Share

บทที่ 1082

Author: ไห่ตงชิง
เฉินทงสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ก่อนเกิดการก่อกบฏ ตำหนักบูรพาและซานเป่าก็ได้สั่งการไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ให้ฉวยโอกาสนี้เก็บข้อมูลขุนนางที่เคยหลบซ่อน และแอบพัวพันกับฝ่ายคณะรัฐมนตรีให้ครบถ้วน

ดังนั้น สำหรับเฉินทงแล้ว การจับกุมหาใช่เรื่องยาก

แต่ที่ยากคือ... ผู้เกี่ยวข้องมีมากเกินไป

เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “องค์ชาย... ต้องจับทั้งหมดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

หลี่เฉินขมวดพระขนงเล็กน้อย

คำถามนี้ หากซานเป่ายังอยู่ ย่อมไม่มีวันถามออกมาเป็นแน่

โชคดีที่ซูเจิ้นถิงเป็นผู้เอ่ยปากขึ้นว่า “แม่ทัพเฉิน ขุนนางระดับเข้า ‘สำนักราชเลขา’ ขึ้นไป จะต้องมีพระราชโองการจากฝ่าบาทหรือองค์ชายเท่านั้นจึงจะลงโทษได้”

ประโยคนี้ชัดเจนยิ่งนัก... ต่ำกว่าสำนักราชเลขา จับให้หมด สูงกว่าสำนักราชเลขา... อย่าแตะต้อง

เฉินทงถึงกับเข้าใจขึ้นมาทันที เขาหันไปคารวะแล้วกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ขอบพระคุณแม่ทัพซูที่ชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ”

ซูเจิ้นถิงพยักหน้ารับ ถือว่าเป็นการตอบรับคำขอบคุณ

จากนั้นก็หันไปกล่าวกับหลี่เฉินว่า “หากจับกุมทั้งหมดในคราเดียว เกรงว่าอาจทำให้ทุกกรมกองในราชสำนักหยุดชะงัก การบริหารไม่อาจดำเนินต่อได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1083

    “ในฐานะที่เป็นแม่ทัพภาคแห่งสำนักบัญชาการทหารสูงสุด แม่นยำแล้วว่าแม่ทัพซูเจ้าคือแม่ทัพใหญ่ของกองทัพทั่วทั้งใต้หล้า แล้วเหตุใดอำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดจึงตกต่ำถึงเพียงนี้ เรื่องนี้แม่ทัพซูควรกลับไปใคร่ครวญให้ดี”อำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดนั้น... ใหญ่โตนักตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนหน่วยบัญชาการสูงสุดทางทหารของทั้งอาณาจักรทว่าก็เพราะอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นเอง ทำให้ตลอดหลายรัชสมัยก่อนหน้า ถูกบรรพกษัตริย์ทั้งหลายคอยควบคุมและจำกัดไว้จึงทำให้กรมยุทธนาการค่อยๆ มีอำนาจเพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธนาการส่วนใหญ่ ล้วนไม่มีพื้นเพจากสายทหาร เรื่องนี้ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในราชสำนักต้าฉินมายาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษเรื่องทั้งหมดนี้ แท้จริงแล้วเป็นผลจากพระราชอำนาจที่ต้องการถ่วงดุลกับอำนาจของขุนนางในยามแผ่นดินสงบสุข การปล่อยให้หน่วยบัญชาการทางทหารตกอยู่ภายใต้อำนาจของทหารกลุ่มเดียว ย่อมทำให้จักรพรรดิพระองค์ใดก็ไม่อาจบรรทมให้เป็นสุขได้และก็เพราะเหตุนี้เอง อำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดจึงค่อยๆ สูญสิ้นจนเหลือเพียงในนาม ข้อกำหนดต่างๆ ที่ควบคุมกองทัพจึงกลายเป็นเพียงตัวหนังส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1

    จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆวิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมาชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”หลี่เฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 6

    “อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 7

    บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1083

    “ในฐานะที่เป็นแม่ทัพภาคแห่งสำนักบัญชาการทหารสูงสุด แม่นยำแล้วว่าแม่ทัพซูเจ้าคือแม่ทัพใหญ่ของกองทัพทั่วทั้งใต้หล้า แล้วเหตุใดอำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดจึงตกต่ำถึงเพียงนี้ เรื่องนี้แม่ทัพซูควรกลับไปใคร่ครวญให้ดี”อำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดนั้น... ใหญ่โตนักตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนหน่วยบัญชาการสูงสุดทางทหารของทั้งอาณาจักรทว่าก็เพราะอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นเอง ทำให้ตลอดหลายรัชสมัยก่อนหน้า ถูกบรรพกษัตริย์ทั้งหลายคอยควบคุมและจำกัดไว้จึงทำให้กรมยุทธนาการค่อยๆ มีอำนาจเพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธนาการส่วนใหญ่ ล้วนไม่มีพื้นเพจากสายทหาร เรื่องนี้ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในราชสำนักต้าฉินมายาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษเรื่องทั้งหมดนี้ แท้จริงแล้วเป็นผลจากพระราชอำนาจที่ต้องการถ่วงดุลกับอำนาจของขุนนางในยามแผ่นดินสงบสุข การปล่อยให้หน่วยบัญชาการทางทหารตกอยู่ภายใต้อำนาจของทหารกลุ่มเดียว ย่อมทำให้จักรพรรดิพระองค์ใดก็ไม่อาจบรรทมให้เป็นสุขได้และก็เพราะเหตุนี้เอง อำนาจของสำนักบัญชาการทหารสูงสุดจึงค่อยๆ สูญสิ้นจนเหลือเพียงในนาม ข้อกำหนดต่างๆ ที่ควบคุมกองทัพจึงกลายเป็นเพียงตัวหนังส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1082

    เฉินทงสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันทีแท้จริงแล้ว ตั้งแต่ก่อนเกิดการก่อกบฏ ตำหนักบูรพาและซานเป่าก็ได้สั่งการไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ให้ฉวยโอกาสนี้เก็บข้อมูลขุนนางที่เคยหลบซ่อน และแอบพัวพันกับฝ่ายคณะรัฐมนตรีให้ครบถ้วนดังนั้น สำหรับเฉินทงแล้ว การจับกุมหาใช่เรื่องยากแต่ที่ยากคือ... ผู้เกี่ยวข้องมีมากเกินไปเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “องค์ชาย... ต้องจับทั้งหมดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลี่เฉินขมวดพระขนงเล็กน้อยคำถามนี้ หากซานเป่ายังอยู่ ย่อมไม่มีวันถามออกมาเป็นแน่โชคดีที่ซูเจิ้นถิงเป็นผู้เอ่ยปากขึ้นว่า “แม่ทัพเฉิน ขุนนางระดับเข้า ‘สำนักราชเลขา’ ขึ้นไป จะต้องมีพระราชโองการจากฝ่าบาทหรือองค์ชายเท่านั้นจึงจะลงโทษได้”ประโยคนี้ชัดเจนยิ่งนัก... ต่ำกว่าสำนักราชเลขา จับให้หมด สูงกว่าสำนักราชเลขา... อย่าแตะต้องเฉินทงถึงกับเข้าใจขึ้นมาทันที เขาหันไปคารวะแล้วกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ขอบพระคุณแม่ทัพซูที่ชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงพยักหน้ารับ ถือว่าเป็นการตอบรับคำขอบคุณจากนั้นก็หันไปกล่าวกับหลี่เฉินว่า “หากจับกุมทั้งหมดในคราเดียว เกรงว่าอาจทำให้ทุกกรมกองในราชสำนักหยุดชะงัก การบริหารไม่อาจดำเนินต่อได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1081

    จ้าวเสวียนจีเอ่ยปากออกมาแล้วจริงๆทว่าเขาไม่เพียงไม่คัดค้าน กลับเห็นชอบต่อการตัดสินพระทัยของหลี่เฉินเสียด้วยซ้ำเรื่องนี้ทำให้เหล่าขุนนางสายคณะรัฐมนตรีหลายคนถึงกับรู้สึกว่า ความเชื่อทั้งหมดในใจกำลังพังทลายความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของพวกเขาก็คือ... หรือว่าจ้าวเสวียนจียอมแพ้แล้ว?บางคนไม่พอใจยิ่ง ทว่าอีกหลายคนก็พอเข้าใจได้ท้ายที่สุด ฮ่องเต้ก็ฟื้นคืนแล้ว พวกเขาจะยังกล้าทำอะไรอีกเล่า?แม้ต่างคนต่างมีความคิดมากมาย แต่หลี่เฉินกลับหาได้ใส่ใจไม่“ขุนนางอาวุโสเข้าใจความถูกต้อง ข้าก็สบายใจนัก” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆจ้าวเสวียนจีประนมมือให้หลี่เฉิน แล้วหันไปมองร่างไร้วิญญาณของซานเป่า พลางถอนหายใจเบาๆ “ต่อสู้กันมาหลายปี บัดนี้ก็เสียคู่แข่งเก่าไปอีกคน ส่งเขาไปอย่างสง่างาม ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว”หลี่เฉินพยักหน้า ถือเป็นการยอมรับถ้อยคำของจ้าวเสวียนจีในช่วงเวลานั้น ทั้งสองคนราวกับประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมายหลังหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินก็เอ่ยขึ้นว่า “ทุกท่าน เมื่อครู่นี้เสด็จพ่อของข้าได้ทรงฟื้นขึ้นจริง และได้มอบหมายเรื่องสำคัญหลายประการ ข้าก็ได้รับพระราชโองการสามฉบับจากพระองค์ ซึ่งเนื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1080

    หลี่เฉินตั้งใจฟังทุกถ้อยคำที่ซานเป่าพูด จากนั้นก็กำมือของซานเป่าแน่น แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้าพูด ข้ารู้ทั้งหมด”“เพียงแต่เมื่อเจ้ารู้ว่าเบื้องหน้าลำบาก ก็ยิ่งควรอยู่ข้างข้า เดินต่อไปด้วยกันสิ”ซานเป่ายิ้มพลางส่ายหน้า กล่าวว่า “องค์ชายทรงเป็นฮ่องเต้องอาจ ไยต้องยึดติดกับความรัก บ่าวพูดให้ชัดก็คือ ขันทีไร้รากไร้ฐานผู้หนึ่ง หาได้คู่ควรไม่พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เฉินกล่าวเสียงหนักแน่นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าแซ่ว่าน แต่เหตุใดจึงไม่เคยบอกชื่อจริงของเจ้าข้าเลย?”ดวงตาของซานเป่าพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “บ่าวมีนามว่า ว่านตงเซิง”ขณะที่เอ่ยนามตนเองออกมา ซานเป่าก็พลันสำลักเลือดออกมาอีกคราครานี้ เลือดสดไหลทะลักจากทั้งปากและจมูก หลี่เฉินถึงกับเห็นแม้แต่ในรูหูก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาเขารู้ดีว่านี่คือวาระสุดท้ายของซานเป่าแล้ว“ว่านตงเซิง เร็วเข้า! เจ้ายังมีความปรารถนาใดอีกหรือไม่ ข้าจะช่วยเจ้าสำเร็จให้ได้!”ในครั้งนี้ หลี่เฉินผู้ซึ่งไม่เคยเรียกชื่อใครตรงๆ กลับเอ่ยนามจริงของซานเป่าออกมาโดยตรงดวงตาของซานเป่าเลือนราง เขากำมือหลี่เฉินไว้แน่น พูดทั้งที่หายใจแทบไม่ทันว่า “องค์ชาย บ่าวเดียวดาย ไร้สิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1079

    ดูเหมือนซานเป่าจะมองออกว่าหลี่เฉินกำลังเศร้า เขาก็พลันยิ้มออกมา“องค์ชายทรงเศร้าเสียพระทัยเพราะการตายของบ่าว เช่นนี้บ่าวก็มิต้องเสียดายชีวิตอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ทว่าองค์ชายยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องทรงจัดการ บ่าวก็เพียงแต่ทำสิ่งที่ควรทำ ขอองค์ชายอย่าได้โศกเศร้าเพราะบ่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ”“หนทางในภายภาคหน้า บ่าวคงมิอาจติดตามองค์ชายไปได้อีกแล้ว”หลี่เฉินรู้สึกได้ว่าการพูดของซานเป่าเริ่มยากลำบาก จึงรีบกล่าวว่า “ซานเป่า เจ้าอย่าเพิ่งฝืน พักก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดอะไรอีกเลย”ซานเป่าผู้ที่ไม่เคยกล้าขัดคำสั่งหลี่เฉินมาก่อน กลับส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “องค์ชาย บ่าวเหลือเวลาไม่มากแล้ว มีบางเรื่องที่อยากจะพูดกับองค์ชายให้หมดก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ได้ เจ้าพูดเถิด” หลี่เฉินพยุงซานเป่าให้นั่งลงตรงธรณีประตูของตำหนักบรรทม แล้วเขาเองก็นั่งลงด้วยจากนั้นหลี่เฉินก็เงยพระพักตร์ขึ้นแวบหนึ่งบรรดาขุนนางทั้งหลายนิ่งเงียบ รู้ทันทีว่าควรถอยออกไปข้างหลังซานเป่าพิงอยู่กับขอบประตู หายใจหอบเหนื่อย แต่แววตากลับแจ่มกระจ่างขึ้นเรื่อยๆหลี่เฉินรู้ดีว่านี่เรียกว่าแสงสุดท้ายก่อนดับสูญเหมือนกับเมื่อหลายชั่วยามก่อน ฮ่องเต้ต้าสิง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1078

    ตำแหน่งผู้บัญชาการบูรพาองครักษ์เสื้อแพรนั้น แม้ยศขุนนางจะมิได้สูงนัก เป็นเพียงขุนนางชั้นเอกระดับสี่หากอยู่ในท้องถิ่น ก็พอถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ทว่าในเมืองหลวงที่เหล่าขุนนางผู้ใหญ่เดินขวักไขว่ ยศระดับนี้กลับไร้ซึ่งคุณสมบัติแม้แต่จะให้ผู้คนเหลียวแลทว่าหากรวมเข้ากับอำนาจแท้จริงขององครักษ์เสื้อแพรแล้ว ตำแหน่งชั้นสี่นี้กลับกลายเป็นหนึ่งในตำแหน่งขุนนางชั้นสี่ที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักต้าฉินอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเพียงตำแหน่งเดียวด้วยซ้ำขุนนางทั้งหลายในที่นี้ ยศของผู้ใดเล่าจะต่ำกว่าชั้นสี่?แต่แม้พวกเขาจะกล้าดูแคลนขุนนางชั้นสี่ผู้หนึ่ง ทว่ากลับไม่อาจประมาทแม่ทัพองครักษ์เสื้อแพรได้แม้แต่น้อยเพราะนี่คือตำแหน่งที่สามารถประหารขุนนางชั้นเอกได้ที่สำคัญที่สุดคือประโยคครึ่งหลังของพระบัญชานั้นผู้ใดไม่รู้เล่าว่าแม่ทัพหน่วยบูรพาขององครักษ์เสื้อแพรคือซานเป่า ตั้งแต่ฮ่องเต้ต้าสิงจนถึงองค์รัชทายาท ซานเป่าก็ได้รับความไว้วางใจจากพ่อลูกคู่นี้มาตลอด นับแต่ก่อตั้งหน่วยบูรพาก็ไม่เคยเปลี่ยนผู้ควบคุมแต่ตอนนี้ องค์รัชทายาทกลับให้เฉินทงดูแลหน่วยบูรพาชั่วคราวความหมายของเรื่องนี้คือสิ่งใด?น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1077

    “คำพูดนี้ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก” หลี่เฉินเบือนหน้าไปอีกทาง พลางตรัสกับซูจิ่นพ่าว่า “คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหนึ่งว่าเจ้าไม่ใส่ใจข้าเลยแม้แต่น้อย”ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วงาม นางกล่าวว่า “ใจของท่านว้าวุ่นนัก”หลี่เฉินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนแย้มสรวลเบาๆ “เจ้ากำลังเปลี่ยนเรื่องอย่างฝืนๆ อยู่หรือไม่”“มิใช่ข้าที่เปลี่ยนเรื่อง” ซูจิ่นพ่าหันกายมาเผชิญหน้ากับหลี่เฉิน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เป็นท่านต่างหาก ที่จงใจหาเรื่องมาพูด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตนเอง ท่านมีเรื่องหนักอกอยู่ในใจ ใช่หรือไม่”แววตาของซูจิ่นพ่าแม้จะมิได้ก้าวร้าว หากกลับสงบนิ่งและแจ่มกระจ่างทว่า ก็ช่างกระจ่างใสเสียจนหลี่เฉินรู้สึกราวกับดวงตาคู่นั้นคือกระจกบานหนึ่งสะท้อนให้เห็นความสกปรก เห็นแก่ตัว และความมืดดำในใจของเขาอย่างชัดเจนเขารู้ดีว่าตนสามารถห้ามซานเป่าไว้ได้แต่เพื่อความมั่นคงในอำนาจของตน เขากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นแม้แต่ผลักไสให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นด้วยซ้ำประโยคสุดท้ายที่เขากล่าวในตำหนักบรรทมนั้น ดูเหมือนจะเป็นการให้โอกาสซานเป่ากลับใจ ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นการตัดหนทางความหวังทั้งหมดของซานเป่าเสียสิ้นซานเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1076

    เวลาเร่งรัด ฮ่องเต้ต้าสิงขณะนี้ก็ตกอยู่ในสภาพครึ่งสลบ แต่ก็ยังสามารถตอบสนองต่อเสียงจากภายนอกได้อยู่พระเนตรของพระองค์เคลื่อนไปยังซานเป่าหลี่เฉินมองไม่ออกว่าดวงเนตรนั้นสื่อความหมายเช่นไรเขารู้สึกขึ้นมาทันใดว่า เบื้องหน้าฮ่องเต้ต้าสิงตนเองยังช่างอ่อนประสบการณ์นักซานเป่ากล่าวเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท บ่าวเข้าวังเมื่อยังไม่ถึงสิบเอ็ดปี เป็นเพียงขันทีน้อยต่ำต้อยผู้หนึ่ง ถูกผู้คนรังแกอยู่ทุกวัน ฝ่าบาทเมื่อครั้งยังทรงเป็นองค์ชาย คอยดูแลบ่าวเป็นอย่างดี ทรงให้บ่าวได้เรียนวรยุทธ์ และช่วยบ่าวออกมาจากสถานที่มืดมนไร้แสงนั้น กลายเป็นขันทีน้อยที่ได้ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”“เมื่อฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ ก็ทรงให้บ่าวเป็นขันทีถือตะพัดที่อายุน้อยที่สุด ประจำสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา หลายสิบปีมานี้ บ่าวจึงได้ก้าวเดินมาถึงตำแหน่งในวันนี้เพราะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“บ่าวอ่านไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ ไม่มีความรู้ความสามารถใดๆ แต่ก็ซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอย่างล้นเหลือ ชีวิตนี้ บ่าวขอถวายเพื่อฝ่าบาทผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”“บัดนี้ ก็ถึงเวลาที่บ่าวจะได้ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กล่าวจบ ซานเป่าก็หันไปพู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1075

    แต่ว่าสภาพของต้าสิงฮ่องเต้ในยามนี้ เกรงว่าวินาทีถัดไปอาจสิ้นใจ เช่นนั้นพระองค์จะกำจัดซานเป่าอย่างไร? หรือว่าความหมายของต้าสิงฮ่องเต้ คือให้ตนลงมือเอง? ในช่วงเวลาอันสั้น ความคิดนานัปการก็พุ่งขึ้นเต็มหัว หลี่เฉินรู้สึกว่าวุ่นวายสับสนยิ่งนัก ด้านหนึ่งคือการล่อลวงของการได้ขึ้นครองราชย์ทันที อีกด้านคือความรู้สึกเสียดายและอาลัยต่อต้าสิงฮ่องเต้ อีกด้านคือความลังเลในชะตากรรมของซานเป่า หลี่เฉินไม่เคยรู้สึกสับสนถึงเพียงนี้มาก่อน เขากับต้าสิงฮ่องเต้ไม่ได้มีความผูกพันกันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้าสิงฮ่องเต้เป็นผู้ที่ผลักดันเขาอย่างเต็มที่ให้ขึ้นนั่งบัลลังก์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนถูกต้าสิงฮ่องเต้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ แม้แต่จุดด่างพร้อยเพียงนิดก็ไม่ให้หลี่เฉินแตะต้อง แม้เขาจะรู้ว่าความ ‘รัก’ ของต้าสิงฮ่องเต้นี้ มีให้แก่โอรสของพระองค์คือหลี่เฉิน ไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่ในเมื่อผู้ได้รับผลประโยชน์คือเขา หลี่เฉินก็จะไม่เปิดเผยความจริงต่อต้าสิงฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจตนเองไม่ให้เคารพนับถือจักรพรรดิผู้ทรงเปี่ยมด้วยสติปัญญาและความสามารถพระองค์นี้ได้ หากพระองค์สิ้นพระชนม์ในค่ำคืนนี้จริง จ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status