Share

บทที่ 7

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องได้นำคนที่เขาเพิ่งรับเข้ามาใหม่มุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเมือง ข้าน้อยคาดว่าเขาน่าจะไปที่ร้านตีเหล็กพ่ะย่ะค่ะ”

ภายในพระราชวัง องครักษ์เงาคุกเข่าข้างหนึ่งรายงาน

ฮ่องเต้ที่ทรงฉลองพระองค์เรียบร้อยแล้ว พยักหน้าเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏความพึงพอใจ

“ไปร้านตีเหล็ก ย่อมเป็นเพราะเรื่องอาวุธ ในที่สุดฉู่หนิงก็ทำเรื่องที่ทำให้เราพอใจเสียที”

ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ พลางเสด็จไปยังนอกตำหนัก แย้มพระสรวลแล้วตรัสว่า “ไปว่าราชการ!”

องครักษ์เงาอ้าปากค้าง คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้วก็ถูกกลืนกลับลงไปอย่างยากลำบาก

ยากนักที่ฮ่องเต้จะทรงเกษมสำราญเช่นนี้ จะไปขัดพระทัยฝ่าบาทไม่ได้!

หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของเผิงไหลจวิ้นอ๋องจะสามารถตีอาวุธได้อย่างราบรื่นเถอะ!

ในขณะนั้น ภายในตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทที่กำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่ก็ได้รับข่าวเช่นกัน

“อะไรนะ ฉู่หนิงพาคนไปที่ร้านตีเหล็กที่น้องรองมอบให้เขาหรือ?”

“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ คนของเราจับตาดูอยู่ตลอด” องครักษ์ส่วนตัวขององค์รัชทายาทที่สวมชุดเกราะตอบเสียงทุ้ม

องค์รัชทายาทหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววเยือกเย็นแวบหนึ่ง

เจ้าฉู่หนิงสารเลว ก่อนตายยังทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ กลายเป็นเรื่องตลกในหมู่ขุนนางอีก

การที่ฉู่หนิงไปร้านตีเหล็ก ต้องเป็นการไปตีอาวุธอย่างแน่นอน แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเถ้าแก่ภายในร้านตีเหล็กเป็นคนของข้า!

ทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ แล้วข้าจะยอมให้เขาสมหวังได้อย่างไร?

ครั้งนี้ จะต้องทำให้ฉู่หนิงพลาดท่าให้ได้

แล้วก็ถือโอกาส โยนความผิดให้น้องรอง

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

มุมปากขององค์รัชทายาทเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไม่ว่าวันนี้ฉู่หนิงจะทำอะไร ห้ามให้เขาสมหวังเด็ดขาด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

...

บนถนนทางใต้ของเมือง ผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย ช่างคึกคักยิ่งนัก

สองข้างทางมีเสียงพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอยตะโกนเรียกลูกค้าเป็นระยะ ๆ ผู้คนที่เดินทางมาจากทุกสารทิศต่างหยุดฝีเท้าเพื่อเลือกซื้อของที่ตนเองถูกใจ

สมแล้วที่เป็นเมืองหลวง ช่างเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ !

ฉู่หนิงถอนหายใจในใจ

น่าเสียดายที่สำหรับเขาแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร หากไม่รีบจากไปโดยเร็ว ท่านพี่ทั้งสิบเจ็ดคนของเขา แค่คนใดคนหนึ่งก็สามารถปลิดชีพเขาได้แล้ว

“ท่านอ๋อง พวกเรามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กวนอวิ๋นชี้ไปยังร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งทางขวามือของถนน

ฉู่หนิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าร้านตีเหล็กนั้นกินพื้นที่ประมาณสองหมู่ มีชายฉกรรจ์เปลือยท่อนบนเจ็ดแปดคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น

คนกลุ่มนี้บ้างก็กำลังตีเหล็ก บ้างก็กำลังสูบลม ไม่ได้ให้ความสนใจกับการมาถึงของฉู่หนิงแม้แต่น้อย

ทันทีที่ฉู่หนิงเข้าไปใกล้ ช่างตีเหล็กคนหนึ่งก็ดึงเครื่องสูบลมอย่างแรง เปลวไฟในเตาหลอมพวยพุ่งออกมา ความร้อนสูงทำให้ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวในทันที

“บังอาจ!”

สีหน้าของจ้าวอวี่เคร่งขรึม ก้าวมายืนขวางหน้าฉู่หนิง สะบัดฝ่ามือออกไปครั้งหนึ่ง เปลวไฟก็ถูกดับลง

“บังอาจนัก ถึงกับกล้าไร้มารยาทต่อจวิ้นอ๋อง!”

“ยังไม่รีบขออภัยท่านอ๋องอีก?”

ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนที่อยู่ด้านหลังฉู่หนิงปลดปล่อยแรงกดดันออกมา กลิ่นอายสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้ช่างตีเหล็กทุกคนหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อ ราวกับว่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ป่าที่พร้อมจะขย้ำคน

แม้ว่าเหล่าช่างตีเหล็กจะเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ แต่ก็ไม่เคยผ่านสนามรบ ไม่เคยเจอกลิ่นอายสังหารเช่นนี้มาก่อน ถึงกับตกตะลึงจนยืนนิ่งอยู่กับที่

“ที่แท้ก็คือจวิ้นอ๋องเสด็จมาถึงแล้ว ข้าน้อยขออภัยที่มิได้ออกไปต้อนรับ โปรดอภัยด้วย!”

บุรุษวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยอ้วน พุงพลุ้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยเนื้อไขมัน ดวงตาคู่หนึ่งกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว เดินออกมาจากร้านตีเหล็กอย่างเร่งรีบ

“ข้าน้อยเซียวหมิง เป็นเถ้าแก่ของร้านตีเหล็กแห่งนี้ เมื่อครู่พวกเขาตั้งใจกับการตีเครื่องมือการเกษตรมากเกินไป หากมีสิ่งใดล่วงเกินท่านอ๋องไป ก็ขอให้ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”

เซียวหมิงกล่าวไปพลาง ประสานมือโค้งคำนับไปพลาง ทำท่าทีนอบน้อมถ่อมตน

ฉู่หนิงเหลือบมองคนผู้นี้แวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นเยียบที่ยากจะสังเกตเห็นได้

ตั้งใจมากเสียจนไม่รู้ว่ามีคนมากมายขนาดนี้เข้ามาใกล้อย่างนั้นหรือ?

อีกทั้งเปลวไฟนั่นไม่พุ่งไปทางอื่น แต่กลับพุ่งมาทางเขา หากบอกว่ามิได้ตั้งใจ ผีก็ยังไม่เชื่อเลย

ท่าทีเสแสร้งของเซียวหมิงผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้เขาลงโทษช่างตีเหล็กพวกนี้

มืองหลวงแห่งนี้ แม้แต่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กก็ยังรับมือยากถึงเพียงนี้!

หากเขาแม้แต่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กคนเดียวยังจัดการไม่ได้ ของขวัญแรกพบที่องค์ชายคนอื่น ๆ ให้มา ก็อย่าหวังว่าจะได้ครอบครองอย่างสมบูรณ์!

ฉู่หนิงหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปพยุงเซียวหมิงขึ้น “เถ้าแก่เซียวพูดล้อเล่นแล้ว ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แค่เรื่องเล็กน้อย ข้าจะลงโทษได้อย่างไร?”

เป็นแค่ไอ้ขยะที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ

มุมปากของเซียวหมิงยกยิ้มเล็กน้อย เผยสีหน้าลำพองใจ

บุตรนอกสมรสที่ไม่มีอำนาจหนุนหลังใด ๆ จุดจบที่ดีที่สุดก็คือการตายในสงครามที่แนวหน้า

ในฐานะไส้ศึกที่องค์รัชทายาทส่งมาแฝงตัวอยู่กับองค์ชายรอง เขาจะยอมให้ร้านตีเหล็กนี้ตกไปอยู่ในมือของไอ้ขยะนี่ไม่ได้เด็ดขาด

วันนี้หากสามารถทำให้ฉู่หนิงต้องเสียหน้าได้ ก็ถือเป็นการระบายความโกรธแทนองค์รัชทายาท จะต้องได้รับความไว้วางใจจากองค์รัชทายาทเป็นแน่!

“จวิ้นอ๋องช่างมีน้ำใจกว้างขวาง พวกเจ้ายังไม่รีบขอบคุณจวิ้นอ๋องอีก?” เซียวหมิงขยิบตาให้พวกช่างตีเหล็ก

“ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตา”

“ท่านอ๋อง เชิญเข้ามาพูดคุยด้านในพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหมิงหรี่ตาเล็ก ๆ ของเขาลงแล้วเชิญฉู่หนิงเข้าไปในร้านตีเหล็ก

หลังจากนั่งลงแล้ว ฉู่หนิงก็ไม่ปิดบังจุดประสงค์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย “เถ้าแก่เซียว ร้านตีเหล็กแห่งนี้ พี่รองได้มอบให้ข้าแล้ว วันนี้ที่มาที่นี่ ก็เพื่อต้องการตีอาวุธที่ถนัดมือให้เหล่าผู้คุ้มกัน”

เซียวหมิงเหลือบมองทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนที่ยืนอยู่ด้านนอกแวบหนึ่ง แอบหัวเราะเยาะในใจ

ตีอาวุธหรือ?

เจ้าฉู่หนิงคิดว่าร้านตีเหล็กแห่งนี้เป็นของตัวเองจริง ๆ หรือไร?

อาวุธนี่ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะตีก็ตีได้นะ!

เซียวหมิงหัวเราะอย่างขมขื่น แสร้งทำหน้าจนปัญญา “ท่านอ๋องคงยังไม่ทราบ ร้านตีเหล็กของราชวงศ์เราสามารถตีได้เพียงเครื่องมือการเกษตรเท่านั้น และต่อให้เป็นเครื่องมือการเกษตรก็ต้องรายงานเบื้องบน”

“การลักลอบตีอาวุธเป็นความผิดมหันต์ ข้าน้อย... ข้าน้อยไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงขมวดคิ้ว หันไปมองจ้าวอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ

จ้าวอวี่ขยับเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงเบา “ท่านอ๋อง คนผู้นี้พูดถูกพ่ะย่ะค่ะ การตีอาวุธต้องได้รับอนุญาตจากกรมกลาโหม แต่ท่านเป็นองค์ชาย การตีอาวุธให้ผู้คุ้มกันของตนเอง กรมกลาโหมย่อมให้ความยินยอมไปโดยปริยาย”

นั่นก็หมายความว่าเจ้าเซียวหมิงนี่ไม่ไว้หน้าเขาสินะ!

คนธรรมดาจะตีอาวุธย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน แต่องค์ชายก็เป็นคนของราชวงศ์ การตีอาวุธให้ผู้คุ้มกัน กรมกลาโหมจะกล้าพูดอะไรได้?

เรื่องที่แม้แต่ทหารรักษาพระองค์อย่างจ้าวอวี่ยังรู้ แล้วเซียวหมิงมีหรือจะไม่รู้?

แต่เซียวหมิงผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่อธิบาย กลับจงใจบ่ายเบี่ยง เห็นได้ชัดว่าจงใจหาเรื่อง!

ดูท่าว่าร้านตีเหล็กของพี่รองนี้ คงจะไม่ได้มาง่าย ๆ เสียแล้ว

ดวงตาของฉู่หนิงหรี่ลง ลุกขึ้นยืนทันที แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “คนเหล่านี้คือผู้คุ้มกันที่จะต้องติดตามข้าไปรบที่แนวหน้า หากไม่มีอาวุธ พวกเขาจะรับใช้บ้านเมืองได้อย่างไร?”

“เถ้าแก่เซียว เห็นแก่ที่คนเหล่านี้กำลังจะเดินทางไปยังแนวหน้า พอจะตีอาวุธให้พวกเขาคนละชิ้นได้หรือไม่?”

เหอะ ๆ ๆ คิดจะใช้อำนาจขององค์ชายแล้วหรือ?

น่าเสียดาย เจ้าฉู่หนิงไม่มีทั้งอำนาจและบารมี แรงกดดันแค่นี้ไม่มีผลกับเขาหรอก

เซียวหมิงส่ายหน้า ยังคงแสดงสีหน้าจนปัญญา “จวิ้นอ๋อง เรื่องนี้ข้าน้อยสุดความสามารถจริง ๆ เว้นแต่ท่านจะไปนำหนังสือรับรองจากกรมกลาโหมมาได้”

แค่องค์ชายขยะคนหนึ่ง กรมกลาโหมจะยอมให้ความร่วมมือหรือไร!

ฉู่หนิงดูเหมือนจะรู้สถานการณ์ของตนเองดี เมื่อเห็นว่าการข่มขู่ไม่ได้ผล แรงกดดันบนร่างก็พลันลดลงไปกว่าครึ่ง

“เฮ้อ การไปกรมกลาโหมช่างเสียเวลาและยุ่งยากนัก ข้ารอไม่ได้นานขนาดนั้น!”

ฉู่หนิงเหลือบมองทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนที่อยู่ด้านนอก ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยวออกมา “ข้าจะนำพวกเขาตีอาวุธด้วยตนเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเถ้าแก่เซียว แบบนี้คงได้แล้วกระมัง?”

เซียวหมิงถึงกับตกตะลึง

องค์ชายผู้สูงศักดิ์ จะมาตีอาวุธด้วยตนเอง?

นี่มันเรื่องน่าอับอายขายหน้ามาก!

แต่ทันใดนั้น เซียวหมิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างยิ่ง

เป้าหมายของเขาก็คือการทำให้ฉู่หนิงต้องอับอายขายหน้า เพื่อระบายความโกรธแทนองค์รัชทายาทอย่างไรเล่า!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 696

    แต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 695

    “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 694

    เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 693

    วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 692

    ผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ ไม่แน่อาจเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ จัดการคนเจ็ดคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน“ฮึ่ม ว่ามา เหตุใดต้องลอบสังหารข้า?” ฉู่หนิงจ้องคนทั้งเจ็ดอย่างเย็นชาและถามหัวหน้าตระกูลทั้งเจ็ดเงียบทันทีเหตุใดลอบสังหารเจ้า? ในใจเจ้าไม่รู้เลยหรือ?เดิมทีปิงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ แต่พอเจ้าฉู่หนิงไปปิงโจว ยึดที่ดินทั้งหมดคืน ตระกูลใหญ่จะอยู่รอดได้อย่างไรไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะฆ่าใคร?แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะกลัวฉู่หนิงจะลงมือกับตนเอง“ไม่พูดใช่หรือไม่?”ฉู่หนิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เด็กๆ ฆ่าพวกมันให้หมด!”ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ก่อนคนทั้งเจ็ดจะตั้งสติได้ หร่านหมิงพลันยิ้มอย่างดุร้าย เงื้อมดาบในมือขึ้น ก็ตัดศีรษะของหัวหน้าตระกูลคนหนึ่งหลุดโดยตรง เมื่อทัพอาชาคนอื่นเห็นดังนี้ ก็พากันลงดาบในมือ พริบตาเดียว ที่เกิดเหตุมีดวงวิญญาณเพิ่มมาหกดวงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉุนจมูก ฉู่หนิงปิดจมูก พลางโบกมือสั่ง “เผาศพ แล้วฝังไว้ตรงนี้!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนเดินทางกลับเมืองเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 691

    ในที่สุดก็หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังคดีลอบสังหารเจอเสียทีเป็นไปตามที่ฉู่หนิงคาดการณ์ เป็นฝีมือของแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ที่จริงเดาออกนานแล้วว่าเป็นฝีมือของคนเหล่านี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานก็เท่านั้นเองตอนนี้มีการชี้ตัวของเหล่าตระกูลใหญ่ การจับกุมแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ก็เป็นไปอย่างมีความชอบธรรมและหลักฐานองค์รัชทายาทมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉู่หนิง มีความไม่เต็มใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านแววตาวันนี้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทวนเงินคลังที่ถูกยักยอกกลับคืนมา และยังหาเงินสำหรับการสร้างสุสานให้เสด็จพ่อด้วย เสด็จพ่อคงจะโปรดปรานเขามากขึ้นแน่!ไม่ได้ ปล่อยให้ฉู่หนิงทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาดองค์รัชทายาทพลันหรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสด็จพ่อ ปัจจุบันน้องสิบแปดใจกล้าบ้าบิ่น จะต้องทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ เกิดความไม่พอใจต่อเขาแน่นอน นี่ไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์ต้าฉู่ของเรานะ เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องอีกมากมายต้องพึ่งพาเหล่าตระกูลใหญ่”แต่เวลานี้ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความปีติยินดีของการสร้างสุสานหลวง เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทว่าร้ายฉู่หนิง สีพระพักตร์จึงเคร่งขรึมลงทันที“รัชทายาท เรารู้ว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status