Share

บทที่ 7

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องได้นำคนที่เขาเพิ่งรับเข้ามาใหม่มุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเมือง ข้าน้อยคาดว่าเขาน่าจะไปที่ร้านตีเหล็กพ่ะย่ะค่ะ”

ภายในพระราชวัง องครักษ์เงาคุกเข่าข้างหนึ่งรายงาน

ฮ่องเต้ที่ทรงฉลองพระองค์เรียบร้อยแล้ว พยักหน้าเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏความพึงพอใจ

“ไปร้านตีเหล็ก ย่อมเป็นเพราะเรื่องอาวุธ ในที่สุดฉู่หนิงก็ทำเรื่องที่ทำให้เราพอใจเสียที”

ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ พลางเสด็จไปยังนอกตำหนัก แย้มพระสรวลแล้วตรัสว่า “ไปว่าราชการ!”

องครักษ์เงาอ้าปากค้าง คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้วก็ถูกกลืนกลับลงไปอย่างยากลำบาก

ยากนักที่ฮ่องเต้จะทรงเกษมสำราญเช่นนี้ จะไปขัดพระทัยฝ่าบาทไม่ได้!

หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของเผิงไหลจวิ้นอ๋องจะสามารถตีอาวุธได้อย่างราบรื่นเถอะ!

ในขณะนั้น ภายในตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทที่กำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่ก็ได้รับข่าวเช่นกัน

“อะไรนะ ฉู่หนิงพาคนไปที่ร้านตีเหล็กที่น้องรองมอบให้เขาหรือ?”

“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ คนของเราจับตาดูอยู่ตลอด” องครักษ์ส่วนตัวขององค์รัชทายาทที่สวมชุดเกราะตอบเสียงทุ้ม

องค์รัชทายาทหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววเยือกเย็นแวบหนึ่ง

เจ้าฉู่หนิงสารเลว ก่อนตายยังทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ กลายเป็นเรื่องตลกในหมู่ขุนนางอีก

การที่ฉู่หนิงไปร้านตีเหล็ก ต้องเป็นการไปตีอาวุธอย่างแน่นอน แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเถ้าแก่ภายในร้านตีเหล็กเป็นคนของข้า!

ทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ แล้วข้าจะยอมให้เขาสมหวังได้อย่างไร?

ครั้งนี้ จะต้องทำให้ฉู่หนิงพลาดท่าให้ได้

แล้วก็ถือโอกาส โยนความผิดให้น้องรอง

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

มุมปากขององค์รัชทายาทเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไม่ว่าวันนี้ฉู่หนิงจะทำอะไร ห้ามให้เขาสมหวังเด็ดขาด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

...

บนถนนทางใต้ของเมือง ผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย ช่างคึกคักยิ่งนัก

สองข้างทางมีเสียงพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอยตะโกนเรียกลูกค้าเป็นระยะ ๆ ผู้คนที่เดินทางมาจากทุกสารทิศต่างหยุดฝีเท้าเพื่อเลือกซื้อของที่ตนเองถูกใจ

สมแล้วที่เป็นเมืองหลวง ช่างเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ !

ฉู่หนิงถอนหายใจในใจ

น่าเสียดายที่สำหรับเขาแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร หากไม่รีบจากไปโดยเร็ว ท่านพี่ทั้งสิบเจ็ดคนของเขา แค่คนใดคนหนึ่งก็สามารถปลิดชีพเขาได้แล้ว

“ท่านอ๋อง พวกเรามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กวนอวิ๋นชี้ไปยังร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งทางขวามือของถนน

ฉู่หนิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าร้านตีเหล็กนั้นกินพื้นที่ประมาณสองหมู่ มีชายฉกรรจ์เปลือยท่อนบนเจ็ดแปดคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น

คนกลุ่มนี้บ้างก็กำลังตีเหล็ก บ้างก็กำลังสูบลม ไม่ได้ให้ความสนใจกับการมาถึงของฉู่หนิงแม้แต่น้อย

ทันทีที่ฉู่หนิงเข้าไปใกล้ ช่างตีเหล็กคนหนึ่งก็ดึงเครื่องสูบลมอย่างแรง เปลวไฟในเตาหลอมพวยพุ่งออกมา ความร้อนสูงทำให้ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวในทันที

“บังอาจ!”

สีหน้าของจ้าวอวี่เคร่งขรึม ก้าวมายืนขวางหน้าฉู่หนิง สะบัดฝ่ามือออกไปครั้งหนึ่ง เปลวไฟก็ถูกดับลง

“บังอาจนัก ถึงกับกล้าไร้มารยาทต่อจวิ้นอ๋อง!”

“ยังไม่รีบขออภัยท่านอ๋องอีก?”

ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนที่อยู่ด้านหลังฉู่หนิงปลดปล่อยแรงกดดันออกมา กลิ่นอายสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้ช่างตีเหล็กทุกคนหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อ ราวกับว่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ป่าที่พร้อมจะขย้ำคน

แม้ว่าเหล่าช่างตีเหล็กจะเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ แต่ก็ไม่เคยผ่านสนามรบ ไม่เคยเจอกลิ่นอายสังหารเช่นนี้มาก่อน ถึงกับตกตะลึงจนยืนนิ่งอยู่กับที่

“ที่แท้ก็คือจวิ้นอ๋องเสด็จมาถึงแล้ว ข้าน้อยขออภัยที่มิได้ออกไปต้อนรับ โปรดอภัยด้วย!”

บุรุษวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยอ้วน พุงพลุ้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยเนื้อไขมัน ดวงตาคู่หนึ่งกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว เดินออกมาจากร้านตีเหล็กอย่างเร่งรีบ

“ข้าน้อยเซียวหมิง เป็นเถ้าแก่ของร้านตีเหล็กแห่งนี้ เมื่อครู่พวกเขาตั้งใจกับการตีเครื่องมือการเกษตรมากเกินไป หากมีสิ่งใดล่วงเกินท่านอ๋องไป ก็ขอให้ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”

เซียวหมิงกล่าวไปพลาง ประสานมือโค้งคำนับไปพลาง ทำท่าทีนอบน้อมถ่อมตน

ฉู่หนิงเหลือบมองคนผู้นี้แวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นเยียบที่ยากจะสังเกตเห็นได้

ตั้งใจมากเสียจนไม่รู้ว่ามีคนมากมายขนาดนี้เข้ามาใกล้อย่างนั้นหรือ?

อีกทั้งเปลวไฟนั่นไม่พุ่งไปทางอื่น แต่กลับพุ่งมาทางเขา หากบอกว่ามิได้ตั้งใจ ผีก็ยังไม่เชื่อเลย

ท่าทีเสแสร้งของเซียวหมิงผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้เขาลงโทษช่างตีเหล็กพวกนี้

มืองหลวงแห่งนี้ แม้แต่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กก็ยังรับมือยากถึงเพียงนี้!

หากเขาแม้แต่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กคนเดียวยังจัดการไม่ได้ ของขวัญแรกพบที่องค์ชายคนอื่น ๆ ให้มา ก็อย่าหวังว่าจะได้ครอบครองอย่างสมบูรณ์!

ฉู่หนิงหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปพยุงเซียวหมิงขึ้น “เถ้าแก่เซียวพูดล้อเล่นแล้ว ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แค่เรื่องเล็กน้อย ข้าจะลงโทษได้อย่างไร?”

เป็นแค่ไอ้ขยะที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ

มุมปากของเซียวหมิงยกยิ้มเล็กน้อย เผยสีหน้าลำพองใจ

บุตรนอกสมรสที่ไม่มีอำนาจหนุนหลังใด ๆ จุดจบที่ดีที่สุดก็คือการตายในสงครามที่แนวหน้า

ในฐานะไส้ศึกที่องค์รัชทายาทส่งมาแฝงตัวอยู่กับองค์ชายรอง เขาจะยอมให้ร้านตีเหล็กนี้ตกไปอยู่ในมือของไอ้ขยะนี่ไม่ได้เด็ดขาด

วันนี้หากสามารถทำให้ฉู่หนิงต้องเสียหน้าได้ ก็ถือเป็นการระบายความโกรธแทนองค์รัชทายาท จะต้องได้รับความไว้วางใจจากองค์รัชทายาทเป็นแน่!

“จวิ้นอ๋องช่างมีน้ำใจกว้างขวาง พวกเจ้ายังไม่รีบขอบคุณจวิ้นอ๋องอีก?” เซียวหมิงขยิบตาให้พวกช่างตีเหล็ก

“ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตา”

“ท่านอ๋อง เชิญเข้ามาพูดคุยด้านในพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหมิงหรี่ตาเล็ก ๆ ของเขาลงแล้วเชิญฉู่หนิงเข้าไปในร้านตีเหล็ก

หลังจากนั่งลงแล้ว ฉู่หนิงก็ไม่ปิดบังจุดประสงค์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย “เถ้าแก่เซียว ร้านตีเหล็กแห่งนี้ พี่รองได้มอบให้ข้าแล้ว วันนี้ที่มาที่นี่ ก็เพื่อต้องการตีอาวุธที่ถนัดมือให้เหล่าผู้คุ้มกัน”

เซียวหมิงเหลือบมองทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนที่ยืนอยู่ด้านนอกแวบหนึ่ง แอบหัวเราะเยาะในใจ

ตีอาวุธหรือ?

เจ้าฉู่หนิงคิดว่าร้านตีเหล็กแห่งนี้เป็นของตัวเองจริง ๆ หรือไร?

อาวุธนี่ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะตีก็ตีได้นะ!

เซียวหมิงหัวเราะอย่างขมขื่น แสร้งทำหน้าจนปัญญา “ท่านอ๋องคงยังไม่ทราบ ร้านตีเหล็กของราชวงศ์เราสามารถตีได้เพียงเครื่องมือการเกษตรเท่านั้น และต่อให้เป็นเครื่องมือการเกษตรก็ต้องรายงานเบื้องบน”

“การลักลอบตีอาวุธเป็นความผิดมหันต์ ข้าน้อย... ข้าน้อยไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงขมวดคิ้ว หันไปมองจ้าวอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ

จ้าวอวี่ขยับเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงเบา “ท่านอ๋อง คนผู้นี้พูดถูกพ่ะย่ะค่ะ การตีอาวุธต้องได้รับอนุญาตจากกรมกลาโหม แต่ท่านเป็นองค์ชาย การตีอาวุธให้ผู้คุ้มกันของตนเอง กรมกลาโหมย่อมให้ความยินยอมไปโดยปริยาย”

นั่นก็หมายความว่าเจ้าเซียวหมิงนี่ไม่ไว้หน้าเขาสินะ!

คนธรรมดาจะตีอาวุธย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน แต่องค์ชายก็เป็นคนของราชวงศ์ การตีอาวุธให้ผู้คุ้มกัน กรมกลาโหมจะกล้าพูดอะไรได้?

เรื่องที่แม้แต่ทหารรักษาพระองค์อย่างจ้าวอวี่ยังรู้ แล้วเซียวหมิงมีหรือจะไม่รู้?

แต่เซียวหมิงผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่อธิบาย กลับจงใจบ่ายเบี่ยง เห็นได้ชัดว่าจงใจหาเรื่อง!

ดูท่าว่าร้านตีเหล็กของพี่รองนี้ คงจะไม่ได้มาง่าย ๆ เสียแล้ว

ดวงตาของฉู่หนิงหรี่ลง ลุกขึ้นยืนทันที แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “คนเหล่านี้คือผู้คุ้มกันที่จะต้องติดตามข้าไปรบที่แนวหน้า หากไม่มีอาวุธ พวกเขาจะรับใช้บ้านเมืองได้อย่างไร?”

“เถ้าแก่เซียว เห็นแก่ที่คนเหล่านี้กำลังจะเดินทางไปยังแนวหน้า พอจะตีอาวุธให้พวกเขาคนละชิ้นได้หรือไม่?”

เหอะ ๆ ๆ คิดจะใช้อำนาจขององค์ชายแล้วหรือ?

น่าเสียดาย เจ้าฉู่หนิงไม่มีทั้งอำนาจและบารมี แรงกดดันแค่นี้ไม่มีผลกับเขาหรอก

เซียวหมิงส่ายหน้า ยังคงแสดงสีหน้าจนปัญญา “จวิ้นอ๋อง เรื่องนี้ข้าน้อยสุดความสามารถจริง ๆ เว้นแต่ท่านจะไปนำหนังสือรับรองจากกรมกลาโหมมาได้”

แค่องค์ชายขยะคนหนึ่ง กรมกลาโหมจะยอมให้ความร่วมมือหรือไร!

ฉู่หนิงดูเหมือนจะรู้สถานการณ์ของตนเองดี เมื่อเห็นว่าการข่มขู่ไม่ได้ผล แรงกดดันบนร่างก็พลันลดลงไปกว่าครึ่ง

“เฮ้อ การไปกรมกลาโหมช่างเสียเวลาและยุ่งยากนัก ข้ารอไม่ได้นานขนาดนั้น!”

ฉู่หนิงเหลือบมองทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนที่อยู่ด้านนอก ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยวออกมา “ข้าจะนำพวกเขาตีอาวุธด้วยตนเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเถ้าแก่เซียว แบบนี้คงได้แล้วกระมัง?”

เซียวหมิงถึงกับตกตะลึง

องค์ชายผู้สูงศักดิ์ จะมาตีอาวุธด้วยตนเอง?

นี่มันเรื่องน่าอับอายขายหน้ามาก!

แต่ทันใดนั้น เซียวหมิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างยิ่ง

เป้าหมายของเขาก็คือการทำให้ฉู่หนิงต้องอับอายขายหน้า เพื่อระบายความโกรธแทนองค์รัชทายาทอย่างไรเล่า!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status