แชร์

บทที่ 1070

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
เสียงหนึ่งประโยคจากหลงไหวอวี้ที่ตะโกนไล่หลัง ยิ่งตอกย้ำความเป็นศิษย์อาจารย์ที่แนบแน่น

แรงทะลวงของลูกปืนแต่ละนัดรุนแรงดั่งค้อนทุบ เมื่อกระแทกใส่ร่างมนุษย์ ทีละนัด สองนัด สามนัด แทบทุกคนถูกยิงเข้าร่างกายกว่า 10 นัดในเวลาอันสั้น

ในระยะประชิดเช่นนี้ ไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่นอน

ผู้คุ้มกันหกถึงเจ็ดคนล้มลงกับพื้น ใครโชคดี โดนจุดสำคัญ ตายทันทีโดยไม่รู้สึกเจ็บ

ส่วนคนโชคร้าย แม้ยังไม่สิ้นใจ แต่จิตสำนึกก็พร่ามัว ทรมานเจียนสิ้นใจจนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้ เลือดสดไหลไม่หยุด ชีวิตกำลังร่วงหล่นไปทุกขณะ

ส่วนต้วนจิ่นเจียง ถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองนัด พอดีโดนตรงหัวเข่าทั้งสองข้าง

ไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เพราะทหารที่ยิงตั้งใจเลี่ยงจุดสำคัญโดยเจตนา

ผั่บ เสียงร่างของต้วนจิ่นเจียงกระแทกลงพื้น ที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและเลือด

ขณะนั้นเอง หลงไหวอวี้ที่เพิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกบังคับให้ถอยหลังกลับมา

ตรงหน้าผากของเขา จ่อไว้ด้วยปลายปืนดำมืดหนึ่งกระบอก พร้อมกับอีกสี่ห้ากระบอกที่เล็งทุกจุดสำคัญทั่วทั้งร่างกาย

เมื่อเห็นชะตากรรมของต้วนจิ่นเจียงและเหล่าทหารกล้า หลงไหวอวี้ก็รู้ทันทีว่าตนไม่อาจต้านทานได
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1071

    เฉินทงแสดงอาการภูมิใจออกนอกหน้า คำพูดที่เปล่งออกมายังแฝงแววโอ้อวด จนหลี่เฉินต้องเหลือบตามองเขาด้วยความรำคาญ ขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงก็ดังขึ้น เมื่อปลายนิ้วแรกถูกตัดออก ความเจ็บปวดจากนิ้วที่เชื่อมโยงถึงหัวใจนั้นทำให้เขาดิ้นพล่านราวกับเสียสติ “หลี่เฉิน! เจ้าจะไม่มีวันตายดี! จะไม่มีวันตายดีแน่!!” ในตอนนี้ ต้วนจิ่นเจียงเริ่มรู้สึกเสียใจเสียแล้ว เสียใจที่ตนเองดึงดันต้องมาที่เมืองหลวงเพื่อฆ่าหลี่เฉินด้วยมือตนเอง เขานึกถึงคำพูดที่เหวินอ๋องกล่าวไว้ก่อนออกเดินทาง จู่ๆ ก็เริ่มสงสัยว่า บางทีเหวินอ๋องอาจคาดการณ์ถึงจุดจบเช่นนี้แล้ว ถึงได้พูดคำคลุมเครือเช่นนั้นออกมา เสียดายที่ตนเอง...ไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ ก็คือพยายามยั่วโมโหลี่เฉิน ให้เขาสังหารตนเสียในคราวเดียว แต่หลี่เฉินกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ หลี่เฉินได้มายืนอยู่ตรงหน้าของหลงไหวอวี้แล้ว “เงยหน้าขึ้น” หลี่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ หลงไหวอวี้ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อได้ยินเสียงปราศจากอารมณ์จากเหนือศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เขาเห็น คือดวงตาที่เย็นชา ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1072

    หลี่เฉินหันหลังเดินจากไป เฉินทงตามติดอยู่ด้านหลัง และยังมีขุนนางอีกครึ่งหนึ่งร่วมขบวนออกไปด้วย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น กลุ่มหนึ่งลากหลงไหวอวี้ที่ถูกความกลัวจนเดินแทบไม่ไหวออกไป รอรับชะตากรรมที่ย่อมไม่มีทางดี อีกกลุ่มหนึ่ง คอยดูแลการประหารต้วนจิ่นเจียง เพราะฝ่าบาทเคยตรัสไว้ชัด ต้องให้ต้วนจิ่นเจียงได้รับครบห้าสิบดาบ แม้แต่ดาบเดียวก็ห้ามขาด กลางสายฝนในค่ำคืนอันมืดมิด เสียงร่ำไห้ของหลงไหวอวี้ กับเสียงกรีดร้องของต้วนจิ่นเจียงค่อยๆ แยกห่างออกจากกันเรื่อยๆ จนกระทั่งทั้งสองเสียงถูกกลืนหายไปกับสายฝนที่เทลงมา ภายในตำหนักเฉียนชิงไฟส่องสว่างทั่วห้อง เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั้งหมดอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครกล้าออกไป เพียงแต่คราวนี้ เมื่อหลี่เฉินกลับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสำนักราชเลขาหรือขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาต่างก็รีบทำความเคารพทันที “กระหม่อมทั้งหลาย ขอน้อมคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เฉินเดินไขว้หลังรับการเคารพไปด้วยท่าทางเรียบเฉย เดินผ่านกลางหมู่ขุนนาง เมื่อเดินผ่านจางปี้อู่จู่ๆ หลี่เฉินก็หยุดฝีเท้า ริมฝีปากของจางปี้อู่กระตุกเล็กน้อย เขาก้มหน้าหลบสายตา ไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1073

    หลี่เฉินมองจ้าวเสวียนจีแวบหนึ่ง หวังจะจับอารมณ์บางอย่างจากสีหน้าของเขา แต่เจ้าเฒ่าจิ้งจอกผู้นี้กลับไม่เผยความรู้สึกแม้แต่น้อย ทำให้หลี่เฉินต้องผิดหวังกลับไป ทว่าเขาก็ไม่ใส่ใจนัก ก้าวตรงเข้าสู่ตำหนักบรรทมทันที เมื่อได้พบฮ่องเต้ต้าสิงอีกครั้ง พระพักตร์ของพระองค์ซีดเหลือง หายใจราวกับวัวกระทืบข้าว แทบไม่เหลือแรงแม้จะนั่งหรือยืนอยู่แล้ว จึงเอนกายพิงอยู่บนพระแท่น ด้านข้าง คือซานเป่าที่ไม่รู้เข้ามาตั้งแต่เมื่อใด กำลังคุกเข่าอยู่ข้างพระแท่น มือหนึ่งกุมพระหัตถ์ของฮ่องเต้ไว้ ภาพที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้หลี่เฉินต้องหันไปมองอีกครั้ง เมื่อเห็นหลี่เฉินเข้ามา ฮ่องเต้ต้าสิงดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงจะตรัส พระหัตถ์ข้างหนึ่งถูกซานเป่าจับไว้ อีกข้างวางอยู่เหนือท้องน้อยบนผ้าห่ม พระองค์ค่อยๆ ยกพระหัตถ์ที่วางอยู่ขึ้น ชี้ไปทางโต๊ะเขียนหนังสือ หลี่เฉินทำความเคารพอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตามที่ชี้ บนโต๊ะนั้น มีพระราชโองการสามฉบับวางอย่างเป็นระเบียบ หลี่เฉินหันไปมองฮ่องเต้ต้าสิง เห็นพระองค์พยักหน้าจึงหยิบฉบับแรกขึ้นมาอ่าน พระราชโองการฉบับนี้มีความยาวมาก ภาษาสละสลวยล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1074

    หลี่เฉินไม่คาดคิดว่า พระราชโองการฉบับที่สามจะว่างเปล่า พระราชโองการว่างเปล่าฉบับหนึ่ง มีเพียงตราแห่งแผ่นดินกับตราประทับส่วนพระองค์ของต้าสิงฮ่องเต้อยู่ที่ปลายกระดาษ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าใครจะได้ครอบครองพระราชโองการฉบับนี้ แล้วเขียนข้อความใดลงไป ขอเพียงตราแห่งแผ่นดินและตราส่วนพระองค์เป็นของจริง เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นพระราชโองการของต้าสิงฮ่องเต้ หลี่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังต้าสิงฮ่องเต้ ต้าสิงฮ่องเต้เอนกายอยู่บนเตียงคนป่วย ลมหายใจรวยรินดุจใยไหม ทว่ายังคงยิ้มบางๆ มองดูหลี่เฉินอ่านพระราชโองการทั้งสามฉบับจบครบถ้วน เมื่อเห็นหลี่เฉินมองมา ต้าสิงฮ่องเต้ก็ยกมือเรียก แม้ท่าทางอ่อนแรงและแทบไม่มีเรี่ยวแรง ทว่าเพียงพอให้หลี่เฉินเข้าใจความหมายได้ หลี่เฉินรีบเดินเข้าไป ยกชายเสื้อขึ้น คุกเข่าลงข้างเตียง “พระราชโองการฉบับที่สาม ให้เจ้าลงมือเขียนเอง” ต้าสิงฮ่องเต้เพียรออกเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำกล่าวประโยคนี้ออกมา หลี่เฉินรู้สึกสะท้านในอก ตั้งแต่เขารับหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ ก็ได้ออกพระราชโองการมาไม่น้อย แม้สุดท้ายจะประทับตราแห่งแผ่นดินลงเช่นกัน แต่ก็ยังเป็นพระราชโอง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1075

    แต่ว่าสภาพของต้าสิงฮ่องเต้ในยามนี้ เกรงว่าวินาทีถัดไปอาจสิ้นใจ เช่นนั้นพระองค์จะกำจัดซานเป่าอย่างไร? หรือว่าความหมายของต้าสิงฮ่องเต้ คือให้ตนลงมือเอง? ในช่วงเวลาอันสั้น ความคิดนานัปการก็พุ่งขึ้นเต็มหัว หลี่เฉินรู้สึกว่าวุ่นวายสับสนยิ่งนัก ด้านหนึ่งคือการล่อลวงของการได้ขึ้นครองราชย์ทันที อีกด้านคือความรู้สึกเสียดายและอาลัยต่อต้าสิงฮ่องเต้ อีกด้านคือความลังเลในชะตากรรมของซานเป่า หลี่เฉินไม่เคยรู้สึกสับสนถึงเพียงนี้มาก่อน เขากับต้าสิงฮ่องเต้ไม่ได้มีความผูกพันกันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้าสิงฮ่องเต้เป็นผู้ที่ผลักดันเขาอย่างเต็มที่ให้ขึ้นนั่งบัลลังก์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนถูกต้าสิงฮ่องเต้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ แม้แต่จุดด่างพร้อยเพียงนิดก็ไม่ให้หลี่เฉินแตะต้อง แม้เขาจะรู้ว่าความ ‘รัก’ ของต้าสิงฮ่องเต้นี้ มีให้แก่โอรสของพระองค์คือหลี่เฉิน ไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่ในเมื่อผู้ได้รับผลประโยชน์คือเขา หลี่เฉินก็จะไม่เปิดเผยความจริงต่อต้าสิงฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจตนเองไม่ให้เคารพนับถือจักรพรรดิผู้ทรงเปี่ยมด้วยสติปัญญาและความสามารถพระองค์นี้ได้ หากพระองค์สิ้นพระชนม์ในค่ำคืนนี้จริง จ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1076

    เวลาเร่งรัด ฮ่องเต้ต้าสิงขณะนี้ก็ตกอยู่ในสภาพครึ่งสลบ แต่ก็ยังสามารถตอบสนองต่อเสียงจากภายนอกได้อยู่พระเนตรของพระองค์เคลื่อนไปยังซานเป่าหลี่เฉินมองไม่ออกว่าดวงเนตรนั้นสื่อความหมายเช่นไรเขารู้สึกขึ้นมาทันใดว่า เบื้องหน้าฮ่องเต้ต้าสิงตนเองยังช่างอ่อนประสบการณ์นักซานเป่ากล่าวเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท บ่าวเข้าวังเมื่อยังไม่ถึงสิบเอ็ดปี เป็นเพียงขันทีน้อยต่ำต้อยผู้หนึ่ง ถูกผู้คนรังแกอยู่ทุกวัน ฝ่าบาทเมื่อครั้งยังทรงเป็นองค์ชาย คอยดูแลบ่าวเป็นอย่างดี ทรงให้บ่าวได้เรียนวรยุทธ์ และช่วยบ่าวออกมาจากสถานที่มืดมนไร้แสงนั้น กลายเป็นขันทีน้อยที่ได้ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”“เมื่อฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ ก็ทรงให้บ่าวเป็นขันทีถือตะพัดที่อายุน้อยที่สุด ประจำสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา หลายสิบปีมานี้ บ่าวจึงได้ก้าวเดินมาถึงตำแหน่งในวันนี้เพราะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“บ่าวอ่านไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ ไม่มีความรู้ความสามารถใดๆ แต่ก็ซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอย่างล้นเหลือ ชีวิตนี้ บ่าวขอถวายเพื่อฝ่าบาทผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”“บัดนี้ ก็ถึงเวลาที่บ่าวจะได้ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กล่าวจบ ซานเป่าก็หันไปพู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1077

    “คำพูดนี้ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก” หลี่เฉินเบือนหน้าไปอีกทาง พลางตรัสกับซูจิ่นพ่าว่า “คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหนึ่งว่าเจ้าไม่ใส่ใจข้าเลยแม้แต่น้อย”ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วงาม นางกล่าวว่า “ใจของท่านว้าวุ่นนัก”หลี่เฉินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนแย้มสรวลเบาๆ “เจ้ากำลังเปลี่ยนเรื่องอย่างฝืนๆ อยู่หรือไม่”“มิใช่ข้าที่เปลี่ยนเรื่อง” ซูจิ่นพ่าหันกายมาเผชิญหน้ากับหลี่เฉิน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เป็นท่านต่างหาก ที่จงใจหาเรื่องมาพูด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตนเอง ท่านมีเรื่องหนักอกอยู่ในใจ ใช่หรือไม่”แววตาของซูจิ่นพ่าแม้จะมิได้ก้าวร้าว หากกลับสงบนิ่งและแจ่มกระจ่างทว่า ก็ช่างกระจ่างใสเสียจนหลี่เฉินรู้สึกราวกับดวงตาคู่นั้นคือกระจกบานหนึ่งสะท้อนให้เห็นความสกปรก เห็นแก่ตัว และความมืดดำในใจของเขาอย่างชัดเจนเขารู้ดีว่าตนสามารถห้ามซานเป่าไว้ได้แต่เพื่อความมั่นคงในอำนาจของตน เขากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นแม้แต่ผลักไสให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นด้วยซ้ำประโยคสุดท้ายที่เขากล่าวในตำหนักบรรทมนั้น ดูเหมือนจะเป็นการให้โอกาสซานเป่ากลับใจ ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นการตัดหนทางความหวังทั้งหมดของซานเป่าเสียสิ้นซานเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1078

    ตำแหน่งผู้บัญชาการบูรพาองครักษ์เสื้อแพรนั้น แม้ยศขุนนางจะมิได้สูงนัก เป็นเพียงขุนนางชั้นเอกระดับสี่หากอยู่ในท้องถิ่น ก็พอถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ทว่าในเมืองหลวงที่เหล่าขุนนางผู้ใหญ่เดินขวักไขว่ ยศระดับนี้กลับไร้ซึ่งคุณสมบัติแม้แต่จะให้ผู้คนเหลียวแลทว่าหากรวมเข้ากับอำนาจแท้จริงขององครักษ์เสื้อแพรแล้ว ตำแหน่งชั้นสี่นี้กลับกลายเป็นหนึ่งในตำแหน่งขุนนางชั้นสี่ที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักต้าฉินอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเพียงตำแหน่งเดียวด้วยซ้ำขุนนางทั้งหลายในที่นี้ ยศของผู้ใดเล่าจะต่ำกว่าชั้นสี่?แต่แม้พวกเขาจะกล้าดูแคลนขุนนางชั้นสี่ผู้หนึ่ง ทว่ากลับไม่อาจประมาทแม่ทัพองครักษ์เสื้อแพรได้แม้แต่น้อยเพราะนี่คือตำแหน่งที่สามารถประหารขุนนางชั้นเอกได้ที่สำคัญที่สุดคือประโยคครึ่งหลังของพระบัญชานั้นผู้ใดไม่รู้เล่าว่าแม่ทัพหน่วยบูรพาขององครักษ์เสื้อแพรคือซานเป่า ตั้งแต่ฮ่องเต้ต้าสิงจนถึงองค์รัชทายาท ซานเป่าก็ได้รับความไว้วางใจจากพ่อลูกคู่นี้มาตลอด นับแต่ก่อตั้งหน่วยบูรพาก็ไม่เคยเปลี่ยนผู้ควบคุมแต่ตอนนี้ องค์รัชทายาทกลับให้เฉินทงดูแลหน่วยบูรพาชั่วคราวความหมายของเรื่องนี้คือสิ่งใด?น

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1083

    “ในฐานะที่เป็นแม่ทัพภาคแห่งสำนักบัญชาการทหารสูงสุด แม่นยำแล้วว่าแม่ทัพซูเจ้าคือแม่ทัพใหญ่ของกองทัพทั่วทั้งใต้หล้า แล้วเหตุใดอำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดจึงตกต่ำถึงเพียงนี้ เรื่องนี้แม่ทัพซูควรกลับไปใคร่ครวญให้ดี”อำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดนั้น... ใหญ่โตนักตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนหน่วยบัญชาการสูงสุดทางทหารของทั้งอาณาจักรทว่าก็เพราะอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นเอง ทำให้ตลอดหลายรัชสมัยก่อนหน้า ถูกบรรพกษัตริย์ทั้งหลายคอยควบคุมและจำกัดไว้จึงทำให้กรมยุทธนาการค่อยๆ มีอำนาจเพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธนาการส่วนใหญ่ ล้วนไม่มีพื้นเพจากสายทหาร เรื่องนี้ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในราชสำนักต้าฉินมายาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษเรื่องทั้งหมดนี้ แท้จริงแล้วเป็นผลจากพระราชอำนาจที่ต้องการถ่วงดุลกับอำนาจของขุนนางในยามแผ่นดินสงบสุข การปล่อยให้หน่วยบัญชาการทางทหารตกอยู่ภายใต้อำนาจของทหารกลุ่มเดียว ย่อมทำให้จักรพรรดิพระองค์ใดก็ไม่อาจบรรทมให้เป็นสุขได้และก็เพราะเหตุนี้เอง อำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดจึงค่อยๆ สูญสิ้นจนเหลือเพียงในนาม ข้อกำหนดต่างๆ ที่ควบคุมกองทัพจึงกลายเป็นเพียงตัวหนังส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1082

    เฉินทงสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันทีแท้จริงแล้ว ตั้งแต่ก่อนเกิดการก่อกบฏ ตำหนักบูรพาและซานเป่าก็ได้สั่งการไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ให้ฉวยโอกาสนี้เก็บข้อมูลขุนนางที่เคยหลบซ่อน และแอบพัวพันกับฝ่ายคณะรัฐมนตรีให้ครบถ้วนดังนั้น สำหรับเฉินทงแล้ว การจับกุมหาใช่เรื่องยากแต่ที่ยากคือ... ผู้เกี่ยวข้องมีมากเกินไปเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “องค์ชาย... ต้องจับทั้งหมดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลี่เฉินขมวดพระขนงเล็กน้อยคำถามนี้ หากซานเป่ายังอยู่ ย่อมไม่มีวันถามออกมาเป็นแน่โชคดีที่ซูเจิ้นถิงเป็นผู้เอ่ยปากขึ้นว่า “แม่ทัพเฉิน ขุนนางระดับเข้า ‘สำนักราชเลขา’ ขึ้นไป จะต้องมีพระราชโองการจากฝ่าบาทหรือองค์ชายเท่านั้นจึงจะลงโทษได้”ประโยคนี้ชัดเจนยิ่งนัก... ต่ำกว่าสำนักราชเลขา จับให้หมด สูงกว่าสำนักราชเลขา... อย่าแตะต้องเฉินทงถึงกับเข้าใจขึ้นมาทันที เขาหันไปคารวะแล้วกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ขอบพระคุณแม่ทัพซูที่ชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงพยักหน้ารับ ถือว่าเป็นการตอบรับคำขอบคุณจากนั้นก็หันไปกล่าวกับหลี่เฉินว่า “หากจับกุมทั้งหมดในคราเดียว เกรงว่าอาจทำให้ทุกกรมกองในราชสำนักหยุดชะงัก การบริหารไม่อาจดำเนินต่อได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1081

    จ้าวเสวียนจีเอ่ยปากออกมาแล้วจริงๆทว่าเขาไม่เพียงไม่คัดค้าน กลับเห็นชอบต่อการตัดสินพระทัยของหลี่เฉินเสียด้วยซ้ำเรื่องนี้ทำให้เหล่าขุนนางสายคณะรัฐมนตรีหลายคนถึงกับรู้สึกว่า ความเชื่อทั้งหมดในใจกำลังพังทลายความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของพวกเขาก็คือ... หรือว่าจ้าวเสวียนจียอมแพ้แล้ว?บางคนไม่พอใจยิ่ง ทว่าอีกหลายคนก็พอเข้าใจได้ท้ายที่สุด ฮ่องเต้ก็ฟื้นคืนแล้ว พวกเขาจะยังกล้าทำอะไรอีกเล่า?แม้ต่างคนต่างมีความคิดมากมาย แต่หลี่เฉินกลับหาได้ใส่ใจไม่“ขุนนางอาวุโสเข้าใจความถูกต้อง ข้าก็สบายใจนัก” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆจ้าวเสวียนจีประนมมือให้หลี่เฉิน แล้วหันไปมองร่างไร้วิญญาณของซานเป่า พลางถอนหายใจเบาๆ “ต่อสู้กันมาหลายปี บัดนี้ก็เสียคู่แข่งเก่าไปอีกคน ส่งเขาไปอย่างสง่างาม ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว”หลี่เฉินพยักหน้า ถือเป็นการยอมรับถ้อยคำของจ้าวเสวียนจีในช่วงเวลานั้น ทั้งสองคนราวกับประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมายหลังหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินก็เอ่ยขึ้นว่า “ทุกท่าน เมื่อครู่นี้เสด็จพ่อของข้าได้ทรงฟื้นขึ้นจริง และได้มอบหมายเรื่องสำคัญหลายประการ ข้าก็ได้รับพระราชโองการสามฉบับจากพระองค์ ซึ่งเนื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1080

    หลี่เฉินตั้งใจฟังทุกถ้อยคำที่ซานเป่าพูด จากนั้นก็กำมือของซานเป่าแน่น แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้าพูด ข้ารู้ทั้งหมด”“เพียงแต่เมื่อเจ้ารู้ว่าเบื้องหน้าลำบาก ก็ยิ่งควรอยู่ข้างข้า เดินต่อไปด้วยกันสิ”ซานเป่ายิ้มพลางส่ายหน้า กล่าวว่า “องค์ชายทรงเป็นฮ่องเต้องอาจ ไยต้องยึดติดกับความรัก บ่าวพูดให้ชัดก็คือ ขันทีไร้รากไร้ฐานผู้หนึ่ง หาได้คู่ควรไม่พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เฉินกล่าวเสียงหนักแน่นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าแซ่ว่าน แต่เหตุใดจึงไม่เคยบอกชื่อจริงของเจ้าข้าเลย?”ดวงตาของซานเป่าพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “บ่าวมีนามว่า ว่านตงเซิง”ขณะที่เอ่ยนามตนเองออกมา ซานเป่าก็พลันสำลักเลือดออกมาอีกคราครานี้ เลือดสดไหลทะลักจากทั้งปากและจมูก หลี่เฉินถึงกับเห็นแม้แต่ในรูหูก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาเขารู้ดีว่านี่คือวาระสุดท้ายของซานเป่าแล้ว“ว่านตงเซิง เร็วเข้า! เจ้ายังมีความปรารถนาใดอีกหรือไม่ ข้าจะช่วยเจ้าสำเร็จให้ได้!”ในครั้งนี้ หลี่เฉินผู้ซึ่งไม่เคยเรียกชื่อใครตรงๆ กลับเอ่ยนามจริงของซานเป่าออกมาโดยตรงดวงตาของซานเป่าเลือนราง เขากำมือหลี่เฉินไว้แน่น พูดทั้งที่หายใจแทบไม่ทันว่า “องค์ชาย บ่าวเดียวดาย ไร้สิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1079

    ดูเหมือนซานเป่าจะมองออกว่าหลี่เฉินกำลังเศร้า เขาก็พลันยิ้มออกมา“องค์ชายทรงเศร้าเสียพระทัยเพราะการตายของบ่าว เช่นนี้บ่าวก็มิต้องเสียดายชีวิตอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ทว่าองค์ชายยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องทรงจัดการ บ่าวก็เพียงแต่ทำสิ่งที่ควรทำ ขอองค์ชายอย่าได้โศกเศร้าเพราะบ่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ”“หนทางในภายภาคหน้า บ่าวคงมิอาจติดตามองค์ชายไปได้อีกแล้ว”หลี่เฉินรู้สึกได้ว่าการพูดของซานเป่าเริ่มยากลำบาก จึงรีบกล่าวว่า “ซานเป่า เจ้าอย่าเพิ่งฝืน พักก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดอะไรอีกเลย”ซานเป่าผู้ที่ไม่เคยกล้าขัดคำสั่งหลี่เฉินมาก่อน กลับส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “องค์ชาย บ่าวเหลือเวลาไม่มากแล้ว มีบางเรื่องที่อยากจะพูดกับองค์ชายให้หมดก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ได้ เจ้าพูดเถิด” หลี่เฉินพยุงซานเป่าให้นั่งลงตรงธรณีประตูของตำหนักบรรทม แล้วเขาเองก็นั่งลงด้วยจากนั้นหลี่เฉินก็เงยพระพักตร์ขึ้นแวบหนึ่งบรรดาขุนนางทั้งหลายนิ่งเงียบ รู้ทันทีว่าควรถอยออกไปข้างหลังซานเป่าพิงอยู่กับขอบประตู หายใจหอบเหนื่อย แต่แววตากลับแจ่มกระจ่างขึ้นเรื่อยๆหลี่เฉินรู้ดีว่านี่เรียกว่าแสงสุดท้ายก่อนดับสูญเหมือนกับเมื่อหลายชั่วยามก่อน ฮ่องเต้ต้าสิง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1078

    ตำแหน่งผู้บัญชาการบูรพาองครักษ์เสื้อแพรนั้น แม้ยศขุนนางจะมิได้สูงนัก เป็นเพียงขุนนางชั้นเอกระดับสี่หากอยู่ในท้องถิ่น ก็พอถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ทว่าในเมืองหลวงที่เหล่าขุนนางผู้ใหญ่เดินขวักไขว่ ยศระดับนี้กลับไร้ซึ่งคุณสมบัติแม้แต่จะให้ผู้คนเหลียวแลทว่าหากรวมเข้ากับอำนาจแท้จริงขององครักษ์เสื้อแพรแล้ว ตำแหน่งชั้นสี่นี้กลับกลายเป็นหนึ่งในตำแหน่งขุนนางชั้นสี่ที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักต้าฉินอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเพียงตำแหน่งเดียวด้วยซ้ำขุนนางทั้งหลายในที่นี้ ยศของผู้ใดเล่าจะต่ำกว่าชั้นสี่?แต่แม้พวกเขาจะกล้าดูแคลนขุนนางชั้นสี่ผู้หนึ่ง ทว่ากลับไม่อาจประมาทแม่ทัพองครักษ์เสื้อแพรได้แม้แต่น้อยเพราะนี่คือตำแหน่งที่สามารถประหารขุนนางชั้นเอกได้ที่สำคัญที่สุดคือประโยคครึ่งหลังของพระบัญชานั้นผู้ใดไม่รู้เล่าว่าแม่ทัพหน่วยบูรพาขององครักษ์เสื้อแพรคือซานเป่า ตั้งแต่ฮ่องเต้ต้าสิงจนถึงองค์รัชทายาท ซานเป่าก็ได้รับความไว้วางใจจากพ่อลูกคู่นี้มาตลอด นับแต่ก่อตั้งหน่วยบูรพาก็ไม่เคยเปลี่ยนผู้ควบคุมแต่ตอนนี้ องค์รัชทายาทกลับให้เฉินทงดูแลหน่วยบูรพาชั่วคราวความหมายของเรื่องนี้คือสิ่งใด?น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1077

    “คำพูดนี้ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก” หลี่เฉินเบือนหน้าไปอีกทาง พลางตรัสกับซูจิ่นพ่าว่า “คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหนึ่งว่าเจ้าไม่ใส่ใจข้าเลยแม้แต่น้อย”ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วงาม นางกล่าวว่า “ใจของท่านว้าวุ่นนัก”หลี่เฉินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนแย้มสรวลเบาๆ “เจ้ากำลังเปลี่ยนเรื่องอย่างฝืนๆ อยู่หรือไม่”“มิใช่ข้าที่เปลี่ยนเรื่อง” ซูจิ่นพ่าหันกายมาเผชิญหน้ากับหลี่เฉิน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เป็นท่านต่างหาก ที่จงใจหาเรื่องมาพูด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตนเอง ท่านมีเรื่องหนักอกอยู่ในใจ ใช่หรือไม่”แววตาของซูจิ่นพ่าแม้จะมิได้ก้าวร้าว หากกลับสงบนิ่งและแจ่มกระจ่างทว่า ก็ช่างกระจ่างใสเสียจนหลี่เฉินรู้สึกราวกับดวงตาคู่นั้นคือกระจกบานหนึ่งสะท้อนให้เห็นความสกปรก เห็นแก่ตัว และความมืดดำในใจของเขาอย่างชัดเจนเขารู้ดีว่าตนสามารถห้ามซานเป่าไว้ได้แต่เพื่อความมั่นคงในอำนาจของตน เขากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นแม้แต่ผลักไสให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นด้วยซ้ำประโยคสุดท้ายที่เขากล่าวในตำหนักบรรทมนั้น ดูเหมือนจะเป็นการให้โอกาสซานเป่ากลับใจ ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นการตัดหนทางความหวังทั้งหมดของซานเป่าเสียสิ้นซานเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1076

    เวลาเร่งรัด ฮ่องเต้ต้าสิงขณะนี้ก็ตกอยู่ในสภาพครึ่งสลบ แต่ก็ยังสามารถตอบสนองต่อเสียงจากภายนอกได้อยู่พระเนตรของพระองค์เคลื่อนไปยังซานเป่าหลี่เฉินมองไม่ออกว่าดวงเนตรนั้นสื่อความหมายเช่นไรเขารู้สึกขึ้นมาทันใดว่า เบื้องหน้าฮ่องเต้ต้าสิงตนเองยังช่างอ่อนประสบการณ์นักซานเป่ากล่าวเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท บ่าวเข้าวังเมื่อยังไม่ถึงสิบเอ็ดปี เป็นเพียงขันทีน้อยต่ำต้อยผู้หนึ่ง ถูกผู้คนรังแกอยู่ทุกวัน ฝ่าบาทเมื่อครั้งยังทรงเป็นองค์ชาย คอยดูแลบ่าวเป็นอย่างดี ทรงให้บ่าวได้เรียนวรยุทธ์ และช่วยบ่าวออกมาจากสถานที่มืดมนไร้แสงนั้น กลายเป็นขันทีน้อยที่ได้ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”“เมื่อฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ ก็ทรงให้บ่าวเป็นขันทีถือตะพัดที่อายุน้อยที่สุด ประจำสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา หลายสิบปีมานี้ บ่าวจึงได้ก้าวเดินมาถึงตำแหน่งในวันนี้เพราะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“บ่าวอ่านไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ ไม่มีความรู้ความสามารถใดๆ แต่ก็ซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอย่างล้นเหลือ ชีวิตนี้ บ่าวขอถวายเพื่อฝ่าบาทผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”“บัดนี้ ก็ถึงเวลาที่บ่าวจะได้ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กล่าวจบ ซานเป่าก็หันไปพู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1075

    แต่ว่าสภาพของต้าสิงฮ่องเต้ในยามนี้ เกรงว่าวินาทีถัดไปอาจสิ้นใจ เช่นนั้นพระองค์จะกำจัดซานเป่าอย่างไร? หรือว่าความหมายของต้าสิงฮ่องเต้ คือให้ตนลงมือเอง? ในช่วงเวลาอันสั้น ความคิดนานัปการก็พุ่งขึ้นเต็มหัว หลี่เฉินรู้สึกว่าวุ่นวายสับสนยิ่งนัก ด้านหนึ่งคือการล่อลวงของการได้ขึ้นครองราชย์ทันที อีกด้านคือความรู้สึกเสียดายและอาลัยต่อต้าสิงฮ่องเต้ อีกด้านคือความลังเลในชะตากรรมของซานเป่า หลี่เฉินไม่เคยรู้สึกสับสนถึงเพียงนี้มาก่อน เขากับต้าสิงฮ่องเต้ไม่ได้มีความผูกพันกันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้าสิงฮ่องเต้เป็นผู้ที่ผลักดันเขาอย่างเต็มที่ให้ขึ้นนั่งบัลลังก์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนถูกต้าสิงฮ่องเต้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ แม้แต่จุดด่างพร้อยเพียงนิดก็ไม่ให้หลี่เฉินแตะต้อง แม้เขาจะรู้ว่าความ ‘รัก’ ของต้าสิงฮ่องเต้นี้ มีให้แก่โอรสของพระองค์คือหลี่เฉิน ไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่ในเมื่อผู้ได้รับผลประโยชน์คือเขา หลี่เฉินก็จะไม่เปิดเผยความจริงต่อต้าสิงฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจตนเองไม่ให้เคารพนับถือจักรพรรดิผู้ทรงเปี่ยมด้วยสติปัญญาและความสามารถพระองค์นี้ได้ หากพระองค์สิ้นพระชนม์ในค่ำคืนนี้จริง จ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status