หนีเที่ยว
ตกเย็น
หลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก
สองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ
“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”
“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”
“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”
“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย
“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”
“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”
“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”
“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเรื่องพวกนี้ก็ต้องเริ่มถูกกดดันด้วยสภาวะรอบข้าง
ฉันได้แต่ถอนหายใจ จริง ๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด แต่มันไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง สเปกเป็นแบบไหนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ในชีวิตนี้ ยังไม่เคยเจอใครแล้วสปาร์คจนหัวใจเต้นน่ะสิ อาจจะเคยมีนะ แต่มันก็แค่รักออนไลน์ แล้วมันก็หายไปกับสายลมแล้วล่ะ
“นี่...งั้นเราไปดริ้งก์ไปดื่มหน่อยไหม”
“บอกว่าไม่ไปร้านเหล้าไง”
“แต่ที่จะพาไปมันน่าตื่นเต้นนะยะ”
“ยังไง ที่ว่าตื่นเต้น”
“บาร์โฮสต์”
”ถามจริ๊ง....” ฉันทำหน้าตาตกใจที่ยัยแพรวมีความคิดจะไปบาร์โฮสต์
“อยากจะลองไปสักครั้งดูนะสิ”
“ไม่กลัวพี่เจเดนของแกจะโมโหรึไง”
“ก็ฉันจะไปบาร์โฮสต์ ก็ต้องสถานการณ์ตอนที่ฉันกับพี่เขายังไม่ได้ลึกซึ้งนี่แหละ ถ้าฉันคบกับพี่เจเดนเมื่อไหร่แกคิดว่าฉันจะไปบาร์โฮสต์ ได้เหรอ”
“จะดีเหรอวะ แพรว”
“ดีสิ พอดีฉันมีพี่สาวคนหนึ่งมาใช้บริการพี่เขาเป็นเจ้าของบาร์โฮสต์นี้เลยให้ส่วนลดมา ฉันมีตั้งสองใบแน่ะ” ยัยแพรวสาธยายก่อนจะชูคูปองส่วนลดขึ้นมาให้ดู
“...” ฉันนั่งคิดอยู่นาน ใจจริงฉันเคยอยากไปบาร์โฮสต์นะ ยังไงฉันก็โสดการหาคนมาเอาอกเอาใจโดยใช้เงินแก้ปัญญาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดสำหรับคนโสดตัวโต ๆ รึเปล่า หาเงินได้ตั้งเยอะใช้หน่อยจะเป็นอะไรไปจริงมั้ย
“ว่าไงสนใจมั้ย”
“โอเคตกลง...ไป...” ฉันแปะมือกับยัยแพรวก่อนที่เราจะออกจากคาเฟ่ กลับคอนโดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งให้เป็นสาวสุดแซ่บพร้อมเที่ยวกลางคืนอย่างเคย ใครเห็นก็ต้องจำไม่ได้ เพราะทั้งฉันกับยัยแพรว ตอนทำงานกับตอนเที่ยวราวกับคนล่ะคนจริงๆ เห็นแบบนี้ พวกเราชอบแต่งตัวโป๊พอควร ไม่ใช่ว่าใส่เพื่ออ่อย แต่เป็นความชอบของเราสองคนเอง เวลาไปเที่ยวด้วยกันแล้วพี่เจเดน มาเห็นก็มักจะโดนดุอยู่บ่อย ๆ ยัยแพรวนี่ถึงกับโดนพี่เจเดนลากกลับทันทีทุกครั้ง จนฉันอดหัวเราะไม่ได้ ส่วนฉันก็ไม่ได้มีคนมาห้ามเท่าไหร่ ก็คำว่าโสดตัวโต ๆ ความอิสระเลยมีเต็มเปี่ยม
สองสาวในชุดสุดวาบหวิบ คนหนึ่งโชว์หน้า คนหนึ่งโชว์หลัง ไม่มีใครยอมใคร แน่นอนว่าเราสองคนมีความสุขในการแต่งตัวบัฟกันราวกับขิงกันไปมาว่าใครสวยกว่าใคร แต่ตอนนี้ยัยแพรวมันนำฉันไปหนึ่งก้าวเพราะมีพีเจเดนสุดที่รักของมันล่ะนะ
สองเท้าของพวกเรามายืนหน้าบาร์โฮสต์สุดหรูย่านใจกลางเมือง แค่ประตูทางเข้าที่มีหนุ่มหล่อมาต้อนรับสาวสวยมากมายที่ใช้บริการก็รู้สึกว่าหวานปากแล้วล่ะ
“เป็นไง นี่แค่เด็กต้อนรับหน้าร้านของพี่กานเขานะ” ยัยแพรวภูมิใจนำเสนอประหนึ่งเคยมาแล้ว
“ใช้ได้เลย ก็ต้องยอมรับว่าหล่อลาก แต่ยังไม่ได้รู้สึกกระชากไตอะไรขนาดนั้น”
“เข้าไปกันก่อนเถอะของดีมันต้องอยู่ในร้าน พี่กานบอกว่ามีดาวเด่นให้พวกเราเลือกด้วยน่ะ ล็อคตัวไว้ให้เลย”
“แกพูดขนาดนี้งั้นเรารีบเข้าไปเลยดีกว่า”
ฉันกับแพรวเดินควงคู่เข้าไปในร้านกันอย่างมั่นใจ แน่นอนว่าในที่นี่พวกเราไม่จมไม่หายแน่นอนแม้ว่าบรรดาสาว ๆ ในนี้จะมาใช้บริการกันเยอะมากแค่ไหน สายตาหนุ่ม ๆ ที่รอต้อนรับและให้บริการจับจ้องพร้อมส่งสายตาหวานมาที่พวกเรา รอให้พวกเราเรียกใช้งานอยู่มากมายจริงๆ
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังมีสายตาพร้อมที่จะพุ่งชนเข้าหามาก ๆ จริง ๆ นั่นแหละ รู้สึกแปลกใหม่ดีแฮะ
ทั้งฉันกับแพรวถูกเชิญให้เข้ามาประจำที่นั่ง VIP เพราะไม่คิดว่าคูปองที่ยัยแพรวได้มานั้นเป็นสิทธิพิเศษที่จะสามารถได้รับมาจากเจ้าของร้านเท่านั้น ดังนั้นการต้อนรับพวกเราสองคนเลยดูพิเศษกว่าโต๊ะไหน ๆ แม้แต่เจ้าของร้านอย่างพี่กานยังถึงขั้นออกมาตอนรับด้วยตัวเอง
“น้องแพรวมาร้านพี่จริง ๆ ด้วยสินะคะ”
“แน่นอนสิคะพี่กาน แพรวจะพลาดได้ไงล่ะ อ่ะจริงสิ นี่เพื่อนแพรวค่ะ ชื่อออย”
“เพื่อนน้องแพรว หรือว่า เป็นคุณหมอเหมือนกันคะ” คุณกานเจ้าของร้านหันมาเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มตอบไปตามมารยาท
“ค่ะ เป็นหมอโรงพยาบาลเดียวกันกับแพรวค่ะ แต่หมอคนละแผนกนะคะ
“หมอสาวสองคนทำงานมาเหนื่อย ๆ แบบนี้ ร้านพี่นี่แหละคะคือที่ผ่อนคลายชั้นดี พี่รับประกันค่ะ”
“ขอเด็ด ๆ เลยนะคะพี่กาน” ยัยแพรวพูดแบบโจ่งแจ้งไม่อายภาพลักษณ์ของความเป็นหมอจิตเวชแม้แต่น้อย
"แน่นอนดาวเด่นที่นี่ของวันนี้พร้อมดูแลคุณหมอแน่นอนค่ะ เด็ก ๆ มานี่ซิ" เพียงคุณกานกวักมือเรียกเด็กที่เป็นดาวเด่นมาบริการโต๊ะของพวกฉัน ฉันก็เริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกที่ได้รับการดูแลดุจเจ้าหญิงขนาดนี้ไม่ว่าจะหยิบ จะดื่ม จะยกแก้ว จะเช็ดปาก น้อง ๆ หนุ่มหล่อพร้อมทำให้หมดเลย ยัยแพรวดูจะเคลิบเคลิ้มไปแถมแจกดื่มเป็นว่าเล่น ส่วนฉันก็ยิ้มรับกับการกระทำของน้อง ๆ อยู่นะเพื่อไม่ให้ดูเจื่อนเกินไป แต่ฉันยังไม่ถูกใจนะสิ มันยังรู้สึกว่าหัวใจไม่เต้นแรงมันเหมือนมานั่งกินเหล้ากับคนแปลกหน้ามากกว่าคนที่จะมาเอาอกเอาใจ
จวบจนสายตามองขึ้นไปยังเวที ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังม่านทอดสายตามองลงมา และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่สายตาเราสบตากันตอนนั้นแหละที่ฉันรู้สึกว่ากระตุกราวกับมีไฟฟ้าสถิตช็อตเปรี๊ยะๆ แบบว่าคนนี้ถูกใจ
แต่การที่น้องเขาไปยืนอยู่มุมนั้นหรือว่าเขาไม่ถูกใครเลือกเลยกัน มันน่าเสียดายนะ จู่ ๆ กระเป๋าตังก็รู้สึกสั่นไหว ฉันจึงหันไปหาคุณกานที่ยังเมาท์มอยกับยัยแพรวฉ่ำ
“เอ่อ คุณกานคะ”
“เรียกพี่กานก็ได้ค่ะ น้องออย เรารู้จักกันแล้วขนาดนี้”
“ได้เลยค่ะพี่ออย คือออยอยากถามว่าเด็กคนนั้นว่างอยู่รึเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามไป ยัยแพรวค่อนข้างตกใจที่ฉันสนใจเรียกเด็กเอง ส่วนพี่กานก็หันไปมองเด็กที่ฉันกำลังชี้ไปถาม จากนั้นก็ทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“คนนั้นเหรอ คงไม่ได้หรอกค่ะ รายนั้นไม่รับดื่มน่ะ”
“ว้า....เสียดายจังค่ะ ออยค่อนข้างถูกใจพี่ลองไปถามให้ออยหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
“เอาจริงเหรอคะน้องออย รายนั้นปากค่อนข้างร้าย พี่ไม่แน่นใจว่าน้องเขาจะรับรึเปล่านะ รายนั้นไม่เคยรับดื่มค่ะ เหมือนแวะมาดูเฉย ๆ ”
“แบบนั้นยิ่งน่าสนใจค่ะ พี่ถามให้หน่อยบอกว่าจ่ายไม่อั้น ไม่ลิมิตดื่ม” ฉันพูดไปแบบนั้นจนยัยแพรวที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับเบิกตาโต
“ออย นี่แกจริงป่ะเนี่ย ทำไมจู่ ๆ ถึง....”
“ไม่รู้ดิ จู่ ๆ แค่เห็นก็ชอบเลย” ฉันพูดไปแบบนั้นพลางยกแก้วขึ้นดื่มมองไปยังผู้ชายคนนั้นซึ่งตอนนี้ก็ทอดสายตามองมาที่ฉันอยู่
“พี่กานค่ะ แบบนี้แพรวเชียร์ให้พี่เรียกน้องคนนั้นมาให้ยัยออยให้ได้ทีค่ะ แพรวเป็นเพื่อนนางมานาน แพรวไม่เคยเห็นมันถูกใจใครขนาดนี้มาก่อน”
“ฮ่า....ได้..พี่จะลองไปเรียกให้ จะว่าไปตาถึงเหมือนกันนะน้องออย เล่นของยากซะด้วย”
“ไม่ลองไม่รู้ค่ะ”...ฉันยิ้ม จากนั้นพี่กานก็เดินออกไปหาผู้ชายที่ยืนนิ่งอยู่มุมมืดบนเวทีตรงนั้น
หนทางรักษาเมื่อฉันกลับไปที่ห้องพักแพทย์ ก็ทำการค้นหาโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่คุณหมอท่านนั้นแนะนำมาทันที“ประเทศนี้คุ้น ๆ แฮะ เดี๋ยวนะหรือว่าฉันจะให้แพรวช่วยได้ ครอบครัวแพรวอยู่ทางโน้นนินา” พอฉันนึกออกก็โทรหาแพรวทันทีOi : แกอยู่ไหนแพรวแพรววี่ : ว่าไงออยฉันก็อยู่ที่ห้องพักในตึกจิตเวชนะสิOi : ว่างออกมาเจอกันตอนนี้หน่อยมั้ย ด้านล่างตึกแกก็ได้แพรววี่ : ได้สิOi : เดี๋ยวเจอกันหลังคุยไลน์กันเสร็จฉันก็ปรี่ตัวไปตึกจิตเวชทันทีซึ่งแพรวเองก็นั่งตรงม้าหินอ่อนด้านล่างตึกรออยู่แล้ว แพรวที่เห็นฉันหน้าตาตื่นมาก็ทำหน้าตกใจ“เป็นอะไร หรือน้องเวย์เขา....”“ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่อาการก็ไม่ดีจริง ๆ น้องยังไม่ฟื้นสติเลย”“ใจเย็น ๆ ฉันว่าต้องมีวิธีรักษา”“เพราะพอมีทางแม้จะหนึ่งเปอร์เซ็นต์ฉันก็จะทำเนี่ยแหละ แพรวแกต้องช่วยฉันนะ”“จะให้ฉันช่วยไงละออย ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย”“ฉันจำได้ว่าแกเคยอยู่ประเทศนี้มาก่อนใช่ไหม” ฉันยื่นมือถือที่มีรายละเอียดของโรงพยาบาลและผู้เชียวชาญให้แพรวดู"อืม..ใช่นี่มันประเทศที่ญาติฉันอยู่เอง บ้านเกิดของอาเอ็ดเวิร์ดล่ะ ฉันก็จบหมอจากมหาวิทยาลัยที่นั่น โรงพยาบาลนี้
เจียนตาย“เวย์ลูกน้า...เขา...เขา ฮือ..” ยังไม่พฉันจะได้ฟังคำตอบจากแม่ของ เวย์ คุณน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาเสียก่อน พานทำให้ฉันอกสั่นขวัญแขวนไปหมด“คุณน้าใจเย็น ๆ นะคะ เกิดอะไรขึ้นกับเวย์คะ”“ลูกน้า...ถูกรถชนบาดเจ็บสาหัสอาการหนัก 50/50 หนูออยน้าจะทำยังไงดี ฮือ....”“คุณน้าอยู่โรงพยาบาลไหนคะ ออยจะรีบไปด่วนเลยค่ะ”มือไม้ฉันสั่นไปหมด เมื่อแม่ของเวย์บอกว่าเขาถูกรถชนยังไม่ฟื้น ตอนนี้เวย์ถูกพาส่งโรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่ ฉันจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพพกบัตรเข้างานไปด้วย เผื่อจะช่วยคุณน้าดำเนินการอะไรได้บ้างฉันขับรถเหยียบคันเร่งด่วนจี๋มือไม้สั่น พยายามตั้งสติแม้ดวงตาจะมีน้ำตาเล็ดลอดซึมออกมาบ้าง แต่ฉันจะร้องไห้โฮไม่ได้เด็ดขาดเพราะฉันยังหวังว่าเขาจะไม่เป็นไรเมื่อมาถึง ฉันวิ่งหน้าตาตื่นไปยังแผนกห้องฉุกเฉิน บุคลากรหลายคนเดินมาถามฉันมากมายว่าเกิดอะไรกับฉัน ซึ่งเอาจริงฉันไม่สามารถตอบพวกเขาได้เพราะไม่งั้นฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่แน่ณ.ห้องฉุกเฉินฉันเดินมองหาคุณน้าทั่วบริเวณ จนพบผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งก้มหน้ากุมขมับ ดวงตาแดงก่ำรับ เธอดูไม่ได้แก่มากขนาดนั้นน่าจะอ่อนกว่าแม่ฉันสักเล็กน้อยแน่นอนฉันเองก็กล้า ๆ กล
สุขสันต์วันเกิดฉันถึงกับแข้งขาอ่อนไร้เรี่ยวแรง หายใจรัวระรินแต่ถามว่ามีความสุขมั้ยก็ต้องตอบว่ามีความสุขมาก ๆ เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูฉันก่อนจะหอมฟอดใหญ่ไปทั่วแก้ม“ดีขึ้นรึยังครับ”“ก็ดีขึ้น แต่พี่ไม่มีแรงยืนเลย”“พี่ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวผมจัดการเอง กอดคอผมไว้ก็พอ” เขาพูดจบ ก็ยกตัวฉันขึ้นในท่าลิงอุ้มแตง ฉันกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกมาก แต่สองมือแกร่งของเขาก็โอบอุ้มฉันไว้อย่างนี้“อ่ะ...นี่มัน” ฉันรับรู้ได้ถึง ปลายหัวหยักของเขาที่ตอนนี้จ่ออยู่ช่วงล่างของฉันก่อนมันจะค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา“อั่ก...” เชี่ยเอ้ย..ลึกจนจุกไปหมด“พั่บ...พั่บ...พั่บ” เขาจับสะโพกของฉันขึ้นลงตามจังหวะของตนยิ่งเขาใกล้ถึงฝั่งเท่าไหร่เขาก็ยิ่งขยับฉันเร็วขึ้น แต่เพราะท่านนี้มันต้องใช้แรงมาก เสียงครางกับเสียงหอบหายใจของเขาก็แรงปะปนกันไปหมด“ผมไม่ไหวแล้วพี่...อึก...อื้อ...” เขากระตุกตัวแรงก่อนจะกอดร่างฉันแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ก่อนจะอุ้มฉันเดินไปที่ห้องนอนแล้วทิ้งร่างลงไปที่เตียงพร้อมกัน...“พอก่อนพี่เหนื่อย ขอพักนะ”“ได้...ผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นแต่ถ้าพี่ตื่นมาเมื่อไหร่จัดไปอีกรอบ ผมซื้อมาเยอะต้องใช้ให้คุ้ม”“คนบ้า!!!”
อดอยากปากแห้ง‘บรืน...บรืน’ เวย์กับฉันขับรถออกจากบ้านของฉัน ฉันที่นั่งอยู่ข้างคนขับได้ปรับเบาะเอนลงก่อนจะนอนอย่างสบายใจจนคนขับข้าง ๆ หันมามองเสี้ยววิก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อฉันนั่งไถ่มือถือเล่นในขณะที่รถยังคงแล่นไปตามถนนสายหลักมุ่งกลับคอนโด แต่แล้วเวย์ก็จอดรถเทียบข้างทางก่อนจะหันมาเอ่ยถามฉัน“ผมจะแวะร้านสะดวกซื้ออะไรไรหน่อยมั้ย”“ไม่ล่ะที่ห้องพี่ยังพอมีพวกเครื่องดื่ม ขนม”“งั้นเดี๋ยวมา รอในนี่ก่อนแล้วกัน”“อื้อ” ฉันหันไปพยักหน้าให้เวย์ก่อนที่จะสนใจไถ่มือถือต่อ นั่งรอไม่นานก็กลับมาพร้อมกับของมากมายในถุง จากนั้นเขาก็โยนมันไปเบาะนั่งด้านหลัง“ซื้ออะไรมากมายเนี่ย จะเอากลับคอนโดเหรอ”“ใช่ แต่เป็นคอนโดพี่นะ คืนนี้ผมจะนอนด้วย” ฉันที่นอนไถ่มือถืออย่างสบายใจ ถึงกับดีดตัวลุกนั่ง“หืม วันนี้จะมานอนด้วยเหรอ ทำไมล่ะ” ฉันหันไปจ้องคนข้าง ๆ“แล้วนอนไม่ได้รึไง” คนหน้าหล่อหันมายักคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม“ก็ไม่ใช่ว่านอนไม่ได้ แต่งงไง ว่าทำไมถึงอยากนอนด้วยวันนี้”“ไม่อยากนอนกับแฟนแล้วจะให้ไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนหรือว่า...โอ๊ย พี่ดึงหูทำไม” พอเวย์พูดคำว่าผู้หญิงที่ไม่ได้หมายถึงฉันขึ้นมาพานทำให้หัวฉันเดือดปุด
เปิดตัวห้องนอนหลังจากปะทะคารมกับพ่อแม่ไปแล้ว ฉันก็ขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงเตียงพลางหยิบมือถือขึ้นมาดูว่า เวย์ส่งข้อความมาบอกรึยังWAY : ผมถึงคอนโดแล้วOi : [อิโมจิ โอเค] [อิโมจิเศร้า]WAY : พี่เป็นอะไรOi : เวย์ คือว่า....เฮ้อ..WAY : หืม เป็นอะไรครับไม่สบายอะไรรึเปล่าOi : เมื่อกี้พ่อแม่พี่เห็น เราสองคนบนรถWAY : แล้ว???Oi : ไม่ตกใจรึไง พี่แทบคอขาดบาดตายเลยนะWAY : พ่อแม่พี่ไม่ชอบผม??Oi : ไม่ใช่แบบนั้น เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เวย์ว่างมั้ย แต่ถ้าเวย์ไม่ว่างพี่ก็ไม่ว่าอะไรWAY : ว่าง พรุ่งนี้เจอกัน งั้นรีบนอนเถอะยิ่งดื่มหนักมาอยู่Oi : โอเค คิดถึงนะคะฉันวางมือถือไว้บนหัวเตียงก่อนจะนอนไปทั้งแบบนั้น ดูซกมกใช่มั้ยล่ะ จริง ๆ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยนะ แต่วันนี้เพราะดื่มหนัก โดนกดดัน พานทำให้ไม่มีแรงเลย ดังนั้นทำแบบนี้สักวันจะเป็นไรไปจริงมั้ย (Zzz)ฉันตื่นเช้าลุกขึ้นมา ขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู ให้ตายเถอะเกือบ 10 โมงแล้วเหรอเนี่ยปกติแม่ต้องขึ้นมาเรียกกินข้าวเช้าไม่ใช่รึไงฉันเกาหัวหงึก ๆ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำแปรงฟันหยิบเสื้อยืดเน่า ๆ กางเกงสั้น ที่ใส่ประจำตอนอยู่บ้าน รวม
โดนตั้งด่านสืบสวน“คนขี้เซาครับตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มหล่อปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ฉันขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะมองตาปรือไปที่เวย์ ก่อนจะเบือนสายตามองไปด้านหลัง“อ่า ถึงบ้านพี่แล้วเหรอ”“ผมมาถูกทางไหม ใช่บ้านพี่รึเปล่า”“อืม บ้านพ่อแม่พี่เอง จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เดินเข้าไปเอง”“...”“ไม่โกรธใช่มั้ย รอให้พี่คุยกับพ่อแม่พี่ก่อนไว้จะพามาเที่ยวบ้านพี่นะ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” เวย์พูดแบบนั้นก็จริง แต่หน้าฟ้องว่างอนมากจนฉันต้องใช้สองมือจับใบหน้าเขาให้หันมาที่ฉัน“เวย์ มองพี่”“หืม...”“พี่รักเวย์นะคะ แน่นอนว่าถ้าคนนั้นจะเป็นใคร ต้องเป็นเวย์แน่นอนให้เวลาพี่หน่อย”“รู้แล้วนา...รีบเข้าบ้านเถอะครับ”“บอกไม่โกรธ แล้วทำไมไล่พี่เหรอ”“ไม่ได้ไล่” เขาพยายามจะฉีกยิ้มให้ฉันสบายใจแต่ดูไงก็เหมือนเด็กงอนเอาแต่ใจอ่ะ“เราจะไม่ได้เจอกันสองวันไม่คิดจะหอมก่อนพี่ลงรถรึไง” สิ้นคำฉันเวย์ใช้สองมือหนากุมใบหน้าฉันก่อนจะประกบริมฝีปากหนาลงทาบกับริมฝีปากบางของฉันอย่างเร็วจนฉันไม่ทันตั้งตัวเวย์ดูด ดึงริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจด้วยความรุนแรงปลางสอดลิ้นสากรุกล้ำโพรงปากฉัน พยายามกวัดเกี่ยวลิ้นบางฉันอย่างร้อนแรงจนฉันต้องสอดมือไปใต้รักแ