Share

บทที่ 6

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“หากจวิ้นอ๋องต้องการหาคนรับใช้ พรุ่งนี้ข้าน้อยสามารถติดประกาศรับสมัครได้พ่ะย่ะค่ะ”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ก่อนจะเอ่ยเสนอขึ้นมา

จวนใหญ่โตเช่นนี้ มีเพียงพวกเขาสองคนย่อมดูแลได้ไม่ทั่วถึง

จวนจวิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสาวใช้และบ่าวชายได้อย่างไร

ฉู่หนิงส่ายหน้า “ข้าต้องการผู้คุ้มกัน การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ อันตรายยิ่งนัก หากข้าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ แล้วจะเอาชนะกองทัพศัตรูได้อย่างไร?”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไป

จวิ้นอ๋องอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง เสี่ยงอันตรายด้วยตนเอง หากไม่มีคนคอยคุ้มกันข้างกาย ย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

แม้ศึกครั้งนี้โอกาสชนะจะมีไม่มาก แต่จวิ้นอ๋องในฐานะองค์ชายกลับยินดีเดินทางไปแนวหน้าเพื่อบ้านเมือง รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังจะทำ รู้ทั้งรู้ว่าศึกครั้งนี้ไปแล้วอาจไม่ได้กลับมา แต่ก็ยังมุ่งหน้าสู่สนามรบอย่างไม่ลังเล!

ในเมื่อสายเลือดราชวงศ์ยังทำได้ถึงเพียงนี้ แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?

สีหน้าของกวนอวิ๋นพลันจริงจังขึ้น ประสานมือแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “จวิ้นอ๋องเข้าใจในหลักการอันยิ่งใหญ่ กวนผู้นี้ยินดีติดตามท่านอ๋องเพื่อรับใช้บ้านเมือง!”

“หากท่านอ๋องไม่รังเกียจ กวนผู้นี้ยินดีจะเรียกสหายร่วมรบในอดีตมาเพื่อรับใช้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

การรับใช้ฉู่หนิง ก็คือการรับใช้บ้านเมือง

ศึกในครั้งนั้น ต้าฉู่พ่ายแพ้ มีเพียงไม่กี่ร้อยคนที่กลับมาได้ แต่กลับถูกผู้คนก่นด่า ในที่สุดคนส่วนใหญ่ก็ปลีกตัวไป มีเพียงเขาและจ้าวอวี่ที่ถูกเรียกตัวเข้าเป็นทหารรักษาพระองค์เพราะมีวรยุทธ์โดดเด่น

แต่ความอัปยศจากศึกครั้งนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจปล่อยวางได้มาโดยตลอด

พวกเขาอยากจะกลับไปที่แนวหน้าอีกครั้ง เพื่อล้างความอัปยศ แม้จะต้องหลั่งเลือดในสนามรบ ห่อศพด้วยหนังม้าก็ตาม!

ในขณะนั้น จ้าวอวี่ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องไม่ทรงห่วงใยในความปลอดภัยของตนเอง ข้าน้อยซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และยินดีติดตามท่านไปยังแนวหน้าเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายยังไม่กลัวตาย แล้วเขาจะกลัวอะไรอีก?

อย่างมากก็แค่ตาย!

ในฐานะทหาร การพลีชีพในสนามรบคือเกียรติยศสูงสุด!

ฉู่หนิงยื่นมือออกไปพยุงทั้งสองคนขึ้น “ทั้งสองคนมิต้องทำเช่นนี้ พวกเจ้าไปแจ้งข่าวให้คนอื่น ๆ มาที่นี่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเขาก็คือผู้คุ้มกันของข้า!”

กวนอวิ๋นถึงกับตะลึง “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องพบพวกเขาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่จำเป็น!”

ฉู่หนิงโบกมือแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อใจพวกเจ้า ก็ย่อมเชื่อใจสหายของพวกเจ้าเช่นกัน”

กล่าวจบ ฉู่หนิงก็หันหลังกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ทั้งสองคนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เพียงเพราะเชื่อใจพวกเขา ฉู่หนิงจึงรับสหายของพวกเขาทั้งสองคนมา เพียงแค่ความไว้วางใจนี้ พวกเขาก็ยอมรับฉู่หนิงเป็นนายแล้ว

“ท่านอ๋องช่างเป็นคนตรงไปตรงมานัก!”

“พวกเราจะทำให้ท่านอ๋องผิดหวังไม่ได้ รีบไปแจ้งข่าวให้คนอื่น ๆ เถอะ!”

ทั้งสองคนไม่ใช่คนพูดมาก หลังจากปรึกษากันแล้ว ก็รีบออกไปแจ้งข่าวแก่สหายคนอื่น ๆ ในคืนนั้นทันที

หนึ่งชั่วยามต่อมา ภายในพระราชวัง

ฮ่องเต้กำลังทอดพระเนตรป้ายชื่อสีเขียว พลางครุ่นคิดว่าคืนนี้จะให้สนมคนใดถวายการรับใช้ดี

ขณะนี้ องครักษ์เงาก็เข้ามารายงานอย่างเงียบ ๆ “ฝ่าบาท กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ทั้งสองคนกำลังรวบรวมพรรคพวกเก่าของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้เลิกคิ้วขึ้น ในดวงพระเนตรที่มองลงมายังใต้หล้านั้นฉายแววเฉียบคมที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

“รวบรวมพรรคพวกเก่าหรือ? พวกเขาสองคนคิดจะทำอะไร?”

อารมณ์ที่จะเลือกสนมถวายการรับใช้หายไปในทันที วางป้ายชื่อกลับไปที่ถาด

องครักษ์เงาก้มหน้าตอบเสียงเบา “จ้าวอวี่ส่งข่าวมาว่า เผิงไหลจวิ้นอ๋องต้องการจัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน เพื่อรับมือกับวิกฤตที่แนวหน้าพ่ะย่ะค่ะ”

กองกำลังคุ้มกันหรือ?

เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่า การไปแนวหน้าครั้งนี้มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก ต่อให้มีกองกำลังคุ้มกัน ก็เป็นเพียงการเพิ่มวิญญาณอีกไม่กี่สิบดวงเท่านั้น

จัดตั้งกองกำลังคุ้มกัน สู้ทูลขอปฏิเสธไม่ไปแนวหน้าเสียยังจะดีกว่า

เมื่อนึกถึงใบหน้าของฉู่หนิงที่คล้ายคลึงกับตนเองอยู่หลายส่วน ฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย

เดิมทีก็ไม่มีบุญคุณในการเลี้ยงดูฉู่หนิงอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะให้ฉู่หนิงไปตายอีก!

“เฮ้อ ช่างเถอะ ก็แค่กองกำลังคุ้มกันเองนี่ ปล่อยเขาไปเถอะ”

ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เขาจะรวบรวมได้เท่าไรก็เท่านั้น”

อย่างไรเสียก็จะไปตายที่แนวหน้าอยู่แล้ว คงไม่มีใครยอมเป็นผู้คุ้มกันให้ฉู่หนิงหรอก

ทว่า องครักษ์เงาได้ยินดังนั้นกลับมีท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ !”

องครักษ์เงาเตือนอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท คราวนี้เผิงไหลจวิ้นอ๋องล่วงเกินองค์ชายทุกคน เกรงว่าจะมีคนไม่พอใจพ่ะย่ะค่ะ!”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันมืดมน “หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจะขัดขวาง จะคู่ควรเป็นองค์ชายของเราได้อย่างไร? เราอยากจะเห็นนักว่าใครมันจะกล้าขัดขวาง!

เรื่องนี้เจ้าจงจับตาดูอย่างใกล้ชิด มีเรื่องอะไรให้มารายงานโดยตรง”

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เงารับคำแล้วหันหลังเดินจากไป

ในขณะนั้น หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวเข้ามาเตือนเบา ๆ “ฝ่าบาท ถึงเวลาที่พระองค์ต้องทรงเลือกป้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบมองป้ายสีเขียวบนถาด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในหัวกลับนึกถึงชาเขียวที่ฉู่หนิงมอบให้ตนเอง

โอรสของเรากำลังจะไปตายที่แนวหน้า แต่เรากลับจะมาหาความสำราญในวังหลังหรือ?

“เอาของพวกนี้ออกไปให้หมด ก่อนที่ฉู่หนิงจะออกเดินทาง ห้ามนำเข้ามาอีกเด็ดขาด!”

ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปแล้วหรือ?

จ้าวหมิงถึงกับตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงยกถาดออกไป

ตลอดทั้งคืนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น วันรุ่งขึ้น นอกจวนเผิงไหลจวิ้นอ๋องก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ปลุกฉู่หนิงที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมาที่ลานบ้าน ก็เห็นคนประมาณสามสิบกว่าคนกำลังพูดคุยกันอยู่ บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันมานาน

คนกลุ่มนี้ทั้งหมดล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดูแข็งแรงน่าเกรงขาม บนร่างกายยังแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาจาง ๆ !

พวกเขาเหมือนกับกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ เป็นทหารที่กลับมาจากแนวหน้าในอดีต!

เป็นทหารผ่านศึกของต้าฉู่!

กวนอวิ๋นเห็นฉู่หนิง ก็รีบเดินเข้ามากล่าวเสียงทุ้ม “ถวายบังคมจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

ทุกคนหยุดพูดคุยกันทันที หันมาประสานมือคารวะฉู่หนิง “ถวายบังคมเผิงไหลจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงพยักหน้า กวาดตามองทุกคนหนึ่งรอบ แล้วจู่ ๆ ก็ประสานมือคารวะทุกคนกลับ

องค์ชายคารวะตอบ ทุกคนถึงกับตกตะลึง

แม้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า แต่อย่างไรเสียก็เป็นถึงองค์ชาย ทั้งยังเป็นจวิ้นอ๋องอีกด้วย

บุคคลเช่นนี้มาคารวะพวกเขา ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่

“จวิ้นอ๋อง อย่าได้ลดเกียรติเพื่อพวกเราเลยพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวอวี่รีบคารวะตอบ

ทุกคนก็คารวะตอบพร้อมกับจ้าวอวี่

ฉู่หนิงยื่นมือพยุงจ้าวอวี่ขึ้น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกท่านล้วนเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อแคว้นฉู่ของข้า การคารวะครั้งนี้คือความเคารพนับถือที่ข้ามีต่อทุกท่าน!”

“วิกฤตที่แนวหน้าครั้งนี้ ทุกท่านสามารถยืนหยัดขึ้นมาในยามนี้ได้ การคารวะครั้งนี้ ทุกท่านคู่ควรที่จะรับไว้!”

“ข้าฉู่หนิงแม้จะไม่มีความสามารถอะไรมากนัก แต่ก็ยินดีที่จะรับใช้บ้านเมือง ต่อไปนี้หากข้าฉู่หนิงมีข้าวกิน ก็จะไม่มีวันทำให้ทุกท่านต้องลำบากแน่นอน!”

เหล่าทหารผ่านศึกต่างน้ำตาคลอเบ้าในทันที

ศึกในครั้งนั้น แม้พวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงสหายที่ตายในสนามรบก็จะรู้สึกผิดอย่างยิ่ง

ประกอบกับความไม่เข้าใจของประชาชน ทำให้พวกเขาถูกเยาะเย้ยถากถางมาตลอดหลายปี

แต่วันนี้ องค์ชายฉู่หนิงได้มาทวงคืนชื่อเสียงให้พวกเขา!

พวกเขาสามารถกลับสู่สนามรบได้!

ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องทวงคืนเกียรติยศที่เป็นของตนเองกลับมาให้ได้

แม้จะต้องพลีชีพในสนามรบก็ไม่เสียดาย

“พวกเรายินดีติดตามจวิ้นอ๋องไปจนตัวตาย!”

แม้จะรู้ว่าฉู่หนิงไม่มีอำนาจ ไม่สามารถนำเกียรติยศและความมั่งคั่งมาให้พวกเขาได้ และรู้ว่าการไปแนวหน้าครั้งนี้จะมีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก

แต่พวกเขา ไม่มีใครเสียใจแม้แต่คนเดียว!

เพราะ พวกเขาคือทหารผ่านศึก คือทหารผ่านศึกของแคว้นฉู่

การไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องฉู่หนิง แต่ยังเพื่อทวงคืนชื่อเสียงของตนเองด้วย

ฉู่หนิงมองทุกคนที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น บนใบหน้าก็เผยความพึงพอใจออกมา

แม้จะมีเพียงสามสิบกว่าคน แต่ก็ค่อย ๆ สะสมเพิ่มขึ้นได้นี่นา

“ในเมื่อเป็นผู้คุ้มกันแล้ว ข้าก็จะไม่ทำให้ทุกท่านต้องลำบาก เสด็จพี่มอบร้านตีเหล็กสองแห่งให้ข้าพอดี ทุกท่านตามข้าไปตีอาวุธที่ถนัดมือสักสองสามชิ้นเถอะ!”

ฉู่หนิงโบกมือครั้งใหญ่ นำทุกคนมุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็ก

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 185

    “ขะ...ขอบคุณในความหวังดีของท่านพี่องค์รัชทายาท แต่ข้า…ข้าจะกลับ”ฉู่หนิงที่ดื่มจนเมาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปทางประตูตำหนักอย่างโซซัดโซเซ รัชทายาทยิ้มหยันดื่มจนเมาก็จะกลับทั้งเช่นนี้เลย?ฝันไปเถอะ!คืนนี้ เจ้าสารเลวฉู่หนิงต้องชดใช้รัชทายาทรีบลุกขึ้นประคองฉู่หนิง “น้องสิบแปดดื่มจนเป็นสภาพเช่นนี้ เกรงว่าขี่ม้าไม่ไหวด้วยซ้ำ ยังจะกลับอย่างไร?ที่ข้ามีตำหนักเยอะแยะ เดี๋ยวข้าจัดห้องให้เจ้าพัก!”เมื่อกล่าวจบ ก็หันไปสั่งหลิงเฟยเยียนที่อยู่ข้างๆ “เรื่องนี้ให้ชายาที่รักจัดการก็แล้วกัน”หลิงเฟยเยียนยิ้มหยันในใจให้ข้าจัดการ ฮึ่ม เจ้าอยากรู้ว่าข้ากับฉู่หนิงมีอะไรกันจริงหรือไม่มากกว่ากระมังในเมื่อเจ้าไม่เชื่อใจข้า เช่นนั้นข้าก็ทำให้เจ้าดู!หลิงเฟยเยี่ยนที่ไม่พอใจเดินเข้าไปประคองแขนของฉู่หนิงด้วยรอยยิ้ม นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อองค์รัชทายาทมีรับสั่ง คืนนี้น้องสิบแปดก็ค้างคืนที่นี่เถิด ข้าจะให้คนไปแจ้งองครักษ์ของเจ้า”ทันทีที่รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลจากแขน ร่างกายฉู่หนิงก็พลันสั่นสะท้าน เขาแสร้งทำท่าจะดึงมือขวาออก แต่ในความเป็นจริงกลับใช้โอกาสนี้ถูร่างกายหลิงเฟยเยียนแถมเขายัง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 184

    ขณะเดียวกันก็ทำให้ฉู่หนิงที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารตาไม่กล้ามองต่อล้อเล่นหรือเปล่า มองต่อไปมีหวังได้เรื่องแน่!รัชทายาทกำลังจ้องเขาอยู่ที่ข้างๆ นะหากทนไม่ไหวจนเลือดกำเดาไหล เช่นนั้นก็อธิบายยากแล้วรัชทายาทย่อมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยระหว่างฉู่หนิงกับหลิงเฟยเยียน แม้รู้สึกเจ็บใจ แต่ก็ยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม“น้องสิบแปดไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้าใจร้อนเกินไป ล่วงเกินฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่น คืนนี้จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยง หวังว่าน้องสิบแปดจะช่วยพูดอะไรดีๆ ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นหน่อย”รัชทายาทกล่าวพลางลากฉู่หนิงไปนั่งที่ฝั่งขวาของตนเองเมื่อหลิงเฟยเยียนเห็นทั้งสองนั่งลง นางก็ไปนั่งลงตรงฝั่งซ้ายของรัชทายาท หรือก็คือตรงข้ามกับฉู่หนิงนั้นเองนางยกกาเหล้ารินให้ฉู่หนิงหนึ่งจอกโดยไม่รอให้รัชทายาทเอ่ยปาก หลังจากนั้นจึงจะรินให้รัชทายาทกับตนเองตามลำดับภาพนี้ทำให้ฉู่หนิงอึ้งเล็กน้อยเหตุใดจึงรินเหล้าให้ตนก่อน?ควรรินให้รัชทายาทก่อนไม่ใช่หรือ?รัชทายาทในเวลานี้กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาคิดไม่ถึงว่าต่อหน้าเขาเช่นนี้ หลิงเฟยเยียนไม่คิดจะปกปิดเลยนางแพศยาผู้นี้ต้องมีอะไรกับฉู่หนิงแน่!รัชทายา

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 183

    “องค์รัชทายาทเชิญข้าไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักบูรพาคืนนี้?”ภายในจวนอ๋อง หลังจากฉู่หนิงได้รับข่าว บนใบหน้ากลับฉายแววพินิจฉู่หนิงมองบัตรเชิญในมือ เผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากลับไปบอกองค์รัชทายาทว่า คืนนี้ข้าจะไปตรงตามเวลาแน่นอน”องครักษ์ตำหนักบูรพาขานรับ ประสานมือคารวะถอยออกไปสีหน้าจ้าวอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พระองค์ เกรงว่างานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ใช่งานเลี้ยงที่ดีอะไรพ่ะย่ะค่ะ!”พระองค์เพิ่งให้องค์ชายทั้งหลายไปหาเรื่ององค์รัชทายาทที่ตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทไม่เพียงไม่โกรธ กลับกันยังจะเชิญไปร่วมงานเลี้ยง ต้องมีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝงแน่นอนงานเลี้ยงครั้งนี้ ไปไม่ได้!แต่ฉู่หนิงกลับหัวเราะเบาๆ “วางใจเถิด องค์รัชทายาทยังรอให้ข้าไปแนวหน้า เขาไม่มีทางลงมือกับข้าในเวลานี้แน่นอนใช่แล้ว ทางหร่านหมิงเป็นอย่างไรบ้าง?”วันนี้ฉู่หนิงมอบหมายเรื่องรับนักโทษให้หร่านหมิงรับผิดชอบทั้งหมด จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไรแม้ช่วงแรกรับนักโทษสองพันกว่าคนมาได้อย่างราบรื่น แต่ยังเหลืออีกแปดพันคน ส่วนหร่านหมิงก็มีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เกิด สามารถควบคุมสถานก

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 182

    จ้าวเฟยเยี่ยนกลอกตาหนึ่งรอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “องค์ชายรอง ข้อหาที่ร้ายแรงเช่นนี้ ข้าแบกรับไม่ไหวหรอกนะ!”เมื่อกล่าวจบ นางก็เดินไปแทรกตรงกลางระหว่างรัชทายาทกับองค์ชายทั้งหลาย ทำให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นลงชั่วคราวรัชทายาทย่อมไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มในเวลานี้ จึงได้แต่แค่นเสียงเย็น ‘ฮึ่ม’ โดยไม่พูดอะไรต่อส่วนองค์ชายรองเผยอมุมปากหัวเราะเบาๆ “เมื่อครู่ข้ากับน้องๆ ทุกคนล้วนได้ยินเจ้าพูดว่าแตะต้องฉู่หนิงไม่ได้แล้ว ทำไม เจ้ายังจะแก้ตัวอีกหรือ?” จ้าวเฟยเยี่ยนหัวเราะเบาๆ “ข้าแค่กำลังเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาท อย่าไปทวงถามเงินหนึ่งล้านตำลึงกับฉู่หนิงก็เท่านั้น อย่างไรข้าก็ยังเป็นหนี้ฉู่หนิงอยู่หนึ่งแสนตำลึงเงินหากองค์รัชทายาทกดดันฉู่หนิงมากเกินไป เขาก็จะมาทวงเงินกับข้า ดังนั้นข้าจึงเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาท อย่าแตะต้องฉู่หนิง” สมกับที่เป็นหญิงแกร่งของต้าจ้าว เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็หาคำแก้ตัวที่เหมาะสมได้แล้ว“นี่…”องค์ชายรองขมวดคิ้ว ชั่วขณะไม่รู้ควรตอบอย่างไรทั้งที่รู้ว่าจ้าวเฟยเยี่ยนสมคบคิดกับรัชทายาท แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดต่อให้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็คงมองว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 181

    ฉู่หนิงไปเยี่ยมองค์ชายหลายพระองค์ติดต่อกัน พอไปถึงก็พูดถึงจุดประสงค์ที่มาโดยตรง…ขอยืมเงิน!เมื่อองค์ชายเหล่านั้นได้ยินว่าฉู่หนิงขอยืมเงินเพราะรัชทายาท ก็พากันเดือดดาลทันทีอุตส่าห์หาตัวตายตัวแทนมาได้แล้ว อีกทั้งกำลังจะไปแนวหน้าแล้วด้วย รัชทายาทกลับหาเรื่องเดือดร้อนให้พวกเขาในเวลานี้โดยเฉพาะองค์ชายรองฉู่หมิงโมโหจนลุกขึ้นตบโต๊ะ เขาพลางปลอบใจฉู่หนิง พลางเรียกองค์ชายท่านอื่นมารวมตัว เตรียมบุกไปถามรัชทายาทที่ตำหนักบูรพาให้รู้เรื่องแม้ฉู่หนิงจะ ‘ห้ามปราม’ แล้ว แต่พวกเขามีคนเยอะกว่า สุดท้ายก็จำต้องปล่อยให้เหล่าองค์ชายมุ่งหน้าไปยังตำหนักบูรพาขณะเดียวกัน ภายในตำหนักบูรพา เมื่อรัชทายาทได้ยินคำพูดของจ้าวเฟยเยี่ยน สีหน้าเคร่งขรึม เอาแต่นิ่งเงียบจ้าวเฟยเยี่ยนที่อยู่ในตำหนักยิ้มหยัน “ดูท่าว่าฉู่หนิงอยากยืมเงินให้ท่านจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มาหาข้าหรอกเจ้าฉู่หนิงช่างเพ้อฝันเก่งจริงๆ คิดว่าข้าจะยอมจ่ายหนึ่งแสนตำลึงเงินที่เหลือให้เขา น่าขำสิ้นดีแต่พูดก็พูดเถอะ องค์รัชทายาทวางหมากตานี้ได้เฉียบจริงๆ ตอนนี้ฉู่หนิงคงจะทำอะไรไม่ถูกแล้วกระมัง!” จ้าวเฟยเยี่ยนยังไม่รู้ว่ารัชทายาทโดนฮ่องเต้สั่งส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 180  

    จ้าวเฟยเยี่ยนแววตาสั่นไหว รู้สึกแปลกประหลาดในใจไม่หยุด ฉู่หนิงเจ้าหมอนี่จะมาหาข้าเพื่ออะไร? ได้ยินว่าเจ้าหมอนี่ไปขอตัวนักโทษจำนวนมากมาจากเสนาบดีกรมอาญา เขาไม่ไปฝึกยุทธ์ให้คนเหล่านี้ แต่กลับมาหาข้า สงสัยจะว่างมากกระมัง แน่นอนว่า คำพูดนี้นางไม่กล้าเอ่ยออกมา ระหว่างที่แผนการยังไม่ลุล่วงตามประสงค์ นางจำเป็นต้องประคับประคองฉู่หนิงไว้ก่อน จ้าวเฟยเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆ “เผิงไหลจวิ้นอ๋องไม่เคยมาหาใครโดยไร้เหตุผล แต่วันนี้อุตส่าห์มาถึงที่นี่ ไม่ทราบมีเรื่องอันใดหรือ?” ใบหน้าของฉู่หนิงเผยแววลำบากใจออกมา “เฮ้อ ความจริงเรื่องนี้ข้าเองก็พูดยากนัก หากมิใช่เพราะถึงทางตัน ข้าก็คงไม่ถ่อมาหาท่านหรอกองค์หญิงเฟยเยี่ยน” คิ้วเรียวกระตุกเบา ๆ จ้าวเฟยเยี่ยนพลันใจเต้นหวิว ๆ ขึ้นมาทันใด ไม่รู้เหตุผลใด นางพลันรู้สึกขึ้นมาว่าฉู่หนิงดูคล้ายจะมาเอาประโยชน์จากตนเองอย่างบอกไม่ถูก ปรับสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา จ้าวเฟยเยี่ยนก็หรี่ตาพลางเอ่ยถามว่า “เรื่องใดกันทำให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องถึงขั้นเสด็จมาพบข้าด้วยตนเองเช่นนี้?” ฉู่หนิงแสร้งทำท่าทีหมดสิ้นหนทาง “เฮ้อ ความจริงก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก เพียง

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status