แผนการจู่โจมรังอสรพิษพันสมบัติได้ถูกวางไว้อย่างรัดกุม ประหนึ่งสะพานข้ามมหาสมุทรที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เกือบทุกส่วน แต่กลับขาดแผ่นไม้แผ่นสุดท้ายที่จะเชื่อมต่อสะพานนั้นให้บรรจบกัน แผ่นไม้แผ่นนั้นคือความร่วมมือระหว่างองค์หญิงผู้สูงศักดิ์และนักโทษประหารผู้ตกสู่เบื้องต่ำสุด เป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ณ ตำหนักในอันเงียบสงบขององค์หญิงลี่หัว ตู้เยี่ยนอวี่ได้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์
เมื่อนางทูลแผนการทั้งหมดให้องค์หญิงทรงทราบ พระพักตร์ที่เคยสดใสขององค์หญิงพลันบึ้งตึงขึ้นในทันที
“เจ้าจะให้ข้าร่วมมือกับอสูรร้ายนั่นรึ!?” องค์หญิงลี่หัวตรัสด้วยพระสุรเสียงที่แฝงด้วยความขุ่นเคืองและรังเกียจ “นางคือหนึ่งในคนของพรรคเมฆาโลหิต ผู้ที่เกือบจะปลิดชีวิตข้ากลางสระบัว ให้ข้าดีดพิณบรรเลงเพลงของนาง ไม่ต่างอะไรกับการให้ข้าจับมือกับมัจจุราช!”
ตู้เยี่ยนอวี่มิได้โต้แย้ง นางเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงใจ
“หม่อมฉันเข้าใจความรู้สึกขององค์หญิงเพคะ” นางกล่าว “แต่นี่มิใช่การร่วมมือกับศัตรู แต่คือการใช้พิษล้างพิษเพคะ เยว่
หนึ่งราตรีหลังจากการบุกทลายรังอสูร ยามไฮ่อรุณรุ่งที่ควรจะนำพามาซึ่งความหวัง กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเงียบงันที่น่าอึดอัด ทีมพันธมิตรใต้เงาจันทร์หลบเร้นกายอยู่ในที่พำนักลับ พร้อมกับหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่ได้มาด้วยการเดิมพันด้วยชีวิต บัดนี้พวกเขามีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ แต่กลับไม่รู้ว่าจะฟาดฟันดาบเล่มนี้ออกไปได้อย่างไรในเมื่อทั่วทั้งราชสำนักยังคงเต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขาของอสรพิษเฒ่าทว่า ในขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่ในภวังค์แห่งความวิตก สัญญาณลับจากวังหลวงก็มาถึง...มันมาในรูปแบบของกล่องเครื่องหอมที่งดงามกล่องหนึ่ง ซึ่งถูกส่งมาโดยนางกำนัลคนสนิทของพระสนมหลี่ เมื่อเปิดออก นอกจากกำยานชั้นเลิศแล้ว ยังมีปิ่นปักผมหยกรูปหงส์ซ่อนอยู่ เป็นดังสัญลักษณ์ที่ตกลงกันไว้ พระพันปีหลวงทรงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์!ค่ำคืนนั้นเอง เงาร่างหลายสายได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกเขาลอบเข้าสู่วังหลวงที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้มิใช่การบุกรุก แต่เป็นการเดินทางเข้าสู่ใจกลางอำนาจตามคำเชื้อเชิญ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดและระแวดระวังปลายทางของพวกเขาคือตำหนักวิเวกส่องจิตที่ประทับส่วนพระองค์ที่ลึกและลับที่สุดข
ราตรีกาลแห่งเดือนสาม ยามอิ๋นใกล้จะสิ้นสุดลง แสงอรุณจาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าในเสี้ยววินาทีที่ดาบสั้นของนายหญิงแห่งเงาแทงเข้าที่จุดเฟิงฉือ และเปิดช่องว่างที่ใหญ่หลวงที่สุดในการป้องกันของนักพรตไร้เงาฝ่ามือของกู้เหยียนหลงก็ได้มาถึงมันมิใช่ฝ่ามือธรรมดา แต่คือฝ่ามือมังกรสุริยันที่อัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณหยางอันบริสุทธิ์และร้อนแรงที่สุด มันประหนึ่งดวงตะวันขนาดย่อมที่พุ่งเข้ากระแทกจุดชี่ไห่ หรือทะเลปราณ อันเป็นศูนย์กลางพลังงานของนักพรตไร้เงาอย่างจังตูม!เสียงระเบิดทึบดังขึ้นจากภายในร่างของนักพรตไร้เงา พลังหยางอันร้อนแรงของกู้เหยียนหลงปะทะเข้ากับพลังหยินอันเย็นเยียบของพิษที่สะสมอยู่ในร่างของเขาอย่างรุนแรง เกิดเป็นปฏิกิริยาทำลายล้างที่บ้าคลั่งจากภายในสู่ภายนอก“อ๊ากกกกกก!”นักพรตไร้เงากรีดร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย โลหิตสีดำอมเขียวพุ่งทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา ร่างกายที่เคยสงบนิ่งบัดนี้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เส้นลมปราณทั่วร่างของเขาฉีกขาดและแหลกสลาย เขาจ้องมองมายังตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงด้วยแววตาที่ทั้งตกตะลึง เกลียดชัง และโล่งใจอย่างประหลาด ก่อนจะล้มลงแน่นิ่งไป สิ้นสุดชีวิตของย
ราตรีกาลแห่งเดือนสาม ยามอิ๋นล่วงเลยไปกว่าครึ่ง แสงอรุณยังคงหลบเร้นอยู่หลังขอบฟ้าที่มืดมิดภายในห้องโถงใต้ดิน การต่อสู้ได้ดำเนินมาถึงจุดที่ดุเดือดและสิ้นหวังที่สุด คมดาบปะทะกันแต่ละครั้ง มิใช่เพียงประกายไฟออกมา แต่คือไอพิษที่ฟุ้งกระจายจนอากาศหนักอึ้งและเป็นอันตราย กู้เหยียนหลงและนายหญิงแห่งเงาที่เคยเป็นผู้ล่า บัดนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบคั้นจนแทบไร้ทางสู้เพลงกระบี่มังกรทะยานของกู้เหยียนหลงยังคงทรงพลัง แต่ทุกครั้งที่ปะทะกับดาบเหล็กนิลของศัตรู เขาก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นเยียบที่กัดกร่อนแทรกซึมเข้ามาในเส้นลมปราณ ทำให้การโคจรพลังติดขัดไปชั่วขณะ ส่วนนายหญิงแห่งเงา แม้จะรวดเร็วและลี้ลับดุจภูตพราย แต่ก็มิอาจเข้าประชิดตัวนักพรตไร้เงาได้เลย ด้วยม่านเข็มพิษและฝ่ามือไอเย็นที่คอยป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา“ฮ่า ๆๆ! สิ้นหวังแล้วสินะ!” นักพรตไร้เงาหัวเราะเสียงเย็น “ในอาณาเขตแห่งพิษของข้า พวกเจ้ามิได้ต่างอะไรกับปลาที่ติดอยู่ในแหที่กำลังจะถูกดึงขึ้นสู่ความตาย!”สถานการณ์เลวร้ายลงทุกขณะจิต...ทว่า ท่ามกลางสมรภูมิที่บ้าคลั่งนั้น กลับมีคนผู้หนึ่งที่สงบนิ่งอย่างน่าประหลาด...ตู้เยี่ยนอวี่นางยืนอยู่ในวงคุ
แสงอรุณยังคงหลบเร้นอยู่หลังขอบฟ้า แต่ไอสังหารใต้หอระฆังนั้นกลับเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงตะวันบรรยากาศในห้องโถงใต้ดินพลันแข็งตัวในทันทีที่นักพรตไร้เงาชักดาบออกมา มันคือดาบที่แปลกประหลาด ตัวดาบตีขึ้นจากเหล็กนิลเย็นที่สะท้อนแสงเป็นสีดำสนิท แต่ทั่วทั้งใบดาบกลับมีลายเส้นสีเขียวมรกตไหลเวียนอยู่ราวกับเส้นเลือดของอสรพิษ และไอพิษอันเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากมันนั้นรุนแรงจนทำให้ผนังศิลาที่อยู่ใกล้ ๆ เกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งบาง ๆ เกาะจับ“หนทางข้างหน้าของเจ้ามีเพียงสองทาง จะยอมจำนน หรือจะยอมตายเล่า” กู้เหยียนหลงกล่าวเสียงเย็นยะเยือก เขาก้าวออกมาเบื้องหน้า ปกป้องตู้เยี่ยนอวี่ไว้ด้านหลังนักพรตไร้เงาหัวเราะในลำคอ “สำหรับผู้ที่เดินในเส้นทางแห่งพิษ ความตายเป็นเพียงสหายเก่า แต่ข้ามิได้คิดจะไปพบมันในวันนี้”สิ้นคำพูดนั้น...ฟุ่บ!ร่างของนายหญิงแห่งเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็ได้เคลื่อนไหวก่อน นางรวดเร็วและเงียบงันดุจเงาของมัจจุราช ดาบสั้นสองเล่มในมือพุ่งเข้าจู่โจมจุดตายของนักพรตไร้เงาจากด้านหลังอย่างอำมหิตเคร้ง!นักพรตไร้เงามิได้หันกลับมามองแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ตวัดดาบในมือไปด้านหลังอย่างเรียบง่าย แต่กลับสามารถปั
ยามอิ๋น…ช่วงเวลาที่รัตติกาลอ่อนล้าและใกล้จะยอมจำนนต่อแสงอรุณประกายแสงสีเงินสายนั้นมิใช่เพียงเข็มธรรมดา แต่คือประกายแสงแห่งความหวังที่แหวกผ่านม่านหมอกแห่งความสิ้นหวังมันพุ่งทะยานเข้าสู่ใจกลางเกสรของบุปผาอย่างแม่นยำราวจับวางกรี๊ดดดดด!เสียงกรีดร้องอันโหยหวนพลันดังก้องขึ้นในโสตประสาทของทุกคน มันมิใช่เสียงที่เกิดจากอากาศ แต่เป็นเสียงกรีดร้องของวิญญาณพฤกษาที่กำลังจะดับสูญทันทีที่โลหิตมังกรของกู้เหยียนหลงและหญ้าจันทราเยือกแข็งซึ่งเป็นหยินหยางขั้วตรงข้าม สัมผัสกับแก่นพลังงานของบุปผาอสูร ปฏิกิริยาทำลายล้างอันรุนแรงก็บังเกิดขึ้นกลีบดอกไม้สีรุ้งที่เคยเรืองรองงดงาม พลันปรากฏเส้นใยสีดำลุกลามไปทั่วราวกับใยแมงมุมแห่งความตาย แสงสว่างของมันวูบวาบอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะระเบิดออกเป็นละอองแสงสีทองและสลายกลายเป็นเถ้าธุลีสีดำในพริบตาเมื่อต้นตอของพิษถูกทำลายลง ม่านหมอกสีชมพูอมม่วงที่เคยหนาทึบก็พลันจางหายไปในอากาศราวกับไม่เคยมีอยู่จริง เผยให้เห็นสภาพที่แท้จริงของห้องโถงศิลาที่ว่างเปล่าและเย็นเยียบ“แค่ก...แค่ก...”เหล่าจอมยุทธ์แห่งเงาไอออกมาอย่างรุนแรง พยายามขับไอพิษที่ตกค้างอยู่ออกจากปอด ภาพมายาที่เคยห
ราตรีกาลแห่งเดือนสาม ยามโฉ่วล่วงเลยเข้าสู่ยามอิ๋นเมื่อย่างเท้าผ่านธรณีประตูที่ซ่อนอยู่ใต้หอระฆังใหญ่เข้ามา โลกภายนอกที่เงียบสงบก็พลันถูกตัดขาดไปโดยสิ้นเชิง บันไดหินที่ทอดตัวลึกลงไปในความมืดนั้นชื้นแฉะและเย็นเยียบ ราวกับเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ขุมนรกเก้าชั้น บรรยากาศรอบกายหนักอึ้งและกดดันจนน่าอึดอัดทันใดนั้นเอง กลิ่นหอมหวานที่แปลกประหลาดก็ลอยมากระทบจมูกของทุกคน มันเป็นกลิ่นที่หอมจรุงใจอย่างน่าประหลาด ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและเคลิบเคลิ้ม“หยุดก่อน!” ตู้เยี่ยนอวี่ร้องเตือนขึ้นทันที ใบหน้าของนางซีดเผือด “ทุกคนกลั้นหายใจไว้! กลิ่นนี้มันคือบุปผาหลอนภพ!”คำพูดของนางทำให้นายหญิงแห่งเงาและยอดฝีมืออีกสองคนชะงักงันในทันที พวกเขาโคจรลมปราณเพื่อปิดกั้นจุดลมหายใจอย่างรวดเร็ว มีเพียงกู้เหยียนหลงที่เชื่อใจในตัวนางอย่างสมบูรณ์และทำตามในทันที“ยาเม็ดสลายมายาที่ข้าให้กินไปก่อนหน้านี้ ทำได้เพียงป้องกันจิตสำนึกจากพิษควบคุมจิตใจโดยตรง” ตู้เยี่ยนอวี่อธิบายอย่างรวดเร็ว “แต่มิอาจหยุดยั้งพิษที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทสัมผัสและกัดกร่อนลมปราณได้! รีบไปกันต่อเถิด ยิ่งอยู่ในนี้นานเท่าใด พิษก็จะยิ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายมากขึ