“สวยใช้ได้!”หมีเหิงยิ้มอย่างดูแคลน “แต่นับแต่โบราณมา สตรีก็เป็นต้นเหตุของหายนะ ไม่รู้ว่าฉายาอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งของต้าฉู่จะได้มาเพราะหน้าตาด้วยหรือเปล่า!”สีหน้าของเสิ่นหว่านอิ๋งไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อได้ยินดังนี้ฉู่หนิงขมวดคิ้ว จังหวะที่เตรียมจะพูด เสิ่นฮูหยินที่อดกลั้นมานานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปนางพอรับได้ที่อีกฝ่ายถูกหมูคาบไปกิน เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นองค์ชายแต่ตอนนี้ผู้ใดที่ไหนไม่รู้กลับกล้าดูแคลนลูกสาวนางแบบนี้ คิดว่าตระกูลเสิ่นของนางรังแกง่ายหรือไง?“บังอาจ!”เสิ่นฮูหยินลุกขึ้นอย่างโกรธจัด ชี้หน้าด่าหมีเหิง “คนวิกลจริตจากที่ใด กล้าดีอย่างไรมากล่าววาจาเช่นนี้!”“คนวิกลจริตหรือ?”หมีเหิงเงยหน้าหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ ทุกคนในใต้หล้าต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าข้าเป็นคนเช่นไร จะบอกว่าวิกลจริตก็ไม่ผิดหรอก!”“แต่ยายแก่แบบเจ้าจะมายุ่งอะไรด้วย ข้าไม่ได้มาหาเจ้าสักหน่อย จะร้อนรนทำอันใด?”“ข้าเพียงอยากเห็นความสามารถของอัจฉริยะหญิงแห่งต้าฉู่ก็เท่านั้น หากนางพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ เช่นนี้ก็เลิกใช้ฉายานี้”“เจ้าร้อนใจขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะรู้ว่านางไร้ความสามารถ ฉายานี้ได้มาเพราะใช้รูปโฉมล่อลวงบุ
“อะไรนะ หมีเหิง!”แววพระเนตรฮ่องเต้ฉายแววตกใจเมื่อได้ยินชื่อนี้ สีพระพักตร์ย่ำแย่เล็กน้อยฉู่หนิงสังเกตเห็นพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็เกิดความประหลาดใจก็แค่นามของคนผู้หนึ่ง ถึงกับทำให้ฮ่องเต้มีพระพักตร์เช่นนี้เชียวหรือ?ครั้นจะหันไปถามเสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ด้านข้าง บรรดาขุนนางกลับพากันส่งเสียงฮือฮา“คนผู้นี้หรอกหรือ เช่นนี้…จะทำอย่างไรดีเล่า!”“นั่นสิ คนผู้นี้หยาบคายไร้มารยาท ทั้งยังกำเริบเสิบสานเพราะอาศัยว่าตัวเองมีชื่อเสียงและพรสวรรค์”“ครานี้ยากแล้วสิ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจ้าวเฟยเยี่ยนจะเชิญคนผู้นี้มา”“เกรงว่าพิธีหมั้นของเผิงไหลจวิ้นอ๋องคงต้องล่มแล้ว”เสียงพูดคุยของเหล่าขุนนางลอยเข้าหูของฉู่หนิง ทำให้เขาเกิดความสงสัยในหมีเหิงผู้นี้“หว่านอิ๋ง หมีเหิงผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่?” ฉู่หนิงขยับเข้าไปใกล้หูเสิ่นหว่านอิ๋งก่อนจะถามเสียงเบากลิ่นกายบุรุษลอยปะทะจมูก เสิ่นหว่านอิ๋งหน้าแดงก่ำทันทีแต่นางรู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามาเหนียมอาย การมาของหมีเหิงคือหายนะสำหรับนางและฉู่หนิง!เสิ่นหว่านอิ๋งถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะเอ่ย “หมีเหิงอ่านตำราออกตั้งแต่สองขวบ พอสามขวบก็แต่งกลอนได้ หกขวบสร้างคำปรัชญา สิบ
เสิ่นหว่านอิ๋งพูดอย่างราบเรียบภายใต้สายตาประหลาดใจของฉู่หนิง “ข้าช่วยล้างให้”ให้ฐานะคู่หมั้น นางไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องที่ชายหญิงห้ามถูกเนื้อต้องตัวอีกต่อไปแล้วฉู่หนิงยิ้มบางๆ ปล่อยให้เสิ่นหว่านอิ๋งค่อยๆ ล้างมือให้ในกะละมังเสิ่นฮูหยินมองภาพนี้แล้วรู้สึกเหมือนผักกาดที่ตัวเองเลี้ยงมาสิบกว่าปีถูกคนอื่นขุดไป นางแค่นเสียงเย็นแล้วหันหน้าหนีถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่ฉู่หนิงช่วยเสิ่นหว่านอิ๋งเอาไว้ นางจะไม่ยอมให้เสิ่นหว่านอิ๋งล้างมือให้ฉู่หนิงเป็นอันขาด!เฝิงมู่หลานที่อยู่ด้านข้างคิดในใจ : จบสิ้นแล้ว หว่านอิ๋งคงชอบเจ้าคนไร้ยางอายนี่แน่ๆ!ผิดกับฮ่องเต้ที่มองฉู่หนิงกับเสิ่นหว่านอิ๋งด้วยความสนใจ ใบหน้าเผยถึงความปลื้มใจของผู้เป็นบิดาฉู่หนิงใจกล้าแบบนี้ คืนนี้เราจะสร้างโอกาสให้เขา จะได้ทิ้งทายาทไว้ก่อนที่จะไปแนวหน้า!หลายปีมานี้เราติดค้างเขาเยอะมาก หนำซ้ำครั้งนี้ยังบังคับให้ฉู่หนิงไปสนามรบ ที่พอจะทำให้ได้คงมีเท่านี้!ขณะที่กำลังคิด ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะเบาๆ “ฝ่าบาท นึกไม่ถึงว่าฉู่หนิงจะมีไหวพริบไม่น้อยเลย สามารถคิดว่าวิธีรับมือได้ภายในเวลาอันสั้น”ระหว่างที่พูด สายตาก็จ้องไปท
“ไม่มีปัญหา เจ้าเขียนสัญญากู้ยืมมาก่อน ข้าถึงจะยอมบอกว่าทำอย่างไรจึงจะได้หยกแขวนมาโดยไม่บุบสลาย!”ฉู่หนิงยังคงทำหน้ายียวนเช่นเคย พูดจบก็สะบัดมือข้างขวา จ้าวอวี่นำหมึกพู่กันและกระดาษจากห้องโถงมาให้ทันทีจ้าวเฟยเยี่ยนแค่นเสียงเย็น หยิบพู่กันมาเขียนสัญญากู้ยืมอย่างรวดเร็ว“ครานี้เผิงไหลจวิ้นอ๋องจะพูดได้หรือยัง?” นางพูดพลางยื่นสัญญากู้ยืมมาให้อย่างไรฉู่หนิงก็เป็นคนที่นางต้องปลิดชีพให้ได้ ฝากสัญญากู้ยืมนี้ไว้ที่เขาก็ไม่เป็นไร ไว้เขาตายแล้ว ผู้ใดจะยังจำสัญญากู้ยืมใบนี้ได้อีก!ฉู่หนิงรับสัญญากู้ยืมมาดูปราดหนึ่ง เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา“ดีมาก ในเมื่อองค์หญิงเฟยเยี่ยนแสดงถึงความจริงใจ เช่นนั้นข้าก็จะบอกให้!”ฉู่หนิงค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นท่ามกลางการจ้องมองของทุกคน เผยให้เห็นมือที่มีสีผิวต่างจากร่างกายนิ้วมือทั้งสิบ ฝ่ามือและข้อมือล้วนเปียกโชก นอกจากนี้สีผิวก็ค่อนข้างเหลือง ซ้ำยังมีกลิ่นสุราเสิ่นหว่านอิ๋งอยู่ใกล้ที่สุดมองเห็นได้ชัดเจน พร้อมทั้งได้กลิ่นสุราที่โชยมาดวงตานางลุกวาว “นี่มัน…หรดาลแดง!”หนิงเหอหัวเราะ “ถูกต้อง นี่คือหรดาลแดง!”“ไม่ว่าจะงูอะไรก็กลัวหรดาลแดงที่ส
สิ้นเสียงคำพูดนี้ ขุนนางหลายคนก็เพ่งพินิจงูพิษตัวนั้นอย่างละเอียดอีกสองสามครั้ง จึงได้พบว่านั่นไม่ใช่งูห้าก้าวอย่างที่จ้าวเฟยเยี่ยนกล่าวอ้างเลยแม้แต่น้อย “นี่... นี่ไม่ใช่งูห้าก้าวนี่นา!”“งูพิษตัวนี้ ข้าเหมือนเคยเห็นในตำราโบราณ แต่ชั่วขณะหนึ่งกลับนึกไม่ออก”“งูตัวนี้หลังสีน้ำตาล หัวมีลายสีดำ ท้องเป็นสีเหลืองขาว ดวงตาใหญ่กว่างูทั่วไปอยู่บ้าง อีกทั้งยังเร็วถึงเพียงนี้ นี่ดูเหมือนจะเป็นงูไทปันเกล็ดละเอียดในตำนานเลยนี่!”ขุนนางชราผมขาวผู้หนึ่งราวกับนึกอะไรขึ้นได้ พลันเอ่ยชื่อของงูตัวนี้ออกมาสีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยให้ตายเถอะ เป็นงูไทปันเกล็ดละเอียดจริง ๆ งูชนิดนี้เขาเคยได้ยินมาบ้าง กล่าวกันว่าความรุนแรงของพิษสามารถจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในบรรดางูพิษทั้งหมดได้เลยทีเดียวพิษของมันรุนแรงกว่างูหางกระดิ่งถึงสามร้อยเท่า หรือเทียบเท่ากับพิษของงูจงอางถึงยี่สิบเท่า!จ้าวเฟยเยี่ยนสตรีผู้นี้ ช่างอำมหิตโดยแท้ฉู่หนิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในภายหลังหากรู้แต่แรกว่าเป็นงูพิษชนิดนี้ ต่อให้เขามีแผนการที่รัดกุมมากเพียงใด ก็ไม่กล้าที่จะเปิดฝานั้นออกไปง่าย ๆ ฉู่หนิงที่โมโหอย่างยิ่งก็แค่น
ใบหน้างดงามของจ้าวเฟยเยี่ยนมืดมน นางใช้มือขวาเปิดไหใบกลางที่เดิมทีใส่งูพิษและหยกแขวนไว้นาง อยากจะดูให้เห็นกับตาว่างูพิษข้างในเป็นอะไรไปกันแน่เหตุใดถึงไม่กัดฉู่หนิง!ทว่า ทันทีที่ฝาถูกยกขึ้นมา งูพิษสีน้ำตาลตัวเรียวยาวตัวหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วสีหน้าของจ้าวเฟยเยี่ยนเปลี่ยนไปอย่างมาก นางรีบชักมือขวากลับทันที!แต่ว่า ความเร็วของนางกลับไม่เร็วเท่าของงูพิษตัวนั้น มันเลื้อยพันแขนของนางในชั่วพริบตา อ้าปากกว้าง แล้วฉกเข้าที่มือนางอย่างรวดเร็วถึงสามครั้ง!“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”หานผิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้สติกลับมา ก็โกรธจัดทันที ชักดาบคู่กายที่เอวออกมา แล้วฟันงูพิษตัวนั้นขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียวแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น งูพิษตัวนั้นก็ยังคงกัดจ้าวเฟยเยี่ยนไม่ปล่อยในวินาทีนี้ สีหน้าของจ้าวเฟยเยี่ยนซีดเผือดอย่างยิ่ง เหงื่อเม็ดโตไหลเป็นสายลงมาตามแก้ม“ยา... ยาแก้พิษ!” จ้าวเฟยเยี่ยนฝืนทนต่อพิษที่เริ่มกำเริบ รีบส่งสัญญาณให้หานผิงนำยาแก้พิษออกมาหานผิงไม่กล้าชักช้า รีบหยิบขวดยาออกมาจากอก เทยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วป้อนให้จ้าวเฟยเยี่ยนกลืนลงไปครู่ต่อมา สีหน้าของจ้าวเฟยเยี่ยนก็ค่อย ๆ กลับมามีส