ถูกใจก็จัด
พี่กานไปได้ไม่นาน ก็เดินกลับมาคนเดียวดูท่าจะไม่เป็นผลสำเร็จแฮะ เห็นจ้องมองกันขนาดนี้นึกว่าจะยอมมาให้เปย์สักหน่อย ดูท่าฉันคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ
“พี่กานทำหน้านิ่งขนาดนี้ ดูท่าไม่เป็นผลสินะคะ ไม่เป็นไรคะ ออยแค่ลองถามดูเฉย ๆ”
“ไม่เป็นไรนะแก น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็บริการดี” ยัยแพรวหันมาปลอบใจก่อนที่ เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จะเอาใจฉันต่อเหมือนเดิม
“ป่าวหรอกน้องออย น้องเขาตกลงนะ เพียงแต่....”
“แต่อะไรคะ ฉันวางแก้วลงก่อนจะจ้องมองพี่กานฟังอย่างตั้งใจ”
“เด็กคนนี้ไม่เคยรับใคร เลยบอกว่าถ้าเป็นน้องออยเขายอมแต่ขอนั่งโต๊ะแยกไปสองคน”
ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปมอง ผู้ชายคนนั้นบนเวที ซึ่งตอนนี้กำลังกอดอกยืนพิงผนังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ฉันกลับชอบมันดูนิ่ง แบดหลบในดี แถมหล่อถูกใจ
“โห...เด็กมันแรงนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยรับใครจริง ๆ พี่กานโกหกเพื่อเรียกค่าตัวรึเปล่าคะ” ยัยแพรวถึงขนาดเบิกตาโต พลางหยอกล้อ พี่กาน
“พี่สาบานเลย มันไม่เคยรับใคร หมายถึงน้องคนนั้นนะ นาน ๆ ทีถึงจะโผล่มาร้านนี้ด้วยซ้ำ ว่าไงล่ะคะน้องออยยังสนใจไหม” พี่กานหันมามองฉันเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“แน่นอนสิคะ เรียกกี่ดื่มก็จัดมาเลย โต๊ะแยกก็ดีค่ะ ขอมุมลับตาคนหน่อยโดยเฉพาะลับตายัยแพรวเนี่ย”
“แหม...เจอเด็กถูกใจแล้วแรดเลยนะแก” ยัยแพรวกรอกตามองบนใส่ฉัน
“ไหนบอกให้ฉันรีบหา นี่ก็ตั้งใจหาอยู่นะ”
“ค่า....ตามสบายเลยค่า...” ยัยแพรวตอบฉันก่อนจะหันไปสนใจเด็กข้าง ๆ มัน
“งั้นน้องออยตามพี่มาค่ะ พี่มีโต๊ะดี ๆ จริง ๆ ก็เจ้าตัวนั่นแหละรีเควสว่าขอเป็นโต๊ะนั้น”
“ได้สิคะ” ฉันยิ้มก่อนจะเดินตามพี่กานไป รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันแฮะที่จะได้ให้เด็กที่ถูกใจดูแล ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้มาก่อนจริง ๆ
เมื่อฉันถูกพามายังห้องส่วนตัว พี่กานก็สั่งให้เด็กเอาเครื่องดื่มมาบริการก่อนที่จะให้ฉันนั่งรออยู่ในนี้ เพื่อรอน้องคนนั้นเข้ามา
ฉันนั่งรอสักพัก พลางดื่มไปจนหมดแก้ว ประตูห้องส่วนตัวก็เปิดขึ้น เด็กหนุ่มหน้านิ่งที่อยู่บนเวทีคนนั้นเดินเข้ามาพลางถือสูทไว้บนบ่า ชุดต่างจากเมื่อครู่ไปจริง ๆ ราวกับโดนบังคับให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้ามาในห้องนี้
หนุ่มหล่อคนนั้นนั่งลงข้างฉันอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนโดนบังคับให้มานั่ง ใบหน้าไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม แต่นั่นแหละที่ถูกใจฉัน ทำเอาฉันหัวเราะลั่นแบบไม่อาย
“ฮ่า.........” ฉันอ้าปากหัวเราะกว้างจนคนข้าง ๆ หันมามองฉันหน้าบึ้งตึง
“มีอะไรน่าขำ....” หนุ่มหล่อมองหน้าหาเรื่อง แต่ฉันไม่ถือสาหรอกมันเท่ดี
“เปล่า ๆ อยากดื่มหน่อยมั้ย จะได้หายเครียดบ้าง”
“เหอะ...รวย???” ผู้ชายปากร้ายแบบนี้ดู้ท้าทายดีแฮะ
“รวยมากอยู่นะ ไม่ต้องห่วงจ่ายไหวขี้ปะติ๋ว” ฉันตอบไปพลางกลั้นขำ เพราะคำตอบของฉันพานทำเอาคนข้าง ๆ กำหมัดแน่น แถมมองค้อนฉันไม่หยุด
“สรุปที่อยากดื่มกับผมเพราะ.....”
“ถูกใจ..........ตั้งแต่หัวจรดตีน” ฉันตอบตรง ๆ ไม่อ้อมคอมแถมยกดื่มไม่หยุดโดยไม่รอให้คนข้าง ๆ มาคอยเอาใจ เอาจริงนะถ้าคนมันใช่ต่อให้นั่งเฉย ๆ ก็ชอบ และอิ่มเอมใจแล้วแค่นี้แหละ
“คุณอายุเท่าไหร่” จู่ ๆ เขาก็ประเดิมด้วยการถามอายุ จริง ๆ ถ้ามองในการบริการมันดูเสียมารยาทจริง ๆ แต่พอเป็นคนหน้าบึ้งตึงตรงหน้านี้ ก็ถือว่าปกติล่ะมั้ง ซึ้งฉันก็ไม่ได้อายที่จะบอกอายุหรอก ยังไงหนุ่มหล่อตรงหน้าก็เจอกันแค่ในร้านวันนี้เท่านั้น
“27 โสดด้วย” ฉันตอบไปตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม
“ถือว่ายังมีสามัญสำนึก นึกว่าจะโกหกบอกว่า 20”
“ฮ่า....แล้วพี่จะโกหกไปทำไมละคะน้อง แล้วน้องอายุเท่าไหร่ล่ะ”
“22”
“22 งั้นเหรอวัยกำลังดีเลยนะ แต่ว่า.....”
“ทำไมผมมันเด็กไปงั้นเหรอ”
“น้องไม่ได้เด็กไปหรอก แต่พี่แก่ไปต่างหาก น้องก็คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”
“ก็...ไม่ได้แย่”
“แต่ก็ไม่ได้ดีใช่มั้ยล่ะ...แต่ช่างเถอะวันนี้มาทำให้พี่สาวคนนี้อารมณ์ดีก็พอ อยากดื่มอะไรพิเศษมั้ยสั่งได้เลยนะ”
“เหอะ ที่สั่งนี่ก็หลายหมื่นแล้วรึเปล่า”
“คงงั้น ไม่เป็นไรหรอกนาน ๆ ทีจะมีเวลามาเสวยสุขให้หนุ่มหล่อคอยบริการ แม้จะไม่ได้บริการสักนิดก็เถอะ ฮ่า....”
“แล้วอยากให้ทำอะไรเป็นพิเศษ” เด็กหนุ่มตรงหน้าเอนหลังพิงโซฟา นั่งไขว้ห้างหล่อจริงพ่อคุณ
“ชงเครื่องดื่มให้ก็พอ”
“แค่นี้???? โต๊ะอื่นเขายังให้ทำตั้งมากมาย”
“แล้วเด็กพี่จะยอมทำให้กันเหรอคะ”
“ก็ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงล่ะก็นะ ยังไงพี่ก็จ่ายเงินมาแล้ว”
“ถึงไม่ทำให้ก็จ่ายให้อยู่ดี นั่งเฉย ๆ ก็ได้ แค่กินเหล้ามองหน้าน้องพี่ก็มีความสุขแล้ว”
“หยอดเก่งขนาดนี้ ปล่อยโสดมาจน 27 ได้ไง”
“ยังไม่เจอคนที่ใช่ ว่าแต่อยากเป็นคนที่โดนอ่อยมั้ยล่ะ พี่เต็มใจอ่อยน้องนะ อย่างเช่นนี่...ก็เรียวขา ฮ่า........” ฉันทำเป็นจับชายเดรสถกมันขึ้นโชว์เรียวขาขาวเล็ก ๆ แกล้งหยอกไป
“...” น้องเขาทำหน้าเลิกคิ้วนิ่งมองมาที่ฉัน สงสัยคงจะแหยะการกระทำฉันน่าดู ฉันก็แกล้งไปงั้น ความดัดจริตที่ทำก็แค่ในร้านแบบนี้ที่ปลดปล่อยได้ล่ะนะ
“ล้อเล่น ๆ ... พี่ไม่กินเด็กหรอก มา ๆ ดื่มกันดีกว่า”
ฉันนั่งดื่มกับน้องเขาไปสักพักเริ่มรู้สึกเมามายแต่ยังคงมีสติอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าน้องเขาเริ่มจะเป็นกันเองมากขึ้น แต่ก็ยังปากร้ายแซะคนแก่กว่าอย่างฉันไม่พัก แต่ไม่เป็นไร ตลกดี พอได้ปล่อยจอยคุยกับคนแปลกหน้ามันก็รู้สึกดีนะ เพราะไม่ต้องกดดันว่าต้องวางท่ายังไง
“น้องมีแฟนรึยัง” ประโยคนี้เป็นประโยคคำถามของฉันเอง
“อยากรู้???”
“แน่สิ มาทำงานแบบนี้พี่จะได้วางตัวถูก พี่ไม่แตะต้องคนมีแฟนนะมันผิดศีล”
“ก็สมกับเป็นคนอายุ 27 จริง ๆ”
“จะย้ำว่าพี่แก่ เอาเถอะตอบมาก่อน”
“ไม่มี แต่ถ้าสมมติ ผมมีแล้วพี่จะทำไง”
“อ่อ...ก็หาเด็กใหม่ที่โสดนะสิ”
“เหอะ...” สีหน้าน้องเขายักคิ้วบึ้งตึงเหมือนชวนตียังไงยังงั้น
“โอ๊ย....อย่าถือสาพี่เลย พี่คงไม่มาที่นี่บ่อย ๆ หรอกอย่างวันนี้ก็แค่โดนลากมา แต่ถ้าพี่มาพี่จะเรียกใช้บริการน้องแน่นอน ไม่มีลิมิตดื่ม อิอิ” ฉันหันไปสนใจเครื่องดื่มน้ำเมาบนโต๊ะ ก่อนที่น้องเขาจะผสมให้ไม่หยุด และฉันก็รับมันมาดื่มราวกับกินน้ำเปล่า
“ตาลายจัง”
“พอ....ไม่ต้องดื่มแล้ว” เสียงเด็กหนุ่มพูดขึ้น
“ทำไมน้องมีสองคน” ฉันที่พยายามลืมตามองคนข้าง ๆ แต่ตอนนี้ภาพที่เห็นเหมือนภาพซ้อนราวกับมีแฝดนั่งข้างกัน
“พี่เมาล่ะ..”
“หล่อจัง...”
“...”
“หล่อจริง..คบกับพี่ป่าวน้อง แต่ตอนนี้เวียนหัว ขอนอนก่อนนะ พรึ่บ (Zzz)”
“พี่....จะมานอนตรงนี้ไม่ได้ครับ พี่...เฮ้อ....ปากบอกจีบ แต่ชื่อยังไม่เอ่ยถามสักนิด ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ตลกชะมัด”
Sparkตอนแรกฉันก็กะจะดื่มต่ออีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็โดนน้องเขาลากออกจากร้านอยู่ดี แถมพี่กานยังบอกว่ารอบนี้พี่เลี้ยงเองอีกต่างหากสรุปแล้วมีความสุขแบบไม่เสียเงินสักบาทจริง ๆ“เอากุญแจมา ผมขับให้” เสียงของน้องเวย์เอ่ยมาพลางยื่นมือมาตรงหน้าและฉันก็มอบกุญแจรถให้แต่โดยดี เพราะฉันเมาขนาดนี้คงไม่ขับรถหรอก“คอนโดพี่ อยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ฉันหันไปยิ้มให้คนขับก่อนจะแชร์โลเคชั่นเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ของรถทันที จากนั้นน้องเขาก็ตั้งใจขับรถไม่ได้หันมาสนใจฉันอีก แต่ท่าทีแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันอดมองน้องเขาไม่ได้มันกร้าวใจสุด ๆขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดของฉันตอนแรกน้องเขาจะเดินกลับ แต่เป็นฉันเองที่รั้งแขนของน้องเขาไว้ พลางทำใบหน้าออดอ้อนเท่าที่คนอายุ 27 ปีจะทำได้“ไปส่งพี่ถึงห้องหน่อยสิ พี่เมาอยู่นะ” น้องเวย์ทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงห้องอยู่ดี เพียงฉันเปิดประตู ฉันเขามีท่าทีจะหันหลังกลับ แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะจู่ ๆ หัวใจฉันมันก็เต้นระริกยิ่งกว่าเดิมจนทำเรื่องที่ถ้าไม่เมาก็จะไม่ทำเด็ดขาด อย่างเช่นกระชากดึงตัวน้องเวย์เข้าห้องก่อนจะปิดประตูห้องดัง‘ปัง!!!!’“ทำแบบนี้คือ.....”“อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนห
หัวใจเต้นระริก(หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป)สัปดาห์ที่ผ่านมางานของฉันหนักหนาสาหัสมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่กับยัยแพรวก็ไม่ได้เจอหน้า ทำเอาล้าไปจนเข้ากระดูกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยจนแทบบ้า...กว่าจะเคลียร์คิวจองทำฟันให้เบาบางก็เล่นเอาแทบอยากหนีไปพักสักระยะในขณะที่ฉันกำลังนั่งพักในห้องพักแพทย์ นอนเหยียดตรงบนเตียงทั้งแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ๆ จนสะดุดตาชื่อน้องเขาในไลน์“ตั้งแต่วันนั้นที่ขอไลน์กับเบอร์ไป น้องเขาไม่เห็นจะติดต่อมาบ้างแฮะ หรือว่าฉันควรเป็นฝ่ายทักไปก่อนดี” ฉันพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายดันมือลั่นไปกดส่งอิโมจิหัวใจซะอย่างนั้นโอ๊ย จังหวะนรกสุด ๆ“ลบทันมั้ยนะ แต่ช่างมันเถอะ แค่อิโมจิหัวใจเอง”ฉันวางมือถือลงข้างเตียงพยายามเลิกสนใจมือถือ ก่อนจะหลับตาลงเพียบงีบสักพัก‘Line!!!’ เสียงข้อความตอบกลับดังขึ้น“ไม่จริงมั้ง ฉันเพิ่งจะส่งข้อความไปเอง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูและพบว่าเสียงข้อความที่ดังมาจากน้องเวย์จริง ๆWAY : [อิโมจิ ?]Oi : ขอโทษทีส่งผิดWAY : อ่อ...ฉันนิ่งมองจอสักพัก และมองอยู่แบบนั้น“อะไรกัน ตอบแค่ ‘อ่อ’ จริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมน้องเขาไม่พิมพ์อะไรอีกหน่อยชิส์ น่าห
ตรวจสุขภาพวันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาลแน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คนพวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ
ถูกใจก็จัดพี่กานไปได้ไม่นาน ก็เดินกลับมาคนเดียวดูท่าจะไม่เป็นผลสำเร็จแฮะ เห็นจ้องมองกันขนาดนี้นึกว่าจะยอมมาให้เปย์สักหน่อย ดูท่าฉันคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ“พี่กานทำหน้านิ่งขนาดนี้ ดูท่าไม่เป็นผลสินะคะ ไม่เป็นไรคะ ออยแค่ลองถามดูเฉย ๆ”“ไม่เป็นไรนะแก น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็บริการดี” ยัยแพรวหันมาปลอบใจก่อนที่ เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จะเอาใจฉันต่อเหมือนเดิม“ป่าวหรอกน้องออย น้องเขาตกลงนะ เพียงแต่....”“แต่อะไรคะ ฉันวางแก้วลงก่อนจะจ้องมองพี่กานฟังอย่างตั้งใจ”“เด็กคนนี้ไม่เคยรับใคร เลยบอกว่าถ้าเป็นน้องออยเขายอมแต่ขอนั่งโต๊ะแยกไปสองคน”ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปมอง ผู้ชายคนนั้นบนเวที ซึ่งตอนนี้กำลังกอดอกยืนพิงผนังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ฉันกลับชอบมันดูนิ่ง แบดหลบในดี แถมหล่อถูกใจ“โห...เด็กมันแรงนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยรับใครจริง ๆ พี่กานโกหกเพื่อเรียกค่าตัวรึเปล่าคะ” ยัยแพรวถึงขนาดเบิกตาโต พลางหยอกล้อ พี่กาน“พี่สาบานเลย มันไม่เคยรับใคร หมายถึงน้องคนนั้นนะ นาน ๆ ทีถึงจะโผล่มาร้านนี้ด้วยซ้ำ ว่าไงล่ะคะน้องออยยังสนใจไหม” พี่กานหันมามองฉันเพื่อยืนยันอีกครั้ง“แน่นอนสิคะ เรียกกี่ดื่มก็จัดม
หนีเที่ยวตกเย็นหลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนักสองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเ
ยังโสด [OI PART] ณ.บ้านอันแสนอบอุ่นหลังหนึ่ง “ยัยออยมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกฉันที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงพลางไถ่มือถือเล่น ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง“ค่ะแม่ จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ฉันเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปก่อนจะลงไปด้านล่างทั้งชุดนอนแบบนี้พอมาถึงโต๊ะอาหารทั้งพ่อและแม่ก็นั่งรอฉันอยู่แล้ว“ยัยออย ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยลงมาก่อนละลูก”“ไม่เห็นเป็นไรเลยแม่ เดี๋ยวออยก็ขึ้นไปนอนต่ออยู่ดี”“คุณดูลูกเราสิ ไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดกระโตก กระตากเหมือนคุณไม่มีผิด” แม่ฉันบ่นอีกแล้ว...“ก็ลูกผมไงล่ะ ฮ่า...”“ฮ่า...” ฉันหัวเราะไปกับพ่อฉันในขณะที่แม่ทำหน้าบึ้งวางจานกับข้าวดังปัง“คุณก็เอาแต่ให้ท้ายลูก คุณดูสิ ลูกเราจะเข้าวัยเลขสาม ยังไม่มีแม้แต่แฟน ทำแต่งาน แล้วเมื่อไหร่ลูกเราจะมีคนมาดูแล”“แม่คะ ออยเป็นหมอนะ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแลขนาดนั้นหรอก”“ใช่ ถ้าลูกเราหาสามีไม่ได้ ผมกับคุณก็เลี้ยงลูกไปจนแก่จนเฒ่าไง” ทำไมฉันฟังพูดเหมือนพลังบวกเชิงลบสุด ๆ“พ่อ หนูแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ไม่ใช่ว่าชาตินี้จะไม่มีแฟนซะหน่อยแค่ไม่ใช่ตอนนี้แค่นั้นค่