ค่ำคืนอันมืดมิดปกคลุมพรมแดนระหว่างแคว้นหลี่และแคว้นไป๋ ลมพัดกรรโชกแรงจนต้นไม้ไหวเอน เสียงใบไม้เสียดสีกันดั่งเสียงกระซิบของอสุรกายในความมืด ท่ามกลางเงาของป่าทึบ กลุ่มชายชุดดำหลายสิบคนกำลังซุ่มรอภายใต้เกราะเหล็กของทหารแคว้นหลี่ ใบหน้าของพวกเขาถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมสีดำ มีเพียงดวงตาที่ทอประกายเยียบเย็นไร
ยามค่ำคืนเงียบสงัด ลมอ่อนๆพัดผ่านม่านบางของตำหนักวังตะวันตก ภายในห้องบรรทม เหวิ่นลี่หยาในอาภรณ์เนื้อดีสีแดงเข้มนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือเรียวลูบไล้เส้นผมดำขลับของตนเองเบาๆ ขณะที่ดวงตาจับจ้องเงาสะท้อนในกระจกทองเหลือง รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก นางยังคงคิดถึงคำพูดของพระสวามีที่เตือนให้ระวังตั
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”เสียงของพระชายาเหวิ่นลี่หยาดังขึ้นเพื่อย้ำถามหลันเอ๋อร์นางกำนัลคนสนิทกับสิ่งที่นางได้ยินด้วยความโกรธ มือเรียวกำปิ่นปักผมแน่นจนข้อมือขาวไม่มีเลือดผ่าน ก่อนที่มือเรียวจะทุบกำปั้นลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง นัยน์ตาคู่งามที่เคยอ่อนหวานบัดนี้ฉายแววเดือดดาล เมื่อข่าวที่นางได้ยินทำให้เลือดในกายเ
เหล่าขุนนางในที่ประชุมก็เริ่มแสดงความเห็นกันอย่างเคร่งเครียด แต่แทนที่จะเป็นการสนับสนุน กลับมีเสียงคัดค้านดังขึ้นจากขุนนางหลายคน“ฝ่าบาท กระหม่อมเกรงว่าโครงการนี้จะใช้ทรัพยากรมากเกินไป” ขุนนางฉินลุกขึ้นทำความเคารพก่อนกล่าว“ตอนนี้เงินในท้องพระคลังเหลือไม่มากแล้ว หากนำไปสร้างอ่างเก็บน้ำ เกรงว่าจะกระท
ภายในตำหนักรัชทายาท แสงเทียนส่องสว่างไปทั่วห้องทรงงาน บนโต๊ะไม้แกะสลักขนาดใหญ่ แผนที่แคว้นหลี่ถูกกางออกเต็มพื้นที่ รายละเอียดของแม่น้ำ ลำธาร หุบเขา และที่ราบแสดงให้เห็นชัดเจนองค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋อ นั่งอยู่ด้านหนึ่งของโต๊ะ สายตาของเขากวาดมองแผนที่อย่างพินิจพิเคราะห์ ภัยแล้งและปัญหาการขาดแคลนน้ำที่
เสียงโซ่ตรวนที่พันธนาการองค์ชายหลี่หมิงกระทบพื้นดังสะท้อนก้องภายในท้องพระโรง แม้เขาพยายามดิ้นรนแต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ ที่ข้อมือถูกโซ่ตรวน ทุกสายตาต่างจับจ้องภาพขององค์ชายผู้เคยสูงศักดิ์ บัดนี้กลับตกเป็นนักโทษของราชสำนัก หลี่หมิงก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง ขณะที่ทหารองครักษ์เตรียมคุมตัวออกไปทันใดนั้น