพราะเห็นผีมาทั้งชีวิต ก็เลยไม่ค่อยหวาดหวั่นกับความตาย
ความตายคืออนิจจัง แม่สอนคำนี้ฝังใส่หัวมาทั้งชีวิตแล้ว คนที่ทำงานเป็นหมอผีก็เสี่ยงเหมือนกันหมด รุ่นก่อนๆ ที่ตายไปเพราะโดนทำของใส่มั่ง โดนผีตามอาฆาตจนตายโหงบ้างก็มี
เป็นวิญญาณก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายภาษีที่แพงแสนแพง ค่าครองชีพที่แทบกระอักเลือดจ่ายแทนเงิน ทนทำงานตัวเป็นเกรียวทั้งที่เลือกได้ก็ไม่อยากทำอาชีพหมอผี แต่อยากไปเป็นนักร้องมากกว่า แถมยังไม่ต้องผจญภัยกับการจราจรอันแออัด สังคมที่นับวันยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคดีฆ่าข่มขืน ตบตีชิงทรัพย์ ตำรวจที่นับวันยิ่งไม่ต่างจากโจร คดีล่วงละเมิดทางเพศต่างๆ นานา เรื่องการเมืองที่แสนน่าเบื่อ ประเทศที่เหมือนนรกเข้าไปทุกที
ถึงสาเหตุการตายจะอนาถไปหน่อยก็ตาม
คิดแล้ววิญญาณนางสาวบีก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่ก่อนอื่นต้องไปเข้าฝันแม่ก่อนว่าขิตที่นี่นะ มารับศพไปทำพิธีด้วย
อย่างน้อยก็ยังได้ตายแบบไม่เจ็บไม่ปวดอะไรล่ะวะ
แต่ก็แค้นเหลือเกิน
ค่อยไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งจากหนังผีที่เคยดูมาดีกว่า เธอจะเริ่มจากโผล่แค่หัวเละๆ ออกมานอกหน้าต่างก่อนให้มันตกใจเล่น ก่อนที่ต่อมาจะฮือออกมาจากโทรทัศน์ระหว่างที่มันเปิดรายการวาไรตี้โชว์ดูเหมือนในเรื่องซาดาโกะ อย่างน้อยๆ เป็นวิญญาณแบบนี้ก็ต้องแสดงอภินิหารได้บ้างล่ะ
ตกลงกับตัวเองได้จึงทำท่าจะเริ่มภารกิจผีสาวตามเก็บเวล เพ่งดวงจิตนึกถึงหน้าบุพการีบังเกิดเกล้า
แต่ทว่า
หมับ!
‘อึก...!!’
ฝ่ามือหนาหยาบใหญ่ของผู้มาเยือนกลับคว้าเข้าที่คอของเด็กสาวแล้วยกจนตัวลอย นางสาวบีดิ้นทุรนทุรายไปมา แต่ลืมไปว่าวิญญาณนั้นไร้ความเจ็บปวด
“มึงจักไปไหน” ภาพตรงหน้าคือภาพที่นางสาวบีไม่เคยได้พบเจอและไม่มีวันจะได้เห็นจนกว่าเธอจะตายจริงๆ นั่นก็คือบุรุษในชุดโจงกระเบนสีแดงกล่ำกับสังวาลย์ทองทับทรวงแบบโบร่ำโบราณ ผิวดำคล้ำมีร่องรอยแผลเป็น ทรงผมชายบางระจัน ดวงตาสีแดงชาดเรืองรองทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัว
“ใครอ่ะ ปล่อยนะ!” ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรน จิกเล็บ กัด หรือข่วนอย่างไร ร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะไหวติง
“มึงมิมีกระไรติดค้างบนนี้ ไปกับกูเสีย” เสียงทุ้มต่ำลั่นประกาศิตทำเอาวิญญาณนางสาวบีชะงัก ลักษณะเหมือนที่แม่เคยบอก หรือว่าคนตรงหน้าคือยมทูตใช่ไหม พอเห็นเธอตุยก็มาเอาวิญญาณเลยเหรอ เร็วไปไหนก่อน สรุปคือนรกทำงานกันแบบดิจิตอลใช่ไหม
“จะไม่มีได้ไงพี่ หนูยังติดค้างอยู่ หนูมันวิญญาณอาฆาตนะ หนูยังไม่ได้ไปเข้าฝันบอกแม่เลยว่าหนูตายแล้ว แถมยังไม่ได้ล้างแค้นอีหมอเถื่อนนั่นเลยด้วย!!”
“เวรกรรมจะต้องตกต้องที่ตัวผู้ทำเอง มึงมีหน้าที่แค่ตามกูมา” ว่าพลางก็ร่ายเสกโซ่ตรวนพันธนาการเด็กสาวราวกับนักโทษเรือนจำ นางสาวบีเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น เริ่มรู้สึกอยากพุ่งกลับเข้าร่าง คุณยมทำไมน่ากลัวแบบนี้
‘ไม่นะพี่ยม ขอทดลองใช้ชีวิตแบบวิญญาณร้ายก่อนสักสามวันได้ไหม... สองวัน วันเดียวก็ได้!!’
“ไม่ได้! ท่านผู้นั้นกำลังรอมึงลงไปชดใช้กรรมที่ติดค้างในชาติปางก่อนอยู่”
ท่านผู้นั้น? ใครวะ
ไม่ทันได้คิดอะไรให้จบดีก็เกิดหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ใต้เท้า ชายกำยำตรงหน้าผลักหล่อนร่วงผล็อยลงไปในห้วงแห่งความมืดนั้นทันใด
กรี๊ดดดดดด
เสียงร้องโหยหวนของตัวเองนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ทัศนียภาพรอบตัวจะดับวูบลงไป พร้อมกับวิญญาณเด็กสาวที่ถูกสูบลงในหลุมดำ
“บัวงาม! บัวงามลูกแม่! เอ็งฟื้นแล้วรึ”
“... อื๋อ?” เสียงกังวาลของหญิงวัยกลางคนในชุดไทยโบราณเป็นประโยคแรกที่รบกวนการหลับอันยาวนานจนเด็กสาวจนต้องตื่น ว่าแต่ไอ้ชื่อบัวงามนี่มันใครวะ ชื่อโบร่ำโบราณสิ้นดี
นางสาวบีค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของหญิงชุดไทยที่มะรุมมะตุ้มเธออยู่ ที่นอนก็แข็งแสนแข็ง สงสัยจะนอนนานไปหน่อย ปวดหลังเคล็ดเอวไปหมด
พอลืมตาเต็มที่ ก็เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ถึงจะดูมีอายุแต่ก็ยังดูสวยปรากฎขึ้นพร้อมกับชุดสไบทรงเครื่องเหมือนหลุดมาจากในละครไทยจักรๆ วงศ์ๆ พร้อมกับสาวนุ่งผ้ารัดอกกับทรงผมสั้นกุดแบบที่เคยเห็นรูปในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์สมัยมัธยมไม่มีผิด
“... ใครอ่ะ” คำแรกที่โพล่งออกมาคือคำถามราวกับคนความจำเสื่อม ‘คุณหญิงจันทร์งาม’ รู้สึกเหมือนลมจะจับ ซวนเซไปจนบ่าวรับใช้ต้องเข้ามาประคอง
“คุณหญิง! เป็นกระไรหรือไม่เจ้าคะ”
“มะ... มิเป็นไร ข้าพอเข้าใจหัวอกนาง ลูกสาวข้าคงสติแตกไปเสียแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้ข่าวเรื่องพ่อแสนคำ”
นางสาวบีหยัดตัวลุกขึ้นมา อะไร? พูดจาซะโบราณเลย ที่นี่นรกหรือเปล่า จำได้ว่าเธอตายคาห้องผ่าตัดนี่
ว่าแต่ไอ้พี่ยมทูตนั่นไปไหน? เรื่องนี้ต้องมีเคลียร์ คนยังไม่ทันได้ไปตามอาฆาตเป็นผีเฝ้าไข้อีหมอเถื่อนนั่นเลย มาจับลงนรกสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง
ก็คงมีแต่ผู้หญิงคนนี้ล่ะมั้งที่ถามได้ เธอเลยตัดสินใจกระตุกชายผ้าสไบของผู้ใหญ่คนนั้นเบาๆ
“นี่ป้า เห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ แต่งตัวลิเกๆ ตาแดงๆ ตัวดำๆ อยู่แถวนี้ก่อนหนูตื่นบ้างปะ?”
“เเต่ฉันไม่ใช่ของใครนะ” บีพึมพำเบาๆ แต่ขุนแสนคำได้ยินทุกถ้อยคำที่เล็ดลอดออกมา “ใช่... พอๆ กับที่ความรู้สึกนี้ก็หาใช่ของตัวมึงไม่” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ทั้งๆ ที่เอ่ยประโยคนั้นเพื่อปราชัยความรู้สึกคิดไปเองของหล่อน ดวงตากลมโตสะท้อนภาพชายวัยกลางคนที่เคลื่อนกายมาประชิดกว่าเดิม บีเผลอกลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่ขุนเเสนคำเองก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน ทำไมสายตาของเขาถึง... กร็อบ แต่ก่อนที่จะทันเอื้อนเอ่ยสิ่งใด เสียงเชือกป่านที่รัดแน่นขื่อไม้แกร่งกลับดังขึ้นเนื่องจากชายผู้ถูกพันธนาการพยายามดิ้นรนเต็มเเรงจนขื่อไม้ที่เเข็งเเรงเกิดรอยร้าว พร้อมกับเสียงสบถต่ำหอบเหนื่อยของไอ้เหล็กขึ้นจากมุมมืด “อึก... ไอ้ชาติชั่ว! ปล่อยกู ไอ้สิงขร ไอ้หมาเฝ้าศพ!” เสียงเเหบห้าวตะโกนลั่นทั้งที่ลำคอเปรอะเลือด สีหน้าของมันซีดเซียวด้วยพิษบาดแผล หากแววตายังแฝงด้วยความเคียดแค้นอยู่ทุกชั่วขณะจิต ยิ่งพ่นผรุสวาทออกมา กลับยิ่งสำลักโลหิตจนพ่นเปรอะพื้นไม้ บีสะดุ้งนิดหน่อย พลันนึกขึ้นได้ว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องนอกเหนือจากเธอกับเขา “มันฟื้นแล้ว” เธอเอ่ยขึ้น มือที่แตะอยู่บนมือเขายังไม่ได้ถอยกลับ แต่ความตึงเครียดในบรรยากาศกลับเพ
ความร้อนจากลูกประคบซึมผ่านเนื้อผ้า แตะต้องลงบนผิวเนื้อจนร้อนวาบ ก่อนจะค่อยๆ คลายอาการตึงเกร็งจากตะคริวไปทีละน้อย ไอน้ำจางเบาบางลอยออกจากลูกประคบที่แนบลงตามจังหวะมือหนักเบาสลับกันของพระยาสิงขร บรรยากาศในห้องเงียบงันยิ่งทำให้บียิ่งไม่เเน่ใจในความเป็นห่วงที่เเสนจะคลุมเครือนี้ ไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าทำไมจู่ๆ คนอย่างเขาถึงได้มาทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง อ้อ... คงกลัวว่าร่างเมียจะบอบจะช้ำสินะ บีเเค่นยิ้ม พลางเอียงคอจ้องมองเขาในความมืด เห็นเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของบุรุษผู้เป็นทั้งขุนศึกและภูตผีมาก่อน ดวงตาของเขาจับจ้องที่เรียวขาของเธอ แต่แววตานั้นกลับไม่มีสิ่งใดส่อถึงความโกรธเกรี้ยวหรือเเม้เเต่ตัณหายามเมื่อหล่อนทำอะไรขัดกับประสงค์ของเขา มีเพียงความเงียบขรึมแน่วแน่ และบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะหลงคิด เพราะคล้ายจะดูเข้าข้างตนเองจนเกินไป “พี่ผี” ทั้งๆ ที่รู้อยู่เเก่ใจว่าเหตุผลมันคืออะไร เเต่อารมณ์ฟุ้งซ่านทำให้บีโพล่งขึ้นมาโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง “ฉันขอโทษที่ทำให้ร่างเมียพี่เจ็บตัวนะ” มือหยาบหยุดเคลื่อนไหวเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเเหบห้าว กลิ่นสุราเเรงที่เเผ่ซ่านผ่านกายของเขา ทำให้บีรับรู้ว
ย้อนไปเพียงไม่กี่ชั่วยาม ขุนแสนคำนั้นเพิ่งออกจากห้องของเอื้องน้อย หลังจำต้องยอมร่วมเรียงเคียงหมอนกับนางเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญ ทั้งที่ในใจนั้นหาได้มีนางอยู่เลยแม้แต่เสี้ยวใจเดียว ทว่าในที่สุดเขาก็ได้รู้กำหนดวันเข้าเฝ้าพระราชชนนีภายในพระราชฐาน เมื่อเป้าหมายสำเร็จลง การแนบกายนางเพื่อผลประโยชน์ก็มิจำต้องสืบต่อ ขุนเเสนคำหันไปพึ่งพาจอกสุราทรงสูง บรรจุสุราหมักกลั่นกลิ่นฉุนบาดโพรงจมูก มือหยาบกร้านคลึงขอบปากจอกแน่น ก่อนจะยกขึ้นแนบริมฝีปากแล้วกระดกลงคอภายในรวดเดียว สุรารสขื่นแสบลิ้นไหลผ่านลำคอเเกร่ง เผาไส้ในดั่งเพลิงโชน เมื่อขุนเเสนคำในร่างพระยาสิงขรได้กลืนลงไปแล้วจึงรู้ว่าอารมณ์ในอกหาใช่เพียงความอึดอัดไม่ หากแต่คล้ายไฟร้อนที่สุมอยู่ในร่างกาย “เอื้องน้อยมิเคยอยู่ในใจข้าเลยแม้สักครึ่งหายใจ” เเต่เป็นหล่อนต่างหาก... บัวงาม เขาพึมพำกับตนเองด้วยความเจ็บปวด ไม่ได้อยากทำเช่นนี้ เเต่ในเมื่อคนอย่างเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงทุกอย่างที่พอจะสืบสาวไปถึงตัวตนของเมียใจโฉดชั่วได้ ดวงตาฉ่ำน้ำสุราแต่ยังคงเด็ดเดี่ยว หางเเต่ดวงหน้ากลับแน่นิ่งดังภาพสลัก ข้าควรทำขนาดนี้... เพื่อผู้หญิงที่ไม่ได้รักข้า
“กูมิคิดจักเจรจาความใดกับนังคนทรยศเยี่ยงมึงอีกต่อไป ก่อนคอมึงจักโดนเชือดสิ้น จงบอกมาซึ่งที่อยู่ของเถ้ากระดูกผัวเก่ามึงว่าอยู่เเห่งใด!” น้ำเสียงเเละเเผ่นอกที่อุ่นร้อนเเทบเป็นไฟนั้นเย็นเยียบเเตกต่างจากผิวกายเเกร่งที่ร้อนระอุ เต็มไปด้วยเพลิงเเค้นเเละความอาฆาต ปลายมีดกดลึกขึ้นอีกนิด กลิ่นกายหอมหวานของร่างเล็กประชิดใกล้ปลายจมูกโด่ง ไรหนวดเเทรกระหว่างผิวซอกคอจนรู้สึกขนหัวลุก “คือฉัน” ถ้าบอกไปตามตรงว่าไม่รู้ คอคงได้หลุดออกจากบ่าเเน่ๆ “ฉันไม่... อึ้ก!” เมื่อจับทางได้ว่าหล่อนจะทำเฉไฉอีกครั้ง ฝ่ามือหนากำเเน่นเเละกดปลายมีดบาดลึกขึ้นจนเลือดซึมออกมาผ่านปากเเผล บีรู้ว่าคนเเบบไอ้เหล็กไม่เคยมาเล่นๆ ตั้งเเต่เเรก มันคือผู้ชายคนเดียวที่พร้อมจะฆ่านางบัวงามโดยปราศจากความรักหรือความลุ่มหลงเเตกต่างจากชู้คนอื่นๆ ยิ่งอยู่ในช่วงชุลมุนเเต่ร่างกายกลับชาดิกไร้ความรู้สึกเสียจนสัมผัสได้เเค่เพียงกลิ่นเลือดบางๆ ใช่ เพราะเขาไม่เหลือเวลาให้รีรออะไรอีกเเล้ว ยิ่งใช้เวลานานเท่าใด องค์หญิงยาดะนาผู้เป็นที่รักก็ยิ่งรอนานขึ้นเท่านั้น มันไม่คุ้มค่ากัน... หากต้องเเลกมากับการถูกเหยียบย่ำดวงใจซ้ำสองที่เขาทำภารกิจไม่สำเร็จ สู้
หากเเต่ค่ำคืนนี้นางสาวบีกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างเเปลกประหลาด บรรยากาศในค่ำคืนนี้มันดูเเปลก ใช่... เเปลกไปหมด ทั้งขุนเเสนคำที่พาร่างพระยาหายไปทั้งวัน รวมถึงเสียงนกเเสกที่ร้องระงมตั้งเเต่ตกดึก เธอที่อยู่ในห้องนอนอยู่คนเดียวนั้นหยัดกายลุกขึ้นท่ามกลางความมืดที่มีเพียงเเสงนวลของดวงจันทร์ที่โอบล้อมรอบทั้งเรือนใหญ่ หรือความเเปลกประหลาดที่สุดจะเป็นห้วงความรู้สึกที่อัดเเน่นในใจนี่กันนะ? ทั้งๆ ที่เขาออกคำสั่งอย่างไร้เยื่อไม่เหลือใยขนาดนั้น ยังจะไปคิดถึงให้เปลืองสุขภาพจิตอีกทำไมก็ไม่รู้ บีเเค่นหัวเราะดังเหอะ ก็ผู้ชายอย่างขุนเเสนคำเขารักเป็นเเค่เมียเลวๆ ของตัวเองคนเดียวนี่นา เธอมันเป็นเพียงเเค่หนึ่งในตัวหมากที่เขาจะชักใยไปทางไหนตามใจชอบไม่ใช่เหรอ เเต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก ผิดที่เธอเองที่เผลอไผลปล่อยให้ความเหงาครอบงำจนเริ่มรู้สึก... คิดถึงขึ้นมาเเบบไม่มีเหตุผล เเต่มันก็เท่านั้น เมื่อสุดท้ายเขาก็ไม่ใช่ของเรา เเถมยังตายไปเเล้วด้วย ขุนเเสนคำรักบัวงาม เเละไม่มีวันจะมองบีเป็นผู้หญิงคนหนึ่งไปมากกว่าตัวหมาก ก็ต้องยอมรับว่าเธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เจ๋งพอจะไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนเเรกที่นอ
ค่ำคืนนี้มิ่งขวัญร้อนรุ่มจนเกินจะทานทนเป็นพิเศษกว่าในทุกๆ ค่ำคืน เขานึกถึงวาจา กิริยาเเละคำพูดทุกคำที่นางผู้หญิงนั่นเอื้อนเอ่ยไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว “เอาสิ มิ่งขวัญ” “ว่ากระไรนะ?” “น้าจะเล่นกับเจ้ามิ่งด้วยก็ได้นะ เพราะเจ้ามิ่งเองก็รูปงามถูกใจน้าเหมือนกัน” มิใช่ไม่รู้ว่านั่นคือมารยาล่อลวงชายของผู้หญิงเช่นนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกเเต่ก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ เมื่อหวนนึกถึงท่าทางยั่วเย้าโดยไม่จริงจังนัก หัวใจของมิ่งขวัญยิ่งเต้นส่ำระรัว เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เเม้เเต่ทองผินที่เขาบูชาจนสุดดวงใจ ความรู้สึกที่มีต่อบัวงามเเตกต่างจากเจ้าคุณเเม่ เขาเคารพบูชาคุณเเม่ทองผินจนไม่คิดเเม้เเต่จะเเตะต้องเเม้เเต่ปลายเล็บหรือเเม้เเต่เส้นผมของท่าน เเต่มิ่งขวัญเข้าใจว่านั่นคือความรักในเชิงชู้สาวมาโดยตลอด เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นหลงใหลจมปลักอยู่กับเสน่ห์ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นเเละลึกลับของทองผินอยู่เสมอมา เเต่ครั้นเมื่อโดนยั่วหยอกเเค่เพียงน้อยจากผู้หญิงที่คิดว่าชังหน้าหล่อนตั้งเเต่เเรกเห็น สัญชาตญาณของชายหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเต็มวัยร้องบอกว่าเขาปรารถนาในตัวของผู้หญิงคนนั้น จนถึงขนาดหึงหวง พลั้งปากสร้างความ
Comments